วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อ่านเรื่องย่อละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 10

อ่านเรื่องย่อละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 10

เจ้าหญิงสุไบดาไม่เป็นอันกินอันนอนเนื่องจากห่วงลูกชาย ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เพราะยังไม่มีใครมาแจ้งความคืบหน้าให้ทราบ นิชานางสนองพระโอษฐ์เตือนให้กินอะไรบ้างเดี๋ยวจะไม่สบายไปอีกคน

“ไม่ สบายรึ...ดีสิ เรายินดีเจ็บแทนลูก นิชารู้ไหมว่าอาการชารีฟหนักมากนะ ต้องเรียกว่าปางตายทีเดียวกำลังอยู่ในห้องผ่าตัด โอ...พระเจ้าคุ้มครองเขาด้วย เขาเสียสละเพื่อประเทศมากแล้วอย่ามากไปกว่านี้เลย”

จังหวะนั้น นางกำนัลอีกคนหนึ่งนำทหารซึ่งมาจากโรงพยาบาลมาเข้าพบ เจ้าหญิงสุไบดาภาวนาขอให้เป็นข่าวดี เพราะคงทนไม่ได้ที่จะได้ยินเรื่องร้ายๆ ของลูกชาย

“ทูลเจ้าหญิงพระมารดาพระเจ้าข้า ท่านราชองครักษ์อาการปลอดภัยแล้วพระเจ้าข้า”

เจ้า หญิงสุไบดาถึงกับถอนใจโล่งอก ครู่ต่อมาพระองค์ มาถึงโรงพยาบาล พบการิมและทหารชั้นผู้ใหญ่หลายนายกำลังเซ็นสมุดเยี่ยมอยู่หน้าห้องพักฟื้น ของชารีฟ ทุกคนยืนตรงทำความเคารพเมื่อเห็นพระองค์ การิมปราดเข้ามารายงานว่าท่านราชองครักษ์ยังไม่ฟื้น เพิ่งออกจาก ห้องผ่าตัดเมื่อตอนบ่าย

“บ่าย!...นี่จะห้าโมงเย็นอยู่แล้วนะ ยังไม่ฟื้นอีก มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรผิดปกติพระเจ้าข้า”

“ไม่ จริง ต้องมีอะไรไม่ปกติแน่ ผ่าตัดก็ใช้เวลานานเกินไปแล้ว ควรฟื้นได้แล้ว” เจ้าหญิงสุไบดาร้อนใจมากรีบเข้าไปหาลูกชายที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บน เตียงผู้ป่วย เอามือเขามากุมไว้ด้วยสีหน้าเป็นกังวล นิชาปลอบให้ใจเย็นๆ คณะแพทย์ดูแลท่านราชองครักษ์เต็มที่แล้ว

“ทำไม่ยังไม่ฟื้น นานเกินไปแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะบอกเราว่าทำไมถึงยังไม่ฟื้น ชารีฟ...ลืมตาหน่อยสิลูกแม่อยู่นี่นะลูก” เจ้าหญิงสุไบดาลูบมือลูกชายน้ำตาคลอเบ้า ด้านชารีฟฝันถึงมิเชลล์ตอนที่ขาดน้ำและอาหารกำลังจะตายอยู่กลางทะเลทราย พยายามเรียกเธอให้ได้สติ

“มิเชลล์...มิ...เชลล์”

เจ้าหญิงสุ ไบดาได้ยินเสียงลูกชายละเมอไม่ถนัด เรียกนิชามาช่วยฟังด้วย ชารีฟละเมอเรียกมิเชลล์อีกครั้ง คราวนี้ชัดเต็มสองหู พระองค์ถึงกับบ่นพึมพำไม่ค่อยชอบใจนัก

