วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 13

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 13


ดึกสงัดคืนนั้น วิรงรองหลับสนิทอยู่ภายในห้องพักรับรองแขกของคุ้มภูไท มีเสียงท่านเจ้าคุณสรรักษ์ร้องเรียก “พลับพลึง” ดังมาจากใต้หน้าต่างห้อง เธอขยับตัวเมื่อเสียงเรียกนั้นกระชั้นขึ้น ก่อนจะพึมพำทั้งที่ตายังหลับว่าใครเรียก เสียงท่านเจ้าคุณยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

“พลับพลึง...พลับพลึง”

วิรงรอง เดินละเมอเดินไปที่หน้าต่างชะโงกหน้าออกไปอย่างหวาดเสียว พลัน ลานนาเปิดประตูเข้ามาร้องเรียกวิรงรองลั่น แล้วพุ่งมาคว้าตัวไว้ทัน เธอรู้สึกตัวลืมตามองเพื่อนรักอย่างงงๆ ลานนาเล่าเหตุการณ์ตอนที่มาเจอเธอเกือบจะร่วงลงจากหน้าต่างห้องให้ฟัง วิรงรองจำอะไรไม่ได้ แปลกใจมากเพราะปกติไม่ใช่เป็นคนนอนละเมอ แล้วฉุกคิดถึงเหตุการณ์ที่โดมทองขึ้นมา ลานนาเห็นเพื่อนนิ่งไปถามว่ามีอะไรหรือเปล่า

“เปล่า ไม่มีอะไร ลานนาไปนอนเถอะจ้ะ วิคงไม่กระโดดหน้าต่างลงไปหรอกน่า” วิรงรองว่าแล้วดันหลังลานนาออกจากห้อง ปิดประตูแล้วเดินกลับไปที่หน้าต่าง กวาดตามองไปเบื้องล่างไม่เห็นสิ่งผิดปกติ...

ระหว่างที่วิรงรองหวิด จะร่วงลงจากหน้าต่างห้องที่คุ้มภูไท อดิศวร์เพิ่งจะหลับไปได้สักครู่ เสียงเพลงนางครวญที่ดังมาจากห้องพักวิรงรองซึ่งอยู่ติดกัน ทำให้เขาลืมตาตื่นขึ้น เงี่ยหูฟังเสียงเพลงนั่นอีกครั้ง ก่อนจะลุกออกไปดู อดิศวร์รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวภายในห้องพักของวิรงรอง เปิดประตูผลัวะเข้าไป พบแต่ความว่างเปล่า มีเพียงผ้าม่านเท่านั้นที่ไหวตามแรงลมพัด

“ใครมาเปิดหน้าต่าง” อดิศวร์เดินไปปิดหน้าต่างแล้วรูดม่าน มองสำรวจไปรอบห้องอีกครั้งก่อนออกไป

ooooooo

ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ลุกขึ้นแต่เช้าด้วยสีหน้าสดชื่นเป็นพิเศษ อุษายกอาหารเช้าเข้ามาให้ในห้องเหมือนเช่นเคย เห็นแสงแขกำลังประคองท่านมานั่งที่รถเข็น นิ่วหน้าสงสัยกำลังจะไปไหนกัน

“ฉันจะไปกินข้าวเช้ากับตาลบ...ยกกลับไป”

“คุณย่ามีความสุขมากกว่าทุกวันเลยค่ะ พี่อุษา” แสงแขพูดจบเข็นรถเข็นพาคุณย่าออกจากห้อง โดยมีอุษายกถาดอาหารตามไปอีกทอดหนึ่ง...

สัก พักหนึ่ง แสงแขมาเคาะประตูห้องทำงานเรียกให้อดิศวร์ไปกินข้าว เขาตะโกนสวนออกมาว่ายังไม่หิวเธอแจ้งว่าเช้านี้คุณย่าจะมากินอาหารด้วย อดิศวร์

ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเดินมาเปิดประตูห้อง

“คุณย่ารออยู่ที่ห้องกินข้าวแล้วค่ะ เชิญคุณลบเลยค่ะ”

อดิ ศวร์อดแปลกใจไม่ได้ว่าคุณย่านึกอย่างไรถึงออกมากินข้าวที่ห้องอาหาร ยิ่งได้เห็นท่าทางสดชื่นผิดปกติของท่านก็ยิ่งประหลาดใจว่าเกิดอะไร ท่านผู้หญิงสรรักษ์รีบกวักมือเรียกหลานชายคนโปรดมานั่งร่วมโต๊ะด้วย สั่งให้แสงแขที่เดินตามต้อยๆไปนั่งข้างๆเขา แล้วเรียกอุษามานั่งข้างตัวเอง

“ลบ ถ้าคิดจะมีเมียล่ะก็หาคนที่มันคู่ควรเหมาะสมกับเราให้มากที่สุด ย่าอยากให้โดมทองเป็นอย่างที่เคยเป็น ไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนแปลงได้” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตาวาวเป็นประกาย แสงแขขยับจะอ้าปากพูดบางอย่าง แต่อุษาสะกิดห้ามไว้...

แสงแขรอจนท่านผู้หญิงสรรักษ์อยู่ในห้องของ ท่านเพียงลำพัง ตามมาตัดพ้อว่าทำไมตอนอยู่ที่โต๊ะอาหารถึงไม่บอกให้อดิศวร์แต่งงานกับตน ท่านอ้างว่าเป็นเพราะเขาไม่ได้รักแสงแข และยืนยันมาตลอดว่าเห็นเธอเป็นแค่น้องสาว แล้วจะให้ท่านทำอย่างไร

“แต่ตอนนั้น ตอนที่วิรงรองอยู่ คุณย่าไม่ได้พูดอย่างนี้นี่คะ”

“ตอน นั้นกับตอนนี้มันเหมือนกันเสียที่ไหน แกยังพูดเองเลยว่าตอนที่นางพลับพลึงมันยังอยู่...แต่ตอนนี้มันไม่อยู่แล้ว และฉันก็ไม่อยากให้แกเป็นเมียตาลบนักหรอก แต่ถ้าเทียบกับนังพลับพลึง แกยังมีภาษีกว่ามัน ฉันพอจะกล้อมแกล้มฝืนใจยอมรับได้” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ยิ้มเจ้าเล่ห์

“แล้วถ้านังนั่นมันกลับมาใหม่ล่ะคะ”

“นัง หน้าโง่ มันไม่กลับมาหรอก มันไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว ไสหัวไป” ท่านผู้หญิงสรรักษ์พูดพลางโบกมือโบกไม้ประกอบ แสงแขกัดปากแน่นด้วยความแค้นใจ...

ขณะที่แสงแขเพิ่งรู้ตัวว่าตกเป็น เหยื่อให้คุณย่าหลอกใช้ วิรงรองกลับถึงบ้านโผกอดแม่ร้องห่มร้องไห้ปรางพยายามซักว่าเป็นอะไรก็ไม่ยอม บอก

“เอาเถอะไม่สบายใจก็ยังไม่ต้องเล่า...นี่คุณกำลังจะออกไปข้างนอก ไปด้วยกันไหมลูก เดินดูอะไรต่อมิอะไรให้มันสบายใจ”

“หนูเหนื่อยค่ะ คุณไปคนเดียวได้ไหมคะ”

“ทำไมจะไม่ได้ แม่หนูขึ้นไปพักเถอะ เดี๋ยวคุณจะซื้อขนมหวานมาให้” ปรางหอมหน้าผากลูกอย่างรักใคร่ แต่ในใจอดเป็นกังวลไม่ได้...

