วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 11

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 11

ทั้งอดิศวร์และพันธ์สูรย์ชกต่อยกันอุตลุดต่างไม่มีใครยอมใคร กว่าอุษากับวิรงรองจะแยกสองหนุ่มออกจากกันได้เล่นเอาเหนื่อยหอบ อุษาขอร้องพันธ์สูรย์ให้กลับไป แต่เขาดื้อดึงจะขอคุยกับอดิศวร์ให้รู้เรื่องเสียก่อน เรื่องบาดหมางทั้งหมดเป็นเพราะท่านผู้หญิงสรรักษ์เสี้ยมให้อดิศวร์เกลียดชัง เขากับครอบครัว

“เพ้อเจ้อ แกมารู้เรื่องอะไร” อดิศวร์โวยวาย

“คุณ พ่อของผมเล่าให้ฟัง...คุณลบ คุณไม่รู้ตัวหรอกว่าคุณตกเป็นเครื่องมือแก้แค้นให้ท่านผู้หญิงตลอดมา ท่านยัดเยียดความเกลียดชังคุณพ่อและผมใส่หัวคุณ ทำให้คุณจงเกลียดจงชังเราพาลหาเรื่องว่าผมไม่เจียมกะลาหัวที่เผยอหน้ามารัก คุณอุษา บีบคั้นให้ผมอยู่ในโดมทองไม่ได้เพราะท่านกลัวผมจะเล่าความลับที่ว่า คุณย่าของคุณอำมหิตโหดเหี้ยมที่สุด” พันธ์สูรย์สบตาคู่อรินิ่งเพื่อยืนยันว่าพูดความจริง

อดิศวร์ฉุนขาด ผวาจะเข้าไปเอาเรื่อง วิรงรองดึงแขนไว้ เขาไล่ตะเพิดพันธ์สูรย์ไปให้พ้น ชายหนุ่มผู้มาเยือนกลับไม่ขยับไปไหน ยังคงกล่าวหาว่าท่านผู้หญิงสรรักษ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของคุณ พลับพลึงน้องสาวของท่านเอง อดิศวร์ไม่ต้องการฟังเรื่องไร้สาระ สั่งเสียงเฉียบให้อุษากลับไปกับตน แต่ถ้าเธอจะเลือกไปกับคนเนรคุณอย่างพันธ์สูรย์ก็ไม่ต้องมาเหยียบโดมทองอีก อุษาร้องไห้โฮไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่สุดท้ายแล้วเธอเลือกกลับไปกับอดิศวร์ทิ้งวิรงรองและพันธ์สูรย์ไว้ตรง นั้น...

ครู่ต่อมา วิรงรองหลบมานั่งเซ็งอยู่ที่ริมชายหาดเพียงลำพัง อุตส่าห์วางแผนจะให้อุษากับพันธ์สูรย์สมหวังในความรัก แต่ฝ่ายหญิงกลับเลือกความกตัญญูแทนที่จะเลือกหัวใจตัวเอง ขณะกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ภูไทเข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างๆถามด้วยความเป็นห่วงว่าทำไมมานั่งตากลมเย็น อยู่ตรงนี้เดี๋ยวจะไม่สบาย

“วิอยากให้งานเลิกเสียก่อนค่อยกลับ ว่าแต่พี่ชายทราบได้อย่างไรคะว่าวิอยู่ที่นี่”

“พี่ โทร.ถามพันธ์สูรย์ เขาบอกว่าคงไม่มีใครอยู่ป่าละเมาะแล้ว พี่ก็เลยเดาว่าน้องวิน่าจะมาอยู่ที่นี่...เกิดอะไรขึ้นหรือครับ” ภูไทเห็นวิรงรองน้ำตาคลอเบ้า แตะหลังมือเธอเบาๆ “ยังไม่สบายใจก็อย่าเพิ่งพูด...พระจันทร์สวยๆบรรยากาศสงบๆอย่างนี้ เราเดินเล่นกันดีกว่า” ภูไทลุกขึ้นส่งมือให้วิรงรองจับเพื่อฉุดตัวเองให้ลุกตาม สองหนุ่มสาวเดินเล่นกันมาได้สักพัก เจอนายสมยืนรออยู่ที่รถกอล์ฟ วิรงรองนิ่วหน้าแปลกใจ

“ลุงสมรู้ได้ยังไงจ๊ะว่า...”

“คุณลบท่านสั่งให้ผมมารับคุณหนูครับ”

ooooooo

ทันที ที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์รู้ว่าอดิศวร์กลับมาที่งานเลี้ยงแล้ว สั่งให้แสงแขเข็นรถเข็นพามาที่ห้องโถงกลาง ซึ่งเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ จากนั้นท่านลุกขึ้นยืนเพื่อจะกล่าวอะไรบางอย่างโดยมีแสงแขช่วยพยุง อดิศวร์ปรี่เข้าไปช่วยพยุงอีกข้างหนึ่งไว้ ท่านผู้หญิงสรรักษ์มองทั้งคู่อย่างพอใจ

“ฉันมีเรื่องราวอันเป็นมงคล ของหลานชายคนเดียวมาแจ้งให้ทุกคนทราบ อย่างที่รู้งานนี้จัดขึ้นด้วยเหตุผลสองอย่าง...อย่างแรก ฉลองการแต่งงานให้พิณทอง ส่วนอย่างที่สอง เป็นการประกาศหมั้นระหว่างตาลบกับ...”

อดิศวร์ชิงพูดตัดหน้า “อย่าเพิ่งครับ...คุณย่า...ว่าที่คู่หมั้นของผมยังไม่มาเลย”

แสง แขซึ่งฉีกยิ้มหวานเมื่อครู่ หุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่ออดิศวร์ประกาศกลางงานเลี้ยงว่า ผู้หญิงที่เขาจะหมั้นด้วยชื่อ วิรงรอง นกุล ไม่ใช่ตนเอง ทั้งพิชญ์ พิณทอง รัฐมนตรีพจน์รวมทั้งคุณหญิงแก้วและคุณหญิงวัชรีต่างพากันงุนงง อนิรุทธิ์กำลังจะยกแก้วไวน์ขึ้นจิบถึงกับยกค้าง ภูไทและลานนาเองก็รู้สึกไม่ต่างจากคนอื่น หลังจากหายตะลึง ท่านผู้หญิงสรรักษ์กรีดร้องอย่างเจ็บปวดก่อนจะหมดสติ อดิศวร์รีบอุ้มท่านไปส่งโรงพยาบาลทันที...

ไม่นานนัก นายสมขับรถกอล์ฟมาจอดหน้างาน

วิรงรอง ในสภาพผมเผ้ากระเซิง เนื่องจากถูกลมพัด แถมรองเท้าก็ไม่สวมเพราะทรายติดเต็มเท้า บอกให้ภูไทเข้างานไปก่อน เธอจะขอตัวไปล้างหน้าล้างตาแต่ต้องชะงัก เมื่อมีแขกผู้มีเกียรติกลุ่มหนึ่งเข้ามาแสดงความยินดี ทั้งภูไท และวิรงรองต่างงง แสดงความยินดีเรื่องอะไร

“คุณลบเพิ่งประกาศหมั้นกับคุณวิรงรองเมื่อครู่นี้เอง ท่านผู้หญิงดีใจจนเป็นลมแน่ะค่ะ”

วิรงรองถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออก...

ทาง ด้านแสงแขเสียใจมากวิ่งหนีไปร้องไห้อยู่ที่มุมหนึ่งของบ้าน ตีอกชกตัวราวกับคนบ้าโดยมีอุษาตามมาพูดปลอบโยนให้คลายเศร้า เธอกลับหาว่าอุษาเสแสร้ง ทั้งๆที่ความจริงแล้วรู้เห็นเป็นใจกับวิรงรอง สะใจที่เห็นน้องสาวตัวเองต้องเจ็บปวดกลายเป็นผู้พ่ายแพ้

“ฝากบอกนัง นั้นด้วยว่าอย่าลืมที่ฉันพูดคืนนั้น มันผิดสัญญา และฉันจะปกป้องของรักของฉันด้วยชีวิตฉันไม่ได้คุณลบ มันก็จะไม่มีวันได้คุณลบเหมือนกัน” แสงแขพูดจบวิ่งผละจากไปทั้งน้ำตา...

