โอบกลั้นใจเปิดประตูห้องพักของวิรงรองเข้าไป ไฟฟ้าเจ้ากรรมเปิดไม่ติด เธอฉายไฟฉายไปที่เตียงซึ่งอยู่ในสภาพเดิมที่เจ้าของห้องรีบร้อนลุกขึ้น แล้วเดินไปเก็บที่นอน ทันใดนั้นประตูห้องปิดดังปัง โอบสะดุ้งโหยงไฟฉายในมือหล่น เธอยืนตัวสั่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบไฟฉายขึ้นมาวาง แล้วรีบเก็บที่นอนอย่างรวดเร็ว
จากนั้น เสื้อผ้าในตู้รวมทั้งข้าวของทุกอย่างบนโต๊ะเครื่องแป้งถูกโอบกวาดใส่กระเป๋า เดินทางจนเกลี้ยงแล้วลากมันไปที่ประตูห้อง ขณะเปิดประตูจะออกไปมีเสียงดังขึ้นจากมุมมืด
“ระวังบาปกรรมจะตามทัน”
โอบ ชะงัก เหลียวมองตามเสียงเห็นเงาตะคุ่มๆในความมืด ตกใจแทบสิ้นสติ จะร้องก็ร้องไม่ออกยืนตัวแข็งทื่อ อยู่ตรงนั้น พิศปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ สั่งให้โอบรีบไป เธอกลั้นใจหลับหูหลับตาลากกระเป๋าโกยแนบ เสียงประตูปิดตามหลังดังปัง ร่างของคุณพลับพลึงก้าวทะลุประตูออกมา มองพิศอย่างเอาเรื่อง อีกฝ่ายรีบออกตัวว่าแค่ทำตามที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์สั่งเท่านั้น แล้วร่างของเธอก็หายวับไป...
ทางด้านท่านผู้หญิงสรรักษ์นอนมองเพดาน ห้องด้วยความสะใจในชัยชนะของตัวเอง แสงแขซึ่งนอนเฝ้าอยู่หน้าเตียงก็นอนไม่หลับเช่นกัน อดรนทนไม่ไหวลุกขึ้นชวนท่านคุยเรื่องที่กำจัดวิรงรองสำเร็จ ท่านผู้หญิงสรรักษ์ฉุกคิดถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งที่ตัวเองกับพิศช่วย กันกำจัดคุณพลับพลึงไปจากชีวิต ตอนนั้นท่านเพิ่งตั้งท้องอ่อนๆ ดีใจที่ในที่สุดก็ได้ตัวท่านเจ้าคุณสรรักษ์คืนมา ไม่สนใจว่าหัวใจของเขาจะไปอยู่ที่ไหน
“อุ๊ย อีกไม่นาน หัวใจก็จะกลับคืนมาเข้าร่างเองนั่นแหละเจ้าค่ะ” พิศเสริม
“ข้าก็หวังอย่างนั้น กำจัดนังพลับพลึงเสียได้ มันก็สาแก่ใจข้าที่สุดแล้ว”
เสียง เรียกของแสงแขปลุกท่านผู้หญิงสรรักษ์ให้ตื่นจากภวังค์ พลันมีเสียงคล้ายลมพัดมากระแทกหน้าต่างห้องดังโครมคราม ท่านผู้หญิงแสยะยิ้ม พึมพำเบาๆว่ามาแล้วหรือ แสงแขอดถามไม่ได้ว่าใครมา
“จะใครเสียอีก ล่ะ...แกไม่ได้ยินหรอกหรือมันมาหยุด ที่หน้าต่างแล้ว” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ว่าพลางลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่าง แสงแขขนลุกซู่ รีบดึงผ้ามาคลุมโปงเหลือไว้แค่ลูกตา ท่านชะโงกลงไปมองเห็นท่านเจ้าคุณสรรักษ์อยู่บนรถม้ากำลังเงยหน้าขึ้นมอง พร้อมกับชี้นิ้วมาที่ตนเองท่าทาง เอาเรื่อง
“ก็มีปัญญาทำได้แค่นี้ แหละ วนเวียนไปมาแต่ช่วยใครไม่ได้สักคน ไปผุดไปเกิดเสียเถอะไป...หรือว่ายังรอดิฉันอยู่” ท่านผู้หญิงพูดไปหัวเราะไปราวกับเป็นเรื่องขบขัน “คนทรยศอย่างคุณพี่ไม่มีวาสนามาเกิดร่วมชาติกับดิฉันหรอกค่ะ คงจะต้องวนเวียนเป็นสัมภเวสี อย่างที่ดิฉันสาปแช่งไปชั่วกัปชั่วกัลป์”
ooooooo
แสง ทองเริ่มจับขอบฟ้าตอนที่อุไรเดินมาถึงหน้าห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ ยังไม่ทันจะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู แสงแขในสภาพหน้าตายุ่งเหยิงก้าวออกมาจากห้องเสียก่อน เธอถามอย่างแปลกใจว่าเป็นอะไร แสงแขบ่นอุบว่าอดนอนทั้งคืน เพราะคุณย่ามัวแต่คุยกับผี พอคุยเสร็จก็หลับปุ๋ย ทิ้งให้ตนเองกลัวแทบตาย
“คุย กับผี...ใครคุยกับผี” อุไรพึมพำเบาๆ แล้วนึกถึงผีพิศขึ้นมาได้ ขนลุกเกรียวทันที ค่อยๆโผล่หน้าเข้าไปในห้องเห็นท่านผู้หญิงสรรักษ์นอนหลับสบายอยู่บนเตียง เธอค่อยๆดึงประตูมาปิด...
