วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 15

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 15


โอบกลั้นใจเปิดประตูห้องพักของวิรงรองเข้าไป ไฟฟ้าเจ้ากรรมเปิดไม่ติด เธอฉายไฟฉายไปที่เตียงซึ่งอยู่ในสภาพเดิมที่เจ้าของห้องรีบร้อนลุกขึ้น แล้วเดินไปเก็บที่นอน ทันใดนั้นประตูห้องปิดดังปัง โอบสะดุ้งโหยงไฟฉายในมือหล่น เธอยืนตัวสั่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบไฟฉายขึ้นมาวาง แล้วรีบเก็บที่นอนอย่างรวดเร็ว

จากนั้น เสื้อผ้าในตู้รวมทั้งข้าวของทุกอย่างบนโต๊ะเครื่องแป้งถูกโอบกวาดใส่กระเป๋า เดินทางจนเกลี้ยงแล้วลากมันไปที่ประตูห้อง ขณะเปิดประตูจะออกไปมีเสียงดังขึ้นจากมุมมืด

“ระวังบาปกรรมจะตามทัน”

โอบ ชะงัก เหลียวมองตามเสียงเห็นเงาตะคุ่มๆในความมืด ตกใจแทบสิ้นสติ จะร้องก็ร้องไม่ออกยืนตัวแข็งทื่อ อยู่ตรงนั้น พิศปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ สั่งให้โอบรีบไป เธอกลั้นใจหลับหูหลับตาลากกระเป๋าโกยแนบ เสียงประตูปิดตามหลังดังปัง ร่างของคุณพลับพลึงก้าวทะลุประตูออกมา มองพิศอย่างเอาเรื่อง อีกฝ่ายรีบออกตัวว่าแค่ทำตามที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์สั่งเท่านั้น แล้วร่างของเธอก็หายวับไป...

ทางด้านท่านผู้หญิงสรรักษ์นอนมองเพดาน ห้องด้วยความสะใจในชัยชนะของตัวเอง แสงแขซึ่งนอนเฝ้าอยู่หน้าเตียงก็นอนไม่หลับเช่นกัน อดรนทนไม่ไหวลุกขึ้นชวนท่านคุยเรื่องที่กำจัดวิรงรองสำเร็จ ท่านผู้หญิงสรรักษ์ฉุกคิดถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งที่ตัวเองกับพิศช่วย กันกำจัดคุณพลับพลึงไปจากชีวิต ตอนนั้นท่านเพิ่งตั้งท้องอ่อนๆ ดีใจที่ในที่สุดก็ได้ตัวท่านเจ้าคุณสรรักษ์คืนมา ไม่สนใจว่าหัวใจของเขาจะไปอยู่ที่ไหน

“อุ๊ย อีกไม่นาน หัวใจก็จะกลับคืนมาเข้าร่างเองนั่นแหละเจ้าค่ะ” พิศเสริม

“ข้าก็หวังอย่างนั้น กำจัดนังพลับพลึงเสียได้ มันก็สาแก่ใจข้าที่สุดแล้ว”

เสียง เรียกของแสงแขปลุกท่านผู้หญิงสรรักษ์ให้ตื่นจากภวังค์ พลันมีเสียงคล้ายลมพัดมากระแทกหน้าต่างห้องดังโครมคราม ท่านผู้หญิงแสยะยิ้ม พึมพำเบาๆว่ามาแล้วหรือ แสงแขอดถามไม่ได้ว่าใครมา

“จะใครเสียอีก ล่ะ...แกไม่ได้ยินหรอกหรือมันมาหยุด ที่หน้าต่างแล้ว” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ว่าพลางลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่าง แสงแขขนลุกซู่ รีบดึงผ้ามาคลุมโปงเหลือไว้แค่ลูกตา ท่านชะโงกลงไปมองเห็นท่านเจ้าคุณสรรักษ์อยู่บนรถม้ากำลังเงยหน้าขึ้นมอง พร้อมกับชี้นิ้วมาที่ตนเองท่าทาง เอาเรื่อง

“ก็มีปัญญาทำได้แค่นี้ แหละ วนเวียนไปมาแต่ช่วยใครไม่ได้สักคน ไปผุดไปเกิดเสียเถอะไป...หรือว่ายังรอดิฉันอยู่” ท่านผู้หญิงพูดไปหัวเราะไปราวกับเป็นเรื่องขบขัน “คนทรยศอย่างคุณพี่ไม่มีวาสนามาเกิดร่วมชาติกับดิฉันหรอกค่ะ คงจะต้องวนเวียนเป็นสัมภเวสี อย่างที่ดิฉันสาปแช่งไปชั่วกัปชั่วกัลป์”

ooooooo

แสง ทองเริ่มจับขอบฟ้าตอนที่อุไรเดินมาถึงหน้าห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ ยังไม่ทันจะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู แสงแขในสภาพหน้าตายุ่งเหยิงก้าวออกมาจากห้องเสียก่อน เธอถามอย่างแปลกใจว่าเป็นอะไร แสงแขบ่นอุบว่าอดนอนทั้งคืน  เพราะคุณย่ามัวแต่คุยกับผี พอคุยเสร็จก็หลับปุ๋ย ทิ้งให้ตนเองกลัวแทบตาย