“นึกแล้ว...อาถรรพณ์ทะเลทรายหรือนี่ แค่เดินไปด้วยกันไม่กี่วัน จะรักกันแค่ไหนเชียว”

ooooooo



ขณะ ที่ชารีฟยังนอนสลบไสลไม่ได้สติ พระชายาในองค์อาหเม็ดซึ่งยังคงอยู่ที่โอเอซิสใกล้เมืองอานาอิชาสังหรณ์ใจว่า มิเชลล์อาจจะรู้แล้วว่าชารีฟบาดเจ็บสาหัสเพราะเห็นหน้าตาท่าทางเศร้าสร้อย ผิดปกติ ทั้งๆ ที่ควรดีใจที่จะได้กลับฮิลฟารา ถามฟาราห์นางกำนัล ใกล้ชิดว่าไปบอกเรื่องชารีฟให้มิเชลล์รู้หรือเปล่า

“โธ่...พระชายาเพคะ หม่อมฉันทราบเมื่อครู่นี้เอง ยังไม่ได้ออกไปนอกกระโจมด้วยซ้ำ”

พระชายาแปลกใจ ถ้าฟาราห์ไม่ได้บอกแล้วทำไมมิเชลล์ถึงทำท่าทางเหมือนรู้เรื่องนี้ ตัดสินใจถามเธอว่าเป็นอะไรไป ท่าทางไม่สบายใจ อีกไม่กี่วันก็จะได้เจอสามีแล้ว ควรจะยิ้มแย้มมีความสุข มิเชลล์มองอย่างรู้ทัน

“เขาเจ็บมากใช่ไหมเพคะ หม่อมฉันสังหรณ์ใจเพคะ ในใจนี่มันว่างเปล่าชอบกล”

“ไม่ตายหรอก เรารับรอง  ชารีฟปลอดภัยแล้วแน่นอน”

มิ เชลล์สีหน้าผ่อนคลาย ถามว่าที่ฮิลฟาราเป็นอย่างไรบ้าง  พระชายาทราบมาว่าเหตุการณ์สงบเรียบร้อยดี องค์อาหเม็ดกำลังรอคอยที่จะพบกับประชาชนของพระองค์ แต่ท่านไม่แน่ใจว่าจะพบด้วยวิธีใด...

องค์อาหเม็ดใช้ทีวีเป็นสื่อใน การพบปะกับประชาชน ออกอากาศรายการสดให้ชาวเมืองฮิลฟารารู้ว่าพระองค์ยังไม่สิ้นพระชนม์อย่างที่ ฝ่ายกบฏป่าวประกาศ ชาวเมืองที่เห็นรายการทีวีต่างโห่ร้องด้วยความปีติ

“ข้า ถูกชะตากรรมส่งให้จากบ้านจากพวกเจ้าไปเร่ร่อนอยู่กลางทะเลทราย ข้าได้พบสิ่งที่ข้าไม่เคยพบได้เห็นในบางสิ่งที่ไม่เคยเห็น นั่นคือ ความทุกข์ยากลำบากของประชาชนของข้า บัดนี้ ชะตากรรมของข้าสิ้นสุดลง ด้วยชีวิตของคนทรยศ ข้ากลับมาแล้วพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ในใจของข้า ต่อไปนี้อีก 5 ปี ฮิลฟาราของเราจะไม่มีคนโง่ จะไม่มีคนเจ็บ  จะไม่มีคนไร้ที่อยู่ จะไม่มีคนอดอยาก”

ประชาชนที่อยู่หน้าจอทีวีต่างชอบใจปรบมือส่งเสียง โห่ร้องกึกก้อง องค์อาหเม็ดยังประกาศอีกว่าจะใช้มาตรการทางภาษีจัดการกับคนร่ำรวยเพื่อจะได้ กระจายความสุขสบายไปถึงคนยากคนจน

“ข้าไม่กลัวคนรวยต่อต้าน ไม่กลัวเดินขบวน ไม่กลัวคนรวยไม่ร่วมมือ เพราะข้ามีคนจนมากกว่าครึ่งเป็นพวกของข้า ข้อต่อไปที่ข้าให้สัญญา ฮิลฟาราจะไม่มีคอร์รัปชัน ข้าจะไม่ยอมให้คนเห็นแก่ตัวใช้อำนาจเบียดบังเงินทองเข้ากระเป๋าตัวเองจนร่ำ รวยล้นฟ้ามากกว่าคนอื่นอีกเป็นอันขาด”

