วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 14

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 14


“ถ้าเคาะ คุณลบก็ไม่ให้แขเข้ามาเหมือนตอนแรกน่ะสิคะ”

“พี่ไม่อยากฟังเรื่องเหลวไหลไร้สาระ”

“แล้วทีแม่วิรงรองล่ะคะ ทำไมคุณลบให้โอกาสเธอ คุณลบไม่ยุติธรรม”

“...พี่ต้องฟังวิรงรองเพราะว่าเธอเป็นคนที่พี่

จะแต่งงานด้วย และเธอขัดแย้งกับคุณย่าซึ่งเป็นผู้มีพระคุณสูงสุดของพี่...พี่ฟังทั้งสองฝ่ายเพราะชีวิตพี่ต้องมีทั้งสองคนนั่น”

แสง แขตัดพ้อแล้วอดิศวร์เอาเธอไปไว้ที่ไหน ทำไมไม่ให้ความสำคัญกันบ้าง เขาเหนื่อยจะอธิบาย ไล่ทางอ้อมว่ามีงานมากมายต้องสะสางไม่มีเวลามาฟังเรื่องไร้สาระ แสงแขจำต้องออกไปด้วยความน้อยใจ...

ทันทีที่กลับถึงห้องตัวเอง แสงแขอาละวาดขว้างปาข้าวของในห้องกระจุยกระจาย โอบรีบเข้ามาปลอบ เธอกลับยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นจะเป็นจะตายให้ได้ แล้วไล่โอบไปไกลๆไม่ต้องมายุ่ง เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ถ้าต้องเสียอดิศวร์ให้คนอื่น

“ใจเย็นๆค่ะ คุณแขขา ท่านผู้หญิงคงไม่ยอมให้คุณลบแต่งงานกับแม่วิรงรองแน่ค่ะ เชื่อโอบแล้วก็ไว้ใจ ท่านผู้หญิงสิคะ” คำพูดของโอบทำให้แสงแขหยุดอาละวาดได้

ooooooo

หลัง จากคิดทบทวนอยู่หลายตลบ พิชญ์ตัดสินใจจะลองทำตามคำแนะนำของวิรงรอง จึงชวนแม่ของเขาไปกินข้าวที่บ้านรัฐมนตรีพจน์ และหาโอกาสคุยกับพิณทองตามลำพังเพื่อปรับความเข้าใจกัน เธอรีบออกตัวถ้าเขาจะกลับมาหาเธอเพราะวิรงรองกับอดิศวร์เข้าใจกันดีแล้ว ก็ให้ลืมไปได้เลย เธอไม่ต้องการ

“ก็มีส่วนถูก...ผมจะไม่โกหกพิณ แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ผมควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคนเสียที”

“งั้นก็เชิญไปหาใครคนนั้นที่อื่น พิณไม่ใช่ตัวสำรอง”

“ผมก็ไม่เคยคิดอย่างนั้น ผมขอโอกาสพิสูจน์ตัวเองได้ไหม”

พิณ ทองไม่อยากเจ็บอีก เท่าที่ผ่านมามันมากเกินจะรับไหวแล้ว พิชญ์เองก็เสียใจไม่แพ้เธอเช่นกัน แต่ถ้าเธอให้โอกาสอีกครั้ง เขาสัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดอีก พิณทองนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“พิณคิดว่าปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกัน”

จาก นั้น ทั้งคู่ตามเข้ามาสมทบกับคุณหญิงแก้วและคุณหญิงวัชรีซึ่งกำลังนั่งเม้าท์คู่ ของวิรงรองกับอดิศวร์อยู่ที่โต๊ะสนามหน้าบ้าน พิชญ์ชวนแม่กลับกันได้แล้ว คุณหญิงแก้วรีบยุลูกสาวให้กลับไปพร้อมกันเลย แล้วอาสาจะไปช่วยเก็บกระเป๋า พิณทองขอเวลาให้พิชญ์พิสูจน์ตัวเองหนึ่งเดือนก่อน คุณหญิงวัชรีถึงกับร้องเอะอะทำไมถึงนานขนาดนั้น พิชญ์เห็นด้วยกับแม่ของเขา แต่ไม่อยากขัดใจพิณทอง

“นี่นับว่าเร็วแล้วนะคะ พิณต้องคิดให้มากๆค่ะ เพราะคราวนี้ถ้าพิณต้องกลับมา ก็หมายความว่าพิณจะไม่กลับไปบ้านพิชญ์อีก” พิณทองน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง...