“คุย กับผี...ใครคุยกับผี” อุไรพึมพำเบาๆ แล้วนึกถึงผีพิศขึ้นมาได้ ขนลุกเกรียวทันที ค่อยๆโผล่หน้าเข้าไปในห้องเห็นท่านผู้หญิงสรรักษ์นอนหลับสบายอยู่บนเตียง เธอค่อยๆดึงประตูมาปิด...

ขณะแสงแขเดินหงุดหงิดกลับห้องตัวเอง ต้องชะงักเมื่อเจอโอบยืนรออยู่หน้าห้อง เอ็ดเสียงเขียวว่าขึ้นมาทำไม เธอกลัวแผนจะแตกเพราะเสื้อผ้าข้าวของวิรงรองยังอยู่ในห้องของเธอ

“อ้าว ฉันบอกแล้วไงว่าให้พี่ชายแกมาเอาไปเผา มาตอนค่ำอย่าลืม”

“เขาบอกว่าจะมาเอามะรืนนี้ค่ะ เขาพาแฟนไปเที่ยวกรุงเทพฯ”

“บ้า จริง...แกรีบไปช่วยพี่อุษา เดี๋ยวฉันอาบน้ำอาบท่า เรียบร้อยแล้วจะตามไป จำไว้ว่าอย่ามีพิรุธเด็ดขาดต้องทำเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสปกติ เข้าใจไหม” แสงแขกำชับเสียงเข้ม...

ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ แสงแขทำทีเข้าไปถามอุษาว่าทำไมป่านนี้แล้ววิรงรองยังไม่เห็นลงมากินมื้อเช้า สั่งให้โอบลองขึ้นดูที่ห้อง สักพัก โอบตีหน้าตื่นลงมารายงานว่าวิรงรองหายไป เสื้อผ้าข้าวของก็หายไปด้วย อุษาไม่เชื่อว่าจะเป็นความจริง รีบขึ้นไปดูให้เห็นกับตา โดยมีแสงแขกับโอบที่ลอบสบตาอย่างรู้กันวิ่งตามไปอีกทอดหนึ่ง ครู่ต่อมา อุษามาถึงห้องพักของวิรงรอง ประหลาดใจที่เห็นเตียงไม่มีร่องรอยการนอน อีกทั้งข้าวของก็หายไปหมด แสงแขทำเป็นตั้งข้อสังเกตว่าแม่นั่นอาจไปคุ้มภูไทก็ได้เพราะเห็นชอบไปบ่อยๆ

“ไปตั้งแต่ตอนไหนทำไมถึงไม่บอกพี่ก่อน ปกติคุณวิไปไหนมาไหนเธอจะบอกทุกครั้ง”

“อย่ามัวแต่เดาเลย ให้นายสมไปดูที่นั่นดีกว่า” แสงแขแนะ...

คน ที่อุษาเป็นห่วงเพิ่งได้สติ พอสายตาชินกับความมืดภายในห้องใต้โดม รีบวิ่งไปทุบประตูเรียกให้คนช่วย แต่เสียงของเธอลอดออกมาภายนอกเพียงเล็กน้อยเนื่องจากห้องนั้นอยู่สูงแถม ประตูถูกไม้ตีปิดทับอีกชั้นหญิงสาวทั้งตะโกนทั้งทุบประตูจนหมดเรี่ยวแรง ทรุดตัวลงร้องไห้สะอึกสะอื้นทั้งหวาดกลัวทั้งตื่นตระหนก...

แสงแขยัง คงเดินตามแผนการได้อย่างแนบเนียน พอรู้ว่าอุไรอยู่ในห้องกับคุณย่ารีบเข้ามารายงานท่านว่าวิรงรองหายตัวไป พร้อมกับข้าวของสวนตัวทั้งหมด ถ้าอดิศวร์กลับมาไม่เจอคงจะเล่นงานพวกเราแย่แน่นอน

“ก็แม่นั่นขนข้าวของไปเองจะมาเล่นงานคนอื่นได้อย่างไร แล้วนี่ใครโทร.ไปบอกตาลบหรือยัง”

“ตาย จริง ยังเลยค่ะ แขจะโทร.เดี๋ยวนี้ละค่ะ” แสงแขผลุนผลันออกไป โดยมีอุไรตามไปช่วยค้นหาวิรงรองอีกแรงหนึ่ง ท่านผู้หญิงสรรักษ์ยิ้มสะใจ ช่างเหมือนในครั้งนั้นที่นังพลับพลึงหายไปไม่มีผิดเพี้ยน...