ระหว่าง ที่วิรงรองกำลังจัดข้าวของให้เข้าที่ ลานนาโทร.มาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ภูไทฝากความห่วงใยมาให้ด้วย คนที่ถูกอ้างชื่อถึงกับสะดุ้งเพราะไม่รู้เรื่องด้วย พันธ์สูรย์ซึ่งนั่งอ่านเอกสารอยู่ใกล้ๆมองเขายิ้มๆ

“พักผ่อนให้สบายนะจ๊ะ เย็นๆ จะโทร.ไปหาใหม่”

ทันที ที่ลานนาวางสาย ภูไทเอ็ดลั่นว่าทำไมไปบอกวิรงรองแบบนั้น ลานนารู้ใจพี่ชายดีว่าอยากจะบอกด้วยตัวเองแต่ไม่กล้าก็เลยอาสาทำหน้าที่แทน ให้ เขาตำหนิว่าพูดแบบนั้นมันไม่ดี ลานนากับพันธ์สูรย์เห็นตรงกันว่าไม่ดีตรงไหน ตอนนี้วิรงรองเป็นอิสระแล้ว ภูไทควรจะเดินหน้าจีบให้เต็มที่ มัวแต่เงื้อง่าจะถูก

อนิรุทธิ์ตัดหน้าไปเสียก่อน เขาทำไม่รู้ไม่ชี้หยิบใบสั่งสินค้าขึ้นมาอ่านแก้เขิน

“เมื่อวานมีออเดอร์กล้วยไม้จากโรงแรมศศิธารา นายเห็นหรือยัง”

“ผม อ่านหมดแล้วครับ อ่านก่อนเจ้าอีก งานนี้เราต้องเอาไปส่งที่กรุงเทพฯ เป็นโอกาสดีที่เจ้าจะได้ไปเยี่ยมคุณวิรงรองเสียเลย อย่าปล่อยให้คุณอดิศวร์พาเธอกลับโดมทองได้อีกเด็ดขาด” พันธ์สูรย์สีหน้าจริงจัง ขณะที่ภูไททำหูทวนลม ก้มหน้าก้มตาอ่านใบสั่งสินค้าราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน...

เมื่อได้ อยู่เพียงลำพังกับน้องสาว ภูไทขอร้องให้เลิกจับคู่เขากับวิรงรองได้แล้ว เขารู้แก่ใจดีว่าเธอไม่ได้รักไม่ได้มีใจให้ ลานนายังยอมแพ้ ถึงวันนี้วิรงรองจะไม่รักแต่วันหน้ายังมี

“ไม่มีทาง ไม่รักก็คือไม่รัก” ภูไทเหมือนจะทำใจยอมรับกับความอกหักได้

ooooooo

แม้ จะออกจากโดมทองมาแล้วแต่วิญญาณของท่านเจ้าคุณสรรักษ์และคุณพลับพลึงยังตาม วิรงรองมาถึงกรุงเทพฯ ขณะงีบหลับเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ในฝันของเธอยังได้ยินเสียงเพลงนางครวญดังมาจากห้องใต้โดม เสียงคุณพลับพลึงเรียกหาวิรงรองดังขึ้น เจ้าตัวนอนกระสับกระส่ายพึมพำว่าใครเรียก

“วิรงรอง...วิรงรอง”

เสียง แหบโหยจากที่แสนไกลดังอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับประตูโรงเก็บม้าหลังเก่าเปิดออก วิรงรองเห็นตัวเองเดินเข้าไปข้างใน มีร่างทะมึนของใครบางคนยืนหันหลังอยู่ในมุมมืด เธอร้องถามว่านั่นใคร ร่างนั้นยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน วิรงรองเดินเข้าไปหา ร่างนั้นหันมาช้าๆ เธอถึงกับผงะร้องลั่นเมื่อเห็นหน้าท่านเจ้าคุณสรรักษ์ ตกใจตื่นลุกพรวดขึ้นนั่ง มองไปรอบๆถึงได้รู้ว่าตัวเองฝันไป บ่นพึมพำว่าไม่มีวันหนีโดมทองพ้นเลยหรือ...

วิรงรองอยากหาอะไรทำ เพื่อจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน จึงโทร.นัดอนิรุทธิ์ให้มารับเธอกับแม่ไปกินมื้อเย็นด้วยกันบังเอิญอย่าง เหลือเชื่อที่ทั้งสามคนไปกินข้าวร้านเดียวกันกับที่พิณทองมากินข้าวกับ เพื่อนๆ ยิ่งเห็นอนิรุทธิ์คอยบริการตักอาหารให้สองแม่ลูกด้วยท่าทางสนิทสนม พิณทองมองอย่างสบายใจ...

นายสมรายงานเรื่องที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์ สั่งให้เผาทุ่งพลับพลึงเสร็จพอดีตอนที่พิณทองโทรศัพท์มาหาอดิศวร์ เล่าให้ฟังว่าเมื่อตอนหัวค่ำไปกินข้าวกับเพื่อนๆมา เจอคู่หมั่นของเขาไปกินข้าวกับแม่และเพื่อนผู้ชายที่เคยไปงานเลี้ยงที่โดม ทอง อดิศวร์ถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออก พิณทองเห็นเขาเงียบไปก็ร้องทัก เขาถึงได้สติ

“เอ่อ...วิรงรองกลับไปเยี่ยมคุณแม่”

“แล้วทำไม นายคนนั้นต้องไปด้วยล่ะคะ อย่าหาว่า พิณยุเลยนะคะ เอาอกเอาใจคุณวิรงรองจนออกนอกหน้า น้าลบต้องระวังให้ดีเลย พิณโทร.มาเตือนแค่นี้แหละค่ะ สวัสดีนะคะ”

อดิศวร์วางสายสีหน้าหงุด หงิด นั่งข่มอารมณ์หึงหวงอยู่พักใหญ่กว่าจะทำใจให้สงบได้ จากนั้น เขาแวะไปหาคุณย่าที่ห้อง เพื่อสอบถามว่าสั่งการให้นายสมไป

เผาทุ่ง พลับพลึงหรือ ท่านผู้หญิงสรรักษ์หน้าเครียดขึ้นมาทันที ด่านายสมว่าสาระแนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอดิศวร์ ท่าทางจะให้อยู่ที่นี่ไม่ได้เสียแล้ว

“นายสมไม่ได้บอกหรอกครับ แต่ผมเห็นเอง...มาถึงวันนี้แล้ว ผมอยากให้คุณย่าปล่อยวางและให้อภัยคุณปู่ท่านก็เสียไปนานมากแล้ว คุณย่าน้อยก็หายสาบสูญ ทุกคนที่ทำให้คุณย่าเจ็บช้ำน้ำใจต่างก็ล้มหายตายจากไปหมด ไม่มีใครรู้หรอกว่าคุณย่าจงเกลียดจงชังพวกเขาขนาดไหน”

“รู้ ทำไมพวกมันจะไม่รู้ วิญญาณของพวกมันก็อยู่อย่างทุกข์ทรมานเหมือนกัน ย่าขังพวกมันด้วยความแค้นของย่า” ท่านผู้หญิงสรรักษ์เข่นเขี้ยว อดิศวร์ขอให้ท่านปลงเสียบ้าง เคียดแค้นไปก็ยิ่งเผาใจตัวเองทำให้ไม่มีความสุข ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่พอใจมาก ไล่เขาไปให้พ้นหน้า และไม่ต้องให้ใครมาอยู่เป็นเพื่อน ท่านอยากอยู่คนเดียว อดิศวร์บีบมือท่านเบาๆแล้วลุกออกไป...

ฝันร้ายยังคงตามมาหลอนวิรงรอง ให้หลับไม่เป็นสุข ครั้งนี้เธอฝันเห็นตัวเองเป็นคุณพลับพลึงกำลังสีซอสามสายเพลงนางครวญอยู่ใน ห้องพักที่โดมทอง โดยมีท่านเจ้าคุณสรรักษ์ยืนมองมาด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรัก ทันใดนั้นมีเสียงท่านผู้หญิงสรรักษ์ตะโกนเรียก “อีพลับพลึง” ลั่น ก่อนจะกระชากตัวเธอมาเฆี่ยนด้วยหวายไม่ยั้ง จนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

วิรงรอง ตกใจตื่นร้องลั่น มือปัดตามเนื้อตัวบริเวณที่ถูกเฆี่ยนในฝัน แต่แล้วก็ถอนใจโล่งอก เมื่อเห็นเนื้อตัวของตัวเองไม่ได้มีร่องรอยหวายแม้แต่น้อย

ooooooo

เช้าวันถัดมา วิรงรองต้องแปลกใจเมื่ออดิศวร์มาหาที่บ้าน อ้างว่ายังคาใจเรื่องที่เธอถึงตัดสินใจทิ้งโดมทองมา ถ้าเธอมีเหตุผลพอ เขาจะไม่รบกวนอีกเลย

“ทุกอย่างคุณเองก็รู้อยู่แก่ใจ”

