ทั้งอดิศวร์ ลานนา ภูไทและพันธ์สูรย์สีหน้าสลดหดหู่เมื่อได้ฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากปากหลวง พ่อของพันธ์สูย์ โดยเฉพาะพันธ์สูรย์ถึงกับพึมพำน้ำตาคลอว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่าปู่พันของตนเอง จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของคุณพลับพลึง
“หลวงพ่อเองก็รับรู้ เรื่องราวเหล่านี้มาเหมือนกัน แต่ความกตัญญูที่ท่านผู้หญิงเคยให้ข้าวแดงแกงร้อนและความกลัวว่าอาพิศจะมี ความผิด เลยต้องปิดปากเงียบ”
“ตอนนั้นหลวงพ่อยังเด็กนี่คะ”
“ที่ เขาพูดว่าสวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจนั้นเป็นความจริงโยมพันพ่อของอาตมากลาย เป็นคนอมทุกข์จนตลอดชีวิต ถึงแม้บั้นปลายท่านจะบวชอุทิศตนให้พระศาสนา แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ท่านสงบเลย อาตมาก็เหมือนกัน พอพันธ์สูรย์โตพอที่จะรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ ก็ออกบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ท่านเจ้าคุณกับคุณพลับพลึงตลอดจนเจ้ากรรมนาย เวรทั้งหลาย” หลวงพ่อเริ่มไอเนื่องจากใช้เสียงมากและอาการอาพาธยังไม่ทุเลาดี
“หลวง พ่อพักผ่อนก่อนดีกว่าครับ” อดิศวร์แนะหลวงพ่อปลงได้แล้วว่าอีกไม่นานท่านก็จะได้พักผ่อนตลอดไป ห่วงก็แต่พันธ์สูรย์ซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย ขอให้อดิศวร์อโหสิกรรมให้เขาด้วย อดิศวร์เองก็ขออโหสิกรรมแทนคุณย่าของตนเช่นกัน
ooooooo
ใน เวลาไล่เลี่ยกัน ท่านผู้หญิงสรรักษ์ฝันร้ายเห็นผีคุณพลับพลึงมาหาอีกเช่นเคย แม้เป็นเพียงการงีบหลับถึงกับสะดุ้งตื่นร้องหาหลานชายลั่นบ้าน อุษากับอุไรได้ยินเสียงเอะอะรีบวิ่งเข้ามาดู ท่านสั่งการ ให้ไปตามอดิศวร์มาพบ อุษาหันไปพยักพเยิดให้อุไรไปตามแล้วเข้าไปช่วยพยุงท่านให้นั่งพิงพนักเตียง นอน
“นังพลับพลึงมันมาอีกแล้ว ทำไมมันไม่รู้จักไปผุดไปเกิดเสียที ยามอยู่มันก็ทำให้ฉันทุกข์เหลือเกิน ยามตายยังจะมาหลอกหลอนฉันอีก” ท่านผู้หญิงสรรักษ์คร่ำครวญด้วยความเคียดแค้น อุษาปลอบว่าแค่ฝันไปเท่านั้นเอง ท่านยืนยันว่าไม่ได้ฝัน เห็นเหมือนที่ท่านเจ้าคุณสรรักษ์เคยเห็น สั่งให้อุษาไปหยิบพระเครื่องจากโต๊ะหัวเตียงมาให้ แล้วเอาพระองค์นั้นยื่นไปข้างหน้า แกว่งไปมาอย่างท้าทาย
“มาเลย นังพลับพลึง มาเลย ฉันมีพระ ฉันไม่กลัวแก เก่งจริงก็เข้ามาเลย”
“คุณย่าขาไม่มีใครเข้ามาหรอกค่ะ คุณย่าน้อยก็ไม่เคยมา”
ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ตวาดเสียงเขียวว่าอย่ามาเถียง นังนั่นมาหาท่านแทบทุกคืน อุษาตาเซ่อเองถึงมองไม่เห็น แล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แต่อยู่ๆก็หยุด เปลี่ยนเป็นร้องไห้คร่ำครวญว่าเมื่อไหร่นังพลับพลึงจะไปผุดไปเกิดเสียที อุษาปลอบใจจนคุณย่าสงบแล้ว จึงขอตัวออกไปเตรียมอาหารให้ ทันทีที่ออกจากห้อง แสงแขซึ่งรอท่าอยู่ ลากตัวอุษาไปหลบมุม ก่อนจะถามอย่างร้อนรนว่าคุณย่าพูดอะไรบ้าง พอรู้ว่าท่านโวยวายเรื่องเดิมๆที่เห็นคุณย่าน้อยตามมาหลอกหลอน ไม่ใช่ปูดเรื่องอุ้มวิรงรองไปขังให้ตายก็ถอนใจโล่งอก
“พี่อุษาจะไปทำ อะไรก็ไปเถอะ แขจะดูคุณย่าให้เอง” แสงแขว่า แล้วเปิดประตูห้องเข้าไปหน้าตาเฉย ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่พอใจที่เธอไร้มารยาทเข้าห้องคนอื่นไม่รู้จักเคาะประตู ตะคอกถามว่าเข้ามาทำไม
“เข้ามาคุมคุณย่าไม่ให้สติแตกไงคะ ถ้าคุณย่าสติแตกขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็เข้าคุกยกเข่งเลย แล้วไอ้ที่เอาเรื่องคุณย่าน้อยมาเรียกร้องความสนใจน่ะ เลิกเสียทีเถอะค่ะ”
ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ยืนยันว่านังพลับพลึงมาหาจริงๆ แสงแขไม่เชื่อหาว่าคิดไปเอง ท่านเหลียวมองไปรอบๆห้อง ก่อนจะประกาศให้ผีพลับพลึงช่วยมาหลอกหลอนแสงแขให้ทีจะได้เชื่อว่าเป็นเรื่อง จริง
“เอ๊ะ คุณย่านี่ พูดออกมาได้ ดูสิขนลุกหมดเลย”
“ไหนว่า ไม่กลัวไงล่ะ” ท่านผู้หญิงสรรักษ์แสยะยิ้ม แสงแขคุยโม้ว่าไม่ได้กลัว แต่ไม่อยากเห็น ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด ท่านว่าผีนังพลับพลึงรับคำร้องขอของท่านแล้ว เราสองคนจะได้โดนผีหลอกเหมือนกัน แล้วหัวเราะชอบอกชอบใจ แสงแขต้องเอามือปิดหู ไม่ต้องการได้ยินเสียงหัวเราะของท่าน...
ดึก คืนเดียวกัน ขณะท่านผู้หญิงสรรักษ์กำลังนอนหลับอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงท่านเจ้าคุณสรรักษ์มาเรียกท่านให้ลุกออกมาจากห้องตามเสียงเรียก ไปราวกับถูกสะกดจิต อุษาซึ่งนอนเฝ้าอยู่หน้าเตียงหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งสิ้น เสียงเรียกนั้นนำท่านผู้หญิงขึ้นบันไดวนที่พาไปยังห้องใต้โดม
ทันใด นั้น ผีของท่านเจ้าคุณสรรักษ์และคุณพลับพลึงในสภาพน่าเกลียดน่ากลัวปรากฏขึ้นตรง หน้า ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตกใจ ผงะหงายหลัง กลิ้งตกบันไดลงมากองกับพื้น ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีด และสิ้นลมในที่สุด เสียงกรีดร้องและเสียงโครมครามปลุกคนทั้งบ้านให้ตื่นขึ้น...
การ ตายอย่างน่าอเนจอนาถของท่านผู้หญิงสรรักษ์ทำให้แสงแขกลัวจัด ต้องลากโอบเข้าไปนอนเป็นเพื่อน ทีแรกเธอทำท่าจะไม่ยอมนอนด้วย แสงแขต้องขู่สารพัด โอบถึงยอมทำตามคำสั่ง...