ฝ่ายอดิศวร์รีบกลับโดมทองทันทีที่แสงแข โทร.ไปแจ้งข่าวการหายตัวไปของวิรงรอง

ooooooo

ลาน นาถึงกับร้องเอะอะด้วยความตกใจเมื่อนายสมมาถามหาวิรงรองที่คุ้มภูไท เพราะตัวเองกับพี่ชายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกลับมาโดมทองแล้ว ภูไทต้องปลอบน้องสาวให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ บางทีวิรงรองอาจจะไม่อยากให้อดิศวร์รู้ก็ได้ว่าไปไหน นายสมไม่คิดเช่นนั้น

“คุณวิรงรองกลับมาคราวนี้ เธอกับคุณลบเข้าใจกันมากขึ้น ทุกคนก็ดีกับเธอโดยเฉพาะท่านผู้หญิง”

“ท่าน ผู้หญิงน่ะหรือ ดีกับคุณวิ...แล้วคุณลบว่าอย่างไรบ้าง” พันธ์สูรย์ซักพอรู้ว่าอดิศวร์ไปอยู่กรุงเทพฯเขาหันมองภูไทด้วยสีหน้าตื่น ตระหนก แต่ไม่ยอมพูดอะไร รอจนกระทั่งนายสมกลับไปแล้ว จึงชวนสองพี่น้องไปพบหลวงพ่อซึ่งเป็นพ่อแท้ๆของพันธ์สูรย์ มีเพียงคนสนิทๆเท่านั้นที่รู้ว่าท่านยังมีชีวิตอยู่

ไม่นานนัก ทั้งสามคนมาถึงวัดป่าแห่งหนึ่ง แต่ต้องผิดหวังเนื่องจากหลวงพ่ออาพาธนอนรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู หมอต้องรอดูอาการอีก 2-3 วันก่อน ตอนนี้ยังไม่อนุญาตให้ใครเยี่ยม...

ทาง ด้านภูไทกับลานนาเป็นห่วงวิรงรองมาก ทนอยู่นิ่งเฉยไม่ไหวชวนกันมาถามความคืบหน้าที่โดมทอง แสงแขอ้างว่าทุกคนที่นี่พยายามค้นหากันอย่างเต็มที่แล้ว ทีแรกเธอยังคิดว่าวิรงรองอยู่ที่คุ้มภูไท ลานนาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพื่อนรักกลับมาที่นี่ โทร.เข้ามือถือก็ไม่มีใครรับ โทร.ไปที่บ้านวิรงรองก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น ภูไทนึกขึ้นได้

“ทำไมเราไม่ลองโทร.เช็กตามโรงแรม”

“จริง ด้วย งั้นเรากลับไปที่บ้านดีกว่า ได้ความอย่างไรแล้วค่อยติดต่อมาที่นี่...คุณแสงแขคะ ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันก่อนนะคะ” ลานนาพูดจบเดินออกไปกับภูไท แสงแขมองตามอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก...

ทางฝ่ายอุษากับอุไรจนปัญญาไม่ รู้จะไปตามหาวิรงรองที่ไหน ตัดสินใจพึ่งไสยศาสตร์ เอาธูปเทียนเข้าไปกราบรูปบรรพบุรุษที่แขวนอยู่ในห้องโถงใหญ่ อธิษฐานให้พวกท่านช่วยให้วิรงรองกลับมาอย่างปลอดภัย แสง–แขผ่านมาเห็นเข้า ยิ้มเยาะด้วยความสะใจ ก่อนจะรีบเข้าไปรายงานเรื่องนี้ให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์รับทราบ

“ถ้า เป็นนังพลับพลึงกับท่านเจ้าคุณล่ะก็ ยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย ส่วนบรรพบุรุษอื่นๆก็คงไปเกิดใหม่กันหมดแล้ว นี่ถ้าตาลบกลับมาก็คงวุ่นวายใหญ่ไปอีกสักพักหนึ่ง...โอบ ไปบอกอุษาทีว่ากลางวันนี้ฉันอยากกินข้าวต้มกับปลาสลิดทอดกรอบ”

โอบ รีบไปทำตามคำสั่ง ท่านผู้หญิงสรรักษ์เตือนแสงแขให้คอยควบคุมโอบกับพี่ชายไว้ให้ดีอย่าให้ปาก โป้งเด็ดขาด แสงแขได้ทีปะเหลาะถามเรื่องระหว่างตัวเองกับอดิศวร์

“งานนี้แกช่วยฉันได้มาก เอาเป็นว่าฉันจะไม่

ขัดขวางแกก็แล้วกัน เชิญแกจับตาลบได้ตามสบาย”...

