วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อ่านเรื่องย่อ เรื่องโดมทอง ตอนที่ 10

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 10
ถึงเวลาอาหารค่ำ อดิศวร์มาที่ห้องกินข้าวแต่ไม่เห็นวิรงรองอยู่แถวนั้นก็ถามหา ได้ความจากอุษาว่าเธอกินข้าวเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ตอนเย็น เห็นบ่นไม่ค่อยสบาย อดิศวร์หน้าตึงขึ้นมาทันที ตำหนิวิรงรองในใจว่าไม่ทันหายป่วย ยังจะหนีเที่ยวอีก แสงแขเหมือนจะอ่านใจเขาออก สาระแนทันที

“โถ...ก็ยังไม่ทันจะหายดีนี่ นา แต่ก็นั่นแหละ เพื่อนสนิทอุตส่าห์มารับทั้งที...แกงจืดลูกรอกค่ะคุณลบ” แสงแขเลื่อนชามแกงเข้าไปใกล้เขาอย่างเอาอกเอาใจ

“ขอบใจไม่ต้องเลื่อนมาก็ได้พี่ตักถึง” อดิศวร์บอกปัดอย่างไม่มีเยื่อใย แสงแขน้อยใจ แต่ต้องข่มเอาไว้...

หลัง จากกินข้าวเสร็จทุกคนต่างแยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเพื่อพักผ่อน แสงแขเจ็บใจที่อดิศวร์ดูจะเอื้ออาทรวิรงรองออกนอกหน้า ต้องหาทางตัดไฟแต่ต้นลม จึงไปพบเธอที่ห้อง ชวนไปคุยกันที่ระเบียง วิรงรองทักว่าดึกแล้ว และฝนกำลังจะตกทำไมไม่คุยกันในห้อง แสงแขไม่สนใจเดินนำออกไป เธอจำต้องเดินตาม

แสงแขต่อว่าวิรงรองว่ามี เพื่อนผู้ชายเทียวรับเทียวส่งมากหน้าหลายตาทำไมต้องมาแย่งอดิศวร์ไปจากตน ด้วย รู้ทั้งรู้ว่าเขากับเธอรักกัน วิรงรองตัดปัญหาไม่อยากให้แสงแขมายุ่งวุ่นวายอะไรอีก จึงโกหกว่ากำลังคบหาดูใจกับเพื่อนชายที่ออกไปด้วยกันวันนี้ แสงแขสงสัย แล้วเธอเอาพิชญ์ไปไว้ไหน เธอกับเขารักกันไม่ใช่หรือ

“เคยรักค่ะ พอเขาแต่งงานเรื่องของเราก็จบลง ฉันไม่แย่งของของใคร”

“แม้แต่คุณลบของฉัน”

“โดย เฉพาะคุณลบของคุณ ขอให้คุณแสงแขเชื่อฉันเถอะค่ะ ฉันพูดจริงทำจริง และที่สำคัญคุณแสงแขก็จะหมั้นจะแต่งงานกับคุณลบของคุณแล้วไม่ใช่หรือคะ”

“จำ คำพูดของเธอไว้ให้ดี เธอมีคนรักแล้วและคุณลบก็มีเจ้าของแล้วซึ่งก็คือฉัน...ฉันรักเขามากและขอ สาบานว่าฉันจะเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อให้เขาเป็นคนของฉันตลอดไป” แสงแขพูดจบออกจากห้อง วิรงรองมองตามอย่างเหนื่อยใจ ฝนเริ่มโปรยปรายลงมา ตามมาด้วยฟ้าแลบฟ้าร้อง เธอหันหลังจะกลับเข้าข้างใน ทันใดนั้นมีเสียงเรียก “พลับพลึง” ดังขึ้นซ้ำๆกันหลายครั้ง วิรงรองเหลียวหาที่มาของเสียง

“ใคร...ใครเรียกฉัน”

เสียง รถม้าบดกับถนนดังแว่วเข้ามา วิรงรองเหมือนต้องมนต์สะกด เดินกลับมายังราวกั้นระเบียง ชะเง้อมองลงไปข้างล่าง เห็นท่านเจ้าคุณขับรถม้าออกมาจากความมืดท่ามกลางสายฝน แล้วแล่นหยุดใต้ระเบียง ส่งเสียงเรียก “พลับพลึง” อีกครั้งพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมอง วิรงรองโน้มตัวออกไปนอกราวกั้นโดยไม่รู้สึกตัว ร่างโงนเงนจะร่วงลงจากระเบียง โชคดีที่อดิศวร์มารวบตัวไว้ทัน จับเธอหันมาเผชิญหน้าทั้งโกรธทั้งเป็นห่วงปนกัน

“จะบ้าหรือ ออกมาตากฝนไม่พอ ยังคิดจะกระโดดตึกตายอีก”

ขาด คำ วิรงรองเป็นลมหมดสติในอ้อมแขนอดิศวร์ซึ่งรับไว้ทัน เขาอุ้มร่างที่เปียกฝนของเธอไปวางไว้บนเตียง แล้ววิ่งไปทุบประตูห้องเรียกอุษาให้มาช่วย เสียงเอะอะทำให้แสงแขที่นอนอยู่ห้องติดกันกับอุษาเปิดประตูออกมาดูด้วยความ สงสัย แล้วแอบสะกดรอยตาม

ooooooo

ครู่ต่อมา อุษาวิ่งตามอดิศวร์มาถึงห้องพักของวิรงรอง ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างเปียกโชกของเธอนอนอยู่บนเตียง ถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“รีบ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอก่อน พี่ก็จะไปเปลี่ยนเหมือนกัน” อดิศวร์ก้าวฉับๆ ออกไป อุษารีบไปหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ หลังจากเปลี่ยนชุดใหม่ให้วิรงรองเรียบร้อย อดิศวร์กลับเข้ามาพอดี

“เป็นอย่างไรบ้าง”

“คุณ วิตัวร้อนจี๋เลยค่ะ คุณลบช่วยเช็ดตัวให้หน่อยได้ไหมคะ อุษาจะไปเอายาแก้ไข้ให้ ของคุณวิหมดแล้ว” อุษาลุกออกไป โดยที่อดิศวร์มานั่งแทนที่แล้วลงมือเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ ปากก็ต่อว่าว่าอยู่ดีๆ ทำไมถึงจะโดดลงไปหรือ ว่าเสียใจที่พิชญ์กับพิณทองจะมาฉลองแต่งงานที่นี่ วิรงรองเริ่มกระสับกระส่าย เนื่องจากถูกวิญญาณของคุณพลับพลึงเข้าสิง เพ้อพูดบางอย่างออกมาเบาๆ อดิศวร์ได้ยินไม่ถนัดต้องเอียงหน้าเข้าไปฟังใกล้ๆ