ด้านอดิศวร์นำศพของคุณ ย่าไปไว้ที่ห้องของท่าน และขอให้ท่านอโหสิกรรมให้ อุษาเห็นเขาเหนื่อยมาทั้งวัน จึงบอกให้พักผ่อนได้แล้ว เธอกับอุไรจะเฝ้าคุณย่าเอง อุไรสะดุ้งโหยงรีบขอสละสิทธิ์
“ไม่ต้อง คืนนี้คุณย่าจะอยู่ที่โดมทองของท่านเป็นวันสุดท้าย พรุ่งนี้ก็ต้องย้ายท่านไปที่วัดแล้ว พี่จะอยู่กับท่านเอง...พี่จะเอางานมาทำในนี้ อุษาอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา”
อุไรมองตามเจ้านาย หนุ่มออกจากห้อง แล้วเหลือบมองไปยังร่างไร้วิญญาณของท่านผู้หญิงที่นอนห่มผ้าอยู่บนเตียงราว กับนอนหลับ พลันท่านลืมตาโพลงขึ้นมา อุไรตกใจแทบสิ้นสติโดดกอดอุษาหลับตาปี๋ ละล่ำละลักว่าท่านผู้หญิงลืมตามองเธอ อุษารำคาญดันตัวอุไรให้เข้าไปดูท่านใกล้ๆ ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ เธอกลัวจัดไม่กล้าดู พนมมือสวดมนต์สารพัดบทสวดที่จะนึกขึ้นได้ อุษาได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาใจ...
แสงแขกับโอบโดนผีคุณพลับพลึงหลอก หลอนตามคำเชื้อเชิญของท่านผู้หญิงสรรักษ์โดยมาปรากฏตัวอยู่บนหัวเตียง จ้องมองแสงแขเขม็ง เธอจะลุกหนีก็ลุกไม่ขึ้น จะร้องก็ร้องไม่ออก ได้แต่นอนตะลึงอยู่อย่างนั้น
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น อดิศวร์โทร.บอกข่าวร้ายให้พิณทอง รับรู้ เธอแสดงความเสียใจกับเขาด้วย
ฝ่ายแสงแขอุตส่าห์แย่งถาดใส่อาหารเช้าที่ อุษาเตรียมให้อดิศวร์ไปจากมือแล้วเอาไปให้เขาด้วยตัวเอง แต่เขากลับไม่อยากกิน เพราะกำลังเร่งรีบจะต้องนำคุณย่าไปไว้วัด เธอพยายามตื๊อให้เขากินอะไรก่อน แต่ไม่สำเร็จ ได้แต่มองตามอดิศวร์เดินจากไปอย่างหงุดหงิด ถือถาดใส่อาหารเช้ากลับมาที่ห้องตัวเอง
สักพัก โอบตามเข้ามาในห้อง ถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลว่า ถ้าวิรงรองเกิดเปิดโปงพวกเราขึ้นมาจะทำอย่างไรกันดี แถมยังมีผีคุณพลับพลึงตามมาหลอกพวกเราอีก แสงแขสั่งให้เธอหุบปาก
“แกอย่าเที่ยวพูดไปนะ เดี๋ยวคนจะสงสัยว่าคุณย่าน้อยมาหลอกเราทำไม”
“คุณ แขขา นี่แสดงว่าผีคุณพลับพลึงเป็นพวกเดียวกับแม่วิรงรองใช่ไหมคะ...ตายแล้วเรามิ ถูกหักคอตายหรือคะ ท่านผู้หญิงที่ว่าแน่ๆยังไม่รอด แล้วอย่างคุณแขกับโอบจะเหลือหรือ”
แสงแขสั่งห้ามโอบโวยวาย แล้วไล่ให้เอาชุดดำของเธอไปรีดให้หน่อย อีกสักครู่เธอต้องตามไปที่วัด ไม่อย่างนั้นจะมีคนสงสัย โอบกลัวจัดขอตามไปด้วย
ooooooo
กว่า พิชญ์จะมีโอกาสได้ขออนุญาตปรางคุยกับวิรงรองตามลำพัง ก็เป็นวันที่เขากับพิณทอง และพ่อแม่ของเธอกำลังจะกลับกรุงเทพฯ เขาแสดงความยินดีกับเธอด้วยที่จะแต่งงานกับอดิศวร์ในอีกสามเดือนข้างหน้า เธอเตือนเขาห้ามลืมมาร่วมงานเด็ดขาด