ระหว่างทางกลับบ้าน คุณหญิงวัชรีไม่วายตำหนิลูกตัวเองว่าง้อพิณทองไม่เต็มที่หรือเปล่า เธอถึงยังโยกโย้อยู่อีก พิชญ์อ้างว่าทำเต็มที่แล้ว แต่พิณทองคงอยากจะให้แน่ใจก่อน

“แล้วอย่าทำให้แม่กับหนูพิณแล้วก็ครอบครัวของเธอต้องผิดหวังอีกล่ะ”

พิชญ์รับปากแม่ว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก

ooooooo

ใน ขณะที่พิณทองให้โอกาสพิชญ์พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งหนึ่ง วิรงรองโทรศัพท์บอกพันธ์สูรย์ว่าตนกลับมาอยู่โดมทองแล้ว ส่วนอะไรเป็นสาเหตุให้เธอตัดสินใจกลับมาที่นี่ เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง

“ที่ โทร.มานี่เพราะวิมีข่าวดีจะบอก คุณอดิศวร์เริ่มเชื่อว่าดวงวิญญาณของท่านเจ้าคุณกับคุณพลับพลึงยังวนเวียน อยู่ที่โดมทองแล้วล่ะค่ะ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านทั้งสอง”

“แล้วเขาจะรับได้หรือเปล่าว่าไอ้อะไรนั่น คุณย่าสุดบูชาของเขามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”

“หมายความว่ายังไงคะ”

พันธ์ สูรย์บอกไม่ถูก แต่รู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล และอยากให้วิรงรองระวังตัวด้วย คนที่โดมทองน่ากลัวกว่าที่เธอคิดนัก วิรงรองตัดพ้อว่าทำไมพันธ์สูรย์ถึงชอบพูดอะไรเป็นปริศนาอยู่เรื่อย แทนที่จะพูดออกมาตรงๆ

“ผมพูดตามที่รู้สึก แล้วก็เคยประสบมาบางส่วน...ว่าแต่เจ้าภูไทกับเจ้าลานนาทราบเรื่องที่คุณวิกลับมาโดมทองแล้วหรือยังครับ”

“ยัง เลยค่ะ คิดว่าพรุ่งนี้จะโทร.บอก งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ” วิรงรองวางสาย แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวกับเสื้อคลุมหายเข้าไปในห้องน้ำ ผ่านไปพักใหญ่จึงกลับออกมาด้วยสีหน้าสดชื่น ทันใดนั้น ไฟในห้องดับพรึบ เธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ วิรงรองหลับตาเพื่อให้สายตาชินกับความมืดสักพัก แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นคุณพลับพลึงยืนประจันหน้าอยู่ เธอพยายามข่มความกลัวไว้

“คะ...คุณ พลับพลึง...ต้องการอะไร...คะ”

คุณ พลับพลึงยื่นมือข้างหนึ่งออกมา วิรงรองถึงกับ ผงะจะร้องก็ร้องไม่ออก ผีคอพับไปข้างหนึ่งแล้วกรีดร้องออกมาด้วยเสียงอันโหยหวนชวนสยองขวัญ หญิงสาวตกใจแทบสิ้นสติไม่กล้าขยับ พลันร่างคุณพลับพลึงหายวับไปพร้อมกับไฟในห้องสว่างขึ้น วิรงรองไม่รอช้า เผ่นออกจากห้องตรงไปทุบประตูเรียกอดิศวร์ซึ่งอยู่ห้องติดกัน เขาเห็นหน้าตื่นตระหนกของเธอแล้ว รีบดึงตัวเข้ามากอดด้วยความเป็นห่วงถามว่าเป็นอะไรไป

“คุณ...คุณพลับพลึงค่ะ” วิรงรองละล่ำละลัก

อดิ ศวร์จูงมือคนรักกลับมาที่ห้อง ไม่พบสิ่งผิดปกติ วิรงรองยืนยันว่าเมื่อครู่คุณพลับพลึงยืนอยู่ตรงนี้จริงๆแม้ไฟจะดับ แต่เธอก็จำลักษณะได้ อดิศวร์นิ่วหน้า เพราะไฟห้องตัวเองไม่ได้ดับด้วย เสนอให้แลกห้องกัน