บรรยากาศ ในโดมทองกลับมาเงียบเหงาวังเวงเหมือนเดิม เมื่อแขกเหรื่อพากันกลับไปหมดเหลือเพียงภูไท ลานนากับอนิรุทธิ์เท่านั้นที่ยังนั่งมองหน้าวิรงรองเหมือนจะค้นความจริงว่า เธอรู้เห็นเรื่องประกาศหมั้นหรือไม่ ทั้งๆที่เจ้าตัวยืนยันหนักแน่นว่า ไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วย ลานนาตัดพ้อต่อว่าเพื่อนรัก

“วินะวิ...รักใคร่ชอบพอกับคุณอดิศวร์ก็ไม่บอก ปล่อยให้เรานินทากันอยู่ได้ เราเลยกลายเป็นตัวตลก”

“ลานนา...วิเคยโกหกอะไรเธอหรือเปล่า ลองคิดดู แล้วเรื่องอย่างนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะโกหกด้วย”

“ถ้าวิพูดจริง อีตาอดิศวร์ก็เป็นผู้ชายที่โหดร้าย ใจดำเห็นแก่ตัวที่สุดในโลก อย่าไปยอมนะวิ”

อนิรุทธิ์ เห็นด้วยกับลานนา ภูไทเห็นใจวิรงรองที่ต้องรับศึกหลายด้านมาตั้งแต่เช้ายันค่ำ อยากให้เธอได้พักผ่อน จึงชวนน้องสาวกับอนิรุทธิ์กลับ พรุ่งนี้พวกเราค่อยคิดกันใหม่ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี วิรงรองพยักหน้าเห็นดีด้วย แล้วเดินไปหาอุไร ซึ่งมายืนลับๆล่อๆรอเธออยู่

ooooooo

ระหว่างที่วิรงรองเดินตามอุไรขึ้นไปยังห้องพัก แสงแขมาดักรอต่อว่าโดยมีโอบยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ

วิรงรองพยายามจะอธิบายว่าไม่รู้เรื่องการประกาศหมั้นมาก่อน แต่เธอไม่ฟัง ชี้หน้าพร้อมกับข่มขู่

“จำ ไว้เลยนังวิรงรอง นังหน้าด้าน ฉันไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด แกระวังตัวไว้ให้ดี” แสงแขถลึงตาใส่อย่างเคียดแค้น แล้วผละจากไปโดยมีโอบตามประกบ อุไรปลอบวิรงรอง อย่าไปสนใจพวกที่มีปากสักแต่พูด เธอไม่พูดอะไรอีกเดินกลับห้องพักตัวเองเงียบๆ อุไรมองตามด้วยความเป็นห่วง...

ขณะที่วิรงรองถูกแสงแขทั้งข่มทั้งขู่ สารพัด ภูไทกับลานนาเล่าเรื่องที่อดิศวร์ประกาศหมั้นกับวิรงรองกลางงานเลี้ยง ทั้งๆที่ว่าที่คู่หมั้นไม่ได้อยู่ในงานด้วยให้พันธ์สูรย์ฟัง เขาตกใจมาก

“ไม่ ได้เด็ดขาด เจ้าต้องบอกคุณวิว่าอย่ายอมตกอยู่ในวังวนคำสาปนั่น เจ้าต้องบอกให้เธอออกมาจากโดมทองโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย คุณวิรงรองกำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก เพราะเธอเป็นคนที่คุณลบรัก” พันธ์สูรย์ว่าพลางมองสบตาลานนาอย่างจริงจัง...

ที่ ห้องพักผู้ป่วยภายในโรงพยาบาล หลังจากอดิศวร์ รัฐมนตรีพจน์ พิณทอง รวมทั้งพิชญ์ คุณหญิงวัชรี และคุณหญิงแก้วกลับไปได้สักพัก ท่านผู้หญิงสรรักษ์ค่อยๆรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมองไปรอบๆเห็นพยาบาลพิเศษซึ่งยืน อยู่ข้างเตียงกำลังส่งยิ้มมาให้ ท่านถามว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

“โรงพยาบาลค่ะ คุณป้าช็อกหมดสติ...”

“ฉันคือท่านผู้หญิงสรรักษ์ ไกรณรงค์ อย่ามาสะเออะเรียกฉันว่าป้า” ท่านผู้หญิงเกรี้ยวกราดใส่ทันที

พยาบาล ถึงกับหน้าเสีย ขอประทานโทษท่านแล้วขยับจะไปตามหมอมาให้ ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตะคอกใส่ว่าไม่ต้อง ขืนทิ้งท่านไว้คนเดียวเดี๋ยวผีนังพลับพลึงจะเข้ามา แล้วนึกขึ้นมาได้

“ลืม ไป ผีนังพลับพลึงมันไปไหนไม่ได้ มันตาย ซากอยู่ที่นั่น ดี...ฉันจะได้นอนหลับให้สบาย” ท่านผู้หญิงสรรักษ์พูดจบ หลับตาลงด้วยท่าทางผ่อนคลาย...

ขณะเดียวกันที่โดมทอง อุษารอจนอดิศวร์ส่งพวกญาติๆขึ้นไปพักผ่อนกันหมดแล้ว จึงเข้ามาถามอาการคุณย่าว่าเป็นอย่างไรบ้าง พอรู้ว่าท่านปลอดภัยก็โล่งใจอดิศวร์โทษว่าเป็นความผิดเขาเองที่ทำให้คุณย่า ต้องผิดหวัง และเสียใจจนเป็นลมหมดสติ อุษาไม่อยากให้เขาตำหนิตัวเอง เรื่องแบบนี้ไม่ควรไปตามใจท่าน

“เอ่อ...อุษาโกรธพี่หรือเปล่าที่พี่ห้ามติดต่อกับพันธ์สูรย์”

อุษา ไม่ถือโทษโกรธอะไรอดิศวร์เข้าใจดีว่าทำไมเขาถึงต้องห้ามปราม ชายหนุ่มขอบใจที่เธอเข้าใจแล้วเดินจากไป  วิรงรองรอจนเขาลับสายตา รีบเข้ามาถามอุษาถึงอาการของท่านผู้หญิงสรรักษ์ด้วยความเป็นห่วงได้ ความว่าท่านไม่เป็นอะไรมาก เธอถึงกับถอนใจโล่งอก

“ค่อยยังชั่ว ถ้าท่าน...เอ่อ...เป็นอะไรไปล่ะก็...” วิรงรองพูดยังไม่ทันจบ มีเสียงแสงแขดังขึ้นเสียก่อน

“แกคงดีใจฉลอง 7 วัน 7 คืน เลยใช่ไหมล่ะ...แต่เสียใจด้วย เพราะคุณย่าหนังเหนียว”

วิรงรอง หันไปมองเห็นยัยตัวแสบประจำบ้านยืนเท้าเอวมองอยู่ เธอไม่อยากมีเรื่อง  จึงบอกอุษาว่าขอตัวกลับห้องก่อน แล้วขยับจะไป แสงแขปราดเข้าไปผลักอย่างแรง สั่งห้ามไปไหนทั้งนั้น อุษากันน้องสาวไว้ แล้วบอกให้วิรงรองกลับห้อง แสงแขไม่ยอมรามือจะตามไปเอาเรื่องให้ได้ อุษาคว้าแขนไว้ไม่ยอมปล่อย เธอไม่พอใจที่พี่สาวเข้าข้างคนอื่น ตบอุษาหน้าหันแล้วไล่ตามวิรงรอง อุษาเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งตาม พร้อมกับตะโกนไล่หลัง

“อย่านะ แสงแข คุณวิเธอเป็นคู่หมั้นคุณลบ ลืม แล้วหรือไง คุณลบคงไม่ยกโทษให้เธอแน่ๆ”

คำ ทักท้วงของอุษาได้ผล แสงแขถึงกับหยุดกึก หันมาตะคอกใส่ว่าไม่ต้องมาย้ำเตือน เท่านี้เธอก็เจ็บปวดแสนสาหัสแล้ว ยังไม่สาแก่ใจอุษาอีกหรือ ชีวิตของเธอหมดสิ้นแล้ว อุษาสงสารน้องสาวมากดึงตัวมากอดไว้ เธอกลับผลักพี่สาวออก ประกาศลั่นว่าตราบใดที่เธอยังอยู่ วิรงรองไม่มีวันได้แต่งงานกับอดิศวร์แน่นอน อุษาเห็นแววตาอาฆาตพยาบาทของน้องสาวแล้วอดหวั่นใจไม่ได้

ooooooo

วิรงรอง เร่งฝีเท้ากลับห้องพักแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นอดิศวร์ยืนคอยอยู่หน้าห้อง เขาไม่รอช้าต่อว่าเธอว่าไม่สนใจไยดีคุณย่าของเขาทั้งๆที่ตัวเองกำลังจะเป็น หลานสะใภ้ของท่าน เธอยืนกรานไม่ได้อยากเป็นและไม่คิดจะเป็นด้วยซ้ำ อดิศวร์พูดจายั่วประสาทต่างๆนานา วิรงรองไม่อยากยุ่งด้วย ขอให้เขาหลีกทางเธอจะเข้าห้อง

“ก็เข้าไปสิ ทำไมไม่เข้าล่ะ หรือว่าต้องเปิดประตูให้” อดิศวร์ว่าแล้วเปิดประตูห้องให้ แต่ไม่ขยับไปไหน วิรงรองขอร้องว่าดึกมากแล้ว เหนื่อยมาทั้งวันจึงอยากพักผ่อน เขากลับยิ้มยั่ว

“ฉันก็ไม่ได้ห้าม...อ๋อ...รู้แล้ว เธอคงจะกลัวฉัน”

“ดิฉัน ไม่ได้กลัว” วิรงรองรวบรวมความกล้า เดินตัวตรงเข้าห้อง จังหวะที่เดินผ่านหน้าอดิศวร์แกล้งขยับตัว เธอถึงกับสะดุ้งโหยงหันขวับไปมอง เขาทำไม่รู้ไม่ชี้ดึงประตูปิดให้ วิรงรองรีบกดล็อกพลางถอนใจโล่งอก...

