วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 12

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 12


เป็นอย่างที่อดิศวร์คาดไว้ไม่มีผิด ไม่ได้มีเพียงลานนาเท่านั้นที่มารอรับวิรงรอง ยังเหน็บภูไทกับพันธ์สูรย์ติดมาด้วย เขาไม่วายแขวะว่ายกกันมาทั้งคุ้มภูไทเลย ไหม ลานนาแขวะตอบอย่างไม่เกรงกลัว

“ไม่หมดค่ะ คนงานเป็นร้อยยังไม่ได้มาด้วย”

อดิ ศวร์จ้องลานนาเขม็ง ก่อนจะแกล้งถามวิรงรองด้วยน้ำเสียงหวานชวนเลี่ยนว่า จะไปกับพวกลานนาจริงหรือ เธอยืนยันหนักแน่นว่าจริง คนจากคุ้มภูไทพากันยิ้มให้อดิศวร์ราวกับจะเย้ยหยัน เขายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ บอกวิรงรองว่าบังเอิญไม่ได้เอากุญแจไขประตูรั้วติดมาด้วย

“ไม่เป็นไร ค่ะ ดิฉันปีนออกไปได้ ไหนๆทุกคนก็อุตส่าห์มารับ ดิฉันไม่อยากให้เสียเวลา” วิรงรองไม่พูดเปล่าขยับจะปีนรั้วออกไปจริงๆ อดิศวร์จำเป็นต้องร้องเรียกนายสมให้ก้าวออกจากมุมมืดมาไขกุญแจให้ ทันทีที่ประตูเปิดหญิงสาวจ้ำพรวดๆออกไปราวกับกลัวเขาจะเปลี่ยนใจ อดิศวร์พูดไล่หลังว่า วันมะรืนจะไปรับ

“ไม่เป็นไรค่ะ เจ้าภูไทมาส่งได้”

“ฉันจะไปรับ” อดิศวร์เน้นทีละคำอย่างหนักแน่น ภูไทเห็นท่าไม่ดี เร่งสองสาวให้รีบไปกันได้แล้ว...

ใน เวลาต่อมา ลานนาหอบชุดนอนกับชุดลำลองเข้ามาให้วิรงรองที่ห้องพักรับรองแขก คิดว่าชุดพวกนี้เธอน่าจะใส่ได้ แล้วพรุ่งนี้เช้าจะให้ภูไทขับรถไปเอาเสื้อผ้าของเธอที่โดมทองมาให้ วิรงรองร้องห้ามลั่น

“โอ๊ย...ไม่ต้องๆใส่ของลานนานี่แหละ อย่าให้พี่ชายต้องลำบากเลย”

“พี่ ชายของลานนาเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อวิ...พี่ชายน่ะซึมไปเลยตั้งแต่คืนที่คุณ อดิศวร์ประกาศหมั้นกับวิ” ลานนาเห็นวิรงรองถอดถอนใจหนักใจ รีบขอโทษที่ทำให้เพื่อนไม่สบายใจ แล้วขยับจะไป วิรงรองเรียกให้อยู่ก่อน

“ขอยืนยันคำเดิมว่า วิไม่ได้รู้เรื่องหมั้นบ้าบอนั่นมาก่อนเลย วิเองก็ตกใจเหมือนกัน”

“แล้ว วิจะทำยังไงต่อไป เรื่องตกกระไดพลอยโจนไม่ใช่นิสัยของวิ นอกจากว่า...วิเต็มใจรับหมั้น” ลานนาเห็นเพื่อนรัก รีบหมุนหัวแหวนที่นิ้วนางซ้ายกลับเข้าข้าง ใน ถึงบางอ้อทันที “เราคิดว่าเราพอจะเข้าใจแล้ว...ก็ดี เหมือนกัน จะได้บอกพี่ชายให้ตัดใจเสียตั้งแต่ตอนนี้ ยอมเจ็บปวดเสียแต่เนิ่นๆ ดีกว่าถลำลงไปอีก” ลานนาพูดจบออกจากห้อง วิรงรองอยากจะเขกหัวตัวเองนัก ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมถึงไม่ปฏิเสธอะไรบ้าง

ooooooo

เช้าวัน ถัดมา อดิศวร์สั่งให้อุษาจัดเสื้อผ้าของวิรงรองใส่กระเป๋าเดินทางให้สัก 3–4 ชุด รวมทั้งชุดนอนด้วยแล้วเอาไปให้นายสม ระหว่างอุษาหิ้วกระเป๋าใส่เสื้อผ้าใบนั้นลงมาถึงโถงกลางบ้าน แสงแขผ่านมาเห็นพอดี ปรี่เข้ามาถามว่า นั่นกระเป๋าวิรงรองไม่ใช่หรือ จะเอาไปทำอะไร

อุษาไม่ตอบ เดินลิ่วเอาไปให้นายสมซึ่งจอดรถรออยู่หน้าตึก แสงแขสาระแนอยากรู้อยากเห็น ตามมาถามนายสมว่า จะเอาของนั่นไปไหน พอรู้ว่าจะเอาไปให้วิรงรองที่คุ้มภูไทถึงกับยิ้มสะใจ

“นึกว่าอะไร ที่แท้ก็ถูกอัปเปหิออกไปนี่เอง”

“ถ้าถูกอัปเปหิก็ต้องขนเสื้อผ้าออกไปให้หมดสิ นี่เอาไปแค่ 3-4 ชุดเอง”

“แม่ทนายใหญ่อุษา แก้ต่างแทนนังวิรงรองเป็นฉากๆเชียวนะ” แสงแขไม่วายแดกดัน

อุษา ขี้เกียจจะต่อปากต่อคำด้วยหันหลังเข้าบ้าน แสงแขมองตามหมั่นไส้ แล้วรีบแจ้นไปหาคุณย่าที่ห้องหวังจะให้ช่วยกันสะใจที่นังมารหัวใจของตนถูก เฉดหัว แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไร ท่านผู้หญิงสรรักษ์ใช้ให้เอากุญแจไปไขหีบเหล็กเพื่อนำผ้ายันต์กันผีที่ท่าน ซุกซ่อนไว้ออกมา

“แกเอาผ้ายันต์นี่ไปปิดที่เหนือประตูโรงเก็บรถ-ม้า แล้วไม่ต้องบอกใคร”

“เอ่อ...ที่โดมทองนี่มีผีด้วยหรือคะคุณย่า”

ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ตวาดลั่นว่าไม่ต้องถาม รีบไปทำตามที่สั่ง แสงแขกลัวหัวหด คว้าผ้ายันต์ออกไปทันทีครู่ต่อมา เธอมายืนอยู่หน้าโรงเก็บรถม้าเก่าคร่ำครึ พอเห็นปลอดคนรีบลากเก้าอี้แถวนั้นมาที่หน้าประตู ยังไม่ทันจะก้าวขึ้นไปยืน มีเสียงดังโครมจากภายในโรงเก็บรถม้า แสงแขถึงกับสะดุ้งโหยง ผงะถอยหลังมาตั้งหลัก