ขณะแสงแขเดินหงุดหงิดกลับห้องตัวเอง ต้องชะงักเมื่อเจอโอบยืนรออยู่หน้าห้อง เอ็ดเสียงเขียวว่าขึ้นมาทำไม เธอกลัวแผนจะแตกเพราะเสื้อผ้าข้าวของวิรงรองยังอยู่ในห้องของเธอ
“อ้าว ฉันบอกแล้วไงว่าให้พี่ชายแกมาเอาไปเผา มาตอนค่ำอย่าลืม”
“เขาบอกว่าจะมาเอามะรืนนี้ค่ะ เขาพาแฟนไปเที่ยวกรุงเทพฯ”
“บ้า จริง...แกรีบไปช่วยพี่อุษา เดี๋ยวฉันอาบน้ำอาบท่า เรียบร้อยแล้วจะตามไป จำไว้ว่าอย่ามีพิรุธเด็ดขาดต้องทำเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสปกติ เข้าใจไหม” แสงแขกำชับเสียงเข้ม...
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ แสงแขทำทีเข้าไปถามอุษาว่าทำไมป่านนี้แล้ววิรงรองยังไม่เห็นลงมากินมื้อเช้า สั่งให้โอบลองขึ้นดูที่ห้อง สักพัก โอบตีหน้าตื่นลงมารายงานว่าวิรงรองหายไป เสื้อผ้าข้าวของก็หายไปด้วย อุษาไม่เชื่อว่าจะเป็นความจริง รีบขึ้นไปดูให้เห็นกับตา โดยมีแสงแขกับโอบที่ลอบสบตาอย่างรู้กันวิ่งตามไปอีกทอดหนึ่ง ครู่ต่อมา อุษามาถึงห้องพักของวิรงรอง ประหลาดใจที่เห็นเตียงไม่มีร่องรอยการนอน อีกทั้งข้าวของก็หายไปหมด แสงแขทำเป็นตั้งข้อสังเกตว่าแม่นั่นอาจไปคุ้มภูไทก็ได้เพราะเห็นชอบไปบ่อยๆ
“ไปตั้งแต่ตอนไหนทำไมถึงไม่บอกพี่ก่อน ปกติคุณวิไปไหนมาไหนเธอจะบอกทุกครั้ง”
“อย่ามัวแต่เดาเลย ให้นายสมไปดูที่นั่นดีกว่า” แสงแขแนะ...
คน ที่อุษาเป็นห่วงเพิ่งได้สติ พอสายตาชินกับความมืดภายในห้องใต้โดม รีบวิ่งไปทุบประตูเรียกให้คนช่วย แต่เสียงของเธอลอดออกมาภายนอกเพียงเล็กน้อยเนื่องจากห้องนั้นอยู่สูงแถม ประตูถูกไม้ตีปิดทับอีกชั้นหญิงสาวทั้งตะโกนทั้งทุบประตูจนหมดเรี่ยวแรง ทรุดตัวลงร้องไห้สะอึกสะอื้นทั้งหวาดกลัวทั้งตื่นตระหนก...
แสงแขยัง คงเดินตามแผนการได้อย่างแนบเนียน พอรู้ว่าอุไรอยู่ในห้องกับคุณย่ารีบเข้ามารายงานท่านว่าวิรงรองหายตัวไป พร้อมกับข้าวของสวนตัวทั้งหมด ถ้าอดิศวร์กลับมาไม่เจอคงจะเล่นงานพวกเราแย่แน่นอน
“ก็แม่นั่นขนข้าวของไปเองจะมาเล่นงานคนอื่นได้อย่างไร แล้วนี่ใครโทร.ไปบอกตาลบหรือยัง”
“ตาย จริง ยังเลยค่ะ แขจะโทร.เดี๋ยวนี้ละค่ะ” แสงแขผลุนผลันออกไป โดยมีอุไรตามไปช่วยค้นหาวิรงรองอีกแรงหนึ่ง ท่านผู้หญิงสรรักษ์ยิ้มสะใจ ช่างเหมือนในครั้งนั้นที่นังพลับพลึงหายไปไม่มีผิดเพี้ยน...
ฝ่ายอดิศวร์รีบกลับโดมทองทันทีที่แสงแข โทร.ไปแจ้งข่าวการหายตัวไปของวิรงรอง
ooooooo
ลาน นาถึงกับร้องเอะอะด้วยความตกใจเมื่อนายสมมาถามหาวิรงรองที่คุ้มภูไท เพราะตัวเองกับพี่ชายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกลับมาโดมทองแล้ว ภูไทต้องปลอบน้องสาวให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ บางทีวิรงรองอาจจะไม่อยากให้อดิศวร์รู้ก็ได้ว่าไปไหน นายสมไม่คิดเช่นนั้น
“คุณวิรงรองกลับมาคราวนี้ เธอกับคุณลบเข้าใจกันมากขึ้น ทุกคนก็ดีกับเธอโดยเฉพาะท่านผู้หญิง”
“ท่าน ผู้หญิงน่ะหรือ ดีกับคุณวิ...แล้วคุณลบว่าอย่างไรบ้าง” พันธ์สูรย์ซักพอรู้ว่าอดิศวร์ไปอยู่กรุงเทพฯเขาหันมองภูไทด้วยสีหน้าตื่น ตระหนก แต่ไม่ยอมพูดอะไร รอจนกระทั่งนายสมกลับไปแล้ว จึงชวนสองพี่น้องไปพบหลวงพ่อซึ่งเป็นพ่อแท้ๆของพันธ์สูรย์ มีเพียงคนสนิทๆเท่านั้นที่รู้ว่าท่านยังมีชีวิตอยู่
ไม่นานนัก ทั้งสามคนมาถึงวัดป่าแห่งหนึ่ง แต่ต้องผิดหวังเนื่องจากหลวงพ่ออาพาธนอนรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู หมอต้องรอดูอาการอีก 2-3 วันก่อน ตอนนี้ยังไม่อนุญาตให้ใครเยี่ยม...