การ ประกาศหมั้นของอดิศวร์ครั้งนี้ นอกจากจะทำให้แสงแขเป็นเดือดเป็นแค้นที่ชายในฝันหลุดมือ ยังทำให้พิชญ์หมดหวังที่กลับมาคืนดีกับวิรงรองไปโดยปริยาย ส่วนคุณหญิงแก้วออกอาการหงุดหงิด แม้การหมั้นครั้งนี้จะทำให้พิณทองหมดคู่แข่งหัวใจ แต่เธออดเสียดายแทนญาติผู้น้องไม่ได้ น่าจะได้คู่หมั้นที่เหมาะสมกว่านี้

รัฐมนตรี พจน์กลับคิดตรงกันข้าม วิรงรองไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน ที่สำคัญเธอไม่ได้เป็นฝ่ายไล่จับใคร อดิศวร์ต่างหากที่เป็นคนประกาศการหมั้นทั้งๆที่เธอไม่ได้อยู่ด้วย คุณหญิงแก้วไม่พอใจที่สามีเข้าข้างคนอื่น

“ผมพูดความจริงลองไปถามใครๆเขาก็ต้องว่าอย่างนี้กันทั้งนั้น ถ้าไม่มีอคตินะ” รัฐมนตรีพจน์แขวะตบท้าย

ooooooo

วิรงรอง อารมณ์ขุ่นมัวแต่เช้าเมื่อเปิดประตูห้องออกมาเจออดิศวร์กำลังออกจากห้องตัว เองเช่นกัน เธอชะงักเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าหนี เขาตะโกนไล่หลังว่าจะรีบไปบ้านภูไทหรือ หญิงสาวเดินลิ่วไม่ยอมตอบคำถาม

อดิ ศวร์ไม่พอใจก้าวฉับๆตามจนทัน คว้าข้อมือเธอไว้ ถามยียวนว่ายอมรับหรือยังว่าตัวเองเป็นคู่หมั้นของเขา วิรงรองไม่ยอมรับ สั่งให้เขาปล่อยมือ อดิศวร์กลับรวบตัวเธอมากอด

“ไม่ยอมรับเพราะยังไม่มีแหวนใส่อวดใครๆใช่ไหม”

“ดิฉัน ไม่ต้องการแหวนบ้าบออะไรของคุณ” วิรงรองพยายามดิ้นหนี อดิศวร์ยิ่งกอดไว้แน่น ก่อนที่หญิงสาวจะถูกเอาเปรียบไปมากกว่านี้ อุไรเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ช่วยให้วิรงรองเอาตัวรอดมาได้...

ยาม เช้าแสนสงบเงียบที่คุ้มภูไทกลับถูกทำลายสิ้นเมื่อบัวคำเข็นรถใส่อาหารเช้า พร้อมกาแฟมาเทกระจาดที่โต๊ะสนามหน้าบ้าน ลานนาหมดความอดทนประกาศลั่นจะตัดเงินเดือนเธอฐานทำข้าวของเสียหายไม่เว้นแต่ ละวัน บัวคำเห็นท่าไม่ดีรีบเบี่ยงเบนประเด็น กระซิบกระซาบกับเจ้านายทั้งสองคน

“เจ้าลานนากับเจ้าภูไทคะ ป่านนี้คุณพันธ์สูรย์ยังไม่ตื่นเลยค่ะ นอน...เงียบเชียว”

สอง พี่น้องนึกเป็นห่วงพันธ์สูรย์ขึ้นมา รีบตรงไปยังห้องพักของเขา ช่วยกันทุบประตูห้องเรียก แต่ไม่มีเสียงขานตอบ ลานนายิ่งกังวลหนัก กลัวเขาจะฆ่าตัวตายเพราะอกหักเรื่องอุษา บัวคำพลอยบ้าจี้ไปด้วย

“คุณพันธ์สูรย์ๆ...ไปที่ชอบๆนะคะ ชอบที่ไหนก็ไปที่นั่น”

ภู ไทกับลานนาพร้อมใจกันจ้องหน้าบัวคำอย่างเอาเรื่อง แต่ยังไม่ทันจะว่าอะไร  พันธ์สูรย์เปิดประตูออกมาด้วยท่าทางงัวเงียเสียก่อน ทั้งสามคนต่างพากันโล่งใจ...

ระหว่างที่พันธ์สูรย์ ภูไท และลานนากำลังกิน มื้อเช้าด้วยกัน พันธ์สูรย์อดบ่นถึงวิรงรองด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ ท่านผู้หญิงสรรักษ์รักและหวงอดิศวร์มาก อาจทำให้เธออาจมีอันตรายได้ ภูไทหาว่าเขาคิดมาก ผู้หญิงแก่อายุตั้ง 80 ปี อย่างท่านผู้หญิง จะไปทำอะไรหญิงสาวแข็งแรงอย่างวิรงรองได้ พันธ์สูรย์ทำเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับนิ่งเงียบ ลานนาสังเกตเห็น ถามว่ามีอะไรหรือเปล่า

“ไม่มีอะไรครับ...ขอโทษด้วยที่ทำให้เป็นห่วง” พันธ์สูรย์เฉไฉแล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อไป...

ทาง ฝ่ายอุษาแอบไม่พอใจวิรงรองเช่นกัน เพราะคิดว่ารู้เรื่องการประกาศหมั้นเมื่อคืน จึงมีท่าทีหมางเมินเมื่อวิรงรองมาปรึกษาว่าจะกลับกรุงเทพฯ เธอรับรู้ถึงท่าทีนั้นได้ จึงถามอุษาตรงๆว่ามีอะไรไม่พอใจเธอหรือเปล่า

“เปล่าค่ะ...พี่...เอ่อ...ต้องรีบทำอาหารเช้าของคุณย่า เดี๋ยวจะต้องเอาไปให้ที่โรงพยาบาล”

“ถ้าอย่างนั้นวิขอโทษค่ะที่เข้ามารบกวน” วิรงรองตัดพ้อน้ำตาคลอเบ้าก่อนจะเดินออกจากครัว อุษาขยับจะเรียกแต่แล้วเปลี่ยนใจ...

วิรงรอง เดินอย่างหงอยๆกำลังจะออกนอกตัวตึก เจอแสงแขดักรออยู่ เธอไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำด้วยจึงเดินหนี แสงแขตะโกนไล่หลังว่าออกไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีก วิรงรองหันขวับ

“ดิฉันขอบอกให้ทราบตรงนี้เลยว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ดิฉันไม่ได้รับรู้ด้วย”

แสง แขไม่เชื่อด่าว่าหยาบๆคายๆ วิรงรองไม่อยากฟังขยับจะเดินต่อ เธอตามมาต่อว่าอีก ก่อนเรื่องจะลุกลามใหญ่โต มีเสียงรัฐมนตรีพจน์ดังขึ้นจากด้านหลัง

“อ้าว หนูวิ...รอลุงนานแล้วหรือ ลุงขอโทษที่ลงมาช้าไปหน่อย...ไปถ่ายรูปด้วยกันไหม หนูแสงแข”

คน ถูกชวนหน้าบึ้งตึงไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ ปฏิเสธว่าไม่ไป แล้วเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง วิรงรองขอบคุณรัฐมนตรีพจน์มากที่มาช่วยเอาไว้ทัน เขากลับทำไม่รู้ไม่ชี้ คะยั้นคะยอให้เธอไปถ่ายรูปเป็นเพื่อน

ooooooo

รัฐมนตรี พจน์เห็นสีหน้าเคร่งขรึมของวิรงรองแล้วอดกระเซ้าไม่ได้ว่า เป็นคู่หมั้นอดิศวร์ทั้งทีทำไมทำหน้าบอกบุญไม่รับอย่างนั้น วิรงรองน้ำตาเอ่อขึ้นมาทันที อธิบายว่า  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วย แต่ทุกคนกลับกล่าวหาว่าเธอเป็นคนผิด รุม เกลียดชังไปหมดไม่เว้นแม้กระทั่งพี่อุษา ซึ่งเคยดีกับเธอมาตลอด

“ความจริงย่อมหนีความจริงไปไม่พ้น”

“ช่างความจริงสิคะ หนูไม่อยู่รอหรอก หนูจะกลับบ้าน”

“ใจเย็นๆน่า คุณลบเขาคงไม่ยอมให้หนูไปหรอก...”