ทุกอย่างกลับเงียบสงัดเหมือนเดิม แสงแขค่อยๆล้วงผ้ายันต์ออกจากกระเป๋า หลับตาพนมมืออธิษฐานขอให้ผ้ายันต์ช่วยคุ้มครอง แล้วกลั้นใจปีนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ มีเสียงลมหายใจฟืดฟาดของม้าดังขึ้นจากด้านใน แสงแขดูที่รอยแตกหน้าประตู ทุกอย่างข้างในนั้นปกติดี เธอยกมือไหว้อีกครั้ง แล้วแปะผ้ายันต์ไว้เหนือประตู เก็บเก้าอี้ไว้ที่เดิมแล้ว
เผ่นแน่บ มีเสียงโครมครามดังขึ้นอีก คราวนี้เหมือนกับอะไรบางอย่างกำลังไม่พอใจ

ooooooo

ใน เวลาไล่เลี่ยกัน เสร็จจากสั่งการกับคนงานเรื่องดอกกล้วยไม้ พันธ์สูรย์รีบเข้าไปถามวิรงรองซึ่งกำลังเดินเล่นอยู่แถวนั้นว่าอุษาเป็น อย่างไร

“ทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่คืนวันงาน แต่อะไรก็ไม่เท่ากับที่คุณอุษาเข้าใจวิผิด มันทำให้วิไม่มีเพื่อนใน โดมทองเลย” วิรงรองหน้าตาหม่นหมองลงทันที พันธ์สูรย์ ยุให้ออกจากที่นั่นถ้าอยู่แล้วไม่มีความสุข เธออ้างว่ามีบางอย่างที่เรียกร้องให้เธออยู่ต่อไป พันธ์สูรย์ถามดักคอว่าใช่อดิศวร์หรือเปล่า วิรงรองส่ายหน้าทันที

“ไม่ใช่ค่ะ แต่เป็นใครอีกคนที่เหมือนเขาเหลือเกิน เหมือนราวกับเป็นคนคนเดียวกัน”

“ท่านเจ้าคุณ” พันธ์สูรย์พึมพำ

“ยังมีคุณพลับพลึงอีกคนค่ะที่เหมือนวิมาก วิเห็นรูปของท่านแล้ว”

ชาย หนุ่มร้องเอะอะจะเป็นไปได้อย่างไร อดิศวร์เหมือนท่านเจ้าคุณก็เพราะว่าเป็นปู่เป็นหลานกัน แต่วิรงรองไม่ได้เป็นอะไรกับคุณพลับพลึงแล้วจะเหมือนกันได้อย่างไร เขาชักอยากเห็นรูปท่านขึ้นมาทันที แต่ต้องผิดหวังเมื่อรู้ว่าท่านผู้หญิงสรรักษ์ฉีกรูปคุณพลับพลึงทิ้งหมด แล้ว...

พันธ์สูรย์เป็นห่วงความปลอดภัยของวิรงรองมาก ยิ่งได้รู้ว่าเธอหน้าเหมือนคุณพลับพลึงยิ่งเป็นกังวล จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับภูไทและยุส่งถ้าเขารักวิรงรองจริงให้รีบแต่งงาน กับเธอ อย่าให้กลับโดมทองอีกเพราะเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย ภูไทหาว่าเขาคิดมาก ท่านผู้หญิงสรรักษ์แก่แล้วจะมีเรี่ยวแรงที่ไหนไปทำอะไรวิรงรองได้พันธ์สูรย์ เตือนว่าอย่าได้ประมาทท่านผู้หญิงสรรักษ์เด็ดขาด

“พันธ์สูรย์ นายรู้อะไรเกี่ยวกับโดมทอง” ภูไทมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างรอคำตอบ แต่เขากลับเลี่ยงไม่ยอมพูดอะไร ขอร้องให้ภูไทเชื่อคำเตือนของเขา อย่าปล่อยวิรงรองกลับไปที่นั่นอีก...

ขณะที่พันธ์สูรย์กับภูไทกำลัง ปรึกษาหารือเรื่องวิรงรองอยู่ที่ออฟฟิศของภูไท นายสมเอากระเป๋าเสื้อผ้าส่งฝากให้วิรงรองที่คุ้มภูไทตามคำสั่งของเจ้านาย...

ฝ่าย อดิศวร์แวะมาดูคุณย่าเช่นเคย อดทักไม่ได้ทำไมวันนี้ดูท่านแจ่มใสขึ้นมาก ได้ความว่าเป็นเพราะนังอัปมงคลนั่นไปจากโดมทองแล้ว และขอร้องหลานรักอย่าให้เธอกลับมาที่นี่อีก อดิศวร์ได้แต่นั่งนิ่ง

“แสงแขจงรักภักดีกับลบมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ย่าจะจัดการให้...”

“ผมหมั้นกับวิรงรองแล้วครับ พรุ่งนี้ผมจะไปรับเธอกลับ”

“อย่า นะ ถ้ารักย่าอย่าให้มันมาเหยียบที่โดมทองนี่เด็ดขาด” ท่านผู้หญิงสรรักษ์โวยลั่น อดิศวร์ขอร้องให้ท่านเปิดใจรับวิรงรองด้วย ท่านทำไม่ได้ เพราะนังนั่นทำลายหัวใจท่านยับเยิน เขาก็รู้แก่ใจดี ท่านจะไม่มีวันยอมรับเธอเด็ดขาด จะขอจองล้างจองผลาญทุกชาติไป...

แสง แขรอจังหวะที่ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน แอบเข้าไปในห้องพักของวิรงรอง เอาชุดนอนของเธอมาสวม ขณะกำลังส่องกระจกดูตัวเอง อดิศวร์ไม่คิดว่าจะมีใครอยู่เปิดประตูผลัวะเข้ามา ต่างฝ่ายต่างตกใจ ชายหนุ่มตั้งสติได้ก่อนสั่งให้เธอเปลี่ยนชุดแล้วกลับไปห้องตัวเองเดี๋ยวนี้ แสงแขไม่ยอมทำตามกลับโผกอดเขาไว้แน่นพร่ำพรรณนาว่ารักเขามากแค่ไหน อดิศวร์พยายามดึงแขนเธอออก แต่เธอยื้อไว้พลางร้องไห้สะอึกสะอื้น

“ทำไมคุณลบไม่รัก ไม่เห็นใจแขบ้าง นังวิรงรองไม่ได้รักคุณลบ มันหวังสมบัติต่างหาก”

อดิ ศวร์หมดความอดทน ลากตัวแสงแขที่ยังคงคร่ำครวญน้ำตานองหน้าออกจากห้องวิรงรองจนได้ สั่งให้หยุดร้องไห้ แล้วกลับไปห้องตัวเอง คิดทบทวนทุก–อย่างให้ดีๆ เราสองคนเป็นพี่น้องกันไม่ใช่อย่างที่คุณย่าอยากให้เป็น แสงแขฝืนใจพยักหน้ารับ เดินคอตกออกไป อดิศวร์ได้แต่มองตามอย่างเวทนา

เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้แสงแขเคียดแค้นและชิงชังวิรงรองเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ...