เสียงองค์อาหเม็ดจากในทีวีดัง กังวานไปทั่วห้องพักฟื้นของชารีฟซึ่งค่อยๆรู้สึกตัวลืมตาขึ้น ทุกอย่างพร่ามัวเห็นเงาใครบางคนอยู่ใกล้ๆ ร้องถามแทบจะเป็นเสียงกระซิบว่านั่นใคร

“ชารีฟ...โอชารีฟ เห็นแม่ไหม นี่แม่นะลูก” เจ้าหญิงสุไบดาลูบหัวลูกชายด้วยความดีใจ

ชา รีฟยังเห็นไม่ถนัด พยายามเอามือไขว่คว้า พลางถามว่าตนเองเป็นอะไรไป เจ้าหญิงสุไบดาจะไปตามหมอมาตอบคำถามนี้ให้ แล้วรีบออกจากห้อง ชารีฟได้ยินเสียงองค์อาหเม็ดในทีวี หันขวับไปมอง

“อีก 5 ปี ฮิลฟาราจะมีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง เราขอคืนอำนาจให้ประชาชน ขอเวลา 5 ปีเพื่อเตรียมประชาชนให้พร้อมเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ขอสัญญา” สิ้นเสียงประกาศขององค์อาหเม็ด ชารีฟเปล่งเสียง

“ทรงพระเจริญ” เหมือนเช่นชาวฮิลฟาราทั้งหลายที่เฝ้าชมรายการอยู่หน้าจอทีวี

ooooooo

พวกนางกำนัลฝ่ายในซึ่งยังอยู่ที่โอเอซิสใกล้เมืองอานาอิชาต่างยิ้ม แย้มกันถ้วนหน้าเมื่อองค์อาหเม็ดส่งกำลังทหารมารับกลับฮิลฟาราแต่เช้า โดยเฉพาะมิเชลล์ที่ดูจะฉีกยิ้มไม่หุบจนพระชายาอดกระเซ้าไม่ได้

“ยิ้มจนปากจะถึงหู แต่ก็ทำให้กระโจมนี้สว่างขึ้น มาทันตาจริงไหมฟาราห์”

“จริงเพคะ แต่หม่อมฉันกับพวกนางกำนัลพวกนี้ก็ยิ้มนะเพคะ”

พระ ชายาสั่งให้ทุกคนยกเว้นมิเชลล์ลองหุบยิ้ม อยากรู้ว่าจะทำให้กระโจมสว่างน้อยลงหรือไม่  มิเชลล์เขินอายขอร้องว่าไม่ต้องทำ  ทุกคนพากันหัวเราะกันสนุกสนาน...

ขณะ ที่มิเชลล์หัวใจพองโตเต็มไปด้วยความสุขที่จะได้กลับไปเจอหน้าชารีฟอีกครั้ง หนึ่ง  เจ้าหญิงสุไบดาร้อนใจมากที่ลูกชายนอนละเมอเรียกชื่อมิเชลล์อยู่ตลอด จึงตามตัวนิชามาสั่งการ

“นิชาฟังให้ดี เราต้องการรู้เรื่องของผู้หญิงต่างชาติคนนั้นที่ชื่อมิเชลล์ ผู้หญิงที่เกือบจะเป็นผู้หญิงขององค์อาหเม็ด ไปยังไงมายังไงถึงกลายมาเป็น เอ่อ...ของลูกชายเรา เราต้องการเร็วนะนิชา หาคนไปหาคำตอบมา”

นิชาไม่รอช้า ส่งคนไปจัดการตามที่เจ้าหญิงสุไบดาต้องการทันที...