อดิศวร์ ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไร ปรางเดินออกมาเสียก่อน วิรงรองทนเห็นหน้าเขาต่อไปไม่ไหวฝากแม่ดูแลเขาแทนเธอด้วยแล้ววิ่งขึ้นห้องไป เลย ปรางจะทักท้วงก็ไม่ทัน ขอโทษอดิศวร์แทนลูกสาวของตนด้วย แล้วสั่งให้เด็กรับใช้จัดอาหารเช้าเพิ่มอีกหนึ่งที่ อดิศวร์ไม่อยากให้ต้องลำบาก เดี๋ยวเขาไปหาอะไรกินข้างทางได้

“ไม่ได้ค่ะ แม่หนูไปอยู่ที่โดมทองมาตั้งนานแล้วคุณอดิศวร์ก็ช่วยดูแลอย่างดี”

“ผม คงดูแลไม่ค่อยดีนัก เธอถึงได้หนีกลับมา” อดิศวร์หน้าหมองลงทันที ปรางอดถามไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรกัน ถามลูกก็ไม่ยอมเล่าให้ฟัง อดิศวร์เองก็ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ดีๆวิรงรองก็ตัดสินใจกลับบ้าน

“ถ้า อยู่ดี แกคงไม่กลับหรอกค่ะ ดิฉันว่าน่าจะอยู่ไม่ค่อยดีเสียมากกว่า” ปรางตำหนิกลายๆ แล้วขอตัวขึ้นไปตามลูกให้ เธอหายขึ้นไปสักพัก ลงมาแจ้งว่าวิรงรองไม่อยากพบ

“ไม่เป็นไรครับ ในเมื่อเธอไม่อยากพบ ผมก็จะกลับ”

“งั้นกินข้าวด้วยกันก่อนเถอะค่ะ เด็กน่าจะเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว” ปรางพูดจบ เดินนำอดิศวร์ไปยังห้องอาหาร...

ใน เวลาเดียวกัน ท่านผู้หญิงสรรักษ์มาที่ห้องกินข้าวไม่เจอหลานชายอยู่ที่นั่นก็ถามหา อุษาได้แต่อ้ำๆอึ้งๆไม่กล้าตอบ แสงแขรีบฟ้องว่าอดิศวร์ไปธุระที่กรุงเทพฯ

“คง ไปหานังนั่นละสิ...เหมือนกันไม่มีผิด” ท่านผู้หญิงสรรักษ์พาลด่าไปถึงท่านเจ้าคุณผู้เป็นสามี แล้วสั่งให้อุษาโทร.ไปถามคุณหญิงแก้วว่าอดิศวร์แวะไปที่บ้านนั้นหรือเปล่า แสงแขไวกว่าแย่งเบอร์ไปโทร.เอง คุณหญิงแก้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามากรุงเทพฯ แต่จะถามพิณทองดู เพราะสองน้าหลานสนิทกัน

“หนูแขมีเบอร์หนูพิณหรือเปล่าล่ะจ๊ะ หรือว่าจะให้น้าโทร.ให้”

“แขขอรบกวนคุณน้าให้ช่วยถามด้วยก็แล้วกันเพราะคุณย่าเป็นห่วงกลัวว่าจะไปตามง้อแม่วิรงรองน่ะค่ะ”

“วิรงรอง กลับมากรุงเทพฯ แล้วหรือจ๊ะ” คุณหญิงแก้วน้ำเสียงตื่นเต้น ยิ่งได้รู้ว่าวิรงรองถอนหมั้นอดิศวร์ถึงกับยิ้มสะใจที่แผนสร้างความร้าวฉาน สำเร็จด้วยดี...

หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ ปรางออกมาส่งอดิศวร์ที่รถ รับปากว่าจะสอบถามสาเหตุที่วิรงรองถอนหมั้นให้ เขายกมือไหว้ขอบคุณล่วงหน้า ก่อนจะขึ้นรถขับออกไป โดยมีสายตาของวิรงรองมองตามจนรถของอดิศวร์ลับ

สาย ตา ครู่ต่อมา ปรางขึ้นไปต่อว่าวิรงรองว่าทำไมทำตัวเป็น เด็กๆหนีมาโดยไม่มีเหตุผล แล้วสั่งให้เล่ามาว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ วิรงรองขยับจะทักท้วง ปรางชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน

“ไม่ต้องมาอ้างโน่นอ้างนี่ เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้” ปรางเสียงเข้ม

ooooooo

คุณ หญิงแก้วทนเก็บเรื่องสะใจไว้คนเดียวไม่ไหวรีบโทร.ตามเพื่อนรักเพื่อนซี้มา ที่บ้านให้มารับรู้ด้วย ต่างเป็นปลื้มที่แผนการตามจองล้างจองผลาญประสบผลสำเร็จ แต่คุณหญิงวัชรีอดเป็นกังวลไม่ได้ พิชญ์อาจจะกลับไปหาวิรงรองอีก เพราะตอนนี้กำลังระหองระแหงกับพิณทองอยู่

“ขอบอกก่อนว่าพี่ไม่รับมันเป็นสะใภ้แน่ ให้มันได้กับคุณลบไปก็ยังดีกว่าได้กับพิชญ์”

“แหมคุณพี่ขา ก็เราตกลงกันแล้วไงคะว่าจะตามผจญจนมันทนไม่ได้ ถ้าถึงที่สุดแล้วก็ไปลงพวกข่าวสังคมเลย น้องมีพรรคพวกเยอะแยะ ว่าแต่ตอนนี้ตาพิชญ์ยังไม่รู้ใช่ไหมคะ”

คุณหญิงวัชรีส่ายหน้า จะให้พิชญ์รู้ไม่ได้เด็ดขาด...

ทางด้านปรางไม่เชื่อว่าอดิศวร์จะเป็นอย่างที่

วิรงรองกล่าวหาเพราะดูท่าแล้วไม่ใช่คนเหลาะแหละ

วิรงรอง ยืนยันว่าเขาเป็นคนอย่างนั้นจริงๆขนาดวางแผนดึงเธอไปอยู่โดมทองเพื่อกันให้ ห่างจากพิชญ์ยังทำได้แนบเนียนมาแล้ว ดังนั้นเรื่องประกาศหมั้นหลอกๆก็คงไม่เกินความสามารถ ปรางจะลองสอบถามอดิศวร์ให้

“เขาก็ต้องปฏิเสธ คนอย่างเขาไม่มีทางยอมรับให้เสียหน้าหรอกค่ะ”

ในเมื่อวิรงรองปักใจเชื่อเสียแล้ว ปรางจำต้องปล่อยเลยตามเลย...

ฝ่าย อดิศวร์ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี นึกถึงหลานรักขึ้นมาได้โทร.นัดให้มาเจอที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งเพื่อปรับทุกข์ ด้วย พิณทองอาสาจะไปอธิบายให้วิรงรองเข้าใจเอง เพราะตนก็มีส่วนต้องรับผิดชอบที่เอาเรื่องของอดิศวร์กับวิรงรองไปพูดให้แม่ ฟัง อดิศวร์บอกปัดทันทีว่าไม่ต้อง คนเราถ้าจะอยู่ด้วยกันต้องมีความหนักแน่น

“แต่ก็นั่นล่ะ เธอไม่ได้อยากอยู่กับน้า เธอหาเรื่องออกจากโดมทองตลอดเวลา...แล้วเรื่องของคุณพิณล่ะ”

“ก็ ทรงๆอยู่ค่ะ ไม่ได้ถึงกับทรุดแต่ก็ไม่ดีขึ้น พิณเฉยๆแล้วค่ะ ไม่อยากใช้ทะเบียนสมรสดึงเขาไว้กับตัวเอง” พิณทองพูดจบ เสยกกาแฟขึ้นจิบเพื่อปกปิดความเศร้า แต่ไม่พ้นสายตาของอดิศวร์...

พิณ ทองมั่นใจว่าแม่ของตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่วิรงรองถอนหมั้นอดิศวร์ และหนีกลับกรุงเทพฯทั้งๆที่ทั้งคู่เพิ่งจะปรับความเข้าใจกันได้ แม้แม่จะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนต้องรับผิดชอบจึงตัดสินใจไปหาวิรงรองที่บ้าน สารภาพว่าเธอเป็นต้นเหตุทำให้วิรงรองกับน้าลบเข้าใจผิดกัน

“น้าลบ โทร.คุยกับพิณเรื่องที่กำลังเข้าใจกันดีกับคุณวิ พิณยังบอกว่าพิณจะเลี้ยงแสดงความยินดีให้หลังจากนั้นพิณก็เล่าให้คุณแม่ฟัง เรื่องมันน่าจะเริ่มจากตรงนี้...”