วิรงรองไม่สนใจ เพราะอดิศวร์ไม่มีสิทธิ์อะไรมาห้าม รัฐมนตรีพจน์เห็นไม่เข้าทีรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“...มา คุยกันเรื่องที่หนูเล่าให้ลุงฟังดีกว่า เรื่องที่หนูรู้สึกว่าตัวเองเป็นใครอีกคนที่กำลังจะลงไปหาคนที่กำลังรออยู่ ตอนนั้นหนูรู้สึกอย่างไร” รัฐมนตรีพจน์มองวิรงรองอย่างรอคำตอบ...

ใน ขณะที่วิรงรองเล่าถึงความฝันและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆในคืนวันเพ็ญให้ รัฐมนตรีพจน์ฟัง พิณทองเข้าไปหาอดิศวร์ที่ห้องทำงาน ถามโดยไม่อ้อมค้อมว่าการประกาศหมั้นเมื่อคืนเขาทำเพื่อตัวเองหรือทำเพื่อ ช่วยรักษาชีวิตสมรสของเธอ อดิศวร์ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่าอาจเป็นทั้งสองเหตุผลก็ได้

“หมายความว่าน้าลบรักคุณวิรงรองจริงๆใช่ไหมคะ” พิณทองน้ำเสียงตื่นเต้น อดิศวร์เลี่ยงไม่ตอบคำถาม

“ดูแลพิชญ์ให้ดี น้าลบรู้ว่าเขาไม่ใช่คนไม่มีหัวใจที่จะรู้สึกรู้สมกับความดีความน่ารักของคุณพิณ”

หญิง สาวหน้าเครียดขึ้นมาทันทีตั้งใจว่ากลับจากโดมทองเมื่อไหร่จะขอหย่ากับพิชญ์ อดิศวร์ขอร้องว่าอย่ามีทิฐิกับความรัก แล้วรีบตัดบทไม่อยากให้เธอคิดมากเรื่องพิชญ์ ชวนไปเยี่ยมคุณย่าด้วยกัน

“ไปสิคะ พิณยังไม่ได้ขอบคุณท่านเรื่องงานเลี้ยงเลย”...

ไม่ นานนัก อดิศวร์มาถึงห้องพักคนไข้ พยาบาลพิเศษรายงานอาการที่ดีขึ้นเป็นลำดับของท่านผู้หญิงสรรักษ์เสร็จแล้ว ลุกออกไปรอข้างนอก ปล่อยให้ย่าหลานได้คุยกันตามลำพัง อดิศวร์จับมือท่านมาบีบเบาๆ

“คุณย่าครับ มีคนมาเยี่ยมคุณย่าเยอะเลย คุณย่าจะอนุญาตให้เข้ามาไหมครับ”

“ไส หัวไปให้หมด รวมทั้งแกด้วย ฉันจะอยู่คนเดียว ไม่อยากเห็นหน้าใครทั้งนั้น” ท่านผู้หญิงสรรักษ์เกรี้ยวกราด แล้วตัดพ้อต่อว่า ว่าเสียแรงที่ท่านอุตส่าห์เลี้ยงดูอดิศวร์มาด้วยความรัก ไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าหมั้นกับศัตรูคู่อาฆาตของท่าน ผู้หญิงในโลกนี้มีตั้งมากมายทำไมเขาต้องเลือกนังพลับพลึง อดิศวร์อธิบายอย่างใจเย็นว่า คุณย่าน้อยกับวิรงรองเป็นคนละคนกัน แม้ชื่อวิรงรองจะแปลว่าดอกพลับพลึงแต่มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น

“มันจงใจต่างหาก มันจงใจจะตามมาแก้แค้นย่า”

“คุณย่าทำอะไรล่ะครับ คุณย่าน้อยถึงจะกลับมาแก้แค้น” คำถามของอดิศวร์ทำให้ท่านผู้หญิงถึงกับอึ้ง...

ทาง ด้านวิรงรองยิ้มได้อีกครั้งเมื่อรัฐมนตรีพจน์ฟังเรื่องราวที่เธอเล่าแล้ว สรุปว่าเธอไม่ได้บ้าหรือคิดไปเอง แต่รอยยิ้มนั้นอยู่ได้ชั่วครู่ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างเดิม

“ระยะหลังๆมานี่มีบางอย่างที่ทำให้ หนูแน่ใจว่าสิ่งที่เห็น ไม่ได้ตั้งใจจะมาหลอกหรือทำอันตรายหนู แต่เขาต้องการจะสื่ออะไรถึงใครบางคน...คุณลุงคะ คุณลุงพอจะทำให้คุณอดิศวร์เปิดห้องใต้โดมได้ไหมคะ”

รัฐมนตรีพจน์ไม่รับปากแต่จะลองดู วิรงรองสบายใจขึ้นอย่างน้อยก็ยังมีเขาที่เชื่อเรื่องประหลาดของเธอ

ooooooo

ใน เวลาต่อมา รัฐมนตรีพจน์สบช่องได้อยู่ลำพังกับอดิศวร์ พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าเขารู้สึกว่าคุณย่าทุกข์ทรมานด้วยความลับบางอย่าง ทางเดียวที่จะทำให้หลุดพ้นได้ก็คือให้ท่านยอมเผชิญหน้ากับความจริง เขาเองก็ไม่รู้ว่าความลับที่ว่าคืออะไร เป็นหน้าที่ของหลานรักอย่างอดิศวร์ต้องหว่านล้อมให้ท่านพูดออกมา

“คุณย่าไม่เหมือนคนอื่น” อดิศวร์ถอนใจ หนักใจ

“ก็ลองเริ่มจากทำบุญบ้านสิ ทำให้ทั่วบ้านเลย โดยไม่เว้นแม้แต่ห้องใต้โดม”

สี หน้าอดิศวร์เปลี่ยนไปทันที รู้แล้วว่ารัฐมนตรีพจน์ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน รีบตัดบทขอตัวไปทำธุระแล้วจ้ำพรวดๆไปหาวิรงรองที่ห้องพัก คาดคั้นให้บอกมาว่าไปคุยอะไรกับรัฐมนตรีพจน์ เธอถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ

“ดิฉัน...เอ่อ...แค่เล่าความฝันกับเรื่องเมื่อคืนนั้นให้คุณลุงฟัง”

“เธอไม่ควรเอาเรื่องในบ้านเราไปเล่าให้คนอื่นฟัง” อดิศวร์ตำหนิ วิรงรองสวนทันที

“กรุณา อย่าใช้คำว่าเรา เพราะดิฉันเป็นเพียงคนอาศัย ข้อสอง...คุณลุงเป็นญาติของคุณไม่ใช่คนอื่น และข้อสุดท้าย คนในบ้านนี้ไม่มีใครฟังดิฉันเลย”

“ข้อแรก เธอเป็นคู่หมั้นของฉัน ฉันจึงใช้คำว่าเราได้...ข้อสอง พี่พจน์เป็นแค่พี่เขยไม่ใช่พี่ชายแท้ๆและข้อสาม ฉันฟังเธอ แต่สิ่งที่เธอเล่ามันไม่น่าเชื่อ ถามจริงเถอะ...เธอคิดว่ามีความลับอะไรอยู่ในห้องใต้โดม”

“คุณถึงต้องไปเปิดดูไง อ้อ...แล้วเรื่อง เอ่อ...คู่หมั้นบ้าบออะไรนั่น ดิฉันไม่รู้เรื่องแล้วก็จะไม่รับด้วย”

อดิ ศวร์ล้วงกระเป๋าหยิบกล่องใส่แหวนออกมาแล้วเดินเข้าหา วิรงรองถอยกรูดไปติดมุมห้อง เขาคว้ามือซ้ายของเธอที่พยายามบิดหนีขึ้นมาสวมแหวนจนได้ ประกาศว่าเธอเป็นคู่หมั้นของเขาโดยสมบูรณ์แล้ว วิรงรองกระชากมือกลับ ทำท่าจะถอดแหวน เขาแกล้งขู่ถ้าคิดจะถอดมันออกจะได้เห็นดีกัน วิรงรองหยุดกึกไม่กล้าหือ