ดึก คืนเดียวกัน อดิศวร์ฝันเห็นท่านเจ้าคุณสรรักษ์เดินมาหยุดฟังคุณพลับพลึงร้องเพลงนางครวญ สายตาที่ท่านมองเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก แต่แล้วก็มีมือๆหนึ่งมากระชากตัวคุณพลับพลึงอย่างแรง เธอกรีดร้องก่อนร่างจะหายวับไป ท่านเจ้าคุณสรรักษ์ร้องเรียก “พลับพลึง” ลั่น อดิศวร์ตกใจตื่นเหงื่อท่วมตัว พึมพำกับตัวเอง

“คงจะฟังแต่เรื่องพวกนี้มากเกินไปแล้ว”

ooooooo

ใน ระหว่างที่วิรงรองกำลังเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าอย่างเพลิดเพลิน ภูไทมาเห็นพอดี ฉุกคิดถึงคำยุยงของพันธ์สูรย์ที่ว่าถ้าเขารักวิรงรองจริงก็ให้รีบแต่งงานกับ เธอ อย่าปล่อยให้เธอกลับโดมทองอีก เขาตัดสินใจเดินเข้าไปหา เปิดเผยความในใจที่มีต่อเธออย่างไม่อ้อมค้อม วิรงรองถึงกับอึ้ง ทำตัวไม่ถูก

“พี่รู้ว่าน้องวิยังมีพันธะอยู่กับอดิศวร์ พี่จะรอจนกว่าน้องวิจะถอนหมั้นจากเขา”

ขณะ ที่สีหน้าและแววตาของภูไทเต็มไปด้วยความจริงจังและจริงใจ แต่สีหน้าของวิรงรองกลับเป็นตรงกันข้าม ทั้งอึดอัดและไม่สบายใจอย่างยิ่ง...

ด้าน พันธ์สูรย์เห็นท่าทางหนักอกหนักใจของภูไท แล้วพอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น เตือนว่าทีหน้าทีหลังอย่าจริงจังจนเครียดขนาดนี้ ภูไทว่าประชด ลืมไปว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรัก

“ของผมมันคนละกรณีกับของเจ้า...แต่ลงท้ายอาจจะแห้วเหมือนกัน” พันธ์สูรย์ว่าแล้วหัวเราะชอบใจ....

วิรงรอง ถึงกับบ่นอุบเมื่อลานนามาแจ้งว่าอดิศวร์มารับกลับโดมทอง เธอเตือนเพื่อนรักคิดทบทวนให้รอบคอบเสียก่อน เพราะถ้ากลับไปก็เท่ากับยอมรับว่าเป็นคู่หมั้นของเขา วิรงรองเดินไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้ามาเก็บข้าวของแทนคำตอบ แล้วขอร้องลานนาอย่าเพิ่งโกรธเกลียดเพื่อนคนนี้

“วิมีบางสิ่ง บางอย่างรอการคลี่คลายอยู่ที่นั่น ถึงวิไม่กลับไป สิ่งนั้นก็จะตามมาคอยรบกวนให้วิหาความสุขไม่ได้อยู่ดี วิยังไม่ได้เล่าให้ฟังใช่ไหมว่า วิเคยฝันถึงโดมทองตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ แล้วภาพในฝันก็เหมือนจริงไม่มีผิดเพี้ยน ต่างกันแต่ว่าโดมทองในฝันนั่นเป็นคฤหาสน์ร้าง”

“อย่ากลับไปเลยวิ เราไม่ได้ห้ามเพราะไม่เชื่อ แต่ห้ามเพราะเราเชื่อ เชื่อว่ามีสิ่งชั่วร้ายอยู่ที่นั่น”...

วันนี้ เป็นวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ อดิศวร์คิดจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง ระหว่างขับรถพาวิรงรองกลับโดมทองเขาตัดสินใจชวนเธอออกมาเฝ้าดูคนที่เธอเคย บอกว่า


หน้าตาเหมือนเขาขับรถม้ามาหยุดใต้หน้าต่างห้องใต้โดม จะได้เห็นกันไปเลยว่าคนคนนั้นไม่ใช่เขา อดิศวร์จะรออยู่หน้าห้องวิรงรองตอนห้าทุ่มคืนนี้ เธอไม่รีรอตอบ

ตกลงทันทีแล้วเอนหลังพิงพนักที่นั่ง อย่างโล่งใจ...

ห้า ทุ่มตรง วิรงรองพร้อมด้วยกระบอกไฟฉาย ในมือออกมาพบอดิศวร์หน้าห้องตามนัด เขาบอกให้เธอ ทิ้งไฟฉายของเธอไว้บนโต๊ะแถวนั้น แล้วเปิดไฟฉายในมือตัวเอง ก่อนจะจูงมือเธอลงไปข้างล่าง ขณะจะถึงประตูทางออก วิรงรองเหลือบไปเห็นผีพิศยืนมองอยู่ที่มุมสลัวมุมหนึ่งของบ้าน ถึงกับสะดุ้งโหยง กระตุกมืออดิศวร์ไว้

“ดูตรงมุมนั่นสิคะ” เธอชี้มือประกอบคำพูด อดิศวร์ กราดไฟฉายไปยังจุดที่เธอชี้ เห็นแต่ความว่างเปล่า

“ไม่เห็นมีอะไรนี่...เธอเห็นใครวิรงรอง”

“ผู้หญิงแก่ๆแต่งตัวโบราณ ยืนจ้องดิฉันเขม็ง

เลยค่ะ ดิฉันเคยเห็นแกมาหลายครั้งแล้ว”

อดิศวร์ไม่ต้องการเสียเวลากับผีกระจิบกระจอก จะทำให้พลาดผีตนสำคัญแล้วเดินนำวิรงรองออกไป

ข้างนอก ทันทีที่ทั้งคู่คล้อยหลัง ผีพิศปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จ้องตามตาไม่กะพริบ...

ครู่ ต่อมา วิรงรองกับอดิศวร์มาหลบหลังพุ่มไม้ในจุดที่จะมองเห็นทั้งรถม้าและห้องใต้โดม แสงจันทร์นวล ส่องสว่างไปทั่วบริเวณทำให้มองเห็นได้ในระยะไกลพอสมควร ทั้งคู่ซุ่มดูอยู่เป็นนานสองนานแต่ไม่มีวี่แววของรถม้าหรือแม้แต่เสียงเพลง นางครวญ วิรงรองรอจนเผลอหลับเอนหัวพิงไหล่อดิศวร์ไว้

ผ่านไปจนถึงตี หนึ่ง อดิศวร์เริ่มเหน็บกิน จึงขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้เลือดไหลเวียน ทำให้วิรงรองรู้สึกตัวตื่นรีบนั่งตัวตรง ถามว่ากี่โมงแล้ว พอรู้ว่าหนึ่งนาฬิกาของวันใหม่ รีบชะเง้อคอมองบ่นพึมพำ

“ตายจริง ทำไมยังไม่มาอีก”...