“แต่คุณแม่คุณพิณทราบเบอร์โทรศัพท์ของดิฉัน”

“คุณ แม่อาจจะเปิดดูในเครื่องของคุณพ่อก็ได้ เชื่อพิณเถอะค่ะน้าลบเป็นคนดีแล้วก็รักคุณวิมาก พิณขอยืนยันว่าน้าลบไม่รู้เรื่องท่ีพิณมาที่นี่ ขนาดตอนแรกพิณบอกว่าจะมาอธิบายให้คุณฟัง น้าลบยังห้ามเลย”

“เขาคงคิด ว่าเข้าใจอย่างนั้นก็ดีแล้วมั้งคะ” วิรงรองว่าประชด พิณทองรับรองว่าอดิศวร์ไม่ใช่คนแบบนั้นและที่เธอมาพูดให้ทั้งคู่คืนดีกันก็ ไม่ใช่ทำเพื่อกันพิชญ์ออกไปเช่นกัน เธอกำลังจะหย่ากับเขา แต่ถ้าวิรงรองยังรักพิชญ์อยู่ เธอก็จะไม่โกรธเหมือนกันที่วิรงรองจะกลับไปคบกับเขา วิรงรองยืนกรานไม่มีวันจะเป็นเช่นนั้น

“พิณพูดความจริง”

“ดิฉันก็พูดความจริงเช่นกัน” สองสาวสบตากันต่างยิ้มให้กันด้วยมิตรไมตรีที่ดี

ooooooo

ขณะ ที่อดิศวร์กำลังเลี้ยวรถเข้าไปจอดใต้ถุนคอนโดฯที่พักของตัว มีเสียงมือถือของเขาดังขึ้น  เขาเห็นชื่อวิรงรองที่หน้าจอมือถือรีบกดรับสายด้วยความดีใจ

“ดิฉันขอ โทษที่เข้าใจผิดค่ะ” วิรงรองพูดแค่นั้นแล้วปิดเครื่องทันที อดิศวร์โทร.กลับไป มีเพียงเสียงตอบรับอัตโนมัติ จึงรีบขับรถไปหาวิรงรองที่บ้านทันที...

ด้านพิณทองกลับถึงบ้านอย่าง ไม่ค่อยสบายใจนัก บ่นให้พ่อของเธอฟังว่าไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าทำถูกหรือเปล่าที่ไปหา วิรงรอง เพราะอาจทำให้อดิศวร์ตำหนิมาถึงแม่ของเธอได้ รัฐมนตรีพจน์โทษว่าเป็นเพราะคุณหญิงแก้วทำตัวเอง คนเขารักกันอยู่ดีๆก็ไปสร้างเรื่องให้พวกเขาผิดใจกัน

“ไม่ต้องคิดมาก พ่อขอคอนเฟิร์มว่าหนูทำถูกแล้ว” รัฐมนตรีพจน์ว่าพลางลูบหัวลูกอย่างให้กำลังใจ...

ไม่นานนัก อดิศวร์มาถึงบ้านวิรงรอง ในเมื่อฝ่ายหญิงเปิดทางให้ง้อแล้ว เขาไม่รอช้าถามเธอว่าจะกลับโดมทองเมื่อไหร่ ที่นั่นรอเธออยู่

“ไม่จริงมั้งคะ”

“เธอ ไม่อยากรู้ความลับในโดมทองอีกแล้วหรือ กลับไปด้วยกันเถอะ แล้วคราวนี้ฉันจะช่วยเธอเอง” อดิศวร์สบตาวิรงรองนิ่งเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง...

ระหว่างขับรถ กลับคอนโดฯที่พัก อดิศวร์โทร.แจ้งข่าวดีให้พิณทองรู้เป็นคนแรก เธอดีใจกับเขาด้วยที่วิรงรองยอมกลับโดมทอง แล้วถามว่าเมื่อไหร่เขาถึงจะให้เธอเลี้ยงแสดงความยินดี

“เอาไว้น้าลบจะบอก ขอบใจคุณพิณมาก”

“ไม่เป็นไรค่ะ พิณเต็มใจช่วยอยู่แล้ว...กู๊ดไนต์ค่ะ” พิณทองวางสายอย่างโล่งใจ...

ทาง ฝ่ายวิรงรองนอนไม่หลับ เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องตัวเองหลายตลบคิดหาทางช่วยเหลือพิณทองตอบแทนที่ ช่วยให้เธอกับอดิศวร์ปรับความเข้าใจกันได้ ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่ใกล้ๆมือขึ้นมาโทร.หาพิชญ์ซึ่งนั่งใจลอย อยู่หน้าจอทีวีเขาปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังอยู่สักพักจึงหยิบมือถือขึ้นมา ดู รีบรับสายด้วยความตื่นเต้นดีใจ วิรงรองขอโทษเขาด้วยที่โทร.มาดึกๆดื่นๆ

“ไม่ เป็นไร ผมดีใจที่พลับพลึงโทร.มา ดีใจที่สุดเลย นี่...พลับพลึงกลับมาอยู่ที่บ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณจะไม่กลับไปโดมทองอีกแล้วใช่ไหม...” พิชญ์ถามเป็นชุด

“จะกลับพรุ่งนี้เย็นจ้ะ...พรุ่งนี้เช้า พิชญ์มาที่บ้านพลับพลึงหน่อยได้ไหม”

ooooooo

แม้ จะเจ็บปวดใจเพียงใด แต่พิชญ์ก็มาหาวิรงรองตามนัด หญิงสาวระมัดระวังคำพูดเพื่อไม่ให้เขาเข้าใจผิดว่าเธอยังมีใจให้ กระทั่งสรรพนามแทนตัวเอง ที่เคยใช้ว่า “พลับพลึง” เธอก็เลี่ยงไปใช้คำว่า “ฉัน”  แทนที่จนพิชญ์มีเคือง วิรงรองรีบพูดเข้าประเด็นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ฉันอยากจะคุยกับพิชญ์เรื่องคุณพิณทอง”

“ไม่จำเป็น ผมไม่ได้รักพิณ ผมแต่งงานกับพิณก็เพราะถูกคุณแม่บังคับ”

“แล้วพิชญ์ก็แต่ง...แต่งแล้วพิชญ์ก็ทำให้คุณพิณเจ็บช้ำน้ำใจทั้งที่คุณพิณทองไม่ได้มารับรู้อะไรด้วยเลย

ฉัน อยากให้พิชญ์คิดดูดีๆ ถ้าพิชญ์รู้ว่าการแต่งงานจะไปไม่รอด พิชญ์ก็ไม่ควรยอมทำตามคุณแม่ตั้งแต่แรก เพราะคนที่เสียหายที่สุดคือคุณพิณทอง มันไม่ยุติธรรมกับเธอ”

“พิณก็ต้องทำตามที่คุณแม่ของเธอบังคับเหมือนกัน”

“เชื่อ สิ ถ้าพิชญ์บอกว่าพิชญ์มีคนรักอยู่แล้วยังไง คุณพิณทองก็ไม่ยอมแต่งด้วย แต่นี่พิชญ์ไม่ได้บอกเธอจริงไหม เพราะฉะนั้นพิชญ์ก็ควรจะรับผิดชอบ...คุณพิณทองเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม แล้วเธอก็รักคุณมาก”

“เพราะคุณหมดรักผมแล้วใช่ไหมล่ะ ถึงได้เชียร์คนอื่น” พิชญ์ไม่วายตัดพ้อ

“เธอเป็นภรรยาคุณไม่ใช่คนอื่นซึ่งนั่นสำคัญที่สุด คุณเป็นคนตัดสินใจเอง แล้วฉันก็คิดว่าคุณตัดสินใจถูก

แล้วขอให้พิชญ์โชคดีนะคะ” วิรงรองหวังลึกๆ ว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้พิชญ์ได้คิด...