“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันนอนได้ เมื่อครู่ตกใจแต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว...ที่คุณพลับพลึงมาให้เห็นเพราะเธอต้อง การจะสื่ออะไรบางอย่างกับดิฉัน แต่ดิฉันมัวแต่ตกใจ

เธอก็เลยไป ต่อไปดิฉันต้องพยายามตั้งสติ”

“ฉันไม่อยากให้เธอหมกมุ่นกับเรื่องนี้มากเกินไป ฉันเป็นห่วงเธอนะ วิรงรอง”

“ขอบคุณค่ะ คุณอดิศวร์ออกไปได้แล้วค่ะ ดิฉันจะนอน”

“อ้าว...นึก ว่าจะให้นอนเป็นเพื่อนเสียอีก รับรองว่าฉันนอนไม่ดิ้น” อดิศวร์เย้าเล่น วิรงรองหน้าแดงด้วยความเขินอาย รีบดันหลังเขาออกจากห้อง

ooooooo

ทั้ง วิรงรอง อดิศวร์และอุษาแปลกใจที่แสงแข เข็นรถเข็นพาคุณย่ามากินอาหารเช้าร่วมโต๊ะกับวิรงรองทั้งๆที่เพิ่งมีเรื่อง กันเมื่อวาน แถมท่านยังทักทายศัตรูคู่อาฆาตด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสจนเธอตั้งตัวไม่ทัน ถึงกับถือช้อนกินข้าวค้าง ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตักอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อยโดยที่วิรงรองยังงงไม่เลิก

“แล้วทำไมไม่กิน เสร็จแล้วจะได้ไปเดินเล่นกัน เช้านี้อากาศดี”

วิรงรองหันไปสบตาอดิศวร์ไม่แน่ใจว่าท่านจะมาไม้ไหนกันแน่...

เสร็จจากมื้อเช้า อดิศวร์พาคุณย่ากับวิรงรองไปเดินกินลมชมวิวสวยรอบคฤหาสน์ ท่านผู้หญิงสรรักษ์ ชวนวิรงรองคุยโน่นคุยนี่ตลอดเวลา อดิศวร์ดูผ่อนคลายไม่เคร่งเครียดเหมือนตอนแรก

เช่นเดียวกับวิรงรอง ที่หายเกร็งและคุยโต้ตอบกับท่านได้ดีขึ้น แสงแขลอบมองมาจากหน้าต่างห้องนั่งเล่นด้วยแววตาเป็นประกายอย่างรู้ทันเล่ห์ เหลี่ยมคุณย่า จังหวะนั้น  โอบเข้ามาด้านหลังชะเง้อมองตามสายตาแสงแขก่อนจะร้องเอะอะ  ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองที่เห็นท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ญาติดีกับศัตรู

“เงียบ...นังโอบ อย่าทำเป็นรู้มากปากสว่างเด็ดขาด”

โอบถึงบางอ้อทันที มองสบสายตาเจ้านายสาวอย่างรู้กัน...

ไม่ นานนัก อดิศวร์เข็นรถเข็นพาท่านผู้หญิงสรรักษ์กลับห้องนอน วิรงรองได้แต่ยืนรีๆรอๆอยู่หน้าห้อง แสงแขซึ่งตามมาสมทบคะยั้นคะยอให้เธอเข้าไปด้วย วิรงรองส่ายหน้าไม่กล้า

“เข้า ไปเถอะน่า ตอนนี้เธอเป็นคนโปรดของคุณย่า” แสงแขว่าแล้วดึงแขนวิรงรองเข้าห้อง เห็นอดิศวร์กำลังพยุงท่านให้นั่งเอนหลังพิงพนักเตียง ท่านผู้หญิงสั่งให้แสงแขออกไปก่อน ท่านมีเรื่องจะคุยกับอดิศวร์และวิรงรอง แล้วเบือนหน้ามามองว่าที่หลานสะใภ้