ขณะ ที่แสงแขกับท่านผู้หญิงสรรักษ์ตกลงผลประโยชน์ลงตัว วิรงรองตื่นขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากร้องไห้จนหมดแรงหลับไป นั่งทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดแล้วสรุปว่าแสงแขจะต้องรู้เห็น เรื่องนี้ด้วย

“คุณแสงแข ความหึงหวงทำให้คนบางคนทำร้ายคนอื่นอย่างอำมหิตได้ขนาดนี้เชียวหรือ แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหนกัน” วิรงรองมองไปรอบๆห้องก่อนตัดสินใจเดินสำรวจ พบแต่หยากไย่ใยแมงมุมกับฝุ่นหนาเตอะ เธอสะดุดอะไรบางอย่างจนหน้าคะมำ ก้มหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาดูแสงสว่างที่ลอดเข้ามาเพียงน้อยนิดเผยให้เห็นว่าเป็น กระดูกแขนของมนุษย์ วิรงรองกรีดร้องด้วยความตกใจ ขวางทิ้งแล้วปิดตาร้องไห้อย่างน่าสงสาร

ooooooo

อดิศวร์เรียก ประชุมทุกคนทันทีที่กลับถึงโดมทอง ท่านผู้หญิงสรรักษ์เห็นภาพนี้แล้วฉุกคิดถึงเรื่องราวในอดีต ตอนนั้นท่านเจ้าคุณสรรักษ์เรียกประชุมบ่าวไพร่ทั้งหมดเมือนตอนนี้ไม่มีผิด เพี้ยน หนึ่งในพวกนั้นมีท่านปู่ของพันธุ์สูรย์ซึ่งยังหนุ่มแน่นรวมอยู่ด้วย ท่านเจ้าคุณโกรธที่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวเห็นคุณพลับพลึงออกจากบ้าน

“ไอ้พัน ข้าอุตส่าห์ไว้ใจให้เอ็งดูแลโดมทอง ขณะที่ข้าไม่อยู่ แต่เอ็งก็ปล่อยให้คุณพลับพลึงหายไปได้ เอ็งจะแก้ตัวว่าอย่างไรรึ ไอ้พัน”

ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ตื่นจากภวังค์เห็นอดิศวร์กำลังซักไซ้นายสมว่าเกิดอะไรขึ้นกัน แน่ เขายืนยันว่าไม่เห็นวิรงรองออกไปจากที่นี่ แสงแขรีบเสนอหน้าทันที

“พวกเราทุกคนไม่มีใครคิดจริงๆค่ะว่าวิรงรองจะหนีไปเพราะก่อนหน้านั้นเธอก็ดูเป็นปกติดี ไม่ได้มีเรื่องกระทบกระทั่งกับใครเลย”

อดิ ศวร์หงุดหงิดเพราะไม่มีใครเห็นหรือรู้ว่าวิรงรองหายไปไหน เดินหน้าหงิกเข้าห้องทำงาน ทันใดนั้นมีเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น เขาพุ่งไปรับด้วยความหวังว่าจะได้ข่าวคืบหน้าของหญิงคนรัก แต่กลายเป็นภูไทโทร.เข้ามา อดิศวร์ตัดบทว่าตอนนี้ไม่ว่าง ภูไทรีบบอกว่าโทร.เช็กตามโรงแรมทั่วเมือง รวมทั้งสายการบินทุกเที่ยวแล้ว ไม่มีวี่แววของวิรงรองเลย อดิศวร์กำลังอารมณ์บูดพาลใส่ว่าบางทีวิรงรองอาจจะอยู่ที่คุ้มภูไทก็ได้

“คุณก็มาค้นดูได้”

“เจ้าคงไม่โง่พอที่จะให้วิรงรองพักที่นั่นหรอก”

“คุณ จะคิดอย่างไรก็ตามใจคุณอดิศวร์ แต่ขอบอก ว่าทุกคนที่บ้านผมกำลังช่วยกันตามหาน้องวิเหมือนกัน” ภูไทพูดจบวางสายอย่างไม่สบอารมณ์ ขณะที่อดิศวร์ยิ่งพุ่งพล่านหนักที่ไม่มีข่าวคืบหน้าอะไรเลย จังหวะนั้นแสงแขเข้ามาแจ้งว่าคุณย่าเรียกไปพบ ครู่ต่อมา อดิศวร์มายืนตรงหน้าท่านผู้หญิงสรรักษ์ที่สวมบทคุณย่าผู้เอื้ออาทรโทษตัวเอง ว่าเป็นต้นเหตุทำให้วิรงรองต้องหนีไป

“ไม่ใช่หรอกครับ เพราะระยะหลังๆมานี่ คุณย่าดีกับเธอมาก ไม่มีใครโทษคุณย่าหรอกครับ... คุณย่าอยู่กับแสงแขก่อนนะครับ ผมจะไปตามหาเธอต่อ”

เมื่ออยู่ต่อหน้า อดิศวร์ ท่านผู้หญิงสรรักษ์อวยพรให้หาวิรงรองเจอ แต่พอเขาคล้อยหลังเท่านั้น กลับแช่งชักหักกระดูกให้เธอตายโดยไม่มีใครหาศพเจอ...