ขณะ ที่วิรงรองพยายามช่วยชีวิตสมรสของพิชญ์กับพิณทอง ท่านผู้หญิงสรรักษ์รู้ดีว่าแสงแขไม่อาจผูกมัดใจอดิศวร์ได้ จึงเบนเข็มไปหาอุษา ถามหยั่งเชิงว่ารักอดิศวร์บ้างไหม เธอรักและเคารพเขาเหมือนพี่ชายไม่เคยคิดเป็นอื่น ท่านหาว่าอุษาใฝ่ต่ำเฝ้าแต่หลงรักพันธ์สูรย์ถึงไม่สนใจหลานชายของท่าน อุษาไม่โต้ตอบอะไร หยิบแก้วใส่ยาก่อนนอนยื่นให้ ท่านผู้หญิงสรรักษ์ปัดกระเด็น หาว่าเธอจะวางยาพิษ

“นี่เป็นยาที่คุณย่ากินเป็นประจำนะคะ”

“ใครจะไปรู้ว่าแกหรือนังแสงแขจะเอายาพิษมาเปลี่ยนให้เมื่อไหร่”

อุษา ถึงกับน้ำตาคลอเบ้าที่ถูกมองในแง่ร้าย ยืนยันว่าเธอกับน้องไม่มีวันทำอย่างนั้นต่อผู้มีพระคุณอย่างคุณย่าเด็ดขาด ท่านไม่เชื่อ และไม่ไว้ใจใครหน้าไหนทั้งนั้น แล้วพาลไล่ตะเพิดอุษาไปให้พ้นหน้า

ooooooo

ไฟแค้นที่สุมอกทำ ให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์นอนหลับไม่สนิทเหมือนเช่นเคย ฝันร้ายว่ามีเสียงคนเดินลากโซ่ตรวนมาหยุดหน้าห้อง ท่านลืมตาตื่น เงี่ยหูฟัง เสียงลากโซ่ตรวนค่อยๆ เดินผ่านเลยไป ตัดสินใจออกไปดูเห็นหลังใครไวๆ กำลังเลี้ยวมุมตึก รีบเดินตามจนกระทั่งร่างนั้นเข้าไปในห้องพักของวิรงรอง

ท่านผู้หญิงสรรักษ์สาวเท้าตามเข้าไป แต่ต้องผงะเมื่อเห็นว่านั่นคือร่างของผีพลับพลึง

“คุณพี่...คุณพี่กำลังจะพ่ายแพ้” เสียงผีพลับพลึงแหบโหยหวนชวนขนหัวลุก

“ไม่มีวัน ไปให้พ้น นังผีบ้า ออกไปจากบ้านฉัน” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตะเพิดจบหันหลังจะออกจากห้อง ผีพลับพลึงปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าอีก

“ดิฉันไปไหนไม่ได้ คุณพี่ก็รู้ว่าดิฉันไปไหนไม่ได้...ไปไม่ได้” เสียงโหยหวนนั้นทำให้ท่านผู้หญิง

สรรักษ์สะดุ้งตื่น เจออุไรซึ่งยื่นหน้าเข้ามาดูเพราะเห็นท่านละเมอร้องเอะอะ ท่านถีบโครมเพราะคิดว่าเป็นผีพลับพลึง

อุไรถึงกับหงายหลังตึง “ท่านผู้หญิงขา นี่อุไรเองค่ะ”

ท่านผู้หญิงสรรักษ์รู้สึกตัว เหลียวมองไปรอบๆ ตะโกนโหวกเหวกว่าผีพลับพลึงหายไปไหน อุไรกลัว

ลนลานหลับหูหลับตาโดดกอดท่านไว้แน่น ท่านผู้หญิงสรรักษ์ดิ้นหลุด ถีบซ้ำอีกโครมแล้วสั่งให้เงียบ

“นัง พิศหรือ” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ว่าพลางมองไปยังมุมมืดของห้อง อุไรกลัวจัดรีบคลานกลับที่นอนตัวเองดึงผ้ามาคลุมโปง พลันมีเงาดำๆ ของพิศปรากฏขึ้น ท่านต่อว่ายกใหญ่ว่าทำไมปล่อยให้ผีพลับพลึงมาหลอกท่าน

“ท่านเจ้าขา ปล่อยบ่าวไปเถิดเจ้าค่ะ”

“เอ็งยังไปไหนไม่ได้ เอ็งต้องช่วยข้าไล่นังพลับพลึงไป มันคอยมารบกวนข้าแทบทุกคืน”

พิศ พยายามจะขอร้องให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์ปล่อยให้ตนไปผุดไปเกิด แต่ท่านไม่ฟัง หนำซ้ำยังสั่งให้หุบปาก และทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป จากนั้น ท่านเอนตัวลงนอน ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความเงียบ อุไรค่อยๆเปิดผ้าคลุมโปงแค่ลูกตาออกมาดู ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นพิศบิดคอมามอง เธอรีบคลุมโปงอย่างเดิม

ooooooo

อุไร ทนหวาดกลัวต่อไปไม่ไหว ระหว่างช่วยอุษาเตรียมอาหารเช้าให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์ จึงขออนุญาตเธอไม่นอนเฝ้าท่านอีกแล้ว เมื่อคืนนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เจ้านายสาวพอจะเดาเหตุการณ์ออกถามว่าอีกแล้วหรือ

“ค่ะ เห็นจะจะเป็นครั้งที่สองที่สามแล้วมั้งคะ แล้วอุไรก็ไม่ได้ฝันด้วย โธ่ พูดแล้วยังขนหัวลุกอยู่เลย”

“เอาเถอะ คืนนี้ฉันจะไปนอนเฝ้าเอง แล้วอย่าไปเล่าให้ใครฟังล่ะ เดี๋ยวจะกลัวกันหมด”

“ค่ะ...เอ่อ ...คุณอุษาจำได้ไหมคะที่คุณวิเห็นผู้หญิงแต่งตัวเหมือนคนโบราณมายืนมองเธอ อุไรว่าต้องเป็นคนเดียวกันแน่ๆเลยค่ะ” อุไรขนลุกซู่ เหลียวซ้ายแลขวาสีหน้าหวาดๆ...

ทางฝ่ายวิรงรองกับอดิศวร์วางแผนจะ กลับโดมทองตั้งแต่ตอนเย็นเมื่อวาน แต่ติดขัดบางอย่างจึงเลื่อนมากลับวันนี้แทน พอเห็นยังมีเวลาเหลือ พากันแวะมาหาพิณทองที่บ้าน ทั้งรัฐมนตรีพจน์และพิณทองต้อนรับขับสู้อย่างดีชวนให้กินมื้อเช้าด้วยกัน แต่คุณหญิงแก้วกลับเป็นตรงกันข้ามหมดอารมณ์จะกินข้าวทันทีที่เห็นหน้า

วิรงรอง ลุกหนีไปหน้าตาเฉย รัฐมนตรีจะตามไปต่อว่าแต่วิรงรองเรียกไว้

“คุณลุงคะ หนูว่าหนูกลับก่อนดีกว่า” วิรงรองว่าแล้วหันไปพยักพเยิดกับอดิศวร์ซึ่งพยักหน้าตอบ

“อย่าให้มีเรื่องกันเพราะผมกับวิรงรองเลยครับ”

พิณทองขอโทษอดิศวร์กับวิรงรองแทนแม่ของเธอด้วย แล้วชวนพ่อออกไปส่งทั้งคู่ที่รถ...

ขณะ ที่คุณหญิงแก้วกำลังโทร.ไปฟ้องคุณหญิงวัชรีเรื่องที่อดิศวร์พาวิรงรองมาที่ บ้านของเธอ ใส่สีตีไข่ว่าแม่นั่นทำระริกระรี้ใส่อดิศวร์ตลอดเวลา ไม่ทันเห็นว่ารัฐมนตรีพจน์ยืนกอดอกฟังอยู่ด้านหลัง

“ไอ้ที่เจ็บใจ สุดๆก็คือทั้งลูกทั้งผัวน้องก็พลอยเป็นไปด้วยคะคุณพี่ ทำอี๋อ๋อ...” เสียงกระแอมของรัฐมนตรีพจน์ทำให้คุณหญิงแก้วถึงกับหยุดกึกหันขวับมามอง “แค่นี้ก่อนนะคะคุณพี่ ได้เวลาทะเลาะกับสามีแล้ว” คุณหญิงแก้ววางสาย ยังไม่ทันจะอ้าปากต่อว่าอะไร รัฐมนตรีพจน์ชิงพูดขึ้นเสียก่อน

“ผมไป อี๋อ๋อกับหนูวิตอนไหน แล้วผมก็ไม่เห็นเธอทำระริกระรี้อะไรกับคุณลบด้วย แล้วไอ้กิริยาอี๋อ๋อน่ะตั้งแต่จำความได้ ผมก็ไม่เคยทำกับใคร”