ใน ขณะที่วิรงรองกับอดิศวร์ซุ่มรออยู่ด้วยความอดทน ภายในโรงเก็บรถม้า มีเสียงโครมครามคล้ายใคร บางคนพยายามจะบังคับรถม้าให้ออกมา แต่ออกไม่ได้ติดผ้ายันต์ที่ท่านคุณหญิงสรรักษ์สั่งให้แสงแขเอาไปติดไว้

ooooooo

ตี สองแล้ว ทุกอย่างยังคงเงียบเชียบ อดิศวร์เริ่มบ่นว่าป่านนี้ยังไม่เห็นวี่แววอะไรสักอย่าง วิรงรองเองก็ชักจะหงุดหงิด เพราะยิ่งไม่มีวี่แววอะไรก็แสดงว่าเรื่องที่เธอเล่าไม่เป็นความจริงและเขา อาจจะหาว่าเธอโกหก วิรงรองตัดสินใจจะไปดูที่โรงเก็บรถม้าให้รู้ดำรู้แดงไปเลย แล้วเดินนำอดิศวร์ออกไปอย่างรวดเร็ว...

ทันทีที่อดิศวร์กับวิรงรองมา ใกล้โรงเก็บรถม้า ประตูที่สั่นอยู่เมื่อครู่กลับนิ่งสนิท ยิ่งทั้งคู่มาหยุดยืนหน้าประตูคร่ำครึนั่น ทุกอย่างแถวนั้นกลับเงียบสนิท ชวนขนหัวลุก

“เธอจะบอกว่าผีรถม้าอยู่ในนั้นหรือ”

“ดิฉันกำลัง จะบอกว่าคุณคือผู้ชายคนที่ดิฉันเห็น ตอนแรกดิฉันก็คิดอย่างนี้ แต่ต่อมามีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ดิฉันเริ่มเชื่อว่าเป็นวิญญาณคุณปู่ของ คุณ แต่ตอนนี้ดิฉันกลับมาคิดทบทวนใหม่ เชื่อว่าเป็นคุณแน่ๆ”

“แล้วรูปที่เหมือนฉันนั่นล่ะ”

วิรงรอง สรุปว่าเป็นรูปที่อดิศวร์เป็นแบบให้ช่างวาดขึ้นมาเอง และท่านผู้หญิงสรรักษ์ก็เชื่อว่านั่นเป็นรูปของเขา อดิศวร์งงถ้าเป็นอย่างที่เธอว่า เขามีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนั้น เธอกลับย้อนถามเขาด้วยคำถามเดียวกันและมีเพียงเขาเท่านั้นที่ให้คำตอบได้ ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างเอือม–

ระอา ก่อนจะเดินย้อนกลับทางเก่า วิรงรองรีบสาวเท้าตาม โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของใครคนหนึ่งกำลังมองตาม...

วิรงรอง เชื่อว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโดมทองเป็นฝีมือของอดิศวร์ คาดคั้นให้เขาตอบมาให้ได้ว่าทำแบบนี้ทำไม หรือต้องการให้พิชญ์เห็นว่าเธอบ้าจะได้เกลียดชังเธอ เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ คนอย่างเธอไม่มีวันแย่งสามีใครแน่ อดิศวร์หาว่าเธออ่านนิยายฆาตกรรมอำพรางหนักไปเลยเก็บเอามาคิดเป็นตุเป็นตะ

“ตีสามแล้ว กลับไปนอนสงบสติอารมณ์น่าจะมีประโยชน์กว่า” อดิศวร์พูดจบจ้ำพรวดๆเข้าบ้าน โดยมีวิรงรองตามไปติดๆอย่างขัดอกขัดใจ...

เลยตีสามมามากแล้ว แต่วิรงรองยังคงนอนไม่หลับ เดินกลับไปกลับมาอย่างหงุดหงิดและสับสน เฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น

“ถ้า หากเป็นคนละคนจริง แล้วทำไมคืนนี้ คืนที่คุณอดิศวร์อยู่ด้วย เขาคนนั้นถึงไม่ปรากฏตัว” ยิ่งคิดยิ่งปวดสมอง วิรงรองต้องยกมือขึ้นกุมขมับ...

ทางฝ่ายอดิศวร์เองก็ข่มตาหลับไม่ลง เช่นกัน ครุ่นคิดถึงแต่ห้องใต้โดม ทำไมคุณย่าถึงได้กำชับนักกำ–ชับหนาไม่ให้ใครขึ้นไปยุ่มย่าม และทำไมท่านถึงจงเกลียดจงชังคุณพลับพลึงมากมายนัก ซ้ำยังฝันร้ายถึงเธอบ่อยๆ อดิศวร์จะต้องรู้ความจริงให้ได้ ตัดสินใจไปหยิบคีมสำหรับตัดเหล็กพร้อมกับไฟฉายตรงไปยังทางขึ้นห้องใต้โดม ขณะกำลังจะใช้คีมตัดกุญแจ มีเสียงท่านผู้หญิงสรรักษ์ดังขึ้นจากมุมมืด “ลบจะทำอะไรหรือลูก”

อดิศวร์สะดุ้งโหยงกราดไฟฉายไปตามเสียง เห็นคุณย่านั่งอยู่บนเก้าอี้โยกใส่เสื้อนอนตัวโคร่งสีขาวดูราวกับปีศาจ มากกว่าคน เขารีบเดินเข้าไปถามว่ามานั่งตรงนี้ทำไมและมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ท่านอ้างว่าชอบมานั่งตรงนี้

“หมายความว่าคุณย่ามานั่งที่นี่บ่อยๆ”

ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์พยักหน้ารับ แล้วสั่งให้อดิศวร์พากลับห้อง ครู่ต่อมา เขาพยุงคุณย่ามาที่เตียง อดบ่นไม่ได้ว่าอุไรก็นอนอยู่ด้วยทำไมถึงไม่รู้ว่าคุณย่าเดินออกไปข้างนอก ขยับจะเรียกแต่ท่านผู้หญิงสรรักษ์ห้ามไว้

“ไม่ต้องปลุกมัน ให้มันนอนเถอะ พรุ่งนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้า ลบเองก็ไปนอนซะ ย่าก็จะนอนเหมือนกัน ง่วง”

อดิ ศวร์ดึงผ้ามาห่มให้คุณย่าแล้วขยับจะออกไป แต่ท่าน เรียกไว้ ย้ำเตือนว่าถ้ารักท่านอะไรที่ท่านห้ามอย่าได้ทำเป็นอันขาด แล้ววันเมื่อถึงเวลา ท่านจะเล่าให้ฟังเอง

ooooooo

อดิศวร์ เรียกอุไรมาตำหนิตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเรื่องที่ปล่อยให้คุณย่าออกมาเดินตาม ลำพังดึกๆดื่นๆ ไปถึงบริเวณทางขึ้นโดม เขาให้เธอนอนเฝ้าท่านไม่ใช่ให้ท่านคอยเฝ้าเธอ และกำชับอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก

“อุไรว่ามันแปลกนะคะ ปกติอุไรเป็นคนนอนไว แต่ทำไมถึงไม่รู้สึกตัวตอนที่ท่านผู้หญิงออกไปจากห้องแล้วก็แปลกด้วยที่ท่าน เดินไปถึงที่นั่นได้ยังไงทั้งๆที่มืดตึ๊ดตื๋อขนาดนั้น”

“ไม่แปลกหรอก เพราะฉันสรุปได้ว่าทั้งหมดนี่เป็นเพราะอุไรขี้เซา”...

ทาง ด้านวิรงรองกับอุษาปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด อุษาขอโทษที่โกรธเธอโดยไม่มีเหตุผล วิรงรองเข้าใจดี เพราะถ้าเป็นเธอก็ต้องรู้สึกแบบเดียวกัน แต่ความจริงแล้วเธอไม่ได้รู้เรื่องการที่อดิศวร์ประกาศหมั้นมาก่อน และเหนื่อยหน่ายกับเรื่องนี้มาก อยากจะกลับบ้านเต็มทีแล้ว อุษาทักท้วงว่าอดิศวร์รักวิรงรองมาก

“เขาทำให้ทุกคนรู้สึกอย่างนั้น แต่ความจริงไม่ใช่แน่นอนค่ะ...แล้วเรื่องของพี่อุษากับพันธ์สูรย์ล่ะคะ”

อุษาไม่ตอบอะไร ได้แต่หันหลังเดินจากไป วิรงรองมองตามอย่างหนักใจ...

ขณะ ที่อุษาเลือกที่จะตัดใจจากพันธ์สูรย์ นายสมได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากโรงเก็บรถม้า จึงไขกุญแจเข้าไปดูไม่พบสิ่งผิดปกติ เขาส่ายหน้างงๆ กลับออกมาแล้วปิดประตูล็อกกุญแจไว้ตามเดิม มองสำรวจรอบๆบริเวณอีกครั้งหนึ่ง พลันสายตาเหลือบไปเห็นผ้ายันต์ที่ปิดอยู่เหนือประตูทางเข้า รีบหาอะไรมาปีนเพื่อดึงออก จากนั้นนำไปให้อดิศวร์ดู เจ้านายหนุ่มซักนายสมว่าเห็นผ้ายันต์ผืนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“ผมเพิ่งสังเกตเห็นเมื่อครู่นี้เอง ตอนเดินผ่านอยู่ดีๆ

ประตู ดังโครมครามเหมือนมีคนเขย่าอยู่ข้างใน ผมเข้าไปดูก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ แต่พอปิดประตูกลับเห็นผ้ายันต์นี่ติดอยู่ ไม่ทราบว่าใครเอามาติดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

อดิศวร์สั่งห้ามนายสมเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด แล้วมองผ้ายันต์ในมืออย่างครุ่นคิด...

ฝ่า ยอนิรุทธิ์เป็นห่วงความปลอดภัยของวิรงรองเช่นกัน พอว่างงานก็รีบกลับมาที่คุ้มภูไทเพื่อจะปรึกษาหารือกับพันธ์สูรย์เรื่อง เกี่ยวกับโดมทอง โชคดีที่ภูไทกับลานนาไม่อยู่ ทางสะดวกทำให้พูดคุยกับพันธ์สูรย์ได้เต็มที่ อนิรุทธิ์มีความเห็นว่างานเลี้ยงที่โดมทองคืนนั้นดูแปลกๆ เช่นเดียวกับคนที่นั่น ทั้งที่น่าจะเป็นงานรื่นเริงแต่พวกนั้นกลับไม่ได้รื่นเริงกันจริงๆ และที่สำคัญวิรงรองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าอดิศวร์จะประกาศหมั้นกับตัวเอง

“ดีล่ะ ในเมื่อคุณเห็นความผิดปกติขนาดนี้ก็ควรจะรีบพาคุณวิรงรองออกมาให้พ้นจากที่นั่นโดยเร็วที่สุด”

ระหว่าง นั้น ภูไทกับลานนากลับมาพอดี ลานนาไม่วายหาเรื่องแดกดันอนิรุทธิ์ว่ามาโฆษณาชวนเชื่ออะไรอีก เขาแก้ต่างว่าแค่แวะมาขอข้อมูลของโดมทองจากพันธ์สูรย์เท่านั้น ภูไทสนใจใคร่รู้ขึ้นมาทันที ขอฟังเรื่องราวลึกลับทั้งหมดนี้ด้วยคน พันธ์สูรย์ออกตัวว่าไม่ได้รู้ทั้งหมด คนที่รู้ดีก็คือพ่อของเขา

“งั้นก็เล่ามาให้หมดตามที่นายรู้ก็แล้วกัน”

“มัน ก็ไม่มีอะไรมากครับเจ้า นอกจากเป็นการคาดเดาที่คุณพลับพลึงหายไปอย่างไร้ร่องรอยเท่านั้น...ซึ่งที่ ผมไม่เล่ารายละเอียดตั้งแต่แรกก็เพราะเห็นว่าทุกข้อสันนิษฐานมันก็มาจบตรง ที่เดียวกันคือ คุณพลับพลึงหายไปเพราะทนความหึงหวงและความบีบคั้นจากท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่ ไหว”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ท่านเจ้าคุณกับคุณพลับพลึงก็ผิดนะคะ ผิดศีลข้อกามาฯเสียด้วย แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า คุณพลับพลึงหายไปไหน และทำไมวิถึงได้หน้าตาเหมือนพลับพลึงเป๊ะ”

“นายคิดว่าท่านผู้หญิงมีส่วนกับการหายตัวไปของคุณพลับพลึง” ภูไทซัก

พันธ์ สูรย์เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น เพราะท่านผู้หญิงสรรักษ์เป็นคนไล่คุณพลับพลึงออกจากบ้าน แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปอยู่ไหน เธอหายไปนับตั้งแต่นั้น บางคนบอกว่าคุณพลับพลึงรู้สึกผิดต่อพี่สาวก็เลยหนีไปอยู่ต่างจังหวัด บ้างก็ว่าท่านหนีตามผู้ชายอื่นไป แต่ท่านเจ้าคุณพลิกแผ่นดินหาก็ไม่พบ ลานนาสรุปว่าเรื่องราวก็เลยจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งเพราะท่านผู้หญิงสรรักษ์ได้ สามีกลับคืนมา พันธ์สูรย์ส่ายหน้า

“ถ้ามีความสุขแล้วท่านจะคลุ้มคลั่งแบบนี้หรือ”

อนิรุทธิ์ วิเคราะห์ว่าวิรงรองอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณพลับพลึงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แล้วหันไปถามลานนาในฐานะเป็นเพื่อนสนิทของวิรงรองว่าเคยเห็นคุณย่าหรือคุณ ยายของเธอบ้างไหม ลานนาไม่เคยเห็น รู้แต่ว่าท่านทั้งสองตายไปตั้งแต่วิรงรองยังเด็ก ถ้าจะมีใครที่ตอบเรื่องนี้ได้ก็น่าจะเป็นแม่ของวิรงรอง...