“เธอหน้าเหมือนพลับพลึงจริงๆ เหมือนราวกับเป็นคนคนเดียวกัน เหมือนจนทำให้ฉันนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา แล้วก็เลยพาลโกรธเกลียดเธอ จนกระทั่ง ตาลบได้แสดงให้เห็นว่าเขารักเธอมาก ฉันถึงต้องปล่อยวาง อีกอย่างเธอกับพลับพลึงเป็นคนละคนกัน...ย่ารักลบ เห็นลบมีความสุข ย่าก็พลอยมีความสุขไปด้วย”

อดิศวร์ก้มกราบขอบพระคุณ ที่ตักคุณย่า ส่วน  วิรงรองไหว้อย่างนอบน้อม ทั้งคู่มัวแต่ปลื้มใจที่เหตุการณ์ พลิกผันไปในทางที่ดี จึงไม่เห็นแววตาเยือกเย็นน่ากลัวของท่านที่จ้องมองวิรงรองขณะที่ก้มหัว ไหว้...

ในเวลาต่อมา อุษาถึงกับชะงักเมื่อเห็นแสงแขจูงมือวิรงรองเดินตรงมาหา แสงแขหัวเราะร่วน แซวพี่สาวทำไมต้องทำหน้าราวกับโดนผีหลอกแบบนั้น อุษาเจอการเปลี่ยนแปลงกะทันหันก็เลยตกใจเป็นธรรมดา

“ในโลกนี้มันอนิจจังไม่เที่ยงทั้งนั้นแหละ  แต่เราก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี”

จังหวะ นั้น อดิศวร์ตามมาสมทบ ชวนวิรงรองไปเดินเล่นด้วยกัน ทันทีที่ทั้งคู่คล้อยหลัง สีหน้ายิ้มแย้มของแสงแขเมื่อครู่กลับกลายเป็นนิ่งเงียบจนอุษาอดแปลกใจไม่ได้

ooooooo

หลัง จากเดินชมวิวเงียบๆมาพักหนึ่ง อดิศวร์ถาม วิรงรองว่าสบายใจขึ้นบ้างไหม  เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ทุกอย่างเปลี่ยนไปเร็วมากจนเธอตามแทบไม่ทัน

“คุณย่าคงคิดได้เพราะฉันยืนยันกับท่านว่าฉันจะแต่งงานกับเธอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่าคิดมากสิ”

วิรงรอง นิ่งเงียบไปอีกครั้ง ก่อนจะขออนุญาตพูดเรื่องของพันธ์สูรย์กับพี่อุษา เธออยากให้อดิศวร์เห็นใจในความรักของทั้งคู่ เขาไม่ชอบขี้หน้าพันธ์สูรย์เพราะชอบทำท่าเป็นผู้กุมความลับของตระกูลศิโรดม วิรงรองไม่เห็นเขาเป็นอย่างอดิศวร์ว่า เธอซักเรื่องในโดมทองแทบตายเขาก็บอกแค่เรื่องที่รู้ๆกันอยู่ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น

“เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ฉันคนเดียว มันขึ้นอยู่กับคุณย่าด้วย”

“ดิฉัน เชื่อว่าคุณอดิศวร์สามารถจัดการได้...นะคะ ทุกอย่างอยู่ในกำมือคุณแล้ว ถ้าเพียงคุณยอมเข้าใจสักนิดเดียว ทุกคนก็จะมีความสุขสมหวังกันไปหมด”  วิรงรองออดอ้อนสารพัด แต่อดิศวร์ยังใจแข็ง

“ปล่อยเขาวิรงรอง ถ้านายนั่นรักน้องสาวฉันจริงมันต้องหาทางจนได้”

วิรงรอง ไม่พูดอะไรอีกหันหลังเดินกลับ อดิศวร์ตามมาคว้าแขนไว้ถามว่าโกรธเขาหรือ เธอส่ายหน้าแทน คำตอบแต่ไม่ยอมสบตาด้วย เขารู้ว่าเธอไม่พอใจ ขอร้องอย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นอารมณ์

“ไม่ใช่เรื่องคนอื่นนะคะ พี่อุษาเป็นน้องสาวของคุณอดิศวร์ เธอก้มหน้าก้มตารับใช้ทั้งคุณอดิศวร์และท่านผู้หญิงมาแทบจะตลอดชีวิต โดยไม่เคยปริปากบ่น