ใน เวลาต่อมา ภายในห้องพักผู้ป่วย ชารีฟนอนละเมอเรียกมิเชลล์อีก พยาบาลกำลังจะฉีดยาให้ถึงกับชะงัก เขาคว้ามือเธอไว้ ถามทั้งที่ยังหลับตาว่ามิเชลล์หรือ พยาบาลยังไม่ทันจะพูดอะไร เขาผลักมือเธอออก

“ไม่ใช่เธอ ไม่ใช่มิเชลล์”

“ท่านราชองครักษ์ ดิฉันพยาบาลค่ะ ฉีดยานะคะ”

ชา รีฟปัดมือพยาบาลไม่ยอมให้ฉีดยา แล้วร้องหามิเชลล์ พยาบาลถามหยั่งเชิงว่าผู้หญิงที่เขาเรียกหาใช่ภรรยาของเขาหรือไม่ ชารีฟตอบเสียงแผ่วว่าใช่  เธอฉีดยาให้เขาจนได้  แล้ว ดึงผ้ามาห่มให้ มีเสียงเคาะประตูห้องเบาๆ  พยาบาลพุ่งไปเปิดให้ราวกับนัดกันไว้ คนของเจ้าหญิงสุไบดาถามว่าได้เรื่องไหม

“ท่านราชองครักษ์บอกว่ามิเชลล์คือภรรยาของท่าน” พยาบาลรายงาน...

ทันที ที่ทราบเรื่องจากนิชาว่ามิเชลล์เป็นภรรยาของชารีฟ เจ้าหญิงสุไบดาหันไปโวยวายกับไบคาน นี่เราสองคนจะได้หญิงต่างชาติเป็นสะใภ้เอกหรือ นิชารายงานเพิ่มเติมว่าชารีฟกับมิเชลล์แต่งงานกันแล้ว

“ไม่แปลก ถึงจะตบแต่งกันเป็นเมียแรกก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นเมียเอก”

“องค์อาหเม็ดทรงเป็นองค์จัดพิธีนะเพคะ คงจะทรงเห็นว่าท่านราชองครักษ์อุทิศให้ทั้งชีวิตน่ะเพคะ เลยอยากจะทรงตอบแทน”

เจ้า หญิงสุไบดาท้วงติง ถ้าองค์อาหเม็ดอยากจะตอบแทนชารีฟก็ควรจะให้เป็นอย่างอื่น ประเพณีเก่าแก่ดั้งเดิมของฮิลฟาราไม่ควรถูกละเมิด ตนจะไม่ยอมให้ลูกชายมีเมียเอกเป็นผู้หญิงต่างชาติเด็ดขาด ไบคานไม่เห็นด้วย ถ้าชารีฟชอบอย่างไรก็ควรจะให้ลูกเลือกเองเพราะลูกเป็นคนแต่งงานไม่ใช่เรา

“แต่ เราเป็นพ่อเป็นแม่ ประเพณีของฮิลฟาราเป็นหน้าที่ของเราต้องรักษา ต้องทำมากกว่าประชาชนทั่วไป พ่อยอมให้ส่วนของพ่อ เรายังไม่เห็นเหตุผลที่จะละเมิดประเพณี...ไม่มีเหตุผล” เจ้าหญิงสุไบดายืนยันหนักแน่น


 ขบวนของพระชายาในองค์อาหเม็ดเดินทางมาถึงวังหลวงในบ่ายวันเดียวกัน โดยมีนายพลมุสกัตเจ้าหญิงฟารีดาพระชายาขององค์โอมาน รวมทั้งเจ้าหญิงสุไบดา และเหล่าทหารชั้นผู้ใหญ่มารอรับเสด็จพระชายาเป็นฝ่ายเข้าไปทักทายและขอบใจนายพลมุสกัต ถ้าไม่ได้เขาคงจะไม่มีวันนี้


“คนสำคัญที่สุดมิใช่ข้าพระองค์ แต่เป็นท่านราชองครักษ์นายแพทย์ชารีฟพระเจ้าข้า”

“คนนั้นต้องยกไว้ แต่ถ้าพูดในวงกว้างคือท่าน...เดี๋ยวเราจะไปเฝ้าองค์อาหเม็ด”