หลังจาก ใคร่ครวญเรื่องผ้ายันต์ที่นายสมนำมาให้ อดิศวร์ตัดสินใจจะลองพิสูจน์เรื่องชายชุดดำบนรถม้าอีกครั้ง จึงนัดแนะกับวิรงรอง คืนนี้ห้าทุ่มตรง เราสองคนจะไปซุ่มดูผู้ชายคนนี้ด้วยกัน เพราะเขารู้ว่าเธอเองก็อยากจะพิสูจน์เรื่องนี้เช่นกัน

ooooooo

อนิรุทธิ์ ร้อนใจรีบขับรถกลับกรุงเทพฯเพื่อสอบถามเรื่องคุณย่าและคุณยายของวิรงรองจาก ปราง และจะขอดูรูปของพวกท่านด้วย ปรางร้องเอะอะมีอะไรหรือเปล่า

“คือ...ผมทราบมาว่าวิหน้าตาเหมือนภรรยาน้อยคุณปู่ของอดิศวร์มาก”


“...วิรงรองหน้าตาเหมือนคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อเขาก็หน้าตาเหมือนคุณย่านั่นแหละ รอเดี๋ยวนะ น้าจะขึ้นไปเอารูปมาให้ดู แต่ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้คนที่โดมทองนะ เพราะเท่าที่จำได้ไม่เห็นคุณพ่อเล่าให้ฟังเลย”

ปรางหายขึ้นไปบนบ้านสักพัก กลับมาพร้อมกับอัลบั้มรูปถ่ายของครอบครัว...

ใน เวลาต่อมา อนิรุทธิ์โทร.แจ้งภูไทว่าเห็นรูปคุณย่ากับคุณยายของวิรงรองแล้ว วิรงรองค่อนข้างเหมือนไปทางคุณย่ามากกว่า แต่ก็ไม่ใช่เหมือนราวกับคนๆเดียวกัน ในเมื่อหาข้อสรุปไม่ได้ภูไทโยนให้เป็นเรื่องทางไสยศาสตร์ เหมือนที่ลานนาตั้งข้อสังเกตคือท่านเจ้าคุณสรรักษ์และคุณพลับพลึงอาจจะ อธิษฐานมาเกิดใหม่เป็นอดิศวร์กับวิรงรองเพื่อให้ได้สมหวังในชาตินี้

“มัน ก็อาจเป็นไปได้แต่ผมเชื่อทางวิทยาศาสตร์มากกว่า คนเราถ้าหากเหมือนกันขนาดที่วิเล่าให้คุณพันธ์สูรย์ฟังแล้วล่ะก็ ต้องเกี่ยวข้องเป็นพี่น้องกันชัวร์ เดี๋ยวให้วิสบายใจก่อนแล้วผมจะลองคุยเรื่องนี้ดูอีกที”

“เราต้องร่วมมือกันพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้” ภูไทสีหน้ามุ่งมั่นไม่ต่างจากอนิรุทธิ์เช่นกัน...

ได้ เวลาห้าทุ่มตามนัด อดิศวร์และวิรงรองมาซ่อนตัวอยู่ตรงพุ่มไม้ที่เดิมที่มาเมื่อคืน หลังจากนั่งเงียบๆ กันมาพักใหญ่ วิรงรองอดถามไม่ได้ว่าเขาทำอย่างนี้ทำไม อดิศวร์ไม่เข้าใจว่าเธอพูดเรื่องอะไร

“ก็ที่ชวนดิฉันออกมาแอบมองคนขับรถที่ไม่มีวันมาเพราะคนๆนั้นก็คือคุณ”

อดิ ศวร์กลับกล่าวว่าที่ชายคนนั้นไม่มาเมื่อคืนก็เพราะเธอกุเรื่องขึ้นมาเพื่อ เรียกร้องความสนใจจากเขาเองต่างหาก วิรงรองไม่พอใจมาก ลุกพรวดจะกลับเข้าบ้าน อดิศวร์ฉุดมือไว้ เธอสะบัดออกแล้วขยับจะวิ่งหนี

ทัน ใดนั้น มีเสียงรถม้าบดกับถนนดังขึ้น ท่านเจ้าคุณสรรักษ์บังคับรถม้าแล่นตรงมายังคฤหาสน์ อดิศวร์วิ่งพรวดเข้าไปหา แต่ยังไม่ทันจะเห็นหน้าคนขับรถ ทั้งรถม้าทั้งคนแล่นหายไปในสายหมอกที่ลงจัดเสียก่อน วิรงรองตามมาสมทบได้ยินเสียงเขาบ่นเสียดายที่ไม่รู้ว่าคนขับรถม้าเป็นใคร เธอสวนทันที

“ดิฉันรู้...เขาเป็นคนที่คุณจ้างมาเพื่อให้ดิฉัน เห็นว่า เป็นคนละคนกับคุณไงล่ะ...คุณมันโรคจิต พอกันทีดิฉันจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ดิฉันจะโทร.ให้ลานนามารับ”

“ฉัน ไปส่งให้ถึงที่เลยก็ได้ ในเมื่อเธอไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันก็จะไม่บังคับ แต่ต้องให้ฉันไปตามนายสมให้ปลุกพวกคนงานช่วยกันตามหาคนขับรถม้าเมื่อครู่นี้ ก่อน” อดิศวร์พูดจบเดินออกไปทันทีโดยมีวิรงรองตามไปติดๆ

ครู่ต่อมา คนงานกลุ่มใหญ่พากันแยกย้ายตามหาคนขับรถม้าตามคำสั่งของอดิศวร์ นายสมให้ความมั่นใจกับเจ้านายว่า จะต้องจับได้แน่นอน อดิศวร์ฝากเขาดูแลทางนี้ด้วย แล้วชวนวิรงรองไปขึ้นรถ

ooooooo

แทน ที่อดิศวร์จะพาวิรงรองไปส่งคุ้มภูไทอย่างที่รับปากกลับขับรถไปเรื่อยเปื่อย พอเธอร้องทัก เขาเฉไฉว่าไม่ค่อยได้ขับรถตอนกลางคืนก็เลยหลงทางแล้ววกรถกลับ วิรงรองหมดความอดทนโวยวายลั่นว่า เขาเจตนาขับรถออกนอกเส้นทาง อดิศวร์เบนรถจอดข้างทาง แล้วคว้าไหล่วิรงรองให้หันมาเผชิญหน้าด้วยแรงหึงหวง