แถมวันดีคืนดีเกิดทำอะไรไม่ถูกใจขึ้นมายังถูกดุ ด่ายังกับนางทาส ความสุขเพียงอย่างเดียวในชีวิตเธอคือคุณพันธ์สูรย์ คุณก็ทราบ ทุกคนก็ทราบ แต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาขัดขวางทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้ต่ำต้อยอะไร”

“เธอล้ำเส้นมากไปแล้ววิรงรอง” อดิศวร์เสียงเขียว

“หมาย ความว่าเราจะกลับไปทะเลาะกันเหมือนเดิมแล้วใช่ไหมคะ...คุณต้องกลับไปคิดใหม่ ให้ดีอีกครั้งแล้วล่ะค่ะ เพราะตราบใดที่ความคิดของเรายังขัดแย้งกันอยู่และค่อนข้างมากขนาดนี้ก็คงไป กันไม่รอด”

“เรื่องแค่นี้น่ะหรือ”

“ค่ะ เพราะต่อไปใครจะรู้ว่ามันอาจรุนแรงมากกว่านี้ก็ได้” วิรงรองมองอดิศวร์เขม็ง ก่อนจะเดินออกไปอย่างมีทิฐิ คราวนี้อดิศวร์ไม่ตามมาง้อ กลับเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง ครู่ต่อมาวิรงรองมาถึงทุ่งพลับพลึงซึ่งกำลังออกดอกสะพรั่ง ทรุดตัวลงนั่ง พึมพำเบาๆ อย่างหนักใจ

“ฉันควรจะทำอย่างไรดีคะ คุณพลับพลึง”...

ดึก สงัดคืนนั้น วิรงรองฝันเห็นตัวเองเดินตามเสียงเพลงครวญมายังห้องๆหนึ่ง พบคุณพลับพลึงกำลังสีซอสามสายโดยมีท่านเจ้าคุณสรรักษ์ยืนมองด้วยแววตาเปี่ยม รัก อยู่ๆ เธอหยุดบรรเลงเพลง แล้วเงยหน้ามองวิรงรองด้วยสีหน้าเศร้าหมอง น้ำตาไหลอาบแก้ม ท่านเจ้าคุณสรรักษ์ค่อยๆเบือนหน้าที่เหลือเพียงกระดูกมองตาม เธอถึงกับผงะด้วยความกลัวสุดขีด สะดุ้งตื่น ลุกพรวดขึ้นนั่งมองไปรอบๆถึงได้รู้ว่าตัวเองฝันไป

วิรงรองล้มตัวลง นอนอีกครั้ง พลันมีเสียงเหมือนใครบางคนเดินอยู่หน้าห้อง เธอค่อยๆจรดปลายเท้าไปเปิดประตู แล้วชะโงกหน้าออกไปดู พบแต่ความว่างเปล่า จึงปิดประตูเข้านอน คุณพลับพลึงค่อยๆปรากฏร่างขึ้น

หน้าห้องที่ว่างเปล่าเมื่อครู่ หันขวับไปมองตรงมุมมืดใกล้ๆ

“ไปให้พ้น นังพิศ”

ผีพิศก้าวออกมาจากมุมมืด ก่อนจะเลือนหายไป...

ใน ขณะเดียวกัน ที่ห้องนอนของท่านผู้หญิงสรรักษ์ อุไรเกิดปวดท้องจะลุกไปเข้าห้องน้ำ มีเสียงร้องทักว่าจะไปไหน เธอสะดุ้งโหยงร้องลั่นว่าผีหลอก ท่านผู้หญิงสร–รักษ์ด่าสวนทันทีว่าผีบ้าผีบอที่ไหน อุไรถอนใจโล่งอก

“ท่านเองหรือคะ”

“แล้วเอ็งคิดว่าข้าเป็นผีหรือ...โน่น ผีมันอยู่ข้างนอกโน่น เต็มไปหมด”

“ท่านเจ้าขา แล้วอุไรจะออกไปเข้าห้องน้ำได้ยังไงล่ะคะ”