“ผมต้องมากับพิณอยู่แล้ว ผมไปล่ะ ป่านนี้ทุกคนคงพร้อมแล้ว”
วิรงรอง ตามไปส่งพิชญ์กับครอบครัวที่รถจนแล่นลับสายตา อดิศวร์โอบไหล่เธอเข้ามาใกล้อย่างรักใคร่ แล้วพากันเดินเข้าบ้าน แสงแขซึ่งแอบมองมาจากระเบียงชั้นบน เห็นภาพบาดตาถึงกับกัดปากแน่นน้ำตาไหลพราก จ้ำพรวดๆเข้าไปในห้องของท่านผู้หญิงสรรักษ์ด้วยความหงุดหงิด
“คุณย่า ไม่แน่จริง นังวิรงรองมันกำลังจะแต่งงานกับคุณลบเท่ากับคุณย่าแพ้ซ้ำซาก แพ้คุณย่าน้อยพลับพลึงแล้วก็มาแพ้วิรงรอง สมน้ำหน้า...อยากไม่มีน้ำยา คนที่คุณย่ารักถึงได้ถูกแย่งไปหมด แต่แขไม่ใช่พวกขี้แพ้ แขจะไม่มีวันยอมให้คนที่แขรักถูกแย่งไปเด็ดขาด”
มีเสียงใครบางคน หัวเราะเบาๆดังขึ้นจากมุมมืดของห้อง แสงแขประกาศก้องว่า ทำแบบนี้แล้วคิดว่าตนจะกลัวหรือ ตอนคุณย่ามีชีวิตอยู่ยังไม่กลัว นับประสาอะไรจะกลัวซากของท่าน และยืนยันจะต้องแต่งงานกับอดิศวร์ให้ได้ เสียงหัวดังขึ้นอีก แทนที่จะกลัวแสงแขกลับหัวเราะแข่งด้วยเสียงลั่นไปหมด ทันทีที่เธอออกจากห้อง เงารางๆของท่านผู้หญิงสรรักษ์ปรากฏขึ้นตรงมุมมืดนั้น...
ฝ่ายโอบแปลก ใจเมื่อเห็นแสงแขออกมาจากห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ ถามว่าเข้าไปในนั้นไม่กลัวผีหรือ เธอท้าทาย ต่อให้ยกมาเป็นกองทัพผีก็ไม่กลัว โอบมองซ้ายมองขวาก่อนจะกระซิบ
“คุณแขคะ แล้วแม่วิรงรองทำไมไม่พูด...”
“แก อยากให้มันพูดหรือ” แสงแขไม่รอคำตอบ เดินยิ้มแสยะออกไป โอบรีบตาม ขณะที่สองนายบ่าวกำลังจะไปที่ห้องของแสงแขเจอวิรงรองเดินสวนมาพอดี นัยน์เธอจับต้องที่ทั้งคู่เขม็ง โอบหลบสายตาอย่างมีพิรุธ
“ระยะหลังๆมานี่ เราไม่ค่อยได้พบกันเลยนะคะคุณแสงแข”
“แกหาว่าฉันหลบหน้าแกหรือ” แสงแขแหวใส่ทันที วิรงรองทักท้วงว่ายังไม่ได้พูดสักคำว่าหลบหน้า
“ไม่ มีจริงๆด้วยค่ะ” โอบพูดไม่ทันคิด แสงแข มองเธออย่างไม่พอใจ แล้วหันไปท้าทายวิรงรองถ้าอยากจะฟ้องอดิศวร์หรือแจ้งตำรวจก็เชิญตามสบาย ตนไม่กลัวเพราะชีวิตตนไม่เหลืออะไรอีกแล้วสะบัดหน้าเดินจากไปอย่างไม่ยี่หระ โดยมีโอบตามไปติดๆ ทันทีที่ถึงห้องตัวเอง แสงแขตบหน้าโอบที่ตามเข้ามาจนเซถลา ชี้หน้าอย่างเกรี้ยวกราดว่าคิดจะทรยศตนใช่ไหม แล้วคว้าคอเธอดันไปติดผนังห้อง
“โอบกลัวแล้วค่ะ...คุณแขขา...โอบกลัว แล้ว...โอบจะไม่ทรยศคุณแข อย่าทำอะไรโอบเลยค่ะ” โอบหายใจติดๆขัดๆ แสงแขจ้องหน้าเธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อก่อนจะปล่อยมือ...