“รถ ม้ามาอีกแล้ว ขับเร็วเหลือเกิน เห็นไหมคะ...ม้าสีน้ำตาลตัวใหญ่ เขาตรงมานี่แล้ว” วิรงรองลุกพรวดทั้งๆ ที่ยังหลับตา อดิศวร์รวบตัวมากอดไว้ขณะที่เธอพยายามดิ้นหนีจะลงจากเตียงให้ได้ เพ้อว่าจะไปอยู่กับเขาคนนั้นในที่ที่ไม่มีใครมาพรากเราจากกันได้อีก แล้วสั่งอดิศวร์ให้ปล่อยตนไป

“ฉันไม่อนุญาตให้เธอไปไหนทั้งนั้น อยู่กับฉันเถอะนะ อยู่กับฉันที่โดมทองนี่ตลอดไป วิรงรอง”

“ใครน่ะ...ฉันไม่ใช่ ฉันไม่ได้ชื่อนั้น ฉันต้องไปแล้ว” ร่างที่ถูกสิงของวิรงรองดิ้นรนสุดฤทธิ์

“ไปไม่ได้ เธอชื่อวิรงรอง จำเอาไว้ว่าเธอชื่อวิรงรอง เธอคือวิรงรองของฉัน”

หญิง สาวคออ่อนคอพับสิ้นเรี่ยวแรงในอ้อมแขนอดิศวร์ซึ่งโอบกอดเอาไว้แน่น อุษาเปิดประตูเข้ามาถึงกับชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้า รออยู่อึดใจก่อนจะเรียกเขาเบาๆ พร้อมกับส่งถาดใส่ยาแก้ไข้ให้ เขาหยิบยาใส่ปากวิรงรองแล้วเอาน้ำให้จิบตามหลัง ปรนนิบัติเธออย่างทะนุถนอม อุษารู้งานค่อยๆ ถอยออกมา

ooooooo

ขณะอุษากำลังเตรียมอาหาร เช้าให้คุณย่าอยู่ในครัว แสงแขเข้ามาต่อว่าว่าเรื่องอะไรถึงต้องลงทุนไปนอนเฝ้านังวิรงรอง ทำตัวทุเรศไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี ตัวเองเป็นใครแล้วนังนั่นเป็นใคร อุษาย้อนถาม ถ้าตนไม่เฝ้าแล้วจะให้อดิศวร์ไปเฝ้าแทนใช่ไหม ยัยตัวแสบประจำบ้านถึงกับใบ้กิน

“จะบอกให้ว่าถ้าพี่ไม่เฝ้า คุณลบจะต้องนอนเฝ้าแน่”

“งั้นคุณลบก็ทรยศแข เหมือนที่คุณปู่ทรยศคุณย่า”

อุษา ปรามว่าอดิศวร์ไม่ได้เป็นอะไรกับแสงแขสักหน่อยจะพูดจาอะไรให้ระวังด้วย เธอไม่สน อีกไม่นานเธอกับเขาก็จะหมั้นกันแล้ว อุษาทักท้วง แสงแขรู้แก่ใจดีว่าอดิศวร์ไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วย เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟหาว่าอุษาเห็นคนอื่นดีกว่าน้องสาวในไส้ ดีกว่าคุณย่าซึ่งมีพระคุณล้นหัว อุษาขี้เกียจพูดกับคนที่เอาแต่ประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้ง หันไปสนใจทำอาหารต่อไปไม่ยุ่งด้วยอีก...

ขณะที่แสงแขเล่นงานพี่สาว ตัวเป็นการใหญ่ อดิศวร์แวะไปดูวิรงรองซึ่งยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง เอามือแตะหน้าผาก ถึงกับยิ้มออกที่เธอตัวไม่ร้อนแล้ว สัมผัสอ่อนโยนนั้นทำให้หญิงสาวค่อยๆ รู้สึกตัวลืมตาขึ้นมอง พอเห็นหน้าอดิศวร์เท่านั้น ถึงกับผงะจะลุกขึ้น

“นอนต่อเถอะ ฉันเข้ามาดูว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง”

วิรงรอง ตาสว่างไม่ง่วงอีกแล้ว อดิศวร์จึงไล่ให้ไปล้างหน้าล้างตาจะพาไปหาหมอ เธอทำท่าไม่ยอมไป เขายืนกรานจะพาไปให้ได้แล้วออกไปรอหน้าห้อง วิรงรองจำต้องลุกไปเข้าห้องน้ำอย่างขัดอกขัดใจ...

เมื่ออยู่ต่อหน้า อดิศวร์ แสงแขแสร้งทำดีกับวิรงรองเช่นเคย เข้าไปช่วยประคองพาเธอไปส่งที่รถ เมื่อรู้ว่าเขาจะพาไปหาหมอ แต่พอลับหลังก็นำเรื่องนี้ไปฟ้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ กล่าวหาวิรงรองว่ามารยาออกไปยืนตากฝนเล่น ยอมทำให้ตัวเองป่วยเพื่อเรียกร้องความสงสารจนอดิศวร์ต้องพาไปหาหมอ อุษาทนไม่ไหวสั่งแสงแขหยุดใส่ความได้แล้ว กลับถูกคุณย่าตวาดใส่ให้เป็นฝ่ายหุบปากเสียเอง แสงแขได้ทีเหยียบซ้ำ

“พี่อุษาไม่เคยเข้าข้างแขเลยค่ะ มิหนำซ้ำยังรู้เห็น เป็นใจให้นังวิรงรองได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณลบบ่อยๆ”

อุษาพยายามจะอธิบาย คุณย่ากลับไล่เธอไปให้พ้นหน้า แสงแขไม่หนำใจตามมาซ้ำเติมให้เจ็บช้ำอีก...

ในเวลาต่อมา อดิศวร์พาวิรงรองกลับจากหาหมอ ทันทีที่รถแล่นมาจอด แสงแขเสนอหน้ามาต้อนรับ

วิรงรองรีบลงจากรถไม่ได้หยิบถุงยาที่หมอสั่งลงไปด้วย ก้าวฉับๆเข้าบ้าน ไม่สนคำถามแสร้งห่วงใยจากแสงแข

อดิ ศวร์คว้าถุงยาจะตาม แต่แสงแขเรียกไว้ แล้วแจ้งว่าคุณย่าสั่งให้ไปพบ เขาไม่รอช้ารีบไปหาท่านที่ห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์จ้องถุงยาในมืออดิศวร์ เขม็งก่อนจะถามว่านั่นอะไร พอรู้ว่าเป็นยาของวิรงรอง ต่อว่าว่าทำไมไม่ปล่อยให้นังนั่นตายไป เขานั่งนิ่งไม่พูดอะไร ท่านหาว่าเขาโดนวิรงรองทำเสน่ห์ใส่จนหลงลืมทุกอย่าง อดิศวร์ปฏิเสธทันควันว่าไม่เป็นความจริง ท่านผู้หญิงสรรักษ์อยากรู้ว่านังนั่นวิเศษอะไรหนักหนา เขาถึงได้กล้าเถียงแทน

“เธอไม่ได้วิเศษอะไรหรอกครับ ก็แค่ผู้หญิง ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ผมถึงไม่เข้าใจว่าทำไมคุณย่า ถึงได้จงเกลียดจงชังเขาหนักหนา”