“เอาไว้ให้คุณย่าหายดีแล้ว ฉันจะลองพูดเรื่องทำบุญดู...ออกไปข้างนอกกันเถอะ” อดิศวร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วคว้ามือวิรงรองที่ยังงงๆแกมประหลาดใจออก จากห้อง ตรงไปยังห้องโถงใหญ่ ผ่านหน้าแสงแขซึ่งกำลังสั่งงานโอบอยู่ ยัยตัวแสบประจำบ้านมองตามด้วยความเคียดแค้น อดิศวร์พาวิรงรองมาหยุดตรงหน้ารูปภาพของท่านเจ้าคุณสรรักษ์และคุณพลับพลึง เธอถึงกับอึ้ง เขาไปได้รูปพวกท่านมาจากไหน

“ในห้องเก็บของ...น่าแปลก ที่เธอเหมือนคุณย่าน้อยจริงๆนะวิรงรอง เหมือนราวกับคนคนเดียวกัน...แน่ใจนะว่าเธอไม่ได้เป็นญาติหรือมีอะไรเกี่ยว ข้องกับคุณย่าน้อย”

วิรงรองมั่นใจไม่ได้เกี่ยวดองอะไรกัน เพราะถ้ามี แม่ของเธอต้องเล่าให้ฟังแล้ว อดิศวร์หายข้องใจเป็นปลิดทิ้งว่าทำไมคุณย่าของเขาถึงไม่ต้อนรับวิรงรอง ท่านไม่ได้เกลียดตัวเธอแต่เกลียดความเหมือนของเธอกับคุณย่าน้อยต่างหาก วิรงรองตั้งข้อสังเกตว่าบางทีคุณพลับพลึงอาจจะมาเกิดเป็นเธอก็ได้

“ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมเธอถึงฝันเห็นท่านล่ะ”

“หมาย ความว่าคุณเชื่อที่ดิฉันเล่าให้ฟังใช่ไหมคะ” วิรงรองตาวาวด้วยความตื่นเต้นดีใจ เขากลับส่ายหน้าแทนคำตอบ เธองอนที่เขาไม่เชื่อเรื่องที่เธอเล่า สะบัดหน้าเดินหนีไปทันที...

มาร ยังตามมาผจญวิรงรองไม่ได้ว่างเว้น ขณะจะเดินไปที่บันไดเพื่อกลับห้องพัก เจอพิณทอง คุณหญิงวัชรีและคุณหญิงแก้วกำลังยืนคุยกับแสงแข ทุกคนหันมองเธอเป็นตาเดียวกัน แสงแข คุณหญิงวัชรี และคุณหญิงแก้วตั้งใจว่ากระทบกระแทกแดกดันให้วิรงรองได้ยิน เธอเบื่อหน่ายกับคนพวกนี้เต็มทน เดินหนีขึ้นบ้าน พิณทองรีบวิ่งตามจนทัน อ้างว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย ขอร้องให้ไปคุยกันที่ห้องพักของวิรงรอง

ooooooo

พิณ ทองขอแสดงความยินดีกับวิรงรองเรื่องการหมั้นกับน้าชายของเธอจากใจจริงโดยไม่ มีเรื่องพิชญ์มาเกี่ยวข้อง คู่หมั้นหมาดๆของอดิศวร์รีบหมุนหัวแหวนหลบเข้าข้างในและพยายามซ่อนมือซ้าย ไว้ แล้วรีบออกตัวว่าเรื่องของเธอกับพิชญ์จบไปนานแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะไม่มีวันลงเอยกับเขาเด็ดขาด

“เพื่อความยุติธรรม พิณจะบอกความจริงกับคุณวิรงรอง...ตอนนี้พิณกับพิชญ์แยกกันอยู่ อีกไม่นานก็จะหย่ากันเงียบๆ...เอ่อ พิณอยากรู้นิดเดียว คุณวิรงรองยังรักพิชญ์อยู่หรือเปล่า” พิณทองเห็นวิรงรองส่ายหน้า รีบยกมือห้าม “อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธค่ะ พิณอยากให้คุณวิรงรองคิดให้ดีเพราะถ้าคุณยังรักพิชญ์ มันก็ไม่ยุติธรรมกับน้าลบที่คุณใช้เป็นเครื่องมือเพื่อให้ลืม หรือว่าประชดพิชญ์”

วิรงรองยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนซับซ้อนขนาดนั้น พิณทองโพล่งขึ้นทันทีถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า

เธอ รักน้าลบใช่ไหม วิรงรองส่ายหน้าอีกครั้ง พิณทองมองเธออย่างตำหนิ ถ้าน้าลบมาได้ยินเข้าคงเสียใจมาก ดังนั้นพิณทองอยากให้เธอไตร่ตรองให้ดีก่อน ถ้ายังรักพิชญ์อยู่ รอให้ตนหย่ากับเขาก่อน แล้วปล่อยน้าลบไป

“น้าลบ เป็นคนดี เขาควรจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่รักเขาจริง” พิณทองจ้องวิรงรองราวกับจะให้ทะลุไปถึงหัวใจ ก่อนจะลุกออกไป วิรงรองมองตาม แล้วยกแหวนหมั้นขึ้นมาทำท่าจะถอดทิ้ง แต่นึกถึงคำขู่ของอดิศวร์ขึ้นมาได้ จำต้องสวมไว้อย่างเดิม ฝ่ายพิณทองไม่รอช้ารีบนำเรื่องที่คุยกับวิรงรองไปบอกอดิศวร์ ซึ่งหน้าเครียดทันทีที่รู้ว่าวิรงรองไม่ได้รักตน...

ทางด้านคุณหญิง แก้ว คุณหญิงวัชรี และแสงแขยังคงสุ่มหัวนินทาวิรงรองกันอย่างสนุกปาก อีกทั้งยังพยายามวิเคราะห์หาสาเหตุว่าทำไมพวกผู้ชายถึงกับพากันรุมรักนัง นั่นเป็นบ้าเป็นหลัง

ooooooo

ไม่กี่วันถัดมา อดิศวร์ขับรถพาท่านผู้หญิงสรรักษ์กลับจากโรงพยาบาลโดยมีแสงแขและโอบคอยตามมา รับใช้ ทันทีที่รถแล่นมาจอดหน้าคฤหาสน์โดมทอง ท่านผู้หญิงสรรักษ์โวยวายลั่นว่า ใครบังอาจเปิดหน้าต่างห้องใต้โดมไว้ ทั้งอดิศวร์ แสงแข และโอบต่างเงยหน้าดู เห็นหน้าต่างปิดสนิทเหมือนที่เคยเป็น แสงแขปากไวพูดไม่คิด

“คุณย่าคงตาฝาดไปน่ะค่ะ”

“อย่า สาระแนนังแสงแข” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตวาด แสงแขชักสีหน้าไม่พอใจแวบหนึ่งก่อนจะปรับเป็นปกติ ท่านยังเคลือบแคลงใจไม่หาย สั่งให้อดิศวร์เข็นรถพาไปดูแถวหน้าบันไดทางขึ้นโดม เห็นประตูเหล็กถูกคล้องด้วยโซ่เส้นใหญ่ขึ้นสนิม เช่นเดียวกับกุญแจที่ล็อกอยู่ ไม่มีสิ่งบ่งบอกว่ามีใครเปิดประตู แต่ท่านก็ยังไม่วางใจ ขู่สำทับ

“อย่าให้รู้เชียวนะว่าใครบังอาจขัดคำสั่งฉัน...ตาลบเข็นย่ากลับห้องได้แล้ว”

ครู่ ต่อมา อดิศวร์เข็นรถพาท่านผู้หญิงสรรักษ์กลับถึงห้องแล้วช่วยประคองไปที่เตียง มีอุษาตามมาช่วยดูแล ท่านผู้หญิงสรรักษ์ยังไม่ยอมรามือจะหาคนรับผิดชอบเรื่องหน้าต่างห้องใต้โดม เปิดให้ได้ สั่งให้หลานชายสุดที่รักไปตามนังพลับพลึงมา ท่านรู้ว่าต้องเป็นฝีมือนังนั่นที่คิดจะกลั่นแกล้งให้ท่านกลัว อดิศวร์อยากรู้ว่าห้องนั้นมีอะไรกันแน่ถึงทำให้คุณย่ากลัวได้ขนาดนี้ ท่านไล่ให้ไปถามนังพลับพลึงที่เขาพามาเอาเอง