ทาง ด้านภูไทกับลานนาเป็นห่วงวิรงรองมาก ทนอยู่นิ่งเฉยไม่ไหวชวนกันมาถามความคืบหน้าที่โดมทอง แสงแขอ้างว่าทุกคนที่นี่พยายามค้นหากันอย่างเต็มที่แล้ว ทีแรกเธอยังคิดว่าวิรงรองอยู่ที่คุ้มภูไท ลานนาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพื่อนรักกลับมาที่นี่ โทร.เข้ามือถือก็ไม่มีใครรับ โทร.ไปที่บ้านวิรงรองก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น ภูไทนึกขึ้นได้
“ทำไมเราไม่ลองโทร.เช็กตามโรงแรม”
“จริง ด้วย งั้นเรากลับไปที่บ้านดีกว่า ได้ความอย่างไรแล้วค่อยติดต่อมาที่นี่...คุณแสงแขคะ ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันก่อนนะคะ” ลานนาพูดจบเดินออกไปกับภูไท แสงแขมองตามอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก...
ทางฝ่ายอุษากับอุไรจนปัญญาไม่ รู้จะไปตามหาวิรงรองที่ไหน ตัดสินใจพึ่งไสยศาสตร์ เอาธูปเทียนเข้าไปกราบรูปบรรพบุรุษที่แขวนอยู่ในห้องโถงใหญ่ อธิษฐานให้พวกท่านช่วยให้วิรงรองกลับมาอย่างปลอดภัย แสง–แขผ่านมาเห็นเข้า ยิ้มเยาะด้วยความสะใจ ก่อนจะรีบเข้าไปรายงานเรื่องนี้ให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์รับทราบ
“ถ้า เป็นนังพลับพลึงกับท่านเจ้าคุณล่ะก็ ยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย ส่วนบรรพบุรุษอื่นๆก็คงไปเกิดใหม่กันหมดแล้ว นี่ถ้าตาลบกลับมาก็คงวุ่นวายใหญ่ไปอีกสักพักหนึ่ง...โอบ ไปบอกอุษาทีว่ากลางวันนี้ฉันอยากกินข้าวต้มกับปลาสลิดทอดกรอบ”
โอบ รีบไปทำตามคำสั่ง ท่านผู้หญิงสรรักษ์เตือนแสงแขให้คอยควบคุมโอบกับพี่ชายไว้ให้ดีอย่าให้ปาก โป้งเด็ดขาด แสงแขได้ทีปะเหลาะถามเรื่องระหว่างตัวเองกับอดิศวร์
“งานนี้แกช่วยฉันได้มาก เอาเป็นว่าฉันจะไม่
ขัดขวางแกก็แล้วกัน เชิญแกจับตาลบได้ตามสบาย”...
ขณะ ที่แสงแขกับท่านผู้หญิงสรรักษ์ตกลงผลประโยชน์ลงตัว วิรงรองตื่นขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากร้องไห้จนหมดแรงหลับไป นั่งทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดแล้วสรุปว่าแสงแขจะต้องรู้เห็น เรื่องนี้ด้วย
“คุณแสงแข ความหึงหวงทำให้คนบางคนทำร้ายคนอื่นอย่างอำมหิตได้ขนาดนี้เชียวหรือ แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหนกัน” วิรงรองมองไปรอบๆห้องก่อนตัดสินใจเดินสำรวจ พบแต่หยากไย่ใยแมงมุมกับฝุ่นหนาเตอะ เธอสะดุดอะไรบางอย่างจนหน้าคะมำ ก้มหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาดูแสงสว่างที่ลอดเข้ามาเพียงน้อยนิดเผยให้เห็นว่าเป็น กระดูกแขนของมนุษย์ วิรงรองกรีดร้องด้วยความตกใจ ขวางทิ้งแล้วปิดตาร้องไห้อย่างน่าสงสาร
ooooooo
อดิศวร์เรียก ประชุมทุกคนทันทีที่กลับถึงโดมทอง ท่านผู้หญิงสรรักษ์เห็นภาพนี้แล้วฉุกคิดถึงเรื่องราวในอดีต ตอนนั้นท่านเจ้าคุณสรรักษ์เรียกประชุมบ่าวไพร่ทั้งหมดเมือนตอนนี้ไม่มีผิด เพี้ยน หนึ่งในพวกนั้นมีท่านปู่ของพันธุ์สูรย์ซึ่งยังหนุ่มแน่นรวมอยู่ด้วย ท่านเจ้าคุณโกรธที่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวเห็นคุณพลับพลึงออกจากบ้าน
“ไอ้พัน ข้าอุตส่าห์ไว้ใจให้เอ็งดูแลโดมทอง ขณะที่ข้าไม่อยู่ แต่เอ็งก็ปล่อยให้คุณพลับพลึงหายไปได้ เอ็งจะแก้ตัวว่าอย่างไรรึ ไอ้พัน”
ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ตื่นจากภวังค์เห็นอดิศวร์กำลังซักไซ้นายสมว่าเกิดอะไรขึ้นกัน แน่ เขายืนยันว่าไม่เห็นวิรงรองออกไปจากที่นี่ แสงแขรีบเสนอหน้าทันที
อดิ ศวร์หงุดหงิดเพราะไม่มีใครเห็นหรือรู้ว่าวิรงรองหายไปไหน เดินหน้าหงิกเข้าห้องทำงาน ทันใดนั้นมีเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น เขาพุ่งไปรับด้วยความหวังว่าจะได้ข่าวคืบหน้าของหญิงคนรัก แต่กลายเป็นภูไทโทร.เข้ามา อดิศวร์ตัดบทว่าตอนนี้ไม่ว่าง ภูไทรีบบอกว่าโทร.เช็กตามโรงแรมทั่วเมือง รวมทั้งสายการบินทุกเที่ยวแล้ว ไม่มีวี่แววของวิรงรองเลย อดิศวร์กำลังอารมณ์บูดพาลใส่ว่าบางทีวิรงรองอาจจะอยู่ที่คุ้มภูไทก็ได้
“คุณก็มาค้นดูได้”
“เจ้าคงไม่โง่พอที่จะให้วิรงรองพักที่นั่นหรอก”
“คุณ จะคิดอย่างไรก็ตามใจคุณอดิศวร์ แต่ขอบอก ว่าทุกคนที่บ้านผมกำลังช่วยกันตามหาน้องวิเหมือนกัน” ภูไทพูดจบวางสายอย่างไม่สบอารมณ์ ขณะที่อดิศวร์ยิ่งพุ่งพล่านหนักที่ไม่มีข่าวคืบหน้าอะไรเลย จังหวะนั้นแสงแขเข้ามาแจ้งว่าคุณย่าเรียกไปพบ ครู่ต่อมา อดิศวร์มายืนตรงหน้าท่านผู้หญิงสรรักษ์ที่สวมบทคุณย่าผู้เอื้ออาทรโทษตัวเอง ว่าเป็นต้นเหตุทำให้วิรงรองต้องหนีไป
“ไม่ใช่หรอกครับ เพราะระยะหลังๆมานี่ คุณย่าดีกับเธอมาก ไม่มีใครโทษคุณย่าหรอกครับ... คุณย่าอยู่กับแสงแขก่อนนะครับ ผมจะไปตามหาเธอต่อ”
เมื่ออยู่ต่อหน้า อดิศวร์ ท่านผู้หญิงสรรักษ์อวยพรให้หาวิรงรองเจอ แต่พอเขาคล้อยหลังเท่านั้น กลับแช่งชักหักกระดูกให้เธอตายโดยไม่มีใครหาศพเจอ...