“เอ็งก็เดินออกไปสิ ระวังผีด้วยก็แล้วกัน” คำเตือนของท่านผู้หญิงสรรักษ์ทำให้อุไรถึงกับเข่าอ่อน

ooooooo

อุษา อดทักไม่ได้เมื่อเห็นอุไรเดินเข้ามาในสภาพอิดโรย หน้าตาซีดเซียวเหมือนไม่ได้หลับไม่ได้นอน เธอเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟังว่า กำลังจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ท่านผู้หญิงสรรักษ์ถามขึ้นมาเสียก่อนว่าไม่กลัวผีหลอกเอาหรือ เธอหายปวดท้องเป็นปลิดทิ้ง ย้ายมาปวดหัวแทนจนนอนไม่หลับ

“คุณอุษานี่ดีนะคะ อุไรไม่เคยได้ยินคุณบ่นว่าเจอผีกับเขาเลย”

“ฉันไม่ได้สนใจนี่...อุไรเห็นแสงแขหรือเปล่า”

“อุไรเห็นไปข้างนอกกับโอบตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง...”

คนที่คุณอุษาถามถึงมีนัดกับอ๊อดพี่ชายของโอบเพื่อจ้างวานให้กำจัด วิรงรอง เธอต้องการให้ลงมือคืนนี้เลย เพราะอดิศวร์มีธุระต้องเข้ากรุงเทพฯ อ๊อดขอเงินค่าจ้างเพิ่มเป็นหนึ่งแสนบาท เพราะมาคิดทบทวนดูแล้ว อาจจะต้องเสี่ยงเจอผีอีก คราวที่แล้วเกือบโดนหักคอ นี่ถ้าโอบไม่อ้อนวอนแล้วอ้อนวอนอีก เขาไม่มีทางรับงานนี้แน่

“ก็ได้...แสนก็แสน คืนนี้แกอยู่ที่นี่แล้วฉันจะให้โอบโทร.ตามเมื่อพร้อม”

อ๊อดขอเงินค่าจ้างวานก่อน  เงินมางานถึงเดิน แสงแขรับปากคืนนี้เขามาถึงเมื่อไหร่จะจ่ายเงินให้ทันที...

จาก นั้น  แสงแขรีบกลับมารายงานให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์ทราบว่าอ๊อดต้องการเงินค่าจ้าง เพิ่ม ท่านยินดีจ่ายไม่อั้นขอให้งานสำเร็จก็แล้วกัน  แสงแขไม่กังวลเรื่องนั้น เพราะแน่ใจว่าไม่พลาด แต่กลัวอดิศวร์กลับมาแล้วไม่เจอวิรงรองจะยุ่งกันใหญ่ ท่านผู้หญิงสรรักษ์แนะให้โกหกว่านังนั่นหนีไปแล้ว

“แล้วคุณลบจะเชื่อหรือคะ”

“เชื่อหรือไม่เชื่อ นังพลับพลึงมันก็หายไปแล้ว เหมือนตอนนั้น” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตาวาวโรจน์น่ากลัว...

ทาง ด้านอดิศวร์ไม่อยากเข้ากรุงเทพฯโดยที่ยังมีเรื่องค้างคาใจกับหญิงคนรัก จึงขอปรับความเข้าใจกันก่อน วิรงรองไม่ได้ต้องการอะไรมาก แค่อยากให้เขามีเมตตาและรู้จักให้อภัยบ้าง

“นี่เธอยังไม่เข้าใจอีกหรือ เมื่อวานที่ฉันบอกเธอว่าถ้าพันธ์สูรย์รักอุษาจริง เขาก็ต้องหาทางจนได้”

วิรงรอง ทักท้วงถ้าเขาไม่เปิดทางให้พันธ์สูรย์จะพบได้อย่างไร และที่สำคัญพี่อุษาไม่มีวันขัดคำสั่งท่านผู้หญิงสรรักษ์เด็ดขาด อดิศวร์ยกตัวเองขึ้นมาเป็นตัวอย่างว่าเขายังหาทางทำความเข้าใจกับเธอได้เลย ทั้งๆที่เธอเกลียดเขาอย่างกับกิ้งกือไส้เดือน หาว่าเป็นแดร็กคูล่าบ้าง เป็นโรคจิตบ้าง บ่นเสร็จดึงวิรงรองมากอด

“เชื่อฉันสิ อีกอย่างพันธ์สูรย์จะได้พิสูจน์ความจริงใจที่มีต่ออุษาด้วย ฉันสัญญาว่าจะไม่ขัดขวางทั้งทางตรงและทางอ้อมแน่นอน” อดิศวร์ว่าแล้วก้มลงจูบหน้าผากวิรงรองอย่างอ่อนโยน “เสร็จธุระแล้ว ฉันจะรีบกลับโดยเร็วที่สุด” แล้วจูบเธออีกครั้ง ก่อนจะพากันไปขึ้นรถ...