ท่าน เกลียดวิรงรองเพราะหน้าตาเหมือนนังพลับพลึงคนทรยศราวกับเป็นคนคนเดียวกัน อดิศวร์ไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนหน้าเหมือนกันราวกับแกะทั้งๆที่ไม่ได้เกี่ยว ข้องอะไรกัน คุณย่าอาจจะจำผิดก็ได้

“ไม่มีวัน ไม่มีวันที่ย่าจะจำผิด มันทำร้ายหัวใจ ย่าอย่างโหดร้ายที่สุด” ท่านผู้หญิงน้ำตาคลอเบ้า เอื้อมมือมาจับมือหลานรักไว้ “ผู้หญิงคนนี้ย่าขอไว้สักคนนะลูก มันจะเป็นเมียลบไม่ได้เด็ดขาด ย่ายอมไม่ได้”

อดิศวร์นั่งนิ่งไม่พูด อะไร ท่านผู้หญิงสรรักษ์พยายามยัดเยียดแสงแขให้ อ้างว่าเธอรักเขามาก ยัยตัวแสบประจำบ้านแอบฟังอยู่หน้าห้องถึงกับหูผึ่ง รอฟังคำตอบอย่างตื่นเต้น อดิศวร์ยืนกรานว่าเธอเป็นน้อง และไม่มีวันเปลี่ยน สถานะเป็นอื่นไปได้ แสงแขกำมือแน่นด้วยความแค้นก่อนจะผละจากไป ท่านผู้หญิงสรรักษ์โวยวายลั่น

“เพราะแกรักนังพลับพลึงใช่ไหม แกรักมัน....”

“ถ้า ผมจะรักผู้หญิงคนนี้ก็คงจะเป็นเพราะทุกคนมีส่วนทำให้เป็นอย่างนั้น ถ้าหากทุกคนไม่ทำเหมือนมีความลับ ซุบซิบเกลียดชังเธอ ผมอาจจะไม่สนใจใคร่รู้เรื่องของเธอมากเช่นนี้”

ท่านผู้หญิงสรรักษ์หมดความอดทนไล่ตะเพิดอดิศวร์ออกจากห้องด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

ooooooo

จาก นั้น อดิศวร์แวะเอาถุงยามาให้วิรงรองที่ห้อง เห็นเธอนอนซมอยู่บนเตียง จัดยาก่อนอาหารให้กิน แล้วถามว่าหิวหรือยัง เธอส่ายหน้าอยากนอนมากกว่า อดิศวร์ไม่ยอมออกจากห้องทำให้เธอไม่กล้านอนบ่นพึมพำ

“ใครจะไปนอนได้”

อดิ ศวร์ได้ยินไม่ถนัดเอียงหน้าเข้าไปใกล้ถามว่า พูดอะไรไม่ได้ยิน วิรงรองพยายามเบี่ยงตัวหลบ เขายิ่งแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จนจมูกเฉียดอยู่ที่แก้มนวลของเธอ หญิงสาวอดหวั่นไหวไม่ได้รีบเลื่อนตัวลงนอน อดิศวร์ช่วยดึงผ้ามาห่มให้แล้วบอกให้พักผ่อนมากๆ ตื่นขึ้นมาแล้วจะมีรางวัลให้

“คุณอดิศวร์จะให้ดิฉันกลับบ้านได้ใช่ไหมคะ”

วิรงรองอยากจะเขกหัวตัวเองที่ปากไว

“เธอ อยากไปจากที่นี่ อยากไปจากฉันมากนักหรือ...เอาไว้เธอหายดีแล้วค่อยพูดกัน” อดิศวร์เดินหน้าเคร่งขรึมออกไป เจออุษาหน้าห้องพอดี สั่งให้เข้าไปดูแลวิรงรองด้วย เธออยู่เป็นเพื่อนจนคนป่วยหลับไปด้วยฤทธิ์ยาจึงค่อยๆย่องออกมา...

วิรงรองหลับไปพักใหญ่ ก็เริ่มฝันร้ายถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ต่างกันตรงที่คนชะโงกหน้าออกจากระเบียงไปหาท่านเจ้าคุณไม่ใช่เธอ แต่เป็นคุณพลับพลึง จังหวะที่จะร่วงตกจากระเบียง แล้วอดิศวร์มาคว้าตัวไว้ทัน คุณพลับ-พลึงหายวับไปกลายเป็นวิรงรองปรากฏตัวขึ้นแทนที่

หญิงสาวตกใจ ตื่น ลุกพรวดขึ้นนั่ง เหงื่อแตกท่วมตัวทั้งๆที่อากาศค่อนข้างเย็น มองไปรอบๆถึงได้รู้ว่าตัวเองฝันไป ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ภาพของคุณพลับพลึงซ้อนเข้ามาในห้วงความคิดคำนึงของเธอ

“คุณพลับพลึง นั่นเอง หรือว่าดวงวิญญาณคุณพลับพลึงยังคงวนเวียนอยู่ในโดมทอง...แล้วทำไมเธอต้อง หน้าตาเหมือนเรา หรือว่าเราแค่จินตนาการไปเองเพราะไม่มีใครบอกได้เลยว่าคุณพลับพลึงหน้าตา เป็นอย่างไร”

วิรงรองนอนมองเพดานสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด...

ไม่ ต่างจากอดิศวร์ ซึ่งกำลังนึกถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเช่นกัน ทั้งเรื่องที่วิรงรองเพ้อถึงท่านเจ้าคุณสรรักษ์ประหนึ่งตัวเองเป็นคุณย่า น้อย และเหตุการณ์ที่เขาโต้เถียงกับคุณย่าทำให้อดิศวร์สนใจใคร่รู้ขึ้นมา ตรงไปหานายสมซึ่งกำลังดูแลม้าอยู่ที่คอก ถามว่ามีกุญแจห้องเก็บของไหม

“มีครับ วันนั้นคุณวิรงรองก็มาถาม แต่ผมบอกไปว่าอยู่ที่ท่านผู้หญิง ซึ่งอีกดอกก็อยู่ที่ท่านจริงๆ”

“เอามาให้ฉันหน่อย...”

ไม่ นานนัก อดิศวร์ไขกุญแจเข้าไปในห้องเก็บของ มองสำรวจรอบๆห้องที่ฝุ่นหนาเตอะ ก่อนจะเดินไปที่ผ้า สีดำซึ่งคลุมอะไรบางอย่างคล้ายกรอบรูปเอาไว้ แล้วเปิดผ้าคลุมออกดูเผยให้เห็นรูปติดผนังสองรูปใหญ่วางเกยกันอยู่ เขาเอามือลูบฝุ่นที่จับอยู่ออก เห็นเป็นรูปของท่านเจ้าคุณสรรักษ์ ซึ่งเหมือนตนเองราวกับแกะ และรูปของคุณพลับพลึงซึ่งหน้าเหมือนวิรงรองไม่มีผิดเพี้ยน อดิศวร์ถึงกับยืนตะลึง พึมพำว่าไม่น่าจะเป็นไปได้...