ในขณะที่อดิ ศวร์ตามหาวิรงรองให้ควั่ก คนถูกตามกำลังเดินสำรวจในห้องใต้โดมอย่างอยากรู้อยากเห็นแต่ต้องตกใจอีก ครั้งเมื่อเห็นโครงกระดูกจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่ใกล้เครื่องดนตรีที่ผุพัง ไปตามกาลเวลา วิรงรองทรุดตัวลงเอามือลูบระนาดเอกอย่างแผ่วเบา นึกถึงตอนที่มาถึงที่นี่ใหม่ๆ และได้ยินเสียงดนตรีไทย
“หมายความว่าเสียงดนตรีมาจากที่นี่ เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”
วิรงรอง รวบรวมสติแล้วเดินสำรวจต่อไปถึงมุมหนึ่งของห้อง เห็นเตียงนอนตั้งอยู่ลองแหวกฝุ่นเขรอะจนเจอผ้าห่มค่อยๆดึงผ้านั้นออก เธอถึงกับผงะเมื่อเห็น โครงกระดูกมนุษย์ที่มีเศษผ้าติดอยู่บางส่วน ที่ข้อเท้าถูกล่ามโซ่ไว้กับขาเตียงอีกทีหนึ่ง หญิงสาวฉุกคิดถึงเสียง เดินลากโซ่ตรวนที่เคยได้ยินในคืนพระจันทร์เต็มดวง เธอมั่นใจว่านี่คือโครงกระดูกของคุณพลับพลึง
“คุณพลับพลึงไม่ได้หนี ไปไหนอย่างที่ใครๆ สันนิษฐานหรือที่ท่านผู้หญิงพยายามบอก ในขณะที่ท่านเจ้าคุณตามหาแทบพลิกแผ่นดิน ท่านไม่ได้สังหรณ์เลยสักนิดว่าคุณพลับพลึงถูกล่ามโซ่อยู่ในห้องนี้และต้อง เสียชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน...ผู้ชายที่อยู่บนรถม้าคนนั้นคือท่านเจ้าคุณจริงๆ ท่านขับรถม้ามารอคุณพลับพลึงอยู่ใต้หน้าต่างโดม...ใครกันที่ใจดำอำมหิตกับ คุณพลับพลึงได้ถึงเพียงนี้”
พลันภาพตอนที่วิรงรองได้พบกับท่านผู้ หญิงสรรักษ์วันแรกและท่านกรีดร้องไล่เธอออกจากห้องผุดเข้ามาในสมอง เธอสรุปได้ทันทีว่านี่ต้องเป็นฝีมือของท่านผู้หญิงสรรักษ์ แล้วนึกสังเวชตัวเอง อีกไม่นานก็จะมีสภาพไม่ต่างจากคุณพลับพลึงเช่นกัน
ooooooo
แสง แขไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย เข้าไปยื่นคำขาดกับคุณย่าต้องทำให้อดิศวร์แต่งงานกับเธอภายใน 10 วันข้างหน้าให้ได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะได้รับรู้ว่าคุณย่า น้อยกับวิรงรองหายไปไหน ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่สนใจคำขู่ แถมยุให้แฉได้เลยเพราะแสงแขเองก็มีส่วนรู้เห็นเรื่องวิรงรองเช่นกัน
“แล้วคุณย่าคิดว่าแขจะโง่ยอมให้คุณย่าใส่ร้ายฝ่ายเดียวหรือคะ คุณย่าเป็นคนจับคุณย่าน้อย...”
“ใครที่ไหนเขาจะเชื่อแก”
“นอกจากซากวิรงรองแล้ว คุณย่ากล้ายืนยันไหม
ล่ะ คะว่าจะไม่มีซากของคนอื่นอีก ส่วนแขก็จะเป็นแค่เหยื่อที่ถูกบังคับถูกกดหัวมานานจนกลัวคุณย่าลนลานเหมือน คนอื่นๆในบ้านนี้ แล้วยังไงล่ะคะ เหนือฟ้ายังมีฟ้าเหนือคุณย่ายังมีแสงแข” ยัยตัวแสบประจำบ้านหัวเราะชอบใจขณะที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์แค้นแทบกระอักเลือด
จาก นั้นแสงแขเดินกระหยิ่มใจไปที่ห้องทำงานของอดิศวร์เห็นเจ้าของห้องนั่ง ฟุบอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยความอ่อนเพลีย เธอฉวยโอกาสเข้าไปโอบเอวเขาไว้แล้วหอมแก้ม อดิศวร์ลืมตามองงงๆ ขณะที่เธอจะจูบปาก เขาผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไล่เธอกลับห้อง แสงแขเฝ้าแต่พร่ำเพ้อว่ารักเขามากแค่ไหนขอให้เห็นใจกันบ้าง อดิศวร์พยายามพูดเตือนสติ แต่เธอไม่ฟัง จะขอมอบตัวมอบหัวใจแทนที่วิรงรองซึ่งไม่มีวันกลับมาหาเขาอีกแล้ว
“แต่เธอไม่ใช่วิรงรอง เธอเป็นน้องของพี่ กลับไปห้องเธอเดี๋ยวนี้ กลับไปคิดทบทวนให้ดีแล้วเธอจะเข้าใจ”
“คุณลบขา อย่าใจร้ายไล่แขไปเลยนะคะ คุณลบไม่ต้องยกย่องแขเป็นเมียออกหน้าออกตาก็ได้”
อดิศวร์จับไหล่แสงแขดันออกห่าง แล้วกึ่งลากกึ่งจูงออกจากห้อง ก่อนจะปิดประตูใส่หน้า...