ในขณะที่อดิ ศวร์ตามหาวิรงรองให้ควั่ก คนถูกตามกำลังเดินสำรวจในห้องใต้โดมอย่างอยากรู้อยากเห็นแต่ต้องตกใจอีก ครั้งเมื่อเห็นโครงกระดูกจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่ใกล้เครื่องดนตรีที่ผุพัง ไปตามกาลเวลา วิรงรองทรุดตัวลงเอามือลูบระนาดเอกอย่างแผ่วเบา นึกถึงตอนที่มาถึงที่นี่ใหม่ๆ และได้ยินเสียงดนตรีไทย

“หมายความว่าเสียงดนตรีมาจากที่นี่ เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”

วิรงรอง รวบรวมสติแล้วเดินสำรวจต่อไปถึงมุมหนึ่งของห้อง เห็นเตียงนอนตั้งอยู่ลองแหวกฝุ่นเขรอะจนเจอผ้าห่มค่อยๆดึงผ้านั้นออก เธอถึงกับผงะเมื่อเห็น โครงกระดูกมนุษย์ที่มีเศษผ้าติดอยู่บางส่วน ที่ข้อเท้าถูกล่ามโซ่ไว้กับขาเตียงอีกทีหนึ่ง หญิงสาวฉุกคิดถึงเสียง เดินลากโซ่ตรวนที่เคยได้ยินในคืนพระจันทร์เต็มดวง เธอมั่นใจว่านี่คือโครงกระดูกของคุณพลับพลึง

“คุณพลับพลึงไม่ได้หนี ไปไหนอย่างที่ใครๆ สันนิษฐานหรือที่ท่านผู้หญิงพยายามบอก ในขณะที่ท่านเจ้าคุณตามหาแทบพลิกแผ่นดิน ท่านไม่ได้สังหรณ์เลยสักนิดว่าคุณพลับพลึงถูกล่ามโซ่อยู่ในห้องนี้และต้อง เสียชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน...ผู้ชายที่อยู่บนรถม้าคนนั้นคือท่านเจ้าคุณจริงๆ ท่านขับรถม้ามารอคุณพลับพลึงอยู่ใต้หน้าต่างโดม...ใครกันที่ใจดำอำมหิตกับ คุณพลับพลึงได้ถึงเพียงนี้”

พลันภาพตอนที่วิรงรองได้พบกับท่านผู้ หญิงสรรักษ์วันแรกและท่านกรีดร้องไล่เธอออกจากห้องผุดเข้ามาในสมอง เธอสรุปได้ทันทีว่านี่ต้องเป็นฝีมือของท่านผู้หญิงสรรักษ์ แล้วนึกสังเวชตัวเอง อีกไม่นานก็จะมีสภาพไม่ต่างจากคุณพลับพลึงเช่นกัน

ooooooo

แสง แขไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย เข้าไปยื่นคำขาดกับคุณย่าต้องทำให้อดิศวร์แต่งงานกับเธอภายใน 10 วันข้างหน้าให้ได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะได้รับรู้ว่าคุณย่า น้อยกับวิรงรองหายไปไหน ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่สนใจคำขู่ แถมยุให้แฉได้เลยเพราะแสงแขเองก็มีส่วนรู้เห็นเรื่องวิรงรองเช่นกัน

“แล้วคุณย่าคิดว่าแขจะโง่ยอมให้คุณย่าใส่ร้ายฝ่ายเดียวหรือคะ คุณย่าเป็นคนจับคุณย่าน้อย...”

“ใครที่ไหนเขาจะเชื่อแก”

“นอกจากซากวิรงรองแล้ว คุณย่ากล้ายืนยันไหม

ล่ะ คะว่าจะไม่มีซากของคนอื่นอีก ส่วนแขก็จะเป็นแค่เหยื่อที่ถูกบังคับถูกกดหัวมานานจนกลัวคุณย่าลนลานเหมือน คนอื่นๆในบ้านนี้ แล้วยังไงล่ะคะ  เหนือฟ้ายังมีฟ้าเหนือคุณย่ายังมีแสงแข” ยัยตัวแสบประจำบ้านหัวเราะชอบใจขณะที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์แค้นแทบกระอักเลือด

จาก นั้นแสงแขเดินกระหยิ่มใจไปที่ห้องทำงานของอดิศวร์เห็นเจ้าของห้องนั่ง ฟุบอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยความอ่อนเพลีย เธอฉวยโอกาสเข้าไปโอบเอวเขาไว้แล้วหอมแก้ม อดิศวร์ลืมตามองงงๆ ขณะที่เธอจะจูบปาก เขาผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไล่เธอกลับห้อง แสงแขเฝ้าแต่พร่ำเพ้อว่ารักเขามากแค่ไหนขอให้เห็นใจกันบ้าง อดิศวร์พยายามพูดเตือนสติ แต่เธอไม่ฟัง จะขอมอบตัวมอบหัวใจแทนที่วิรงรองซึ่งไม่มีวันกลับมาหาเขาอีกแล้ว

“แต่เธอไม่ใช่วิรงรอง เธอเป็นน้องของพี่ กลับไปห้องเธอเดี๋ยวนี้ กลับไปคิดทบทวนให้ดีแล้วเธอจะเข้าใจ”

“คุณลบขา อย่าใจร้ายไล่แขไปเลยนะคะ คุณลบไม่ต้องยกย่องแขเป็นเมียออกหน้าออกตาก็ได้”

อดิศวร์จับไหล่แสงแขดันออกห่าง แล้วกึ่งลากกึ่งจูงออกจากห้อง ก่อนจะปิดประตูใส่หน้า...