ตกดึก แสงแขฝันว่าได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชื่อ ตนเองดังฝ่าความเงียบสงัด หญิงสาวงัวเงียลืมตาขึ้นมองตามเสียงเห็นผีท่านผู้หญิงสรรักษ์ยืนหน้าตาถมึง ทึงอยู่ในมุมสลัวของห้อง ร้องบอกด้วยเสียงดังลั่น
“ฆ่ามัน อย่าปล่อยให้มันแย่งตาลบไปได้ ฆ่ามัน”
แสง แขสะดุ้งตื่น เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟหัวเตียง กวาดตามองไปรอบๆอย่างหวาดหวั่นแต่ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ เธอถอนใจโล่งอกที่เป็นเพียงแค่ความฝัน แล้วขยับตัวพิงพนักหัวเตียง พลันมีเสียงท่านผู้หญิงสรรักษ์ดังขึ้นอีกครั้ง คำพูดเหมือนในฝันไม่มีตกหล่น แววตาของแสงแขเป็นประกายเหี้ยมขึ้นทันทีราวกับถูกสะกด
ooooooo
โอบ เหมือนวัวสันหลังหวะ พอถูกวิรงรองแกล้งทักเข้าหน่อยก็วิ่งหน้าตื่นไปหาแสงแข ถามอย่างร้อนรนว่าทำไมป่านนี้วิรงรองถึงยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสงแขแหวใส่ทันทีว่าอยากจะเข้าคุกใช่ไหมถึงได้อยากให้นังนั่นพูด โอบปฏิเสธเสียงสั่นว่าเปล่า
“เปล่าก็อย่าทำบ้าบอแบบนี้อีก ไสหัวไป...แล้วถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมาวุ่นวายกับฉัน” แสงแขดันโอบออกจากห้องปิดประตูใส่หน้า ครุ่นคิดหาทางตัดไฟแต่ต้นลมก่อนที่วิรงรองจะปูดว่าเธออยู่เบื้องหลังแผนอุ้ม ครั้งนั้น...