ฝน เทกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา เสียงฟ้าครืนๆ ดังเป็นระยะๆ วิรงรองนอนขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องใต้โดม พลันมีเสียงวงมโหรีบรรเลงเพลงนางครวญดังขึ้น คุณพลับพลึงปรากฏตัวตรงหน้าวิรงรองที่ครึ่งหลับครึ่งตื่น ค่อยๆยื่นมือมาจับแขนเธอพยายามจะพูดบางอย่าง หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวลืมตามองไปที่แขนตัวเอง ก่อนจะสะบัดเต็มแรงจนหนูที่มาไต่กระเด็น ลูบแขนด้วยความขยะแขยง ก่อนจะตะโกนแข่งกับเสียงฝนที่ตกหนัก
“ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยด้วย”
ooooooo
ขณะ อุษากับอุไรกำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ในครัว แสงแขเดินเข้ามาในสภาพเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ถามหาอดิศวร์ว่าหายไปไหน อุไรเห็นขับรถออกไปเมื่อครู่ใหญ่ๆที่ผ่านมานี้เอง แต่ไม่ทราบว่าไปไหน อุษาแปลกใจจะถามหาอดิศวร์ไปทำไมตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
“เพราะ เขากำลังจะแต่งงานกับแขน่ะสิ” แสงแขพูดจบเดินตรงไปทางห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ จะไปเร่งให้ท่านรีบพูดกับอดิศวร์เรื่องแต่งงานกับเธอเร็วๆ ด้วยเกรงว่าเขาจะหนีไปจากเธอเสียก่อน...
ทางฝ่ายอดิศวร์ไปหาลานนากับ ภูไทที่บ้านเพื่อ สอบถามข่าวคราวของวิรงรองแต่ยังมืดแปดด้าน ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน เขากลับโดมทองด้วยความผิดหวัง...
ทันที ที่อดิศวร์กลับถึงบ้าน โอบมาเรียนเชิญให้ไปพบท่านผู้หญิงสรรักษ์ที่ห้อง ท่านขอร้องกึ่งบังคับจะให้เขาแต่งงานกับแสงแขให้ได้ อดิศวร์ไม่มีอารมณ์จะคุยด้วย อ้างว่าไม่ค่อยสบายขอตัวก่อน แล้วลุกออกไปโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของท่าน...
ทางฝ่ายแสงแขไม่รอช้า รีบเข้าไปถามท่านผู้หญิงสรรักษ์ว่าสำเร็จหรือเปล่า ท่านส่ายหน้าแทนคำตอบและขอเวลาอีกหน่อย เธอเร่งให้รีบลงมือได้แล้ว ท่านผู้หญิงสรรักษ์โวยลั่น ถ้าแสงแขไม่พอใจก็ไปจัดการเอาเอง ถ้าไม่ได้ดั่งใจก็ให้ปล้ำอดิศวร์เสียเลย คำพูดแทงใจดำทำให้ยัยตัวแสบถึงกับขบกรามแน่น
“อ้อ...คงทำมาแล้วล่ะสิแต่ไม่สำเร็จ ลงทุนขนาดนั้นยังไม่สำเร็จ น่าทุเรศ” ท่านผู้หญิงหัวเราะเยาะลั่น
“แข ทำไม่สำเร็จ แต่คุณย่าต้องทำให้สำเร็จไม่อย่างนั้นคุณย่าที่น่ารักของคุณลบจะเปลี่ยนเป็น นังปีศาจ” แสงแขแหวใส่อย่างไม่เกรงกลัว ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่สนใจคำขู่ยังคงขำไม่หยุด...
ด้านพันธ์สูรย์กับ ภูไทแวะไปเยี่ยมหลวงพ่อที่โรงพยาบาล หมอเจ้าของไข้แจ้งว่าท่านกลับไปแล้ว ทั้งคู่ จึงตามไปที่วัด หวังจะรับหลวงพ่อมาดูแลที่บ้านของ พันธ์สูรย์ พระที่อยู่กุฏิเดียวกับหลวงพ่อห้ามไว้
“ท่านไม่ยอมหรอก โรงพยาบาลท่านยังไม่อยากอยู่เลย ขนาดอาพาธอย่างนี้...เข้าไปดูสิ”
ภู ไท พันธ์สูรย์และทองดำคนงานของคุ้มภูไท ซึ่งช่วยหิ้วตะกร้าของเยี่ยมใบใหญ่ยกมือไหว้ขอบคุณพระรูปนั้นแล้วพากันเข้า ไปในกุฏิ พบหลวงพ่อจำวัดอยู่เนื่องจากอ่อนเพลียเพราะพิษไข้ ภูไทถามพันธ์สูรย์จะเอาอย่างไรต่อไปดี เขาเสนอจะให้ทองดำอยู่เฝ้าท่านที่นี่ก่อน พอท่านตื่นแล้วค่อยโทร.ไปบอกเราสองคน
“ก็ดีเหมือนกัน หรือนายจะอยู่เฝ้าด้วยก็ได้”
พันธ์สูรย์คงอยู่ด้วยไม่ได้มีนัดกับลูกค้า เสร็จธุระเมื่อไหร่อาจจะแวะมาดูอีกครั้ง แล้วสั่งทองดำถ้ามีอะไรให้รีบโทร.บอกทันที...