ฝน เทกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา เสียงฟ้าครืนๆ ดังเป็นระยะๆ วิรงรองนอนขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องใต้โดม พลันมีเสียงวงมโหรีบรรเลงเพลงนางครวญดังขึ้น คุณพลับพลึงปรากฏตัวตรงหน้าวิรงรองที่ครึ่งหลับครึ่งตื่น ค่อยๆยื่นมือมาจับแขนเธอพยายามจะพูดบางอย่าง หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวลืมตามองไปที่แขนตัวเอง ก่อนจะสะบัดเต็มแรงจนหนูที่มาไต่กระเด็น ลูบแขนด้วยความขยะแขยง ก่อนจะตะโกนแข่งกับเสียงฝนที่ตกหนัก

“ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยด้วย”

ooooooo

ขณะ อุษากับอุไรกำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ในครัว แสงแขเดินเข้ามาในสภาพเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ถามหาอดิศวร์ว่าหายไปไหน อุไรเห็นขับรถออกไปเมื่อครู่ใหญ่ๆที่ผ่านมานี้เอง แต่ไม่ทราบว่าไปไหน อุษาแปลกใจจะถามหาอดิศวร์ไปทำไมตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง

“เพราะ เขากำลังจะแต่งงานกับแขน่ะสิ” แสงแขพูดจบเดินตรงไปทางห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ จะไปเร่งให้ท่านรีบพูดกับอดิศวร์เรื่องแต่งงานกับเธอเร็วๆ ด้วยเกรงว่าเขาจะหนีไปจากเธอเสียก่อน...

ทางฝ่ายอดิศวร์ไปหาลานนากับ ภูไทที่บ้านเพื่อ สอบถามข่าวคราวของวิรงรองแต่ยังมืดแปดด้าน ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน เขากลับโดมทองด้วยความผิดหวัง...

ทันที ที่อดิศวร์กลับถึงบ้าน โอบมาเรียนเชิญให้ไปพบท่านผู้หญิงสรรักษ์ที่ห้อง ท่านขอร้องกึ่งบังคับจะให้เขาแต่งงานกับแสงแขให้ได้ อดิศวร์ไม่มีอารมณ์จะคุยด้วย อ้างว่าไม่ค่อยสบายขอตัวก่อน แล้วลุกออกไปโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของท่าน...

ทางฝ่ายแสงแขไม่รอช้า รีบเข้าไปถามท่านผู้หญิงสรรักษ์ว่าสำเร็จหรือเปล่า ท่านส่ายหน้าแทนคำตอบและขอเวลาอีกหน่อย เธอเร่งให้รีบลงมือได้แล้ว ท่านผู้หญิงสรรักษ์โวยลั่น ถ้าแสงแขไม่พอใจก็ไปจัดการเอาเอง ถ้าไม่ได้ดั่งใจก็ให้ปล้ำอดิศวร์เสียเลย คำพูดแทงใจดำทำให้ยัยตัวแสบถึงกับขบกรามแน่น

“อ้อ...คงทำมาแล้วล่ะสิแต่ไม่สำเร็จ ลงทุนขนาดนั้นยังไม่สำเร็จ น่าทุเรศ” ท่านผู้หญิงหัวเราะเยาะลั่น

“แข ทำไม่สำเร็จ แต่คุณย่าต้องทำให้สำเร็จไม่อย่างนั้นคุณย่าที่น่ารักของคุณลบจะเปลี่ยนเป็น นังปีศาจ” แสงแขแหวใส่อย่างไม่เกรงกลัว ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่สนใจคำขู่ยังคงขำไม่หยุด...