ขณะที่อดิศวร์ เพิ่งตระหนักว่าเหตุการณ์ประหลาดที่วิรงรองเล่ามีเค้าว่าจะไม่ใช่แค่เรื่อง ที่เธอฝันเฟื่องเอาเอง โอบรีบเข้าไปรายงานแสงแขว่าเมื่อครู่นี้เห็นอดิศวร์เดินไปทางห้องเก็บของ แสงแขวางมือจากงานที่กำลังทำอยู่ ตรงไปรายงานคุณย่าอีกทอดหนึ่งทันที ท่านมีสีหน้าท่าทางร้อนใจมาก สั่งให้ไปตามนายสมมาพบ

ooooooo

หลัง จากหายตกตะลึง อดิศวร์มาเรียกอุษาให้เอาผ้าขี้ริ้วกับถังน้ำตามไปที่ห้องเก็บของ เมื่ออุษาเห็นภาพคุณพลับพลึงเต็มสองตา ถึงกับบ่นพึมพำว่าถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่ตาฝาด อดิศวร์มองเธอเป็นเชิงถาม

“วันที่อุษาพาคุณย่าเข้ามารื้อชุดที่ท่านจะใส่วันงานน่ะค่ะ ตอนนั้นถึงจะมีฝุ่นจับแต่ก็มองออกว่าเหมือน...”

“ช่วยพี่เช็ดรูปให้สะอาดหน่อย” อดิศวร์รีบตัดบท รอให้อุษาใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดฝุ่นออกก่อน แล้วเขาใช้ผ้าแห้งเช็ดตามอีกทีหนึ่ง...

ด้าน ท่านผู้หญิงสรรักษ์โกรธควันแทบออกหูเมื่อรู้ว่านายสมเอากุญแจสำรองห้องเก็บ ของให้อดิศวร์ ไล่ตะเพิดเขาออกไปจากที่นี่อย่ามาให้เห็นหน้าอีก แล้วดึงทึ้งผมตัวเองราวกับคนบ้า

“โธ่เอ๊ย...ทำไมฉันไม่เผามันไปให้ สิ้นซาก ทำไมฉันถึงได้โง่อย่างนี้ ไม่ควรเลย ไม่ควรเก็บมันไว้เลย เจ็บใจตัวเองนัก” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ร้องไห้โฮพลางตีอกชกตัว แสงแขรีบจับมือเอาไว้ขอร้องอย่าทำร้ายตัวเอง ท่านไม่ฟังถีบเธอกระเด็น ร้องไห้ฟูมฟายเป็นบ้าเป็นหลัง แสงแข เห็นท่าไม่ดีสั่งให้นายสมรีบไปตามอดิศวร์ทันที...

ขณะที่อดิศวร์กับ อุษายืนดูภาพของท่านเจ้าคุณกับคุณพลับพลึงซึ่งบัดนี้อยู่ในกรอบรูปที่สะอาด ไร้ฝุ่นเกาะอย่างพิศวง นายสมวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงานว่าคุณแสงแขให้มาตามอดิศวร์ไปห้องท่าน ผู้หญิง

“ท่านโกรธมากจนจะไม่สบายที่ทราบว่าผมเอากุญแจห้องนี้ให้คุณลบ...”

อดิ ศวร์ไม่รอให้นายสมพูดจบรีบตรงไปยังห้องคุณย่าโดยมีอุษาตามไปติดๆ นายสมมองรูปภาพทั้งสองรูปอย่างตื่นตะลึงไม่แพ้กันก่อนจะวิ่งตามทั้งคู่ไป ภาพของคุณพลับพลึงมองตามเหมือนจะแสยะยิ้มอย่างสะใจ...

ไม่กี่อึดใจ ถัดมา อดิศวร์มาถึงห้องคุณย่าเห็นท่านกำลังทึ้งผมตัวเองคร่ำครวญว่าหลานรักของตนจะ ต้องเกลียดตนแน่ๆ เขารีบเข้าไปจับมือท่านไว้ ยืนยันว่าไม่มีทางเกลียดคุณย่า เพราะท่านมีเมตตาเลี้ยงดูเขาตลอดมา ท่านผู้หญิงสรรักษ์สบช่องถ้าเขาไม่เกลียดท่าน ก็ต้องเผารูปพวกนั้นให้สิ้นซากอย่าเอาเก็บไว้

“รูปสองรูปนั่นคือ คุณปู่กับคุณย่าน้อยใช่ไหมครับ...”

“ใช่...รูป ไอ้อีที่มันทำร้ายทำลายหัวใจย่า มันทำให้ย่าเจ็บปวดปางตาย ย่ามีชีวิตอยู่ด้วยความเกลียดชังไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ก็จะไม่มีวันอภัยให้พวกมัน...ลบต้องเผารูปมันนะลูก เผาอย่าให้เหลือซาก” สีหน้าท่าทางของท่านผู้หญิงสรรักษ์เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท...

อดิ ศวร์ไม่ได้เอารูปท่านเจ้าคุณกับคุณพลับพลึงไปเผาทิ้งตามที่ท่านผู้หญิง สรรักษ์ต้องการ แต่กลับนำไปไว้ที่ห้องโถงใหญ่ซึ่งแขวนภาพของเหล่าบรรพบุรุษประจำตระกูล สั่งให้นายสมแขวนรูปคุณปู่ไว้คู่กับรูปคุณย่า ส่วนรูปคุณย่าน้อยให้แขวนไว้อีกข้างหนึ่ง อุษาอดหวั่นใจไม่ได้ ถ้าเกิดคุณย่าถามขึ้นมาจะทำอย่างไร

“ท่านคงไม่ถาม เพราะไม่อยากรับรู้เหมือนกัน ระวังแต่อย่าไปรบกวนท่านเองล่ะ...ได้ยินไหมแสงแข” อดิศวร์หันมากำชับยัยตัวแสบที่เพิ่งตามเข้ามา เธอรีบรับคำด้วยสีหน้าหวั่นเกรง

ooooooo

คุณหญิงวัชรีปล่อย ให้ลูกชายกับลูกสะใภ้เป็นอย่างทุกวันนี้ต่อไปไม่ได้ เรียกพิชญ์ซึ่งเพิ่งกลับจากทำงานมาคุยกันให้รู้เรื่อง ทุกวันนี้เธอเครียดมากกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เมื่อครู่พิณทองก็โทร.มาขออนุญาตกลับไปค้างบ้านพ่อแม่ของเธอ และยังมาขอปรึกษาเรื่องหย่าขาดจากพิชญ์

“งั้นคุณแม่ก็สบายใจได้เลย ว่าเธอไม่อยากหย่า เพราะคนจะหย่าจริงๆจะไม่ปรึกษาทางโน้นทีทางนี้ทีหรอกครับ แต่จะขอหย่าทันทีเลย แล้วถ้าเธอคิดจะหย่าจริงๆ คุณแม่ก็อนุญาตไว้เลยครับ ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องทรมานทั้งสองฝ่าย”