ฝ่าย ปรางชักเอะใจที่ลูกสาวหายไปไม่โทร.มาคุยด้วยเหมือนเช่นเคย พยายามโทร.หาลูกก็ติดต่อไม่ได้ ตัดสินใจโทร.ถามอดิศวร์ว่าวิรงรองเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเธอถึงติดต่อไม่ได้เลย ชายหนุ่มอึกอัก
“คือ...มีปัญหาบางอย่างครับ...วิรงรองหายไป”
ปรางตกตะลึง ถึงกับโทรศัพท์ร่วงจากมือ
ooooooo
ใน เวลาต่อมา ขณะอุษากำลังคาดคั้นให้แสงแข บอกมาว่าที่พูดเมื่อครู่นี้หมายความว่าอย่างไร ยัยตัวแสบประจำบ้านลอยหน้าลอยตาตอบอย่างยียวนว่าหมายความตามที่พูดแล้วขยับ จะไป อุษาคว้าแขนไว้
“เธอรู้หรือว่าคุณวิอยู่ที่ไหน”
“ไม่ได้ พูดอย่างนั้นสักหน่อย” แสงแขเฉไฉ จังหวะนั้น อดิศวร์เข้ามาบอกอุษาว่าแม่ของวิรงรองกำลังจะเดิน ทางมาที่นี่ เขาจัดการติดต่อเรื่องตั๋วเครื่องบินให้เรียบร้อยแล้ว คงจะมาถึงสนามบินตอนเย็นๆ
“พี่จะให้นายสมไปรอที่สนามบิน เธอช่วยติดรถไปคอยดูแลด้วย”
“แล้วแขล่ะคะ คุณลบจะให้แขทำอะไร”
อดิ ศวร์สั่งให้แสงแขคอยดูแลคุณย่าแทนอุษา เธอยังไม่ทันจะอ้าปากทักท้วง ภูไทโทร.มาตามอดิศวร์ให้ไปพบเสียก่อน แสงแขมองตามชายที่ตัวเองหลงรักผลุนผลันออกไปอย่างขัดอกขัดใจ...
ครู่ ต่อมา แสงแขมาถึงห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์เป็นจังหวะเดียวกับท่านสั่งกระดิ่งเรียกหา คนมาคอยรับใช้ลั่นไปหมด แสงแขตะโกนสวนอย่างไม่สบอารมณ์จะสั่นกระดิ่งทำไมให้หนวกหู
“ก็อยากหายหัวกันไปหมดทำไม” ท่านผู้หญิงสรรักษ์โวยกลับ
“คุณ ย่าหงุดหงิดเจ้าอารมณ์แบบนี้ใครที่ไหนจะอยากอยู่ด้วย” แสงแขเห็นท่านอ้าปากจะด่า ชิงห้ามเสียก่อน “อย่าด่านะคะ ถ้าด่าแขจะออกไปเดี๋ยวนี้ คนอื่นเขาก็ยุ่งกันหมด พี่อุษาต้องไปรอรับแม่นังวิรงรองที่สนามบิน คุณลบส่งพี่อุษาไปคอยอำนวยความสะดวกให้ ส่วนตัวคุณลบเองก็ต้องตระเวนตามหานังนั่น”
“ตาลบนะตาลบ นังนั่นมันมีดีอะไร”
ระหว่างที่อดิศวร์กำลังจะไปที่รถ อุษาเร่งฝีเท้าตามจนทัน ถามว่าจะให้จัดห้องไหนให้แม่ของวิรงรองพัก
“เกือบ ลืม เมื่อครู่เจ้าภูไทบอกว่าให้ท่านไปค้างที่บ้านเขาซึ่งพี่ก็เห็นด้วย อุษาพาท่านไปส่งที่นั่นก็แล้วกัน” อดิศวร์พูดจบขึ้นรถขับออกไป ครู่ต่อมา เขามาถึงห้องรับแขกของคุ้มภูไท เห็นพันธ์สูรย์กำลังนั่งคุยอยู่กับลานนาและภูไท ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันอึดใจ ก่อนที่พันธ์สูรย์ตัดสินใจลุกหนี ลานนาร้องทักว่าจะรีบไปไหน
“ไปที่ที่หายใจสะดวกหน่อยน่ะครับ”
อดิ ศวร์ขบกรามแน่น มองตามพันธ์สูรย์ที่เดินออกไปอย่างตาขวาง แล้วหันมาขอบคุณภูไทที่ให้แม่ของวิรงรองพักที่นี่ เขายินดีช่วยด้วยความเต็มใจ
“เมื่อตอนกลางวันผมไปพบหลวง พ่อของพันธ์สูรย์มา เพราะท่านเป็นคนเดียวที่เชื่อมต่อระหว่างอดีตกับปัจจุบัน และที่สำคัญท่านใช้ชีวิตอยู่ในโดมทองระหว่างช่วงเวลาที่คุณ พลับพลึงหายไป น่าเสียดายที่ท่านยังจำวัดด้วยความอ่อนเพลียจากพิษไข้ พวกเราก็เลยไม่กล้าปลุก แต่สั่งคนงานที่เฝ้าไว้ว่าถ้าท่านตื่นเมื่อไหร่ให้รีบโทร. บอก ผมจะเอารถไปรับท่านมาพักที่นี่เพราะพันธ์สูรย์เองก็เป็น ห่วงหลวงพ่อ”
“แล้วเจ้าให้ผมมาที่นี่ทำไม”
“เพราะ พันธ์สูรย์สั่งให้บอกคุณว่า ลองคิดดูดีๆ วิรงรองอาจจะไม่ได้ไปไหนไกลกว่าโดมทองเลย...และบางที คุณย่าคุณอดิศวร์อาจจะทราบ” ภูไทจ้องหน้าอดิศวร์เขม็งราวกับจะอ่านใจเขาให้ออก ขณะที่อีกฝ่ายจ้องตอบอย่างไม่ค่อยพอใจ...