อดิศวร์นิ่งคิดอยู่อึด ใจ ก่อนจะตัดสินใจพูด “ผมว่าจะทำบุญบ้าน ระยะหลังๆมานี้ คุณย่าดูออดๆแอดๆ บางครั้งก็หงุดหงิด ถ้าได้ทำบุญบ้านอะไรๆอาจจะดีขึ้น คุณย่าจะว่าอย่างไรครับ”

“ก็ดีเหมือนกัน ผีมันกลัวพระ มันจะได้เตลิดไปไกลๆ” ท่นผู้หญิงสรรักษ์ยิ้มเหี้ยม

ooooooo

อดิ ศวร์จัดงานทำบุญบ้านขึ้นอย่างรวดเร็วทันใจ หลังจากถวายภัตตาหารเพลและพระสงฆ์สวดมนต์ให้พรเรียบร้อย ท่านเจ้าอาวาสจะพรมน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลให้ทั่วทั้งบ้าน อดิศวร์สบช่องขออนุญาตคุณย่าให้ท่านเจ้าขึ้นไปพรมน้ำมนต์บนห้องใต้โดมด้วย เลย ท่านร้องห้ามเสียงหลงอ้างว่าห้องนั้นมีแต่ความชั่วร้าย

“ถ้าโยมคิดอย่างนั้นก็ยิ่งต้องทำให้ความชั่วร้ายหายไป” ท่านเจ้าอาวาสแนะนำ

ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ยืนกรานห้ามใครเปิดห้องนั้นเด็ดขาด รีบตัดบทสั่งให้อดิศวร์ไปตามนายสมมาพาพระกลับวัด แล้วยกมือไหว้ขอประทานโทษท่านเจ้าอาวาสที่ไม่อาจทำตามคำแนะนำได้...

ขณะวิรงรองนั่งน้อยใจอยู่ในห้องเพียงลำพังที่เจ้าของบ้านไม่ยอมให้ไป ร่วมงานบุญ อุไรยกถาดใส่อาหารขึ้นมาให้ เธอถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ขอบใจอุไรมากที่ยังมีแก่ใจคิดถึง เธอทั้งๆ คนอื่นเห็นเธอไม่มีตัวตน อุไรแก้ตัวแทนอดิศวร์ที่ไม่ได้ชวนวิรงรองลงไปร่วมงานทำบุญเพราะท่านผู้หญิง สรรักษ์อยู่ในงาน

“ในเมื่อท่านผู้หญิงรังเกียจวิ คุณอดิศวร์ก็ไม่ควรทำอย่างนี้” วิรงรองตัดพ้อทั้งน้ำตา

“คุณลบรักคุณวิค่ะ”

วิรงรอง มั่นใจว่าอดิศวร์ประกาศหมั้นกับเธอก็เพราะกลัวเธอจะไปแย่งสามีหลานสาวของเขา ต่างหาก อุไรปลอบว่าอย่าคิดมาก ตนอยู่โดมทองมานานมากพอที่จะรู้ดีว่าอดิศวร์ไม่เคยรักใคร่ไยดีผู้หญิงคนไหน มาก่อนขนาดแสงแขที่แสดงออกอย่างเปิดเผยตลอดเวลาว่ารัก เขา เขาก็ไม่เคยมีท่าทีด้วย แสงแขถึงได้อิจฉาวิรงรอง

“ป้าอุไรยังไม่รู้ลึก รู้จริงเท่าวิหรอก”

อุไร ไม่มีเวลามาเถียงด้วย เพราะต้องลงไปช่วยดูแลเก็บข้าวของข้างล่าง บอกวิรงรองให้กินอาหารได้แล้ว เธอว่างเมื่อไหร่ค่อยมาเถียงกันต่อ ระหว่างอุไรเดินมาถึงโถงบันไดด้านบน เจออดิศวร์เดินสวนขึ้นมา ตรงไปทางห้องวิรงรอง เธอเหลียวตามพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อดิศวร์หันขวับมามอง อุไรหุบยิ้มแทบไม่ทัน...

ครู่ต่อมา อดิศวร์แจ้งกับวิรงรองว่าพรุ่งนี้เราสองคนจะไปพบแม่ของเธอที่กรุงเทพฯด้วย กัน เขาจะไปสู่ขอเธออย่างเป็นทางการ ไม่เช่นนั้นจะดูเหมือนเราหนีตามกัน วิรงรองยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้อยากจะหมั้นกับเขา

“อยากหรือไม่อยากก็หมั้นกันแล้ว...6 โมงเช้า เตรียมตัวให้พร้อม” อดิศวร์พูดจบผละจากไป...

บุญ ที่ทำในตอนเช้าไม่ได้ช่วยให้บาปในใจท่าน ผู้หญิงสรรักษ์บรรเทา ตกดึกท่านฝันว่าเดินตามเสียงเพลงนางครวญมาถึงหน้าประตูโถงใหญ่ เสียงเพลงหยุดเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะแทนที่ ท่านผลักประตูเข้ามาเห็นพวกวงมโหรีซึ่งหน้าตาซีดเซียวกำลังหยอกล้อกับคุณ พลับพลึง ทุกคนหยุดกึกเหลียวมองท่านเป็นตาเดียวกัน ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่พอใจไล่ตะเพิดทุกคนไปจากบ้านของตน คุณพลับพลึงอ้างว่าท่านพวกนี้เข้ามาเอง

“นังพลับพลึง นึกหรือว่าฉันจะกลัวพวกแก” ท่าน ผู้หญิงไม่พูดเปล่าชี้หน้าจะเอาเรื่อง คุณพลับพลึงแสยะยิ้ม เนื้อหนังที่เคยเป็นใบหน้าค่อยๆ ยุบลงเหลือแต่เนื้อเน่าเฟะหนอนไต่ยั้วเยี้ย ผู้ร่วมวงคนอื่นๆ ก็เช่นกัน คุณพลับพลึงยื่นมือที่เต็มไปด้วยหนอนออกมาชวนท่านผู้หญิงสรรักษ์มาอยู่ด้วย กัน ท่านกรีดร้องลั่น ปัดมือวุ่นวาย อุษานอนหน้าเตียงตกใจตื่นรีบลุกขึ้นมาเขย่าแขนคุณย่าให้รู้สึกตัว ถามว่าเป็นอะไรไป

“อีนังพลับพลึงกับพวกของมัน...อุตส่าห์เอาพระมาสวดไล่แล้วยังไม่ยอมไปอีก”

อุษา ปลอบว่าไม่มีใคร คุณย่าฝันร้ายไปเท่านั้น ท่านยืนยันว่ามี พวกนั้นอยู่ที่ห้องโถงใหญ่แล้วลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉงด้วยพลังแค้น อุษาเห็นท่าไม่ดีบอกให้ท่านนั่งรถเข็นเธอจะพาไปเอง ไม่นานนัก ท่านผู้หญิงสรรักษ์กับอุษามาถึงห้องโถงใหญ่ ท่านเห็นรูปนังผีพลับพลึงแขวนอยู่อีกด้านหนึ่งของรูปท่านเจ้าคุณสรรักษ์ ใบหน้าของเธอเหมือนจะยิ้มเยาะมาให้ จึงสั่งให้อุษาปลดรูปนังผีนั่นลงมา แล้วฟาดกับที่วางรถเข็นกระจกแตกกระจาย ท่านผู้หญิงสรรักษ์ยังไม่หนำใจ กระชากรูปออกมาฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“นังพลับพลึงแกไม่มีวันชนะ ฉัน” ท่านผู้หญิงสรรักษ์หัวเราะราวกับคนบ้าแข่งกับเสียงฝนตกฟ้าร้องด้านนอก แล้วหันมองรูปท่านเจ้าคุณ “รูปนังพลับพลึงไม่มีแล้ว มีแต่รูปคุณพี่กับดิฉัน เราจะอยู่คู่กันตลอดไป”

ooooooo

ความหวังที่จะได้กลับบ้าน ของวิรงรองเป็นอันต้องพังทลาย  เพราะอดิศวร์ต้องอยู่ดูแลท่านผู้หญิงสรรักษ์ที่อาละวาดหนักจนล้มป่วย วิรงรองถามอุไร ซึ่งเป็นคนมาแจ้งข่าวเลื่อนการเดินทางว่าท่านเป็นอะไร มากไหม

“ท่านนอนซึม ไม่ยอมกินอาหารไม่พูดไม่จาค่ะ...เมื่อคืนท่านฉีกรูปคุณพลับพลึงเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อยเลยค่ะ กระจกแตกกระจาย คุณอุษาต้องตามป้าอุไรไปช่วยเก็บกวาด ป้าอุไรไปล่ะค่ะ” อุไรพูดจบออกจากห้อง ทิ้งให้วิรงรองมึนงงอยู่คนเดียว ทำไมท่านผู้หญิงต้องทำถึงขนาดนั้น...