“ใช่ ฉันเจตนา คิดว่าการกระทำของตัวเองน่ะดีแล้วหรือ เป็นสาวเป็นนางไม่พอใจอะไรก็เที่ยวโทรศัพท์ให้คนอื่นมารับดึกๆดื่นๆ ต้องเดือดร้อนมาถึงฉัน”

“เท่าที่จำได้ ดิฉันไม่ได้บอกสักคำว่าให้คุณมาส่ง” วิรงรองโต้ไม่ยอมแพ้

“รู้ล่ะว่าเก่ง...เก่งเสียจนไม่คิดว่าชื่อเสียงตัวเองจะเสียหายยังไง”

“เสีย หายยังไงไม่ทราบ เจ้าภูไทเป็นเหมือนพี่ชายของดิฉัน เขาไม่มีวันเข้าใจดิฉันไปในทางไม่ดีเด็ดขาด ไม่เหมือนคุณที่สมองเต็มไปด้วยแผนการที่น่ารังเกียจและเห็นแก่ตัวสารพัด”

อดิ ศวร์ปล่อยมือจากไหล่วิรงรอง เสยผมรุ่ยร่ายของเธอให้เข้าที่ แล้วค่อยๆก้มลงจูบด้วยความหวงแหน หญิงสาวนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนจะขยับหนีไปชิดประตูรถ เขาถามเสียงอ่อนโยนว่ากลัวเขาหรือ เธอส่ายหน้ายังไม่ทันจะพูดอะไร อดิศวร์ท้วงถ้าไม่กลัวก็ไม่ต้องหนี เขาทนปล่อยให้เธอไปหาภูไทไม่ได้ วิรงรองไม่เข้าใจทำไมเขาต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องประกาศหมั้นทั้งๆที่เกลียดเธอ

“ไม่มีผู้ชายคนไหนที่เกลียดผู้หญิงแล้วประกาศหมั้นด้วยหรอก”

“งั้นก็เพื่อแผนการแยกดิฉันจากพิชญ์” วิรงรองยังคลางแคลงใจไม่หาย

“ฉัน กลัวว่าผู้ชายทุกคนจะแย่งเธอไปจากฉันต่างหาก ฉันรู้ว่าเธอไม่เชื่อคำพูดของฉัน แต่ถ้าเธอลองนึกดูดีๆ คงจำได้ว่าฉันเคยขอแต่งงานกับเธอ”

“คุณอดิศวร์พูดเหมือนเป็นเรื่องเล่นๆ”

“สำหรับ ผู้ชาย คำว่าแต่งงานเป็นสิ่งที่พูดได้ยากที่สุด เมื่อฉันขอเธอแต่งงานก็หมายความว่า ฉันต้องการอย่างนั้นจริงๆ มันอาจจะฟังดูหยาบคาย ไม่อ่อนหวานน่าฟังเหมือนที่คนอื่นพูด แต่ก็อย่างที่บอก ฉันหมายความว่า พร้อมแล้วสำหรับคำนั้น” สีหน้าแน่วแน่ของอดิศวร์ทำให้วิรงรองอดหวั่นไหวไม่ได้ ยิ่งคิดถึงจูบของเขาเมื่อครู่นี้ แววตาของเธอเต็มตื้นไปด้วยความสุข...

แม้ จะระดมคนงานออกค้นหาชายปริศนาบนรถม้าจนทั่วอาณาเขตโดมทอง แต่ก็คว้าน้ำเหลวไม่มีร่องรอยอะไรให้เห็น อดิศวร์ตัดสินใจไปที่โรงเก็บรถม้า พร้อมด้วยนายสมและพวกคนงาน ต่างช่วยกันฉายไฟค้นหาด้านในจนทั่ว อดิศวร์เดินเข้าไปดูรถม้าเก่าคร่ำครึคันนั้นใกล้ๆ พบเศษใบไม้สดติดอยู่ที่ล้อ นายสมซึ่งยืนอยู่ด้วยถึงกับตกใจและประหลาดใจปนกัน สภาพทรุดโทรมของมันไม่น่าจะไปไหนได้

ooooooo

ท่าทีที่อดิศวร์ ปฏิบัติต่อวิรงรองด้วยความรักใคร่ ทำให้แสงแขหมดอารมณ์จะกินมื้อเช้า วิ่งหนีเข้าห้องปิดประตูร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนใจจะขาด อุษาสงสารน้องมาก แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ได้แต่ภาวนาขอให้เธอทำใจยอมรับความจริงได้ในเร็ววัน...

เสร็จจากกินอาหารเช้า อดิศวร์พาวิรงรองมาเดินเล่นที่ทุ่งดอกพลับพลึง เธออดสงสารและเห็นใจแสงแขไม่ได้ที่ต้องพลาดหวังจากความรัก

“แสงแขต้องยอมรับความจริง ไม่อย่างนั้นก็จะหลอกตัวเองอยู่เรื่อยไป แล้วเธอล่ะลืมพิชญ์ได้สนิทหรือยัง”

“เขาเป็นของคุณพิณทองค่ะ เราผูกพันกันมานาน แต่ดิฉันคิดว่าสักวันหนึ่งคงจะลืมเขาได้สนิท”

“ฉันจะรอจนกว่าจะถึงวันนั้น” อดิศวร์ว่าแล้วจูงมือวิรงรองเดินเข้าไปกลางทุ่งดอกพลับพลึง...

ผ่าน ไปพักใหญ่ วิรงรองหอบดอกพลับพลึงช่อโต กลับเข้าตัวตึกพร้อมกับอดิศวร์ แสงแขซึ่งนัยน์ตาแดงช้ำ เนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ปราดเข้ามาอาสาจะเอาดอกพลับพลึงไปปักแจกันให้ วิรงรองแปลกใจ แต่ก็ปล่อยให้เธอเอามันไป อดิศวร์ไม่อยากให้หญิงคนรักเป็นกังวล ปลอบว่าแสงแขคงพยายามทำใจเรื่องนี้อยู่

“นั่นยิ่งทำให้ดิฉันรู้สึกไม่ดีขึ้นไปใหญ่”

“ไม่ เอาล่ะ มาพูดเรื่องของเรากันดีกว่า” อดิศวร์พูดจบพาวิรงรองไปหยุดยืนอยู่หน้ารูปคุณปู่ของเขาที่ห้องโถงใหญ่ แล้วบอกว่าจะให้ช่างมาวาดรูปคุณย่าน้อยขึ้นมาใหม่ โดยจะให้เธอเป็นแบบ และจะเอามาแขวนคู่กับคุณปู่จะได้ไม่เหงา วิรงรองเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที ถึงกับบ่นทำไมในนี้หนาวมากนัก อดิศวร์กลัวเธอจะไม่สบาย รีบชวนออกไปนอกห้อง รูปของท่านเจ้าคุณสรรักษ์มองตามวิรงรองเขม็งราวกับมีชีวิต...