“นายพิชญ์” คุณหญิงวัชรีเอ็ดเสียงเขียว “...รอให้ครบปีก่อน ฉันจะยุให้หนูพิณหย่าขาดจากแก ที่ต้องรอก็เพราะไม่อยากให้ใครนินทาหนูพิณได้ว่าแต่งไม่ทันไรก็ต้องหย่า”

พิชญ์ตกลงตามแม่ว่าแล้วขอตัวไปอาบน้ำ ขณะที่คุณหญิงวัชรีมองตามลูกชายอย่างไม่สบอารมณ์

ooooooo

ใน ที่สุด พิณทอง พิชญ์ คุณหญิงแก้วและคุณหญิงวัชรีมาถึงโดมทองตามกำหนดจนได้ ส่วนรัฐมนตรีพจน์ติดภารกิจสำคัญจะตามมาภายหลัง พิณทองไม่รอช้ารีบเอาชุดที่อดิศวร์ฝากซื้อไปให้วิรงรองถึงห้องพัก เธอปฏิเสธไม่ขอรับอ้างว่าสวยเกินไปและอีกอย่างหนึ่งคือเธอไม่รับของของคน อื่น แล้วเก็บชุดใส่กล่องคืนให้พิณทอง

“ทุกอย่างหรือคะ” พิณทองหยั่งเชิง

“ทุกอย่างค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือว่า...คน” น้ำเสียงของวิรงรองหนักแน่นและมั่นคง...

พิณทองจำต้องเอาชุดมาคืนอดิศวร์ บ่นเสียดายที่วิรงรองไม่ยอมรับชุดสวยชุดนี้ เขายืนยันว่าถึงอย่างไรเธอก็ต้องใส่ พิณทองมองอย่างแปลกใจ

“น้าลบขา ทำไมน้าลบจะต้องเอาชนะเธอให้ได้ด้วยคะ หรือว่าคุณวิรงรองทำให้น้าลบเจ็บใจ”

อดิศวร์ไม่ตอบ เดินเลี่ยงออกไป พิณทองอดสงสัยไม่ได้ว่าน้าชายของเธอจะชอบวิรงรองจริงๆ...

ถึง เวลาอาหารค่ำ ทุกคนต่างมานั่งร่วมโต๊ะกันพร้อมหน้าพร้อมตา แสงแข คุณหญิงวัชรีและคุณหญิงแก้ว คุยกันถูกคอหัวเราะหัวใคร่สนุกสนาน โดยมีวิรงรองเป็นเป้าหมายคอยว่ากระทบกระเทียบเป็นระยะๆ

เจ้าตัวได้ แต่ก้มหน้ากินอาหารโดยไม่สนใจจะพูดกับใคร พิชญ์ก็เช่นกัน พิณทองลอบสังเกตอากัปกิริยาของทั้งสองคนแต่ไม่เห็นสิ่งผิดปกติ วิรงรองกินอาหารได้ไม่กี่คำก็รวบช้อนขอตัวขึ้นห้อง เนื่องจากไม่ต้องการเป็นเป้าให้ใครถล่ม อุษารวบช้อนส้อมเช่นกัน ขออนุญาตไปดูแลคุณย่าก่อน

“อ้าว แล้วหนูแสงแขล่ะไม่ขออนุญาตไปไหนอีกคนหรือจ๊ะ” คุณหญิงวัชรีกระเซ้า

“แข ต้องอยู่คอยอำนวยความสะดวกให้ทุกคนค่ะ” แสงแขยิ้มอ่อนหวาน ทั้งคุณหญิงวัชรีและคุณหญิงแก้วต่างชมเธอไม่หยุดปากว่าน่ารักมากที่คอยดูแล พวกเรา แสงแขอดปลื้มใจไม่ได้...

หลังจากตรวจสำเนาคดีความเรียบร้อย อดิศวร์เอาเสื้อชุดสวยที่ฝากหลานสาวซื้อไปให้วิรงรองที่ห้อง เธอยืนยันว่าจะไม่ใส่และจะไม่ไปร่วมงานฉลองเด็ดขาด แล้วขอให้เขาออกจากห้อง

“เธอต้องใส่ชุดนี้ไปร่วมงาน เพราะถ้าไม่ใส่ ฉันจะใส่ให้เธอเอง”

“บ้า...คุณมันไม่ใช่สุภาพบุรุษ”

“ก็ ไม่เคยบอกว่าเป็น...ฉันเป็นคนพูดจริงแล้วก็ทำจริง” ขู่เสร็จ อดิศวร์วางกล่องเสื้อลงบนเตียงแล้วออกจากห้อง วิรงรองคว้ามันปาลงพื้นอย่างหงุดหงิด คนอย่างเธอไม่มีวันยอมให้ใครมาบังคับเด็ดขาด...

ด้านพิณทองไม่ยอมนอน ร่วมห้องกับพิชญ์ หอบเสื้อผ้าข้าวของมาขอนอนห้องเดียวกับแม่ ถ้าพ่อมาเมื่อไหร่เธอค่อยให้น้าลบช่วยจัดห้องเพิ่มให้อีกหนึ่งห้อง คุณหญิงแก้วไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ...

ดึก สงัดคืนเดียวกัน เสียงเพลงนางครวญชวนขนหัวลุกปลุกท่านผู้หญิงสรรักษ์ให้ลืมตาตื่นขึ้น เสียงร้องเพลงพร้อมกับเสียงเดินลากโซ่ตรวนของคุณพลับพลึงดังใกล้เข้ามาทุก ขณะ แต่ต้องชะงักเมื่อเจอวิญญาณพิศยืนถมึงทึงเฝ้าอยู่หน้าห้องท่านผู้หญิง สรรักษ์ คุณพลับพลึงสั่งให้ถอยไป นี่ไม่ใช่เรื่องของพิศ

บ่าวผู้ซื่อ สัตย์ยังคงยืนนิ่ง ร่างคุณพลับพลึงกลายเป็นควันสีขาวพุ่งผ่านตัวพิศซึ่งกรีดร้องโหยหวนเข้าไปใน ห้อง อดิศวร์กำลังนั่งอ่านสำนวนคดีอยู่ในห้องทำงานหันขวับตามเสียงร้องก่อนจะผลุน ผลันออกไป...