ผ่านไปไม่นาน นัก อดิศวร์กลับถึงโดมทองด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ยิ่งมาเจอแสงแขคอยซักโน่นถามนี่ยิ่งทำให้หงุดหงิด เอ็ดตะโรลั่นให้เลิกวุ่นวายกับเขาสักที และช่วยท่องจำให้ขึ้นใจด้วยว่าเขาเป็นพี่ชายของเธอแล้วผละจาก ไปอย่างไม่ไยดี แสงแขน้อยใจน้ำตาไหลพราก อุษาเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ เข้ามาโอบไหล่เพื่อปลอบใจ เธอกลับหันมาเล่นงานพี่สาวตัวเองว่าไม่ต้องเสแสร้งสงสารตน
“ถ้าเธอไม่พยายามหักใจ เธอก็จะต้องทุกข์ทรมานใจไปจนตลอดชีวิตเหมือน...คุณย่า”
“แข ทรมานคนเดียวเสียเมื่อไหร่ คนอื่นก็ต้องทรมานด้วย อาจจะทรมานยิ่งกว่าแขเสียอีก” สีหน้าอำมหิตของแสงแขทำให้อุษาถึงกับผงะ...
ในขณะเดียว กันท่านผู้หญิงสรรักษ์พลิกตัวหันหลังให้ทันทีที่อดิศวร์เข้ามา ในห้อง เขาจะซักถามบางอย่าง ท่านรีบตัดบทว่าไม่ค่อยสบาย อย่าเพิ่งรบกวนตอนนี้ อดิศวร์ร้อนใจมีเรื่องสำคัญมากอยากจะถาม ท่านสวนทันที
“สำคัญกว่าชีวิตย่าอีกหรือลบ”
“ชีวิตคุณย่าสำคัญที่สุดสำหรับผม ชีวิตวิรงรองก็เหมือนกัน...”
“ลบให้ความสำคัญกับมันมากกว่าย่า”
อดิ ศวร์พยายามจะอธิบาย แต่ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่ยอมฟัง สั่งให้หยุดพูดได้แล้ว ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้ท่านอายุสั้น แล้วหลับตาทำท่าอ่อนระโหยโรยแรง อดิศวร์ถึงกับถอนใจ หนักใจ
ooooooo
ใน ระหว่างที่อดิศวร์จนปัญญาจะซักถามความจริงจากคุณย่า วิรงรองนั่งพิงผนังห้องใต้โดมอย่างอ่อนแรงเต็มที ทอดสายตาไปยังโครงกระดูกของคุณพลับพลึงที่อยู่บนเตียงฝุ่น เขรอะ
“ชะตากรรมของเราก็คงไม่ต่างกับคุณพลับพลึงที่ต้องขาดน้ำขาดอาหารจนตาย”
อาการปวดท้องเพราะความหิวและขาดน้ำจู่โจมวิรงรองจนต้องลงนอนขดตัวด้วยความทรมาน...
ตั้งแต่ ออกจากห้องคุณย่า อดิศวร์เอาแต่เดินกลับไป กลับมาอยู่ในห้องตัวเอง ครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ อย่างหนักตั้งแต่บ่ายยันดึกดื่นไม่ยอมหลับยอมนอน หลังจากอุดอู้อยู่ในห้องอยู่เป็นนานสองนาน ชายหนุ่มตัดสินใจออกมาเดินสูดอากาศบริสุทธิ์นอกบ้าน เผื่อจะคิดอะไรออก กลับเจอนายสมซึ่งนอนไม่หลับเช่นกัน กำลังเดินตรวจตรารอบๆบ้าน อดิศวร์บ่นให้เขาฟังอย่างคิดไม่ตกว่า
“ทำไมไอ้พันธ์สูรย์ถึงบอกว่า คุณย่าน่าจะรู้ดีที่สุดว่าวิรงรองอยู่ที่ไหน”
“ถ้าถามผมนะครับ คงเพราะท่านเป็นเจ้าของโดมทอง ท่านต้องรู้จักทุกตารางนิ้วของที่นี่”
“ระยะ หลังๆมานี่ วิรงรองถูกปองร้ายหลายครั้ง เธอเล่าให้ฉันฟังแต่ฉันไม่เชื่อ” ประโยคสุดท้ายหายเข้าไปในลำคออดิศวร์ด้วยความสะเทือนใจ นายสมเดาใจเจ้านายออกที่คิดว่าคนร้ายอาจจะซ่อนวิรงรองไว้ที่ นี่
“มันอาจแย่กว่านั้นอีก ฉันกลัวว่าเธออาจจะถูก...” อดิศวร์เงยหน้ามองไปยังห้องใต้โดมโดยบังเอิญ เห็นแสงเทียนลอดออกมา เรียกนายสมให้ดูก่อนจะพากันวิ่งเข้าตัวตึก...
ไม่กี่ อึดใจ อดิศวร์กับนายสมพร้อมด้วยไฟฉายกับคีมตัดเหล็กมาถึงประตูเหล็ก สนิมกรังที่กั้นทางขึ้นไปยังยอดโดม นายสมไม่รอช้าตัดโซ่คล้องกุญแจออก จากนั้นทั้งคู่ขึ้นไปตามบันไดเวียนอย่างเร่งรีบ จนกระทั่งถึงทางเดินหน้าห้องใต้โดมที่มืดมิด ไม่พบแสงเทียนอะไรเลย ต่างพากันสงสัยว่าแสงที่เห็นเมื่อสักครู่นี้มาจากไหน
อดิ ศวร์ฉายไฟฉายไปรอบๆอย่างสำรวจตรวจตรา พบหน้าห้องมีแผ่นไม้ตีปิดทับประตูทางเข้าไว้อย่างแน่นหนา สั่งให้นายสมรีบไปเอาเครื่องมือมางัดไม้พวกนี้ออก...