“พระองค์เสด็จโรงพยาบาลพระเจ้าข้า”

มิเชลล์หันขวับมามอง เห็นพระชายาถามบางอย่างกับนายพลมุสกัต เธอพยายามเงี่ยหูฟัง แต่เสียงเบามากได้ยินไม่ถนัด มั่นว่าเรื่องที่คุยกันต้องไม่พ้นเรื่องชารีฟ ขยับจะเข้าไปหา นายพลมุสกัตหันมาเห็น รีบคำนับพระชายาแล้วผละจากไป มิเชลล์มองตามสีหน้าเป็นกังวล จากนั้น พระชายาเข้าไปทักทายและแสดงความ

เสียใจกับเจ้าหญิงฟารีดาที่ยืนหน้าตาหม่นหมอง เจ้าหญิงสุไบดาซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆเหลือบมองมิเชลล์อึดใจหนึ่งก่อนจะหันมาตัดพ้อพระชายาที่ไม่ทักทายตนบ้าง

“ก็หม่อมฉันเห็นเจ้าพี่ฟารีดาพระพักตร์เศร้านัก สบายดีหรือเพคะเจ้าน้าสุไบดา”

“ลูกชายเจ็บแทบตายจะหาความสบายมาจากไหน” เจ้าหญิงสุไบดาพูดจบ ปรายตามองมิเชลล์อีกครั้งคนถูกจ้องขยับตัวอย่างไม่สบายใจนักกับสายตาสำรวจตรวจตราของพระองค์...

ฝ่ายมิเชลล์ร้อนใจอยากรู้ข่าวคราวของชารีฟ มาซุ่มรออยู่ตรงจุดที่นายพลมุสกัตจะเดินผ่าน พอได้ยินเสียงเขาคุยกับทหารคุ้มกันแว่วเข้ามา เธอถลาออกมาดักหน้าไว้ ท่านนายพลโบกมือให้ทหารคุ้มกันหลบไปก่อน

“บอกดิฉันเถิดท่านนายพลมุสกัต ดิฉันฟังได้ทุกอย่างไม่ว่าชารีฟจะเจ็บหนักหรือสิ้นชีวิตไปแล้ว...เขาอยู่ที่ไหน ทำไมดิฉันจึงไม่ได้พบเขาเสียที ดิฉันรับรู้ได้ทุกอย่าง องค์อาหเม็ดเสด็จโรงพยาบาลทำไม เขาตายแล้วใช่ไหมท่านนายพล องค์โอมานฆ่าเขาใช่ไหม” มิเชลล์ถามเป็นชุด นายพลมุสกัตยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไร เธอชิงพูดตัดหน้าเสียก่อนว่าถ้าชารีฟแค่บาดเจ็บ ทำไมทุกคนถึงมีท่าทีแปลกๆ

“ท่านราชองครักษ์บาดเจ็บจากการต่อสู้กับองค์โอมาน โรงพยาบาลและคณะแพทย์กำลังรักษาท่านจนสุดความสามารถ อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว” นายพลมุสกัตมองมิเชลล์ด้วยความเห็นใจ...

แม้จะใจชื้นที่รู้ว่าชารีฟปลอดภัย แต่มิเชลล์ยังเป็นกังวลว่าการที่ตัวเองเป็นคนต่างชาติต้องสร้างอุปสรรคให้กับความรักของเราสองคนแน่นอน ยิ่งคิดถึงสายตาของเจ้าหญิงสุไบดาที่จ้องมองตนเองแล้วยิ่งไม่สบายใจ