ด้านพันธ์สูรย์กับ ภูไทแวะไปเยี่ยมหลวงพ่อที่โรงพยาบาล หมอเจ้าของไข้แจ้งว่าท่านกลับไปแล้ว ทั้งคู่ จึงตามไปที่วัด หวังจะรับหลวงพ่อมาดูแลที่บ้านของ พันธ์สูรย์ พระที่อยู่กุฏิเดียวกับหลวงพ่อห้ามไว้

“ท่านไม่ยอมหรอก โรงพยาบาลท่านยังไม่อยากอยู่เลย ขนาดอาพาธอย่างนี้...เข้าไปดูสิ”

ภู ไท พันธ์สูรย์และทองดำคนงานของคุ้มภูไท ซึ่งช่วยหิ้วตะกร้าของเยี่ยมใบใหญ่ยกมือไหว้ขอบคุณพระรูปนั้นแล้วพากันเข้า ไปในกุฏิ พบหลวงพ่อจำวัดอยู่เนื่องจากอ่อนเพลียเพราะพิษไข้ ภูไทถามพันธ์สูรย์จะเอาอย่างไรต่อไปดี เขาเสนอจะให้ทองดำอยู่เฝ้าท่านที่นี่ก่อน พอท่านตื่นแล้วค่อยโทร.ไปบอกเราสองคน

“ก็ดีเหมือนกัน หรือนายจะอยู่เฝ้าด้วยก็ได้”

พันธ์สูรย์คงอยู่ด้วยไม่ได้มีนัดกับลูกค้า เสร็จธุระเมื่อไหร่อาจจะแวะมาดูอีกครั้ง แล้วสั่งทองดำถ้ามีอะไรให้รีบโทร.บอกทันที...

ฝ่าย ปรางชักเอะใจที่ลูกสาวหายไปไม่โทร.มาคุยด้วยเหมือนเช่นเคย พยายามโทร.หาลูกก็ติดต่อไม่ได้ ตัดสินใจโทร.ถามอดิศวร์ว่าวิรงรองเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเธอถึงติดต่อไม่ได้เลย ชายหนุ่มอึกอัก

“คือ...มีปัญหาบางอย่างครับ...วิรงรองหายไป”

ปรางตกตะลึง ถึงกับโทรศัพท์ร่วงจากมือ

ooooooo

ใน เวลาต่อมา ขณะอุษากำลังคาดคั้นให้แสงแข บอกมาว่าที่พูดเมื่อครู่นี้หมายความว่าอย่างไร ยัยตัวแสบประจำบ้านลอยหน้าลอยตาตอบอย่างยียวนว่าหมายความตามที่พูดแล้วขยับ จะไป อุษาคว้าแขนไว้

“เธอรู้หรือว่าคุณวิอยู่ที่ไหน”

“ไม่ได้ พูดอย่างนั้นสักหน่อย” แสงแขเฉไฉ จังหวะนั้น อดิศวร์เข้ามาบอกอุษาว่าแม่ของวิรงรองกำลังจะเดิน ทางมาที่นี่ เขาจัดการติดต่อเรื่องตั๋วเครื่องบินให้เรียบร้อยแล้ว คงจะมาถึงสนามบินตอนเย็นๆ

“พี่จะให้นายสมไปรอที่สนามบิน เธอช่วยติดรถไปคอยดูแลด้วย”

“แล้วแขล่ะคะ คุณลบจะให้แขทำอะไร”

อดิ ศวร์สั่งให้แสงแขคอยดูแลคุณย่าแทนอุษา เธอยังไม่ทันจะอ้าปากทักท้วง ภูไทโทร.มาตามอดิศวร์ให้ไปพบเสียก่อน แสงแขมองตามชายที่ตัวเองหลงรักผลุนผลันออกไปอย่างขัดอกขัดใจ...

ครู่ ต่อมา แสงแขมาถึงห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์เป็นจังหวะเดียวกับท่านสั่งกระดิ่งเรียกหา คนมาคอยรับใช้ลั่นไปหมด แสงแขตะโกนสวนอย่างไม่สบอารมณ์จะสั่นกระดิ่งทำไมให้หนวกหู

“ก็อยากหายหัวกันไปหมดทำไม” ท่านผู้หญิงสรรักษ์โวยกลับ

“คุณ ย่าหงุดหงิดเจ้าอารมณ์แบบนี้ใครที่ไหนจะอยากอยู่ด้วย” แสงแขเห็นท่านอ้าปากจะด่า ชิงห้ามเสียก่อน “อย่าด่านะคะ ถ้าด่าแขจะออกไปเดี๋ยวนี้ คนอื่นเขาก็ยุ่งกันหมด พี่อุษาต้องไปรอรับแม่นังวิรงรองที่สนามบิน คุณลบส่งพี่อุษาไปคอยอำนวยความสะดวกให้ ส่วนตัวคุณลบเองก็ต้องตระเวนตามหานังนั่น”

“ตาลบนะตาลบ นังนั่นมันมีดีอะไร”

“ก็คงมีดีเหมือนคุณย่าน้อยมีนั่นแหละค่ะ” แสงแข ยอกย้อน ท่านผู้หญิงสรรักษ์โกรธจัดถึงกับขึ้นอีขึ้นไอ้ด่าเธอหยาบๆคายๆ แสงแขกลับหัวเราะขบขันอย่างไม่สะทกสะท้าน...