จาก นั้นไม่นาน อดิศวร์ไม่ลืมโทร.แจ้งข่าวดีที่ปรับความเข้าใจกับวิรงรองได้แล้ว ให้พิณทองรับรู้ เธอดีใจกับเขาด้วย แล้วถามว่าจะจัดงานใหญ่เมื่อไหร่ เขาคงต้องรออีกสักพัก ตอนนี้วิรงรองยังไม่พร้อม พิณทองเร่งให้น้าชายพาว่าที่เจ้าสาวมากรุงเทพฯเร็วๆ เธอจะได้เลี้ยงฉลองแสดงความยินดีให้ อดิศวร์ต้องรอดูอาการคุณย่าก่อน เพราะท่านเพิ่งค่อยยังชั่ว แล้วอวยพรให้หลานรักปรับความเข้าใจกับสามีได้ในเร็ววัน...

ด้านพิณ ทองทนเก็บข่าวน่ายินดีไว้คนเดียวไม่ไหว ระหว่างกินมื้อค่ำจึงเล่าเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่ฟัง รัฐมนตรีพจน์ดีใจด้วยที่ทั้งคู่ลงเอยกันได้เสียที ขณะที่คุณหญิงแก้วสีหน้าท่าทางบ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจมากๆ

ooooooo

คุณ หญิงแก้วยอมให้ญาติผู้น้องแต่งงานกับวิรงรองไม่ได้ แอบเอาเบอร์มือถือของเธอมาจากโทรศัพท์ของรัฐมนตรีพจน์ แล้วโทร.ไปใส่ไฟว่า พิณทองเล่าให้ตนฟังว่า อดิศวร์หลอกวิรงรองสำเร็จ

“หนูพิณน่ะสุดแสนจะ ดีงาม เขาเป็นห่วงแกที่ถูกน้าชายลงทุนเสียสละบอกรักเพื่อนจะให้หนูพิณกับพิชญ์อยู่ กันอย่างมีความสุขโดยปราศจากมารผจญ...นี่แกกำลังฟังอยู่หรือเปล่า”

วิรงรอง ไม่ต้องการได้ยินเรื่องบาดหัวใจ ปิดเครื่อง ทันที คุณหญิงแก้วหันไปบอกคุณหญิงวัชรีซึ่งนั่งเชียร์อยู่ข้างๆ ว่าแม่นั่นปิดมือถือไปแล้ว คงทนฟังไม่ได้ คุณหญิงวัชรีสะใจมากที่วิรงรองหลงเชื่อแผนลับลวงพรางของเราสองคนง่ายๆ ยังอดห่วงไม่ได้ว่าเธอจะเอะใจขึ้นมา

“แหมก็มันระแวงอยู่แล้วไงคะ แค่มีอะไรมาสะกิดมันก็เชื่อเต็มที่เลย” คุณหญิงแก้วยิ้มพอใจที่แผนสำเร็จ...

ฝ่าย วิรงรองไม่รอช้าเก็บเสื้อผ้าข้าวของยัดใส่กระเป๋าแล้วโทร.ตามลานนาให้มารับ จากนั้นลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้อง เจออดิศวร์ อุษาและแสงแขอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อดิศวร์ปรี่เข้ามาขวางไว้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น วิรงรองได้แต่บอกว่าจะกลับกรุงเทพฯ สั่งให้เขาหลีกทาง เขาไม่ว่าถ้าเธอไม่อยากอยู่ แต่ขอร้องให้บอกเหตุผลสักนิดได้ไหมว่ามันเรื่องอะไรกัน วิรงรองแดกดันว่ารู้อยู่แก่ใจจะต้องมาถามทำไม แสงแขสาระแนทันที

“ถ้าทราบ คุณลบคงไม่ถามคุณวิรงรองหรอกค่ะ ค่อยๆพูดค่อยๆจากันดีกว่านะคะ”

“เหตุผล ก็คือ ดิฉันเกลียดคนหลอกลวง เกลียดคนตีสองหน้า” วิรงรองจ้องอดิศวร์เขม็ง ก่อนจะถอดแหวนหมั้นคืนให้ เขาขบกรามแน่น รับมันไว้อย่างมีทิฐิ แต่อดใจหายไม่ได้ที่เห็นหญิงที่ตนรักเดินจากไป...

ทางด้านแสงแขเก็บ อาการลิงโลดไม่อยู่ รีบเข้าไปรายงานท่านผู้หญิงสรรักษ์ว่าวิรงรองไปแล้ว ท่านตื่นเต้นดีใจไปด้วย ถามว่าอดิศวร์เฉดหัวเธอไปหรือ แสงแขก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่อยู่ๆวิรงรองเก็บข้าวของ คืนแหวนหมั้นให้อดิศวร์แล้วก็ไป

“ดี...ไปเสียได้ก็ดี นังแสงแข ต่อไปนี้ก็เป็นหน้าที่ของแกแล้วที่จะเอาชนะใจตาลบให้ได้ ตาลบกำลังเหงา กำลังเสียใจ ถ้าแกทำไม่สำเร็จก็อยู่เป็นสาวทึนทึกเป็นเพื่อนนังอุษาไปจนตายเถอะ” ท่านผู้หญิงสรรักษ์แดกดันแสงแขสีหน้ามั่นใจจะต้องเอาชนะใจอดิศวร์ให้ได้...

ตั้งแต่มาถึงคุ้มภูไท วิรงรองเอาแต่นอนซึมอยู่

ในห้องพักรับรองแขก ลานนาเข้ามาแจ้งว่าภูไทจองตั๋วเครื่องบินให้แล้ว เที่ยวแรกพรุ่งนี้เช้า วิรงรองคว้ามือเธอมาบีบ

“ขอบใจมากนะลานนา...”

“ไม่ เป็นไร เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนอยู่แล้ว...อยากเล่าไหม” ลานนาเห็นเพื่อนรักส่ายหน้าน้ำตาคลอ ไม่อยากคาดคั้นอะไรให้เธอไม่สบายใจเพิ่มขึ้น...

ยัยตัวแสบประจำโดม ทองไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย รีบเข้าไปเสนอหน้าถึงห้องทำงานของอดิศวร์ ถามว่าต้องการอะไรหรือเปล่า เธอจะรออยู่แถวนี้เผื่อเขาอยากได้อะไรยินดีรับใช้

“ไม่ต้อง ไปอยู่กับคุณย่าเถอะ”

“พี่ อุษาอยู่กับคุณย่าแล้วค่ะ” แสงแขพยายามตื้อสุดฤทธิ์ อดิศวร์ยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ต้อง เธอจำต้องออกจากห้องด้วยความน้อยใจ แต่แล้วก็กลับฮึดสู้ขึ้นมาใหม่

“ต้องให้เวลาคุณลบหน่อย ฉันจะต้องทำให้ได้ คุณลบจะต้องเป็นของฉัน”

ooooooo
ที่มา:http://www.thairath.co.th/ent/novel/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น