คุณ หญิงแก้วตำหนิสามีตัวเองว่าเป็นพ่อแบบไหนถึงได้ไปเข้าข้างผู้หญิงที่จะมา แย่งสามีของลูก รัฐมนตรีพจน์ไม่ได้เข้าข้างใคร ที่สำคัญตั้งแต่พิชญ์แต่งงานกับพิณทอง เขาไม่เคยเห็นวิรงรองมายุ่งเกี่ยวอะไรกับพิชญ์แม้แต่ครั้งเดียว และอีกไม่นานเธอก็จะแต่งงานกับอดิศวร์ คุณหญิงแก้วน่าจะพอใจด้วยซ้ำ

“ฉันไม่พอใจ เพราะน้องชายของฉันควรจะได้ผู้หญิงที่ดีกว่านี้ ขอให้รู้ไว้ด้วย”

ooooooo

แสง แขถึงกับปรี๊ดแตกเมื่อโอบมารายงานว่าอดิศวร์พาวิรงรองมาถึงโดมทองแล้ว หันไปโวยวายใส่อุษา ว่าทำไมเขาต้องพานังนั่นกลับมาด้วย อุษาเองก็ตอบไม่ได้ ถ้าเธออยากรู้ความจริงคงต้องไปถามอดิศวร์เอาเอง

“คุณลบอยู่ที่ไหนพี่อุษา”

“น่าจะอยู่ในห้อง”

“โอบ...แก เอาแจกันใบนี้ไปไว้ในห้องทำงาน” แสงแขสั่งเสร็จคว้าแจกันปักดอกกุหลาบอีกใบหนึ่งขึ้นไปข้างบน อุษามองตามน้องสาวอย่างเหนื่อยใจ ครู่ต่อมา แสงแขหอบแจกันดอกไม้มาเคาะประตูห้อง

อดิศวร์แล้วร้องบอกว่าจะเอาแจกันดอกไม้มาไว้ในห้อง อดิศวร์เปิดประตูออกมาจะรับแจกัน แสงแขรีบเบี่ยงตัวหลบเอาเข้าไปวางไว้ให้เอง แล้วแสร้งถามว่าเขาพาวิรงรองกลับมาด้วยหรือ อดิศวร์ซึ่งยังยืนอยู่ตรงประตู พยักหน้ารับ

“แขดีใจด้วยค่ะ ดีใจที่เห็นคุณลบมีความสุข” แสงแขพูดจบขยับจะออกจากห้อง เหลือบเห็นวิรงรอง เดินผ่านมาพอดี เธอแกล้งเซถลาซบอกอดิศวร์ ซึ่งรับไว้ด้วยสัญชาตญาณ วิรงรองถึงกับชะงัก ขณะที่แสงแขส่งยิ้มหยันไปให้ เธอไม่อยากเห็นภาพบาดตารีบเดินหนี ตลอดเวลานั้น อดิศวร์ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยถามแสงแขอย่างพาซื่อว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ๆก็เวียนหัว เขาช่วยประคองแสงแขมานั่ง

“รออยู่นี่ก่อน พี่จะไปตามอุษามาดู”

“ไม่ เป็นไรค่ะ แขค่อยยังชั่วแล้ว” แสงแขค่อยๆ ก้าวออกไปทีละก้าวโดยมีอดิศวร์มองตามอย่างเป็นห่วง พอพ้นสายตาเขาเท่านั้น เธอจ้ำพรวดๆตามวิรงรองจนทัน ขอโทษด้วยที่เมื่อครู่อดิศวร์กอดเธอ ถ้าเขารู้ว่า วิรงรองมาเห็นคงจะกลุ้มใจมาก วิรงรองไม่เห็นจะมี เรื่องอะไรให้เขาต้องกลุ้มใจ แล้วจะเดินเลี่ยงไปทางอื่น แสงแขขวางไว้

“คุณ ลบรักเธอ ฉันรู้ดี เรื่องของฉันกับเขามันก็แค่...เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดขึ้น แต่ฉันขอสารภาพว่า ฉันตั้งใจเพราะฉันรักเขา เรื่องมันเกิดขึ้นตอนที่เธอไม่อยู่” แสงแขบีบน้ำตาทำเป็นสะอื้น “เธอไม่ต้องกลัวหรอก ฉันบอกคุณลบแล้วว่าฉันจะไม่เรียกร้องอะไร
จากเขา จะไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเลย แล้วก็ขอให้เขากับเธอ มีความสุขตลอดไป” แสงแขปั้นเรื่องจบ ยกมือขึ้นปิดหน้าวิ่งหนีราวกับเสียใจสุดๆ วิรงรองมองตามทั้งสับสนและงุนงง...

ครู่ต่อมา แสงแขกลับห้องตัวเอง ปิดประตูตามหลังแล้วหัวเราะอย่างสะใจที่ปั่นหัววิรงรองสำเร็จ ไม่นึกเลยว่าเทพีแห่งโชคจะเข้าข้างตนเอง เหตุการณ์ทุกอย่างถึงได้เป็นใจให้

“ใครดีใครได้ นังวิรงรอง” แสงแขตาวาวเป็นประกายน่ากลัว...

ทันที ที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์เห็นหน้าหลานชายคนโปรด ต่อว่าต่อขานยกใหญ่ว่าคราวนี้ไม่อยู่บ้านทำไมถึงไม่บอกกล่าว อดิศวร์อ้างว่ามีธุระด่วนต้องรีบไปทำ ท่านถามดักคอธุระที่ว่าเกี่ยวกับวิรงรองหรือเปล่า เขาถึงกับนิ่งอึ้ง ท่านผู้หญิงสรรักษ์ คาดคั้นให้ตอบ อดิศวร์หมดความอดทน ต่อว่ากลับว่าเขาไม่ใช่เด็กๆแล้ว ต้องมีชีวิตของตัวเอง ขอให้ท่านเข้าใจเขาบ้าง ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่ต้องการจะเข้าใจอะไรทั้งนั้น ไล่ตะเพิดเขาไปให้พ้นหน้า

“ไม่ว่าจะอย่างไร ผมก็รักคุณย่ามากนะครับ” อดิศวร์ว่าแล้วลุกออกไป พลันภาพในความฝันที่เห็นผีพลับพลึงพูดเย้ยหยันว่าท่านกำลังจะพ่ายแพ้ผุดเข้า มาในสมอง

“ไม่มีวัน ฉันไม่มีวันแพ้แก นังพลับพลึง” ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์เข่นเขี้ยวด้วยความแค้น

ooooooo

ระหว่าง ที่วิรงรองกำลังยืนครุ่นคิดถึงคำพูดของแสงแขเมื่อครู่ อดิศวร์เข้ามากอดจากทางด้านหลัง ถามว่ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้ เธอยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดเขาอึดใจแล้วเบี่ยงตัวออก เขารู้ทันทีว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติ

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

แค่เหนื่อยนิดหน่อย ขอไปนอนพักนะคะ” วิรงรองพูดจบ เดินหนี ทิ้งให้อดิศวร์ยืนงงอยู่ตรงนั้น...

ใน ขณะที่วิรงรองคลางแคลงใจในตัวอดิศวร์อีกครั้งหนึ่ง แสงแขพรวดพราดเข้ามาหาคุณย่าที่ห้อง ถามอย่างถือไพ่เหนือกว่าว่าวิรงรองกลับมาแบบนี้ท่านคงต้องให้เธอช่วยอีกแล้ว ใช่ไหม

“ฉันไม่ต้องพึ่งแกก็ได้ ยังมีนังอุษาอีกคน”

คุณย่าก็ ทราบว่าพี่อุษาไม่มีวันรักคุณลบได้เพราะเธอปักอกปักใจกับพันธ์สูรย์ และถึงแม้เธอจะเชื่อฟังคุณย่าเหมือนทาส แต่เธอก็ไม่มีวันช่วยคุณย่าคิดแผนการชั่วร้ายเพื่อกำจัดวิรงรองเหมือนแขได้ เพราะพี่อุษาเป็นคนดี ยอมรับเถอะค่ะคุณย่าว่าเรามันชั่วเหมือนกัน”

“นังแสงแข ออกไป”

“ก็ได้ค่ะ คุณย่าคิดให้ดีก็แล้วกัน แล้วถ้าคิดตกเมื่อไหร่ก็เรียกแขได้นะคะ คุณย่าน่ะแก่มากแล้ว แต่แขยังแข็งแรง เราร่วมมือกันดีกว่า”

ท่านผู้หญิงสรรักษ์โกรธตัวสั่น ชี้หน้าด่าแสงแขหยาบๆ คายๆ หญิงสาวยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะเดินออกจากห้อง...