ภายในห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ ควันสีขาวกลับมารวมตัวเป็นร่างของคุณพลับพลึงอีกครั้ง เดินคอบิดไปมาตรงไปที่เตียง เจ้าของห้องละล่ำละลักว่าออกมาได้อย่างไร เธอไม่ตอบได้แต่กรีดร้องลั่น ทันใดนั้นประตูห้องเปิดผลัวะ ไฟสว่างพรึบ อดิศวร์ปราดเข้ามาหาคุณย่าซึ่งนั่งหลับตาตัวสั่นเทาอยู่บนเตียง เขาแตะแขนเบาๆ ให้รู้สึกตัว ท่านถึงกับสะดุ้งเฮือก ร้องลั่นว่ากลัวแล้วๆพอรู้ว่าเป็นหลานรักโผกอดด้วยความหวาดกลัว

“ลบ...นัง...พลับพลึง...มันเดินลากโซ่คอบิดไปบิดมา นัยน์ตากลอกกลิ้งมาหาย่า”

อดิ ศวร์ปลอบว่าแค่ฝันร้ายเท่านั้น แล้วเหลียวมองไปรอบๆไม่เห็นมีใครมานอนเฝ้า เอะอะจะเอาเรื่อง ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ออกตัวว่าเป็นคนไล่พวกนั้นไปเองเพราะมีนังพิศมาคอยดูแลอยู่ แล้ว แต่ไม่เข้าใจทำไมครั้งนี้ถึงปล่อยให้ผีนังพลับพลึงเข้ามาได้ อดิศวร์แปลกใจ ใครคือนังพิศ ได้ความว่าเป็นบ่าวผู้จงรักภักดีของคุณย่า ชายหนุ่มเป็นกังวลที่คุณย่าเห็นโน่นเห็นนี่บ่อยครั้ง ขอให้ท่านอยู่คนเดียวสักครู่ เขาจะไปตามอุษามาอยู่ด้วย

“ไปเถอะ เปิดไฟไว้อย่างนี้ อีพลับพลึงมันไม่กล้าเข้ามาหรอก”

ชายหนุ่มรับคำแล้วรีบออกไป ท่านผู้หญิงสรรักษ์สอดส่ายสายตาไปรอบๆอย่างระแวดระวัง...

ข่าวท่านผู้หญิงสรรักษ์เจอผีคุณพลับพลึงเมียน้อยท่านเจ้าคุณเมื่อคืน แพร่สะพัดไปทั้งโดมทอง พิณทองหาว่าดราม่าเกินไปหน่อยที่เมียน้อยตายไปกลายเป็นดวงวิญญาณมาหลอกเมีย หลวง คุณหญิงวัชรีกับคุณหญิงแก้วติงว่าเรื่องแบบนี้ถ้าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ พิณทองไม่ได้คิดจะลบหลู่เพียงแต่เห็นว่าแปลกดี

ooooooo

คืน วันงานเลี้ยง คฤหาสน์โดมทองถูกประดับ ประดาด้วยไฟดวงเล็กระยิบระยับสวยงาม ที่ลานกว้างด้านหน้าเป็นที่สำหรับตั้งโต๊ะอาหาร ส่วนในห้องโถงกลางถูกจัดให้เป็นเวทีสำหรับเต้นรำ แขกผู้มีเกียรติต่างทยอยมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โดมทองท่ีเคยเงียบ เหงาอึมครึมกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง...

วิรงรองยังคง นั่งอ่านหนังสือไม่ยอมขยับไปไหน อุษาซึ่งแต่งตัวในชุดสวยสะดุดตา จะมาตามให้ลงไปที่งาน แต่เห็นเธอยังอยู่ในชุดอยู่กับบ้านเร่งให้รีบแต่งตัว อีกไม่นานภูไทกับลานนาแขกของวิรงรองก็จะมากันแล้ว

“จริงด้วย งั้นวิจะรีบอาบน้ำแต่งตัว แต่พี่อุษาต้องอย่าลืมสัญญานะคะ”

อุษาไม่แน่ใจว่าจะไปได้หรือเปล่า วิรงรองขู่ถ้าไม่ทำตามสัญญาจะไม่ยอมไปร่วมงาน เธอจำต้องรับคำ...

ฝ่าย แสงแขอยู่ในชุดผ้าไหมสวยงาม สวมเครื่อง ประดับครบชุดทั้งต่างหู สร้อยคอและแหวน กำลังส่องกระจกดูความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย โอบชมไม่หยุดปากว่างดงามมาก แสงแขเองก็ดูจะพอใจเช่นกัน แต่แล้วนึกขึ้นได้รีบถอดแหวนออก โอบร้องทักจะถอดทำไม

“เดี๋ยวคุณลบจะสวมแหวนหมั้นให้ฉันน่ะสิยะ ขืนใส่วงนี้ไปด้วย ได้ตีกันตาย”

“จริงด้วย โอบลืมสนิทเลย...แหม...อยากให้คุณลบได้เห็นคุณแขเร็วๆจัง”

คำ พูดของโอบทำให้แสงแขเป็นปลื้ม รีบเข้าไปอวดชุดสวยให้คุณย่าดู ท่านมองอย่างพอใจ ส่วนอุษาที่กำลังช่วยคุณย่าแต่งตัวก็อดชื่นชมน้องสาวไม่ได้ ยิ่งทำให้แสงแขยิ้มไม่หุบ...

ที่บริเวณหน้างาน ภูไทกับลานนาพยายามชะเง้อคอมองหาวิรงรองกลับไม่เห็นแม้แต่เงา ลานนาบ่นอุบที่เพื่อนปล่อยให้ยืนรอ อุไรเข้ามาแจ้งว่าอีกสักครู่วิรงรองถึงจะลงมาแล้วเชิญสองพี่น้องเข้าไปนั่ง รอในบ้าน...

หลังจากสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผม วิรงรองในชุดของตัวเองออกจากห้องจะลงไปข้างล่าง แต่ต้องหยุดกึกเมื่อเจออดิศวร์รอท่าอยู่ เขาสั่งเสียงเข้มให้กลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อเดี๋ยวนี้ วิรงรองไม่ยอมเปลี่ยน ยืนยันจะใส่ชุดของตัวเอง เขาคว้าข้อมือเธอพากลับเข้าห้อง แล้วหยิบชุดจากในกล่องที่ตัวเองซื้อให้ยัดใส่มือ

“เปลี่ยนเป็นชุดนี้...อย่างที่เคยบอก ถ้าเธอไม่เปลี่ยนฉันจะเปลี่ยนให้เอง”

วิรงรองคว้าชุดมาอย่างไม่พอใจ เดินเข้าห้องน้ำ แขวนชุดไว้ที่ราวแล้วทรุดตัวนั่งที่ขอบอ่างอาบน้ำ

“อยากบังคับดีนัก เอากับแม่สิ แม่จะปล่อยให้รอให้เข็ด” วิรงรองพูดจบฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์...

ผ่าน ไปพักใหญ่ อดิศวร์ไม่เห็นวิรงรองออกจากห้องน้ำสักทีชักเริ่มหงุดหงิด ทุบประตูเรียกให้ออกมาได้แล้ว เงียบไม่มีเสียงขานตอบ อดิศวร์ขู่ถ้าอีก 10 นาทีเธอไม่ออกมาจะเข้าไป วิรงรองลุกพรวดหน้าตาเลิ่กลั่ก รู้ดีว่าเขาพูดจริงทำจริง จำใจเปลี่ยนไปใส่ชุดสวยที่อดิศวร์ซื้อให้ แล้วออกจากห้องน้ำจ้องเขาราวกับจะเผาให้เป็นจุณ

“แต่งตัวสวยๆแล้วก็ต้องทำหน้าทำตาให้มันดีหน่อย”

วิรงรองไม่สนใจ เดินหน้าหงิกออกจากห้อง โดยมีอดิศวร์เดินตามอย่างอารมณ์ดี...