คืนนี้เป็นคืนวันเพ็ญ โดมทองสว่างนวลด้วยแสงจันทร์ แต่ยังคงมีหมอกบางๆปกคลุมไปทั่ว วิรงรองกับอดิศวร์นั่งอยู่ที่โต๊ะสนามหน้าคฤหาสน์ ทอดสายตาไปยังห้องใต้โดมเหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง หลังจากนั่งเงียบๆกันมาพักใหญ่ อดิศวร์ฟันธงว่าคุณปู่กับคุณย่าน้อยคงไม่มาปรากฏตัวอีกแล้ว เพราะในที่สุดพวกท่านก็ได้อยู่ด้วยกันเหมือนกับเราสองคนที่กำลังจะแต่งงาน กัน
“วกเข้ามาจนได้ ไม่เห็นจะเหมือน” วิรงรองมองค้อนอย่างน่าเอ็นดู
“ก็เหมือนตรงที่เราได้อยู่ด้วยกันในที่สุดไง”
พลัน มีเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น ท่านเจ้าคุณสรรักษ์บังคับรถม้าตรงเข้ามาโดยมีคุณพลับพลึงนั่งอยู่เคียงข้าง แล้วเคลื่อนผ่านหน้ากับอดิศวร์กับวิรงรองหายเข้าไปในสายหมอก หญิงสาวเอนตัวซบหน้าอกอดิศวร์ยิ้มอย่างมีความสุขในที่สุดท่านทั้งสองก็สม หวัง หลังจากเฝ้ารอกันและกันมาเนิ่นนาน
ooooooo
“ฉันก็ไม่ได้หวังว่าคุณจะมาสำนึก อะไรหรอก แต่ที่ตัดสินใจไม่พูดก็เพราะเห็นว่าเกิดเรื่องร้ายๆในโดมทองมามากพอแล้ว อีกอทย่าง คุณเป็นน้องของพี่อุษา ฉันไม่อยากให้พี่อุษาเสียใจ ส่วนคุณจะนึกอย่างไรก็ช่างคุณ” วิรงรองพูดจบ ผละจากไป แสงแขเข่นเขี้ยวด้วยความแค้น ประกาศลั่นถ้าโลกนี้มีตนก็ต้องไม่มีคนชื่อวิรงรอง...
ด้านวิรงรอง เดินมาเจออุษาพอดี จึงเล่าเรื่องที่แสงแขบอกว่ากำลังทำซุปให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์ที่ตายไปแล้ว ฟัง และแนะให้ลองปรึกษากับอดิศวร์หาทางพาแสงแขไปรักษา อุษาขอร้องวิรงรองอย่าบอกเรื่องนี้กับเขา เธอไม่อยากสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้เขาอีก และที่สำคัญเธอปรึกษาเรื่องนี้กับพันธ์สูรย์แล้ว
“นั่นแน่ะ งั้นวิก็รับปากด้วยความเต็มใจเลยค่ะ เดี๋ยววิจะขออนุญาตคุณอดิศวร์ให้คุณพันสูรย์มากินข้าวกลางวันด้วย...วิไปละ นะคะ” วิรงรองเดินฉีกยิ้มออกไปทันที โดยไม่ฟังเสียงทัดทานอย่างเขินอายของอุษา...
ทางฝ่ายอดิศวร์เปลี่ยน ทัศนคติที่มีต่อพันสูรย์ไปสิ้นตั้งแต่ได้ฟังความเป็นมาเป็นไปในโดมทองจาก หลวงพ่อของพันสูรย์ จึงอนุญาตให้วิรงรองชวนเขามากินมื้อเที่ยงด้วยกันได้ เธอกราบที่อกอดิศวร์เป็นการขอบคุณ เขาอ้อนว่าขอบคุณคู่หมั้นทั้งทีทำให้ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ แล้วยื่นหน้าเข้าไปจะหอมแก้ม
ทั้งคู่มัวแต่หวานใส่กันไม่ทันสังเกต เห็นแสงแขยืนมองมาจากหน้าต่างห้องนั่งเล่นด้วยความริษยา คิดจะกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจให้สิ้นซาก เรียกโอบมาสั่งการให้โทร.ตามอ๊อดไปพบเธอที่เดิมเพื่อนัดแนะแผนการกัน ครั้งนี้เธอจะจ่ายค่าจ้างฆ่าวิรงรอง 3 แสนบาท ส่วนโอบจะได้ค่าโทร.ติดต่อเป็นเงิน 5 หมื่นบาท
“5 หมื่น!...คุณแขไปเอาเงินที่ไหนมาคะ”
แสงแขจะเอาชุดเครื่องประดับที่ยืมมาจากคุณย่าตอนงานเลี้ยงไปขาย แล้วเร่งโอบรีบไปจัดการตามสั่ง...