ทาง ด้านอดิศวร์ตามมาง้อวิรงรองถึงห้องพัก แต่เธอยังงอนไม่เลิก แถมไม่ยอมบอกว่าโกรธเรื่องอะไร เขาไม่อยากคาดคั้นให้เสียอารมณ์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย คว้าแขนเธอออกจากห้อง อ้างว่ามีอะไรจะให้ดู แล้วพาไปที่ห้องนอนของเขาเอง หยิบเศษใบไม้ชิ้นหนึ่งซึ่งเก็บไว้อย่างดีมาให้ดู

“จำคืนที่เราเห็นรถม้าคันนั้นได้ไหม ฉันเข้าไปดูในโรงเก็บม้า ใบไม้นี่ติดอยู่ที่ล้อรถ”

วิรงรอง จ้องใบไม้ชิ้นนั้นตาไม่กะพริบ ถ้าเป็นอย่างที่อดิศวร์เล่า แสดงว่ารถม้าคันนั้นออกไปจริงๆ และเธอมั่นใจว่าคนขับรถม้าจะต้องเป็นท่านเจ้าคุณสรรักษ์ คุณปู่ของอดิศวร์ เพราะตั้งแต่วิรงรองตัดสินใจจะมาโดมทองก็ฝันเห็นท่านเจ้าคุณบนรถม้าคันนั้น ตลอด

“มันไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว...มันต้องมีอะไรสักอย่าง” อดิศวร์มุ่งมั่นจะค้นหาความจริงให้ได้...

ขณะ ที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์กำลังนึกถึงคำชักชวนของแสงแขที่ให้ช่วยกันกำจัด วิรงรอง อุษาเข้ามาในห้องพอดี ท่านคิดแผนชั่วร้ายขึ้นมาได้ แสร้งตัดพ้อว่าในโลกนี้ไม่มีใครรักท่าน อุษาทำท่าจะปฏิเสธ ท่านยกมือห้าม

“ฉัน รู้ดี แกไม่ต้องมาปฏิเสธ แต่อย่างน้อยแกก็มีความกตัญญูกับฉันมากกว่าใครๆ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ ฉันคงไม่ขอร้องแกให้ช่วยหรอก” ท่านผู้หญิงสรรักษ์มารยาทำเสียงน่าเวทนา อุษาหลงกล ตกปากรับคำว่าท่านจะให้เธอทำอะไรก็บอกมาได้เลย เธอยินดีทำทุกอย่างเพื่อท่าน

“แต่งงานกับตาลบ...แกสัญญาแล้วว่าจะช่วยฉัน...อย่าลืม”

อุษาตกใจถึงกับอ้าปากค้าง ขณะที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์ยิ้มเจ้าเล่ห์

ooooooo

ใน เวลาต่อมา อดิศวร์กับวิรงรองพากันเข้าไปในโรงเก็บรถม้า เธอตั้งข้อสังเกตว่า ที่วิญญาณคุณปู่ของเขายังไม่ไปผุดไปเกิด เพราะรอคอยคุณย่าน้อยอยู่ อดิศวร์จนปัญญาไม่รู้จะไปตามหาคุณย่าน้อยที่ไหน ถ้าท่านตายไปแล้วได้พบอัฐิก็ยังดี วิรงรองวานภูไทกับลานนาช่วยสืบดูว่าเธอเป็นญาติทางไหนของคุณย่าน้อยหรือ เปล่า

“ดิฉันเล่าให้ฟังน่ะค่ะว่า ดิฉันหน้าเหมือนคุณพลับ- พลึงอย่างประหลาด ทั้งสองคนนั่นรวมทั้งคุณพันธ์สูรย์ อยากจะช่วยดิฉันค่ะ ดิฉันฝันร้ายนับแต่ได้ยินชื่อโดมทอง และคงจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปหากไม่ได้รู้ความจริง”

อดิศวร์ไม่ค่อยชอบ ใจนักที่พวกคุ้มภูไทเข้ามามีส่วนร่วมโดยเฉพาะพันธ์สูรย์ ซึ่งเขาถือว่าเป็นพวกเนรคุณทั้งตระกูล แถมตัวพันธ์สูรย์เองก็ไม่รู้จักเจียมกะลาหัวใฝ่สูงมารักอุษา

“ดิฉันไม่เห็นเขาจะเสียหายอะไร” วิรงรองเสียงแข็งขึ้นมาทันที

“เราอย่ามาทะเลาะกันเพราะไอ้หมอนี่เลย”

วิรงรอง อยากรู้สาเหตุอะไรที่ทำให้อดิศวร์กล่าวหาปู่ของพันธ์สูรย์ว่าเป็นคนเนรคุณ เขาไม่รู้รายละเอียดรู้แค่ว่าปู่ของพันธ์สูรย์เนรคุณคุณย่าเท่านั้น ครู่ต่อมา อดิศวร์และวิรงรองกลับเข้ามาในตัวคฤหาสน์ อุไรรีบแจ้งให้ทราบว่า ท่านผู้หญิงสรรักษ์เชิญอดิศวร์ไปพบ เขาหันมองวิรงรองเหมือนจะชวนไปด้วยกัน แต่เธอชิงตัดบทก่อน

“เชิญคุณอดิศวร์เถอะค่ะ”

อุไรรอจนเจ้านายหนุ่มลับสายตา กระซิบกระซาบเล่าเรื่องที่เจอผีในห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์เมื่อคืนให้

วิรงรอง ฟัง มั่นใจว่าท่านรู้จักผีตนนั้นเพราะเรียกว่านังพิศ และตั้งข้อสังเกตว่าผีพิศอาจเคยรับใช้ใกล้ชิดท่านผู้หญิงมาตั้งแต่สมัยสาวๆ พอตายท่านก็ยังเรียกให้มารับใช้ต่อ เพราะคงไม่มีใครถูกใจเท่า

“น่าสงสารแกนะ ความจริงน่าจะไปผุดไปเกิดได้แล้ว”

“โอ๊ย...ท่านผู้หญิงยอมที่ไหนกันคะ บังคับคนไม่พอยังไปบังคับผีอีก” อุไรเม้าท์สนุกปาก...

ฝ่าย ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่ยอมรามือง่ายๆ ในเมื่ออดิศวร์ไม่สนใจรักใคร่แสงแข ท่านจะเปลี่ยนเป็นอุษาให้แทน อดิศวร์ถึงกับถอนใจหนักใจ ไม่ว่าจะเป็นอุษา หรือแสงแข เขาก็แต่งงานด้วยไม่ได้ พวกเธอเป็นน้องสาวของเขา แม้จะเป็นแค่น้องห่างๆท่านหาว่าเขายกเรื่องน้องนุ่งมาเป็นข้ออ้างเพราะต้อง การแต่งงานกับนังพลับพลึง

อดิศวร์เหนื่อยที่จะต้องอธิบายซ้ำซากว่า คุณย่าพลับพลึงกับวิรงรองเป็นคนละคนกัน และเมื่อไหร่ที่เขาแต่งงานกับเธอ เขารับรองว่าเธอจะไม่มาให้คุณย่าเห็นหน้า

“แต่ย่าก็ยังรู้ว่ามันลอย หน้าเยาะเย้ยย่าอยู่ในโดม ทอง ทุกก้าวที่มันเหยียบลงพื้นเท่ากับเหยียบลงบนหัวใจ ย่า...ย่าเจ็บปวด ลบรู้บ้างไหมว่าย่าเจ็บปวด” ท่านผู้หญิงสรรักษ์น้ำตาไหลพราก อดิศวร์ดึงท่านมากอดไว้อย่างอ่อนโยน ท่านยังคงพร่ำบอกว่าถ้าเห็นแก่ท่าน อย่าแต่งงานกับนังนั่น ไล่มันออกไปให้พ้นโดมทอง

ooooooo

อุษา ถึงกับหน้าเสียเมื่อเห็นอดิศวร์เดินตรงมาหา เขาแค่จะมาบอกให้เธอสบายใจได้ว่าเขารู้เรื่องที่คุณย่าบอกเธอแล้ว และเขาจะไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด อุษาถึงกับยิ้มออก

“แล้วก็อย่าไปถือสาท่านด้วย ท่านยังฝังใจเกลียดคุณย่าน้อยจนทุกคนพากันวุ่นวายไปหมด”

“ค่ะ อุษาเข้าใจ”

“ดี ต่อไปนี้ท่านพูดอะไร เธอก็ทำเฉยๆ เสีย เพราะทุกอย่างอยู่ที่พี่คนเดียว” อดิศวร์พูดจบผละจากไป...