ที่ ห้องโถงกลาง อุษาเข็นรถเข็นพาท่านผู้หญิงสรรักษ์เข้ามาโดยมีแสงแขตามประกบไม่ห่าง ท่านกวาดตามองไปรอบๆพลันนึกถึงวันคืนเก่าๆ แล้วอดสะเทือนใจไม่ได้ ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า แสงแขซึ่งกำลังวางมาดราวกับเป็นคุณนายเจ้าของบ้านต้องชะงัก เมื่อหันไปเห็นอดิศวร์และวิรงรองเดินเข้างานมาด้วยกัน รีบเรียกให้คุณย่าดู ท่านผู้หญิงสรรักษ์กลับเห็นภาพทั้งสองคนนั่นเป็นท่านเจ้าคุณกับคุณพลับพลึง ลุกพรวดขึ้นตะโกนลั่น

“ไอ้อีทรยศ”

แขกเหรื่อในงานหันมองเป็น ตาเดียวกัน อุษาพยายามเรียกให้ท่านรู้สึกตัว พลันภาพของทั้งคู่กลับเป็นอย่างเดิม วิรงรองไม่อยากมีปัญหากระซิบกับอดิศวร์ว่าขอตัวก่อน แล้วหลบออกไปหาภูไทกับลานนา ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่สนใจแขกเหรื่อที่เข้ามาทักทาย สั่งให้อุษาพากลับห้อง แสงแขร้องใจกลัวคุณย่าจะลืมเรื่องประกาศหมั้นรีบเดินตาม อดิศวร์ถอนใจหนักใจ ก่อนจะหันไปขอโทษแขกที่มาในงานแทนคุณย่าด้วย...

ครู่ต่อมา อุษากับแสงแขช่วยกันประคองคุณย่าให้นอนบนเตียง ท่านขอพักสักครู่หนึ่งก่อน แล้วค่อยออกไปใหม่อีกครั้ง แสงแขอ้าปากจะทวงถามเรื่องการหมั้น แต่อุษาเอานิ้วแตะปากเป็นเชิงห้ามรบกวนเสียก่อน

ooooooo

วิรงรอง มองนาฬิกาแล้วเริ่มเป็นกังวล ใกล้เวลานัดเต็มทีแล้วแต่ยังไม่เห็นอุษาออกมาสักที ภูไทเห็นชุดสวยของเธอแล้วอดทักไม่ได้ว่า จะไปทั้งชุดนี้เลย หรือ วิรงรองยังไม่ทันจะตอบ เหลือบเห็นอนิรุทธิ์เข้ามาในงาน รีบโบกมือเรียกลานนาหน้าหงิกทันทีที่เห็นครู่อริมางานนี้ด้วย

อนิรุทธิ์ ทักทายภูไทกับวิรงรองแล้ว หันมาแขวะลานนา ทั้งคู่ปะทะคารมกันเช่นเคย วิรงรองเห็นท่าไม่ดีรีบห้ามศึกก่อนเรื่องราวจะบานปลาย แล้วเหลือบดูนาฬิกาอีกครั้ง เห็นได้เวลาตามนัดรีบลุกขึ้น

“เดี๋ยวมา ฝากรุทธิ์ด้วยนะคะ ถ้าพูดไม่เข้าหูก็ทุบกะโหลกได้เลย” วิรงรองพูดจบ เร่งฝีเท้าเข้าไปในตัวตึก กวาดตามองหาอุษาไปทั่วบริเวณก็ไม่พบ...

ด้านอนิรุทธิ์พยายามสอบถามภูไทกับลานนาว่าวิรงรองไปไหน ทั้งคู่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ...

ฝ่าย แสงแขเห็นอุษารีบร้อนออกจากห้องคุณย่า ตามมาถามว่าจะไปไหน เธออ้างว่าท้องเสียขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ฝากน้องสาวดูแลท่านให้ด้วย ยัยตัวแสบเห็นท่าทางมีพิรุธของพี่สาวฝากโอบดูแลคุณย่าอีกทอดหนึ่งแล้วรีบ สะกดรอยตามเธอมาจนถึงอีกด้านหนึ่งของคฤหาสน์ที่เงียบสงบ เห็นวิรงรองซุบซิบบางอย่างกับอุษาก่อนจะพากันออกไป แสงแขไม่รอช้ารีบนำเรื่องนี้ไปฟ้องอดิศวร์ ตั้งข้อสังเกตว่าอุษาอาจจะแอบออกไปพบกับพันธ์สูรย์ เขาตาวาวขึ้นมาทันที...

วิรงรองพาอุษามาจนถึงมุมลับตาคนตรงที่ผูกม้าตัวหนึ่งเอาไว้ อุษาตกใจนายสมรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ

“ไม่หรอกค่ะ วิจ่ายค่าปิดปากให้คนงานนิดหน่อย พี่อุษารีบไปเถอะ วิจะอยู่คอยแก้สถานการณ์ในบ้านให้”

อุษา กลัวไปหมดไม่กล้าไปพบพันธ์สูรย์ วิรงรองต้องปลอบว่าเธอจะไปพบคนรักไม่ได้ไปเจอผีจะต้องกลัวอะไร อุษาหัวเราะแบบแกนๆ แล้วรีบขึ้นม้าควบออกไป วิรงรองถึงกับถอนใจโล่งอก เดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีกลับไปที่งาน แต่ถูกอดิศวร์ซึ่งมาดักรออยู่ดึงแขนไว้ ถามเสียงเขียวว่าพาอุษาไปไหน เธอปฏิเสธทันทีว่าเปล่า

“อย่าโกหก เธอเจ้ากี้เจ้าการให้น้องฉันไปพบกับไอ้พันธ์สูรย์...อย่าให้ฉันจับได้ก็แล้ว กัน” อดิศวร์ขู่จบ ขยับจะไปตามหาอุษา วิรงรองรีบแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า แกล้งเป็นลมทรุดลงไปกองกับพื้น อดิศวร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจอุ้มเธอกลับไปที่คฤหาสน์ด้านที่ไม่ได้จัดงาน แล้ววางเธอลงบนโซฟา ร้องเรียกเบาๆให้เธอรู้สึกตัว วิรงรองค่อยๆลืมตาขึ้น ทำท่าเหมือนอ่อนแรงเต็มที

“อยู่ดีๆก็หน้ามืดค่ะ ไม่รู้เป็นอะไร”

อดิ ศวร์เห็นวิรงรองไม่ได้เป็นอะไรมาก ขยับจะออกไปตามหาอุษา เธอร้องเตือนไล่หลังว่าป่านนี้พิณทองคงกำลังตามหาเขาอยู่เพราะเขาเป็นคนจัด งานฉลองสมรสครั้งนี้ให้เธอ อดิศวร์ชะงัก