ทางด้านท่านผู้หญิงสรรักษ์เอา แต่นอนจ้องเพดานห้อง โดยมีอดิศวร์คอยปลอบโยนอยู่ไม่ห่าง ในที่สุดท่านก็ยอมเปิดปากพูดหลังจากนิ่งเงียบอยู่เป็นนาน สั่งห้ามหลานชายสุดรักสุดหวงแต่งงานกับวิรงรองเด็ดขาด เขาก็เห็นรูปนังพลับพลึงแล้ว เหมือนแม่นั่นราวกับคนคนเดียวกัน อดิศวร์ทักท้วงก็แค่เรื่องบังเอิญ

“ไม่ใช่ ย่ารู้ว่ามันเป็นคนคนเดียวกัน ถ้าลบแต่งงานกับนังนั่นวันไหนก็เท่ากับย่าต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ซึ่งย่าจะยอมไม่ได้เด็ดขาด รับปากกับย่าสิลบ” ท่านผู้หญิงสรรักษ์บีบน้ำตาสะอึกสะอื้น

อดิศวร์ทักท้วงว่า ทุกคนในงานได้ยินกันทั่วแล้วว่าเขาประกาศหมั้นกับวิรงรอง ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่สนใจจะถอนหมั้นเสียอย่างใครจะทำไม อดิศวร์ขอร้องให้ท่านฟังเหตุฟังผลบ้าง แต่ท่านไม่ยอมฟัง ถ้าเขายังดื้อดึงจะแต่งงานกับนังอัปมงคลนั่นให้ได้ ท่านมีแต่คำสาปแช่งเท่านั้นที่จะให้แทนคำอวยพร อดิศวร์ถึงกับอึ้ง

ส่วน แสงแขแอบมีความหวังที่จะได้ครอบครองชายในฝันของตัวเองอีกครั้ง จึงไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยตามไปหาเรื่องวิรงรอง ซึ่งกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนข้างคฤหาสน์ โทษว่าเป็นเพราะอดิศวร์ประกาศหมั้นกับวิรงรอง ทำให้คุณย่าเสียใจมากถึงขั้นล้มเจ็บ งานแต่งงานจะมีได้ก็คงต้องรอจนท่านตายไปเสียก่อน และตนคิดว่าคงจะอีกนาน เพราะคนแก่ร้ายกาจอย่างคุณย่าตายยาก คงจะพะงาบๆอยู่ขัดขวางความสุขของลูกหลานไปเรื่อยๆ

“คุณใจร้ายมากที่พูดถึงท่านแบบนั้น ทั้งๆที่ท่านเมตตาคุณ” วิรงรองมองอย่างตำหนิ

“ยัย แม่มดนั่นน่ะหรือ จะรู้จักเมตตาใครเป็น ท่านยังบอกคุณลบอีกนะว่า วันไหนที่คุณลบแต่งงานกับเธอ ท่านจะให้คำสาปแช่งแทนคำอวยพร ถ้าฉันเป็นเธอน่ะหรือ เผ่นไปจากโดมทองนานแล้ว”

วิรงรองไม่กลัวคำสาป แช่ง ถ้าอดิศวร์รักเธอจริง ซึ่งเธอมั่นใจว่าเป็นเช่นนั้น เขาคงต้องหาทางแต่งงานกับเธอก่อนที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์จะมีอันเป็นไปแน่นอน แสงแขจ้องมองวิรงรองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ...

หลังจากปะทะคารมกับ แสงแข วิรงรองกลับเข้าตัวตึกอย่างเหน็ดเหนื่อยใจ เจออดิศวร์ดักรออยู่ เธอระบายความอัดอั้นใส่เขาเป็นชุดแล้วตบท้ายว่า อยากจะกลับบ้าน ถ้าเขาต้องอยู่ดูแลท่านผู้หญิงสรรักษ์ เธอจะขอกลับคนเดียว อดิศวร์ยอมไม่ได้ ขืนทำอย่างนั้นแม่ของเธอจะว่าเอาได้ว่าปล่อยให้เธอไปคนเดียว แสงแขเข้ามาเห็นทั้งคู่กำลังถกเถียงกัน พยายามเข้าไปเสนอหน้า แต่ไม่มีใครสนใจ ยังคงโต้เถียงกันต่อไป

“อ๋อ ท่านไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ เพราะตอนมา ดิฉันก็มาคนเดียวแถมยังนั่งรถไฟมาเสียอีก”

“ใจเย็นๆสิจ๊ะวิรงรอง คุณลบเป็นห่วงเธอมากนะ ฉันน่ะรู้ใจคุณลบดี” แสงแขหาทางพูดแทรกจนได้

“งั้นก็เชิญคนรู้ใจกับคนรู้ใจคุยกันไปเถอะค่ะ”

วิรงรอง แดกดันจบเดินหนี อดิศวร์อึ้งไปอึดใจ แล้วเดินตามโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกให้อยู่ก่อนของแสงแข ทำให้เธอน้อยใจมาก เก็บเอาความเสียใจไประบายให้พี่สาวฟังทั้งน้ำตา อุษาได้แต่บอกให้เธอทำใจยอมรับความจริงว่าอดิศวร์ไม่ได้รักเธอ เรื่องความรักไม่มีใครบังคับใจใครได้

“การยอมรับความจริงอาจจะทำให้ เธอเจ็บปวดในตอนแรก แต่มันจะดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งดีกว่าที่เธอจะหลอกตัวเองว่ายังมีหวังในตัวคุณลบ แล้วต้องทุกข์ทรมานไปจนตลอดชีวิต...เชื่อพี่นะ แสงแข” อุษาว่าแล้วดึงตัวน้องสาวที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นมากอดปลอบใจ เธอกลับผลักอุษาออก

“ไม่...แขไม่เชื่อ พี่อุษาก็เข้าข้างนังวิรงรองเหมือนกันนั่นแหละ คุณลบต้องเป็นของแข” แสงแขตวาดลั่น...

ครู่ ต่อมา อดิศวร์ตามวิรงรองไปที่ห้อง เห็นเธอกำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเดินทาง ขอร้องให้เธอรอจนกว่าคุณย่าของเขาจะแข็งแรงอีกสักหน่อย แล้วเราสองคนค่อยไปกรุงเทพฯด้วยกัน เมื่อคืนเขาโทร.ไปเรียนเรื่องหมั้นให้แม่ของวิรงรองทราบแล้ว และบอกท่านด้วยว่าประมาณอาทิตย์หน้า เขาจะพาเธอไปสู่ขอให้เป็นเรื่องเป็นราวกับท่านอีกที ขอให้เธออดทนอีกไม่กี่วันเอง วิรงรองยังไม่คลาย ความหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร

ooooooo

ขณะที่อดิศวร์ พยายามรั้งวิรงรองให้อยู่โดมทองต่อไป คุณหญิงวัชรีปรับเปลี่ยนแผนการใหม่ แทนที่จะใช้ไม้แข็งดึงดันไม่ยอมให้พิชญ์หย่ากับพิณทอง เธอกลับยุส่งให้รีบหย่ากันให้รู้แล้วรู้รอด อ้างว่าถ้าเขาไม่รักพิณทองก็ควรจะปล่อยเธอไป คนไม่รักกัน ทำอย่างไรก็คงไม่รัก

“อีกอย่างหนึ่งหนูพิณยังสาวยังสวยมาก เธอจะได้มีโอกาสเจอกับผู้ชายดีๆแล้วก็รักเธอ พิชญ์เองก็จะ ได้เริ่มต้นกับผู้หญิงคนใหม่ ซึ่งแม่สบายใจแล้วว่าไม่ใช่แม่วิรงรองแน่เพราะเธอหมั้นและกำลังจะแต่งงานกับ คุณลบ แม่จะไม่รั้งให้พิชญ์อยู่กับหนูพิณอีกต่อไป พิชญ์ไม่ควรทิ้งเวลาให้นานไปนะลูกเพราะมันไม่ยุติธรรมสำหรับผู้หญิงดีๆอย่าง พิณทอง”คุณหญิงวัชรีว่าพลางลอบมองลูกชายที่นิ่งอึ้งอย่างพอใจ...