ไม่ นานนัก อ๊อดมาพบตามนัด คราวนี้แสงแขต้องการให้เขาใช้วิธีลอบยิง ตอนเช้าๆประมาณหกโมงวิรงรองชอบออกมาเก็บดอกพลับพลึงไปปักแจกันให้อดิศวร์ อ๊อดอาศัยช่วงนั้นจัดการได้เลย
“ได้...คราวนี้ต่อให้ดวงแข็งยังไงก็ไม่รอดแน่” อ๊อดยิ้มอย่างย่ามใจ...
ใน เวลาต่อมา ขณะที่แสงแขและโอบกลับเข้าบ้านแต่ต้องชะงักเมื่อเจอวิรงรองซึ่งเดินสวนมา ร้องทักว่าไปไหนกันมา แสงแขสะบัดหน้าผละจากไป โอบรีบตอบคำถามแทน
“ไป เดินเล่นมาค่ะ ขออนุญาตก่อนนะคะ” โอบพูดจบเร่งฝีเท้าตามเจ้านายสาวจนทัน แสงแขไม่พูดพล่าม คว้าแขนบ่าวคนสนิทมาหยิกจนร้องลั่น โทษฐานไปอี๋อ๋อกับศัตรู เธออ้างว่าทักไปอย่างนั้นเอง เพราะวิรงรองกำความลับของพวกเราไว้
“ช่างหัวมันปะไร อย่านึกว่าทำเป็นคนดีแล้ว
ฉัน จะรู้สึกสำนึกบุญคุณ ไม่มีวันเสียล่ะ มันแย่งคุณลบก็เท่ากับพรากเอาชีวิตจิตใจของฉันไป เพราะฉะนั้นชาตินี้มันกับฉันจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ไม่มันตายฉันก็ต้องตาย ฉันเดิมพันคราวนี้ด้วยชีวิต...โอบ...แกได้เงินแล้วก็หลบไปอยู่ที่อื่นเสีย เพราะฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
โอบโผกอดเจ้านายสาวทั้งน้ำตา ยืนยันจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้นจะขออยู่กับเธอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ooooooo
วิรงรอง ออกมาตัดดอกพลับพลึงเหมือนเช่น ที่เคยทำทุกเช้า โดยไม่ล่วงรู้เลยว่าอ๊อดกำลังเล็งปืนมา ที่หัว แต่เนื่องจากเธอก้มๆเงยๆตัดดอกไม้อยู่ตลอดทำให้ไม่ตกเป็นเป้านิ่ง ระหว่างนั้น อดิศวร์ตามมาสมทบ เพื่อจะช่วยหอบช่อพลับพลึงกลับคฤหาสน์ วิรงรองเงยหน้าขึ้นมาเห็น รีบโบกมือให้ กลายเป็นเป้านิ่งทันที
จังหวะ ที่อ๊อดเหนี่ยวไกปืน หญิงสาวขยับตัวพอดี ทำให้กระสุนพลาดเป้าไปโดนหัวไหล่แทน เธอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้น อ๊อดเห็นท่าไม่ดี เผ่นแน่บไปทางป่าละเมาะ ขณะที่อดิศวร์ปราดเข้ามาอุ้มร่างหมดสติของวิรงรองขึ้นมาอย่างใจเสีย ภาวนาขออย่าให้เธอเป็นอะไรไป...
โชคไม่เข้าข้างคนชั่ว อ๊อดวิ่งหนีมาทางที่นายสมกับคนงานกำลังทำงานกันอยู่ด้วยท่าทางมีพิรุธ นายสมตะโกนถามว่านั่นใคร อ๊อดตกใจยิงปืนใส่ไม่ยั้งจนกระสุนหมด จึงทิ้งปืนวิ่งหนี นายสมกับคนงานช่วยกันไล่จับเขาพยายามดิ้นรนต่อสู้ แต่อีกฝ่ายคนมากกว่าสุดท้ายก็หนีไม่รอด...