“อย่าให้ฉันจับได้นะวิรงรอง”

“คุณอุษาอาจจะอยู่ข้างบนก็ได้ เธอไม่มีอันตรายอะไรหรอกค่ะ”

ชายหนุ่มมองเธอนิ่งราวกับจะค้นหาความจริง แล้วตัดสินใจกลับเข้างาน วิรงรองถึงกับถอนใจโล่งอก

ooooooo

ไม่ นานนัก อุษาควบม้ามาถึงชายป่าละเมาะ ยิ้มตื้นตันใจที่เห็นทางเดินไปยังตัวน้ำตกถูกตกแต่งด้วยเทียนไขที่จุดไว้ เธอเดินตามแสงของเทียนไขไปจนพบพันธ์สูรย์ซึ่งอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองคนโผกอดกันด้วยความรักและคิดถึง พันธ์สูรย์จะต่อสู้กับอุปสรรคอย่างไม่หวั่นเกรงตราบที่มีอุษาอยู่เคียงข้าง

“เราไม่มีวันชนะหรอกค่ะ”

“ถ้าคุณเชื่อและมั่นใจในตัวผม” พันธ์สูรย์รวบมืออุษามากุมไว้

อุษา เชื่อและมั่นใจในตัวเขา แต่ที่เธอยอมมาที่นี่ก็เพื่อมาบอกลา ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน เธอไม่อยากให้เราสองคนต้องเจ็บปวดใจมากไปกว่านี้ ยังมีผู้หญิงที่คู่ควรกับเขามากกว่าเธอ อย่างลานนาเป็นต้น แค่เจอกันไม่กี่ครั้ง เธอก็มองออกว่าลานนามีใจให้เขา พันธ์สูรย์รวบตัวอุษามากอดไว้ ไม่อยากให้พูดถึงใครนอกจากเราสองคนเท่านั้น...

ขณะที่พันธ์สูรย์กับ อุษากำลังอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ที่กลางงานเลี้ยงฉลอง อดิศวร์เชิญชวนแขกผู้มีเกียรติทุกท่านร่วมดื่มอวยพรให้หลานสาวและหลานเขยของ เขา ขอให้การสมรสของทั้งคู่ยืนยาวไปจนตลอดชีวิต ทุกคนชูแก้วในมือแล้วดื่มให้คู่แต่งงานใหม่ วิรงรองยืนอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างใจคอไม่ดีกับภูไท อนิรุทธิ์และลานนา พลางบ่นอุบว่าป่านนี้แล้วทำไมอุษาถึงยังไม่กลับ ภูไทเริ่มหงุดหงิด

“ไม่รู้พันธ์สูรย์คิดยังไง มันจะทำให้ทุกคนเดือดร้อนกันไปหมด โดยเฉพาะน้องวิ”

“อย่าโทษคุณพันธ์สูรย์เลยค่ะเป็นความผิดของวิเอง”

อนิรุทธิ์ฟังอยู่นานแล้ว ยื่นหน้าเข้ามาถามว่ามีเรื่องอะไรกัน ลานนาด่าสวนทันทีว่าเจ๋อ เขาถึงกับอึ้ง...

งาน เลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป โดยพิณทองกับพิชญ์เปิดฟลอร์เต้นรำด้วยเพลงรักหวานซึ้ง ภูไทกับอนิรุทธิ์พร้อมใจกันจะชวนวิรงรองเต้นรำ แต่ต้องกินแห้วเพราะอดิศวร์ชิงตัดหน้าพาเธอไปกลางฟลอร์เสียก่อน  ท่ามกลางสายตาริษยาของแสงแข อดิศวร์รีบออกตัว

“อย่านึกว่าฉันอยากจะเต้นรำกับเธอนักหรอกนะ... อุษาอยู่ที่ไหน”

วิรงรอง ไม่ยอมตอบ พิชญ์ชะเง้อคอยาวมองไปที่คู่ของอดิศวร์กับวิรงรองตลอด จนพิณทองทนไม่ไหว ถ้าเขาอยากจะเปลี่ยนคู่ก็เชิญได้เลย พิชญ์อยากจะทำอย่างนั้นเช่นกันแต่ไม่อยากให้เธอเสียหน้า พิณทองโกรธจะเดินหนี แต่เขารั้งตัวไว้ เตือนว่านี่คืองานเลี้ยงของเราสองคนอย่าเสียมารยาท พิณทองจำใจเต้นรำต่อไป...

ในเมื่อวิรงรองไม่ยอมบอกว่าอุษาอยู่ที่ไหน อดิศวร์กึ่งลากกึ่งจูงเธอไปที่คอกม้า แล้วพาขึ้นม้าตัวเดียวกันออกตามหาอุษา โดยให้วิรงรองนั่งด้านหน้าส่วนเขาโอบเธอไว้จากด้านหลัง แล้วควบม้าตรงไปยังป่าละเมาะ...

ด้านแสงแขไม่เห็นคุณย่าออกจากห้อง สักทีจึง ตามมาดู ปรากฏว่าท่านเผลอหลับ เธอรีบปลุกให้เตรียมประกาศการหมั้นระหว่างเธอกับอดิศวร์ แต่เนื่องจากฝ่ายชายไม่อยู่ออกไปตามหาอุษา ท่านผู้หญิงสรรักษ์จึงสั่งให้รอจนกว่าเขากลับ แล้วค่อยมาตามท่านออกไป...

ระหว่าง ที่แสงแขร้อนใจกลัวคุณย่ายกเลิกการหมั้น อดิศวร์ตามหาอุษากับพันธ์สูรย์จนเจอขณะทั้งคู่กำลังกอดล่ำลากัน เขาไม่พอใจมาก สั่งให้อุษาเดินมาหา เธอไม่กล้าหือขยับจะไปแต่พันธ์สูรย์รั้งตัวไว้

“อุษากลับโดมทองกับพี่ แล้วพี่สัญญาว่าจะไม่มีการลงโทษอะไรทั้งนั้น” อดิศวร์เสียงกร้าว

พันธ์ สูรย์สบตาอดิศวร์แน่วแน่ก่อนจะสารภาพว่าเขารักอุษา เราสองคนรักกันมาก ขอร้องให้อดิศวร์เห็นใจพวกเราด้วย  วิรงรองพยายามช่วยพูดอีกแรงแต่กลับถูกอดิศวร์ เอ็ดลั่นไม่ให้มายุ่ง อุษาไม่อยากให้เรื่องลุกลามไปกันใหญ่ ขอร้องพันธ์สูรย์ทั้งน้ำตาให้กลับไปก่อน เขายืนยันหนักแน่นจะไม่ไปไหนทั้งนั้น อดิศวร์หมดความอดทนต่อยเขาจนล้มคว่ำ ทั้งอุษาและวิรงรองต่างร้องวี้ดว้ายด้วยความตกใจ

ooooooo
ที่มา:http://www.thairath.co.th/ent/novel

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น