ไม่นานนัก วิรงรองกลับจากไปส่งอดิศวร์ที่

สนาม บินยังไม่ทันจะเข้าบ้าน โอบมาแจ้งว่าท่านผู้หญิงสรรักษ์ต้องการพบ ทีแรกเธอก็หวั่นๆว่าจะโดนท่านกับแสงแขรุมรังแกอีก เพราะเวลาที่อดิศวร์ไม่อยู่เธอมักจะโดนหาเรื่อง แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร นอกจากจะพูดจาภาษาดอกไม้ด้วยแล้ว ท่านผู้หญิงสรรักษ์ถึงขนาดจะขอฝากผีฝากไข้กับวิรงรองในฐานะว่าที่หลานสะใภ้ สร้างความประหลาดใจให้เธออย่างมาก...

ไม่ได้มีแต่วิรงรองเท่านั้นที่ แปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของท่านผู้หญิงสรรักษ์ อุไรก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แอบนินทาท่านอุตลุด จนอุษาต้องปรามไม่ให้พูดมาก แล้วหันไปทางวิรงรองที่นั่งสีหน้าครุ่นคิด

“คุณวิอย่าถือสาอุไรเลยนะคะ ไปค่ะ เดี๋ยวคุณย่าจะหิว” อุษาคว้าถาดใส่อาหารโดยที่วิรงรองช่วยยกถามใส่นํ้าผลไม้กับยาตามไปติดๆ...

ด้าน อดิศวร์เองก็แปลกใจไม่น้อยเมื่อวิรงรองเล่าให้ฟังทางโทรศัพท์ว่าเธอกลายเป็น คนโปรดของท่านผู้หญิงสรรักษ์แบบปัจจุบันทันด่วนถึงขนาดจะฝากผีฝากไข้กันเลย ทีเดียว แม้จะเห็นว่าผิดวิสัยคุณย่า แต่อดิศวร์ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร แถมพูดติดตลกว่าวิรงรองเก่งที่เอาชนะใจได้ทั้งย่าทั้งหลาน

“แค่นี้ก่อนนะ ได้เวลาประชุมแล้ว คืนนี้จะโทร.ไปหาอีก”

วิรงรองวางสายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข ไม่เฉลียวใจเลยว่าภัยกำลังจะมาถึงตัว...

บ่ายวันเดียวกัน วิรงรองไปพบพันธ์สูรย์ที่คุ้ม

ภู ไทเพื่อแจ้งข่าวดีว่าอดิศวร์จะไม่ขัดขวางเขากับอุษาอีกแล้ว พันธ์สูรย์กลับทำท่าไม่เชื่อว่าอดิศวร์จะทำได้อย่างปากว่า วิรงรองยืนยันว่าเป็นความจริง ไว้เขากลับจากกรุงเทพฯเมื่อไหร่ พันธ์สูรย์จะลองพิสูจน์ดูเองก็ได้

ooooooo

อดิศวร์โทร.มาหา วิรงรองตามนัด ต่างคุยตามประสาคนรักกันอย่างมีความสุข เวลาผ่านเลยจนเธอเริ่มง่วง จึงนัดแนะว่าพรุ่งนี้จะโทร.ไปปลุกเขาแต่เช้าแล้ววางสาย อึดใจต่อมา แสงแขวิ่งหน้าตื่นเข้ามาแจ้งว่าคุณย่าไม่สบาย อยู่ดีๆก็เป็นลม

“ตาย จริง คุณแสงแขไปปลุกคุณอุษาให้โทร.ตามคุณหมอนะคะ วิจะไปดูท่านเอง” วิรงรองวิ่งปรู๊ดออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่เฉลียวใจเลยว่านี่เป็นแผนร้ายที่วางไว้อย่างแนบเนียน