ในขณะที่อ๊อดถูกจับกุมตัว ไว้ได้ แสงแขรอฟัง ข่าวอย่างกระวนกระวายใจอยู่ในห้องไม่เห็นอ๊อดโทร.มาแจ้งความคืบหน้าสักที ทนรอไม่ไหว สั่งให้โอบโทร.ไปถามเขาว่าสำเร็จตามแผนการไหม โอบรีบทำตามคำสั่งแต่ไม่มีใครรับสายยิ่งทำให้แสงแขนั่งไม่ติดสงสัยว่าเกิด อะไรขึ้น
“เขาอาจจะกำลังหนีก็ได้ค่ะ เลยไม่มีเวลารับโทรศัพท์” โอบตั้งข้อสังเกตแสงแขถอนใจ หนักใจ เดินกลับไปกลับมาสีหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะสั่งให้โอบออกไปสืบข่าวดูครู่ต่อมา โอบลงบันไดมาถึงห้องโถงกลางเห็นอุไรนั่งร้องไห้อยู่ ถึงกับตาโตด้วยความดีใจคิดว่าแผนการสำเร็จทำทีเข้าไปเลียบๆเคียงๆถาม แต่กลับไม่ได้อะไรคืบหน้า อุไรรู้แค่ว่าอดิศวร์พาวิรงรองไปส่งโรงพยาบาล ส่วนอาการจะเป็นอย่างไรคงต้องรอให้เขาโทร.มาบอก
โอบพยักหน้ารับรู้ แล้ววิ่งแจ้นกลับไปรายงานเจ้านายสาวซึ่งโวยวายลั่นว่าทำไมอ๊อดถึงไม่ยิงให้ ทะลุหัวใจไปเลยจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว โอบใจคอไม่ดี ถ้าคราวนี้วิรงรองไม่ตายคงแฉพวกเราแน่นอน
“เดี๋ยวก็คงรู้ว่ามันตายหรือรอด แกออกไปคอยฟังข่าว ถ้ารู้เรื่องอะไรแล้วรีบมาบอกฉัน”
โอบทำตามคำสั่งของแสงแขอย่างไม่ค่อยจะ เต็มใจนัก...
ผ่าน ไปพักใหญ่ โอบกลับมาแจ้งแสงแขอีกครั้งว่าอดิศวร์โทร.มาบอกอุษาว่าวิรงรองปลอดภัย ยัยตัวแสบถึงกับกรีดร้องด้วยความเจ็บใจ ทำไมนังนั่นไม่ตายให้รู้แล้วรู้รอดไป อุษาเดินหน้าเครียดเข้ามาต่อว่าน้องสาว
“แสงแข พี่ไม่นึกเลย...เธอคิดฆ่าคนได้ยังไง”
“อย่ามามั่วนะพี่อุษา ฉันอยู่ของฉันดีๆอย่ามาหาเรื่อง”
“เธอ คงไม่รู้ว่านายสมกับคนงานช่วยกันจับนายอ๊อดพี่ชายของโอบได้ตั้งแต่เกิด เรื่อง นายอ๊อดยังสารภาพอีกว่าเธอเป็นคนล่อวิรงรองออกมาให้มันตีหัว แล้วพาขึ้นไปขังบนห้องใต้โดม ทำไม...ทำไมต้องทำแบบนี้”
“เพราะมัน แย่งของรักของแขไป แขรักคุณลบสุดหัวใจ แต่มันก็มาแย่งไปจนได้ พี่อุษาไม่รู้หรอกหรือว่าแขรู้สึกอย่างไร แขรู้สึกเหมือนมันมากระชากหัวใจของแขไป มันเจ็บปวด...ปางตาย” แสงแขร้องไห้เหมือนใจจะขาดอุษาได้แต่มองน้องอย่างเวทนา ด้านโอบเห็นภัยใกล้ตัวเข้ามา รีบกลับไปเก็บเสื้อผ้าข้าวของยัดใส่กระเป๋าเผ่นออกจากคฤหาสน์ แต่ต้องชะงักหน้าเสีย เมื่อเจออุไรกับนายสมดักรออยู่
ooooooo
ที่มา:http://www.thairath.co.th/ent/novel
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น