ทาง ด้านคุณหญิงแก้วก็ไม่ยอมน้อยหน้า วางแผนหา ผู้หญิงคนใหม่ให้อดิศวร์ แทนวิรงรองที่ตัวเองเกลียดชัง ขณะคุยโทรศัพท์อวดสรรพคุณญาติผู้น้องให้เพื่อนฟังเผื่อจะสนใจอยากได้ลูกเขย หล่อร่ำรวย โดยไม่รู้ว่าพิณทอง ซึ่งกลับมาจากที่ทำงานยืนฟังอยู่ตั้งแต่แรก ทันทีที่แม่วางสายเธอร้องทักว่าจะแนะนำผู้หญิงให้อดิศวร์อีกทำไม ในเมื่อเขาหมั้นกับวิรงรองแล้ว

“แต่งแล้วยังหย่ากันได้เลย นับประสาอะไรกับอีแค่หมั้น...ว่าแต่เราเถอะ เมื่อไหร่ถึงจะกลับไปอยู่กับตาพิชญ์เสียที อย่าทำเป็นเล่นตัวไปนะลูก...ผู้ชายที่เพียบ พร้อมอย่างพิชญ์ใครๆก็อยากได้”

พิณ ทองไม่อยากพูดเรื่องนี้ รีบตัดบทขอตัวไปพักผ่อนก่อน แล้วเดินหนีขึ้นห้อง ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนแรง เสียงมือถือของเธอดังขึ้น พิณทองปล่อยให้ดังอยู่อย่างนั้นจนสายตัด แต่ดูเหมือนคนโทร.จะไม่ยอมแพ้ เสียงสายเรียกเข้ายังคงดังต่อเนื่อง เธอหยิบมันขึ้นมาดูเห็นเป็นชื่อพิชญ์ กดปิดเครื่องหน้าตาเฉย...

ฝ่ายพิชญ์วางมือถือลงอย่างหงุดหงิดที่พิณ ทองเล่นตัว นั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงโทร.เข้าเบอร์บ้านเธอแทนคุณหญิงแก้วรับสาย แกล้งถามเสียงหมางเมินว่ามีธุระอะไร เขาเพิ่งโทร.เข้ามือถือพิณทองแต่เธอไม่รับสาย

“โอ๊ย จะรับได้ยังไงล่ะในเมื่อพิณรันทดห่อเหี่ยว ใจจนไม่สบายตั้งแต่พิชญ์ทิ้งเธอไป”

“ผมไม่ได้ทิ้งนะครับ พิณเป็นคนไปเอง”

คุณ หญิงแก้วตัดพ้อต่อว่าแทนลูกสาวว่าถ้าชีวิตมีความสุข พิณทองคงไม่คิดจะหนีไปไหน แต่ผู้ชายที่เธอ แต่งงานด้วยกลับยังมีท่าทีอาลัยอาวรณ์คนรักเก่า ผู้หญิงที่ไหนจะทนได้ ตนสงสารลูกใจจะขาด ทั้งซูบผอมทั้งตรอมใจต้องกินน้ำตาต่างข้าว พิชญ์หลงเล่ห์กลคุณหญิงแก้ว รับปากว่าหลังเลิกงานแล้วจะไปหาพิณทองที่บ้าน

“จะ มาหรือไม่มาก็ตามใจพิชญ์ เอาล่ะนะ น้าต้องขึ้นไปดูหนูพิณหน่อย เมื่อกี้เดินโซซัดโซเซขึ้นไปข้างบน” คุณหญิงแก้วพูดจบวางสาย ยิ้มพอใจที่ทำให้ลูกเขยใจอ่อนยอมมาหาลูกสาวของเธอถึงบ้าน แล้วรีบโทร.ไปรายงานความคืบหน้าให้คุณหญิงวัชรีทราบ

ooooooo

ตก ค่ำ พิชญ์มาหาพิณทองที่บ้าน พยายามง้อให้เธอออกไปกินมื้อค่ำข้างนอกด้วยกันแต่เธอยังคง ใจแข็งแถมไล่เขาทางอ้อม อ้างว่าทำงานค้างอยู่ไม่มี เวลาพูดเรื่องไร้สาระกับใคร พิชญ์ถึงกับถอนใจหนักใจ...

ทันทีที่ พิชญ์กลับถึงบ้าน คุณหญิงวัชรีซักว่าไปหาพิณทองมาเป็นอย่างไรบ้าง เขารู้ว่าแม่กับน้าแก้วพยายามจะให้เราสองคนกลับมาคืนดีกัน แต่พิชญ์ไม่คิดว่าจะมีประโยชน์ พิณทองใจแข็งมากและเขาเองก็เหนื่อยหน่ายเกินกว่าจะตามง้อ คุณหญิงวัชรีไม่ต่อว่าลูกสักคำ ถ้าเขาอยากจะหย่าก็ตามใจ เธอเองก็เหนื่อยเหมือนกัน แล้วเตือนให้เขาเลิกหวังลมๆแล้งๆเรื่องกลับไปคืนดีกับวิรงรองเพราะอดิศวร์ ไม่มีทางถอนหมั้นแน่

“แกคอยนับวันรองานแต่งงานคุณลบกับแม่นั่นได้เลย” คุณหญิงวัชรีพูดจบ เดินสะบัดหน้าขึ้นบ้าน...

คุณ หญิงแก้วมาแนวคล้ายกัน เข้ามาขอโทษพิณทองที่ความหวังดีของตนกับคุณหญิงวัชรีที่จะให้ลูกทั้งสองคน คืนดีกันกลายเป็นความประสงค์ร้ายและเพื่อเป็นการไถ่โทษ ลูกจะหย่ากับพิชญ์เมื่อไหร่ก็ได้ตามใจ

“แม่ขอสัญญาว่า ต่อไปนี้ แม่จะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกอีกแล้ว”

แทน ที่จะตื่นเต้นดีใจที่แม่อนุญาตให้หย่า พิณทองดูเหมือนจะสับสนกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของท่าน คุณหญิงแก้วสังเกตเห็นอาการของลูกสาวเช่นกัน รีบโทร.แจ้งเรื่องนี้ให้คุณหญิงวัชรีรับทราบ...

ดูเหมือนแผนการใหม่ ของสองคุณหญิงเพื่อนซี้จะได้ผลในระดับหนึ่ง ทั้งพิณทองและพิชญ์ต่างไม่เป็นอันหลับอันนอนเฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องหย่า แม้ทั้งคู่จะแต่งงาน กันได้ไม่นาน แต่เยื่อใยต่อกันก็ยังพอมีอยู่...

ไม่ ได้มีพิณทองกับพิชญ์เท่านั้นที่ไม่ยอมหลับยอมนอน วิรงรองก็เช่นกัน หลังจากโทร.นัดแนะให้ลานนามารอรับหน้าประตูรั้วของคฤหาสน์โดมทองที่เดิม วิรงรองในชุดรัดกุมค่อยๆย่องลงมาที่โถงกลางบ้าน กวาดตามองหาหน้าต่างบานเหมาะๆสำหรับปีนหนี ขณะเธอกำลังเหยียบขอบหน้าต่างจะปีนออกไป เสียงอดิศวร์ตะโกนลั่นว่า “ขโมย” พร้อมกับไฟสว่างพรึบทั้งห้องโถง วิรงรองสะดุ้งเฮือกเกือบร่วงตกลงไป

“เอ๊ะ...นั่นปีนขึ้นไปห้อยโหนอยู่บนนั้นทำไมน่ะ...ลงมาเดี๋ยวนี้”

“ไม่...ดิฉัน จะไปจากที่นี่ ไม่อยากอยู่อีกแล้ว” วิรงรองยังยืนค้างอยู่ท่าเดิม อดิศวร์บอกให้ลงมาก่อน อีกสักครู่จะไปส่งให้เอง แล้วยื่นมือให้จับ หญิงสาวหัวดื้อจะลงเองแต่เซเสียหลัก โชคดีที่อดิศวร์รับไว้ทัน เธออยู่ในอ้อมแขนเขาอึดใจหนึ่ง ก่อนจะผละออก อดิศวร์ถามว่าจะไปไหน จะไปบ้านภูไทหรือเปล่าจะไปส่งให้

“ไม่ต้องค่ะ ดิฉันไปเองได้ ลานนารออยู่ที่ประตู”

“อ๋อ มิน่า ว่าแต่คนที่รออยู่น่ะลานนาหรือเจ้าภูไทกันแน่” อดิศวร์แดกดันจบคว้าแขนวิรงรองพาออกทางประตูบ้าน เธอพยายามขืนตัวจะขอไปเอง แต่เขาไม่ยอม ดึงดันจะไปส่งให้ถึงมือลานนา แล้วดึงเธอไปด้วยจนได้

ooooooo
ที่มา:http://www.thairath.co.th/ent/novel/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น