“ชารีฟ ฉันคิดถึงท่าน อยากไปหาท่านเหลือเกิน” มิเชลล์พึมพำน้ำตาคลอ

ooooooo

ในขณะเดียวกัน องค์อาหเม็ดซักถามหมอเจ้าของ ไข้ว่าอาการของชารีฟเป็นอย่างไรบ้าง หมอรายงานว่าบาดแผลที่หน้าอกกับที่ซอกคอค่อนข้างฉกรรจ์ อีกนิดเดียวก็จะถึงเส้นเลือดใหญ่ที่เข้าหัวใจ ผู้ป่วยเสียเลือดมากจึงต้องให้เลือด องค์อาหเม็ดขู่ แกมหยอกว่าจะต้องรักษาชารีฟให้หาย ถ้าไม่หายหมออาจจะเจ็บตัวเสียเอง

“พระเจ้าข้า ข้าพระองค์และหมอทั้งโรงพยาบาลรับสนองพระบรมราชโองการพระเจ้าข้า”

“ขอบอกให้รู้ทั่วกันว่าพันเอกชารีฟน้องชายของเราคนนี้ จะได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษ เราไม่สามารถได้ บัลลังก์คืนถ้าไม่มีสองแขนและเลือดเนื้อของเขาค้ำจุนอยู่” องค์อาหเม็ดมองไปยังชารีฟที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเป็นกังวล แล้วเข้าไปกระซิบเรียก ชารีฟขยับเปลือกตาเหมือนจะได้ยิน ทำให้พระองค์คลายความกังวลลงเล็กน้อย ก่อนจะหันไปถามหมอว่าคนป่วยรู้ตัวไหม หมอเองก็ไม่แน่ใจ ถ้ารู้ตัวก็คงจะรางเลือนเต็มที ตอนนี้ถือว่าคนป่วยพ้นขีดอันตรายแล้ว

“ก็ยังดี...คราวนี้เราไม่พูดเล่น ถ้าเขาไม่หาย หมอต้องเจ็บด้วย” องค์อาหเม็ดเสียงเข้ม สีหน้าไม่ยิ้มแย้มเหมือนเมื่อครู่ ทำเอาพวกหมอเสียวสันหลังตามๆกัน...

ทันทีที่กลับจากโรงพยาบาล องค์อาหเม็ดตรง ไปหาพระชายาที่ตำหนักใน เล่าอาการของชารีฟให้ฟังว่าเจ็บหนักมากแต่พ้นขีดอันตรายแล้ว เหลือแค่ขั้นตอน การรักษา พระชายาโล่งใจที่เขาปลอดภัย องค์อาหเม็ดเองก็สบายใจขึ้น แต่ยังเป็นกังวลเรื่องความรักของชารีฟกับมิเชลล์ อาจถูกเจ้าหญิงสุไบดาขัดขวาง

“ทรงทราบได้อย่างไรว่าเจ้าน้าสุไบดาจะขัดขวางเรื่องนี้”

“หนึ่ง เพราะรู้จักเจ้าน้าดีว่าทรงเคร่งครัดเรื่องประเพณี เหลือเกิน เจ้าน้ายอมหักไม่ยอมงอทุกครั้ง ได้ยินคนเล่าว่า มีเรื่องกับโอมาน...โอมานยังต้องแพ้”
พระชายาขอเหตุผลข้อที่สอง องค์อาหเม็ดไม่มีให้ แต่สรุปสั้นๆว่าถ้าอยากจะช่วยเหลือคู่รักคู่นั้นองค์ชายาคงต้องออกแรงเหนื่อยหน่อย แต่ยังมีเวลาให้คิดวางแผนอีกหลายวันกว่าชารีฟจะหาย แล้วขยับจะไป มิเชลล์พรวดพราดเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวอาญา เพราะร้อนใจอยากรู้อาการของชารีฟ

“ขอพระราชทานอภัยที่หม่อมฉันเข้ามาไม่ขอ พระราชทานอนุญาต แต่ว่า...”