ขณะ อุษาโล่งใจที่ไม่ต้องถูกคุณย่าบังคับให้ แต่งงานกับอดิศวร์ ซึ่งเธอเคารพรักราวกับเป็นพี่ชายแท้ๆ ท่านผู้หญิงสรรักษ์ยังแค้นใจไม่หาย สั่งให้โอบไปตามวิรงรองหรือที่ท่านมักจะเรียกว่านังพลับพลึงมาพบ พอแสงแขรู้เรื่องนี้ รีบเข้าไปถามท่านว่าให้โอบไปตามนังนั่นมาทำไม ท่านค้อนหนึ่งวงก่อนจะกระแนะกระแหน

“สอดรู้สอดเห็นล่ะไม่มีใครเกิน”...

ครู่ต่อมา วิรงรองมาพบท่านผู้หญิงสรรักษ์ตามคำสั่ง ท่านกับแสงแขรวมหัวกันไล่ตะเพิด เธอกลับบ้านไป แล้วอย่ามาเหยียบโดมทองอีก

“กลับน่ะกลับได้ค่ะ แต่ดิฉันเกรงว่าคุณอดิศวร์จะต้องเสียเวลาไปตามอีก” วิรงรองโต้ไม่ยอมแพ้

“ปาก คอเราะร้ายมากกว่านังผีพลับพลึงเสียอีก...แกอยากจะลองดีกับฉันใช่ไหม” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ปราดเข้ามาจิกผมวิรงรองให้หงายหน้าขึ้น เธอคว้าแขนท่านบีบอย่างแรงจนต้องดึงมือออกทำให้เซเสียหลักแสงแขรีบเข้าไป ประคองคุณย่าไว้ ท่านผู้หญิงโกรธจัดตบหน้าวิรงรองฉาดใหญ่ที่บังอาจแข็งข้อ แสงแขขู่จะฟ้องอดิศวร์ว่าเธอผลักคุณย่า วิรงรองทักท้วงอย่าลืมบอกเขาด้วยว่าท่านผู้หญิงจิกผมและตบหน้าเธอด้วย

“แล้ว ไง แกคิดว่าตาลบจะฆ่าฉันหรือ นังพลับพลึง... นังผีร้าย กลับไปอยู่บนหอคอยของแก...กลับไป” ท่านผู้หญิงสรรักษ์โกรธจนตัวสั่น ไล่วิรงรองไปให้พ้นหน้า เธอจำต้องออกมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล แสงแขปลอบคุณย่าให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวจะตายก่อนศัตรู ท่านผู้หญิงสรรักษ์รำคาญ ไล่ตะเพิดแสงแขออกไปเช่นกัน

“คุณย่าขา อย่าไล่ไปเสียหมดทุกคนสิคะ มันต้องเหลือลูกคู่เอาไว้บ้าง” แสงแขว่าแล้วจัดการให้ท่านนอนพิงพนักเตียงแล้วส่งยาดมให้ ท่านรับมาดม หลับตาสีหน้านิ่งเฉยจนเธออดแปลกใจไม่ได้...

ด้วยความเป็นห่วงท่านผู้ หญิงสรรักษ์ วิรงรองวิ่งไปตามอุษามาช่วย อุษาถึงกับหน้าเสียรีบเข้าไปในห้องปรากฏว่าท่านไม่ได้เป็นอะไร แถมฝากคำพูดประชดประชันมาให้วิรงรองด้วย อุษาไม่กล้าบอก

แสงแขสาระแนบอกแทน “คุณย่าให้บอกแกว่าท่านยังไม่ตายง่ายๆหรอก จะอยู่ดูความหายนะของแก”

“แสงแข จะไปไหนก็ไป”

“เมื่อ ครู่นี้นังวิรงรองคนโปรดของพี่อุษาเกือบจะฆ่าคุณย่าแล้ว ไม่เชื่อก็ถามมันดูสิ แล้วถ้ายังจะญาติดีกับมันอีกก็ตามใจ” แสงแขพูดจบ สะบัดหน้าผละจากไป อุษามองตามอย่างเอือมระอา วิรงรองยอมรับว่าคำพูดของแสงแขก็มีส่วนถูก แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้อุษาฟัง เธอรู้สึกผิดมากที่ทำไม่ดีกับท่าน

“แต่คุณย่าก็ค่อนข้างจะรุนแรงกับคุณวิเหมือนกัน คุณวิอย่าคิดมาก ตอนที่พี่เข้าไปท่านก็ดูปกติดีนะคะ”

วิรงรอง อยากจะเข้าไปกราบขอโทษท่าน อุษาร้องห้ามเสียงหลง อย่าให้ท่านเห็นหน้าเป็นดีที่สุด เธอถึงกับหน้าสลดที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์จงเกลียดจงชัง อุษารู้สึกตัวว่าพูดมากไป รีบขอโทษ

“ไม่เป็นไรค่ะ พี่อุษาพูดถูกต่อไปวิคงต้องระวังตัวมากกว่านี้ วิต้องไปสารภาพผิดกับคุณอดิศวร์ก่อนนะคะ”

อุษาไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่ต้องทำอย่างนั้น วิรงรองค้านว่าจำเป็นมาก แล้วผลุนผลันออกไปทันที

ooooooo

แม้ อดิศวร์จะไม่ได้ตำหนิการกระทำของวิรงรอง แต่เธอก็ยังรู้สึกผิดต่อท่านผู้หญิงสรรักษ์อยู่ดี ถึงกับออกปากว่าไม่น่ากลับมาที่นี่ เขาปลอบว่าอย่าคิดมาก โดมทองใหญ่โตกว้างขวาง เธอไม่จำเป็นต้องพบกับท่านก็ได้

“แล้วถ้าท่านผู้หญิงเรียกวิไปพบอย่างวันนี้ล่ะคะ”

อดิ ศวร์อาสาจะไปรับหน้าท่านแทนวิรงรองเอง เธอเกรงว่ามันจะไม่ง่ายอย่างนั้น เท่าที่เห็นก็มีแต่ความยุ่งยากรออยู่ข้างหน้า เขาบีบจมูกเธอเล่นอย่างเอ็นดู

“อย่าบอกนะว่าจะกลับไปกรุงเทพฯ อีก”

“มีวิธีอื่นที่ดีกว่านั้นอีกหรือคะ”

“ฉัน ก็ไม่รู้...รู้แต่ว่าเธอต้องอยู่ที่โดมทองกับฉันตลอดไป เราจะช่วยกันแก้ปัญหา แล้วก็ผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน ฉันสัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อเธอ เพื่อเรา ชีวิตเราจะไม่มีวันเหมือนคุณปู่กับคุณย่าน้อย” อดิศวร์ว่าแล้วดึงวิรงรองมากอดไว้ เธอหลับตาซบหน้ากับอกเขารู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก...

อีกมุมหนึ่ง หน้าห้องทำงานของอดิศวร์ แสงแขเดินกลับไปกลับมาอย่างหงุดหงิด ทั้งๆที่เธอมาขอพบก่อน อดิศวร์กลับบอกว่าไม่ว่าง วิรงรองมาทีหลังแท้ๆกลับได้เข้าพบ ทันทีที่มารหัวใจออกจากห้อง แสงแขปรี่เข้าไปหาเรื่อง เธอไม่มีอารมณ์จะทะเลาะด้วยจึงเดินหนี ยัยตัวแสบประจำบ้านไม่สนใจจะตาม เปิดประตูผลัวะเข้าไปในห้องทำงานทันที อดิศวร์ซึ่งกำลังนั่งอ่านเอกสารคำฟ้องอยู่ ตำหนิเธอว่าทำไมไม่เคาะประตูก่อน

ที่มา:http://www.thairath.co.th/ent/novel/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น