ขณะ ที่อดิศวร์ใกล้ถึงตัววิรงรองเข้าไปทุกที ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ฝันเห็นผีคุณพลับพลึงเข้ามาในห้อง ร้องเรียกให้ท่านลืมตา ท่านยังคงนอนนิ่งมีเพียงเปลือกตาที่ขยับ แต่แล้วต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆมาทับ ลืมตาขึ้นมาเห็นผีคุณพลับพลึงนั่งอยู่บนตัว ร่างน่าเกลียดค่อยๆขึ้นอืด ท่านผู้หญิงเริ่มหายใจไม่ออก
“หนักหรือคุณพี่ กรรมของคุณพี่หนักกว่านี้หลายเท่านัก”
“อี พลับพลึงออกไป” ท่านผู้หญิงสรรักษ์พยายามดิ้นหนี หายใจเริ่มติดๆขัดๆ ใบหน้าของผีคุณพลับพลึงบวมเบ่งช้ำเลือดช้ำหนองใกล้จะปริ ท่านผู้หญิงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะสะดุ้งตื่น เห็นอุษาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าถามด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นอะไรไป เมื่อครู่นี้คุณย่านอนดิ้นไปดิ้นมาเหมือนหายใจไม่ออก ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่ตอบ ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่ง โดยมีอุษาคอยช่วยพยุง แล้วสั่งให้เปิดไฟทิ้งไว้
“เปิดแล้วคุณย่าจะนอนหลับหรือคะ”
ท่าน ตวาดลั่นให้เปิดไฟ อุษาเอื้อมไปเปิดโคมไฟหัวเตียงถูกท่านอาละวาดใส่ให้เปิดไฟ กลางห้องไม่ใช่โคมไฟ เปิดให้สว่างๆ ผีนังพลับพลึงจะได้ไม่กล้าเข้ามา อุษารีบทำตามคำสั่งขณะที่ท่านเอนตัวลงนอน นัยน์ตาเหลือบมองไปรอบห้องอย่างหวาดกลัว...
ไม่นานนัก นายสมกลับขึ้นมาพร้อมกล่องใส่เครื่องมือ อดิศวร์ฉายไฟฉายให้เขาดูเศษตะปูที่เกลื่อนพื้น นายสมแปลกใจ ของพวกนี้มาจากไหนกัน อดิศวร์ไม่ตอบส่องไฟฉายไปที่ไม้ซึ่งปิดประตูทางเข้าไว้ เผยให้เห็นรอยตะปูตอกใหม่ๆ เขามั่นใจว่าต้องเคยมีคนขึ้นมาก่อนหน้าเราไม่นานนี้เอง
“รีบเอาออกกันเถอะ” อดิศวร์สั่งการ
จาก นั้น ทั้งคู่ช่วยกันงัดไม้ออกจนหมด แล้วใช้คีมตัดกุญแจที่ล็อกไว้ อดิศวร์รีบฉายไฟไปทั่วห้องใต้โดมจนพบวิรงรองนอนขดตัวอย่าง สิ้นเรี่ยวแรงอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง เขารีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาลทันที
ooooooo
หลังจากหมอ ให้น้ำเกลือและฉีดยาบำรุงให้ อาการของวิรงรองดีขึ้นเป็นลำดับ ในที่สุดก็รู้สึกตัว ปรางที่คอยเฝ้าอยู่ตลอดคืนโผกอดลูกด้วยความดีใจ
“หมดทุกข์หมดโศกเสียทีนะลูก”
มี เสียงเคาะประตูห้องพักฟื้นดังขึ้น ลานนา ภูไทและพันธ์สูรย์เปิดประตูเข้ามาเห็นวิรงรองฟื้นแล้ว ต่างดีใจที่เธอไม่เป็นอะไรมาก วิรงรองขอบคุณทุกคนมากที่เป็นห่วงเป็นใย ภูไทถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ค่ะ”
“คุณเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ แต่บางคนกำลังจะตาย” น้ำเสียงของพันธ์สูรย์เต็มไปด้วยความสะใจ...
ใน ขณะที่วิรงรองเกือบต้องเอาชีวิตมาทิ้งเพราะความอาฆาตพยาบาท ของท่านผู้หญิงสรรักษ์ อดิศวร์สั่งให้คนงานช่วยกันเปิดหน้าต่างห้องใต้โดม แสงสว่างทำให้เห็นกองกระดูกของเหล่านักดนตรีวงมโหรีและโครง กระดูกของคุณพลับพลึงที่ถูกล่ามโซ่ติดกับขาเตียง อดิศวร์ทรุดตัวลงกราบเช่นเดียวกับอุษาและพวกคนงาน
“คุณ ปู่พยายามตามหาคุณย่าน้อยจนตรอมใจตายโดยที่ท่านไม่รู้เลยว่า คุณย่าน้อยถูกล่ามโซ่ขังอยู่บนนี้อย่างทุกข์ทรมาน ส่วนโครงกระดูกที่กองอยู่ใกล้ๆเครื่อง ดนตรีน่าจะเป็นพวกนักดนตรีเพื่อนของคุณย่าน้อย”
อุษา เตือนว่าเรายังหาโครงกระดูกของคุณปู่ไม่พบ อดิศวร์นิ่งคิดอยู่อึดใจ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ว่ายังมีอีกแห่งหนึ่งที่พวกเรายังไม่ ได้เข้าไปค้น แล้วผลุนผลันออกไปทันที...
ด้านแสงแขถึงกับ หน้าเครียดที่วิรงรองยังไม่ตาย บ่นเป็นหมีกินผึ้งให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์ฟังว่าจะทำอย่างไรกัน ดี จังหวะนั้นโอบพรวดพราดเข้ามาในห้อง รายงานว่าอดิศวร์ย้ายคนงานไปที่โรงเก็บรถม้าแล้ว แสงแขหันขวับ มองคุณย่าอย่างคลางแคลงใจ ก่อนจะถามว่าที่นั่นมีอะไร ท่านไม่ตอบ ได้แต่แสยะยิ้ม
ooooooo
ที่มา:http://www.thairath.co.th/ent/novel/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น