“ยินดีที่ได้พบมาดมัวแซลล์เดอลาโรนีส์” องค์อาหเม็ดตรัสเสร็จ ผลุนผลันออกไปทันที มิเชลล์มองตามน้ำตาคลอเบ้า พระชายาสงสารและเห็นใจเธอมาก จูงมือมานั่งใกล้ๆพลางปลอบใจ

“ผู้หญิงที่จะเป็นเมียชารีฟ คุณสมบัติสำคัญอย่างหนึ่งคือ ต้องเข้มแข็งมากกว่าผู้หญิงธรรมดา”

ooooooo

องค์อาหเม็ดคอยถามข่าวคราวของชารีฟอยู่ตลอด พอรู้ว่าอาการดีขึ้นพูดคุยได้แล้วจึงแวะไปเยี่ยมอีกครั้งหนึ่ง เห็นเขามีสีหน้าแจ่มใสแต่ยังดูอิดโรย ถามด้วยความเป็นห่วงว่าหายเจ็บหรือยัง

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า พอบรรเทาแล้วพระเจ้าข้า”

พระองค์วางมือบนไหล่ชารีฟ “ขอบใจมากชารีฟ แผลใหญ่นะ ก็มีดวงเดือนนี่ใครมือไม่ถึงก็ไม่ต้องคิดอะไร จัดพิธีศพได้ โดยเฉพาะดวลกับโอมาน”

ชารีฟถ่อมตัวว่าเป็นเพราะพระปรีชาของพระองค์ต่างหากที่สั่งให้เขาฝึกฝนใช้มีดนั่น องค์อาหเม็ดสั่งให้เขาเล่าเหตุการณ์ตอนที่ต่อสู้กับองค์โอมานให้ฟังว่าทำไมถึงกลายเป็นสู้กันด้วยมีดไม่ใช่ถูกฆ่าบนเตียงผ่าตัด ชารีฟเล่าว่าองค์โอมานรู้แผนการของเราแล้ว เขาสงสัยตั้งแต่วันที่ส่งวิทยุเพราะรหัสลับไม่ถูกต้อง แต่ก็ตัดสินใจเข้าไปพบเพราะเดาว่าคนอย่างองค์โอมานมีศักดิ์ศรีพอตัว คง ไม่ถือโอกาสฆ่าคนที่เหมือนลูกไก่ในกำมือ

“ข้อนี้ต้องยกย่องโอมาน คงท้าดวลมีดวงเดือนและเจ้ารับคำท้าทั้งๆที่รู้ว่านั่นคือความตายเท่านั้น”

“ข้าพระองค์คิดถึงฮิลฟารา คิดถึงประชาชน คิดถึงองค์อาหเม็ด ตั้งใจไว้ว่าจะใช้สติทุกลมหายใจ ตอนนั้นข้าพระองค์ใกล้หมดสติ องค์โอมานฟาดดาบลงมาเต็มแรง ข้าพระองค์นั่งลงดาบพลาดไม่ถูก จึงแทงสวนขึ้นไป”

องค์อาหเม็ดซาบซึ้งใจมาก ตบหัวชารีฟเบาๆขอบใจเขาอีกครั้งที่ช่วยค้ำจุนราชบัลลังก์ไว้ และกำชับให้รักษาตัวให้หายเร็วๆ พระองค์จะจัดพิธีฉลองปูนบำเหน็จความดีความชอบให้ ชารีฟอยากจะถามเรื่องมิเชลล์แต่ไม่กล้า พระองค์เหมือนจะอ่านใจเขาออก บอกว่าพวกฝ่ายในกลับจากโอเอซิสหมดแล้ว สายตาของชารีฟบ่งบอกว่าอยากเจอหญิงคนรักเหลือเกิน

“เห็นใจ...เห็นใจมาก แต่ยังให้มาพบไม่ได้รอก่อน” องค์อาหเม็ดตบไหล่ชารีฟเบาๆก่อนจะออกจากห้องเจอนายพลมุสกัตคอยส่งเสด็จอยู่หน้าห้อง กระซิบให้เข้าไปช่วยปลอบใจชารีฟที่คิดถึงมิเชลล์ใจจะขาดอยู่แล้ว เขายิ้มขำ คำนับพระองค์แล้วเปิดประตูห้องพักฟื้นเข้าไป องค์อาหเม็ดพลอยยิ้มไปด้วย
ที่มา:ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น