ทันทีที่ เลี้ยวมุมตึก อ๊อดกับสมุนรอท่าอยู่ก่อนแล้วใช้ด้ามปืนฟาดหัวริรงรองสลบเหมือด ระหว่างแบกเธอขึ้นบ่า แสงแขเดินถือไฟฉายตามมาสมทบ แล้วเดินนำอ๊อดกับสมุนไปยังประตูเหล็กซึ่งกั้นทางขึ้นโดม เธอส่งกุญแจให้สมุนของอ๊อดจัดการไขประตูเปิดออก

“เครื่องมืออยู่ในกล่องนั่น” แสงแขชี้ไปยังกล่องเครื่องมือที่วางแอบๆไว้

อ๊อด แบกวิรงรองขึ้นบันได โดยมีสมุนยกกล่องเครื่องมือตามพร้อมกับฉายไฟฉายให้ แสงแขมองตามอย่างสะใจ แล้วรีบไปรายงานความสำเร็จให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์ซึ่งรออยู่อย่างใจจดจ่อทราบ

“ความจริงน่าจะปิดปากไอ้เจ้าคนที่จ้างมาเสียด้วย” ท่านผู้หญิงสรรักษ์สีหน้าเหี้ยม โอบสะดุ้งโหยง

“โอบรับรองว่าพี่ชายของโอบไม่มีวันปริปากแน่ค่ะ”

“ฉันไม่เคยไว้ใจใคร คืนนี้นังพลับพลึงก็จะมีเพื่อนอีกคนหนึ่ง” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตาวาวด้วยความสะใจ...

ขณะ ที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์กับแสงแขต่างกระหยิ่มยิ้มย่องที่แผนชั่วร้ายของตัวเอง ดำเนินไปอย่างราบรื่น อ๊อดแบกวิรงรองขึ้นมาถึงหน้าห้องใต้โดม ต้องแปลกใจ ที่เห็นไม้หลายแผ่นตีปิดทับประตูทางเข้าไว้ เขาวางเหยื่อ โหดลงกับพื้น แล้วเดินไปสำรวจใกล้ๆ

“ตอกไว้เสียแน่นหนา...เอ้า ช่วยกันหน่อย เดี๋ยวนังนี่ฟื้น”

ไม่ นานนัก ไม้ถูกงัดออกจนหมด อ๊อดเอากุญแจที่แสงแขให้ไว้ไขประตูห้องเปิดออก กลิ่นเหม็นสาบเหมือนอะไรตายซากพุ่งเข้าจมูกถึงกับผงะ เขากลั้นหายใจอุ้มร่างไร้สติของวิรงรองเข้าไปวางไว้ในห้องที่มืดมิดพอสายตา ชินกับความมืด เห็นแต่ฝุ่นและหยากไย่เต็มไปหมด สมุนเร่งให้ลูกพี่รีบไปกันได้แล้ว อ๊อดมองวิรงรองด้วยความเสียดาย ก่อนจะออกจากห้องตีไม้ปิดไว้อย่างเดิม...

ด้านแสงแขกับโอบยืนรออยู่ หน้าประตูเหล็กกั้นทางขึ้นโดมอย่างกระวนกระวายใจ จนกระทั่งอ๊อดกับสมุนลงมาและจัดการคล้องโซ่ใส่กุญแจล็อกไว้ แสงแขเห็นงานสำเร็จเรียบร้อย จึงจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้ โอบรับกุญแจคืนจากพี่ชายแล้วถามหากล่องเครื่องมือที่ให้ไปอยู่ไหน สมุนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่หยิบลงมาด้วย

“ช่างมันเถอะ ทิ้งไว้บนนั้นนั่นแหละ...ไปกันได้แล้ว” แสงแขสั่งการเสร็จเดินนำทุกคนออกไป หลังจากส่งอ๊อดกับสมุนกลับไปแล้ว แสงแขเดินมาส่งโอบที่หน้าห้องพักของวิรงรอง

“เข้าไปเก็บทุกอย่างให้หมด ให้เหมือนมันขนเสื้อผ้าหนีไป ฉันจะกลับไปห้องยายแม่มด”

โอบรีบดึงแขนแสงแขไว้ชวนให้อยู่เป็นเพื่อน

กันก่อน เธอไม่สนใจเดินฉับๆจากไป ขณะที่คนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์มองไปรอบๆบริเวณที่มืดมิดด้วยสีหน้าหวาดหวั่น

ooooooo
ที่มา:

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น