ระหว่างที่อดิศวร์กำลังจะไปที่รถ อุษาเร่งฝีเท้าตามจนทัน ถามว่าจะให้จัดห้องไหนให้แม่ของวิรงรองพัก

“เกือบ ลืม เมื่อครู่เจ้าภูไทบอกว่าให้ท่านไปค้างที่บ้านเขาซึ่งพี่ก็เห็นด้วย อุษาพาท่านไปส่งที่นั่นก็แล้วกัน” อดิศวร์พูดจบขึ้นรถขับออกไป ครู่ต่อมา เขามาถึงห้องรับแขกของคุ้มภูไท เห็นพันธ์สูรย์กำลังนั่งคุยอยู่กับลานนาและภูไท ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันอึดใจ ก่อนที่พันธ์สูรย์ตัดสินใจลุกหนี ลานนาร้องทักว่าจะรีบไปไหน

“ไป​ที่​ที่​หายใจ​สะดวก​หน่อย​น่ะ​ครับ”

อดิ ศวร์​ขบ​กราม​แน่น มอง​ตาม​พัน​ธ์​สู​รย์​ที่​เดิน​ออก​ไป​อย่าง​ตาขวาง แล้ว​หัน​มา​ขอบคุณ​ภู​ไท​ที่​ให้​แม่ของ​วิ​รงรอง​พัก​ที่​นี่ เขา​ยินดี​ช่วย​ด้วย​ความ​เต็มใจ

“เมื่อ​ตอน​กลางวัน​ผม​ไป​พบ​หลวง​ พ่อ​ของ​พันธ์สูรย์​มา เพราะ​ท่าน​เป็น​คน​เดียว​ที่​เชื่อม​ต่อ​ระหว่างอดีต​กับ​ปัจจุบัน​ และ​ที่​สำคัญท่าน​ใช้​ชีวิต​อยู่​ใน​โดม​ทอง​ระหว่าง​ช่วง​เวลา​ที่​คุณ​ พลับพลึง​หาย​ไป น่า​เสียดาย​ที่​ท่าน​ยัง​จำวัด​ด้วย​ความ​อ่อนเพลีย​จาก​พิษ​ไข้ พวก​เรา​ก็​เลย​ไม่​กล้า​ปลุก แต่​สั่ง​คน​งาน​ที่​เฝ้า​ไว้​ว่า​ถ้า​ท่าน​ตื่น​เมื่อ​ไหร่​ให้รีบ​โทร.​ บอก ผม​จะ​เอา​รถ​ไป​รับ​ท่าน​มา​พัก​ที่​นี่​เพราะ​พัน​ธ์​สู​รย์เอง​ก็​เป็น​ ห่วง​หลวง​พ่อ”

“แล้ว​เจ้า​ให้​ผม​มา​ที่​นี่ทำไม”

“เพราะ​ พัน​ธ์​สู​รย์​สั่ง​ให้​บอก​คุณ​ว่า ลอง​คิด​ดู​ดีๆ วิ​รงรอง​อาจจะ​ไม่ได้​ไป​ไหน​ไกล​กว่า​โดม​ทอง​เลย...และ​บางที คุณ​ย่า​คุณอดิศวร์​อาจจะ​ทราบ” ภู​ไท​จ้อง​หน้าอดิศวร์​เขม็ง​ราวกับ​จะ​อ่าน​ใจ​เขา​ให้​ออก ขณะ​ที่​อีก​ฝ่าย​จ้อง​ตอบ​อย่าง​ไม่​ค่อยพอใจ...

ผ่าน​ไป​ไม่​นาน​ นัก อดิศวร์​กลับ​ถึง​โดม​ทอง​ด้วย​อารมณ์​ขุ่นมัว ยิ่ง​มา​เจอ​แสง​แข​คอย​ซัก​โน่น​ถาม​นี่​ยิ่ง​ทำให้​หงุดหงิด เอ็ดตะโร​ลั่น​ให้​เลิก​วุ่นวาย​กับ​เขา​สัก​ที และ​ช่วย​ท่องจำ​ให้​ขึ้นใจ​ด้วย​ว่า​เขา​เป็น​พี่​ชาย​ของ​เธอแล้ว​ผละ​จาก ​ไป​อย่าง​ไม่​ไย​ดี แสง​แข​น้อยใจ​น้ำตา​ไหล​พราก อุษา​เห็น​แล้ว​อด​สงสาร​ไม่ได้ เข้า​มา​โอบ​ไหล่​เพื่อ​ปลอบใจ เธอ​กลับ​หัน​มา​เล่น​งาน​พี่​สาว​ตัว​เอง​ว่าไม่ต้อง​เสแสร้ง​สงสาร​ตน

“ถ้า​เธอ​ไม่​พยายาม​หักใจ เธอ​ก็จะ​ต้อง​ทุกข์​ทรมาน​ใจ​ไป​จน​ตลอด​ชีวิต​เหมือน...คุณ​ย่า”

“แข ​ทรมาน​คน​เดียว​เสีย​เมื่อ​ไหร่ คน​อื่น​ก็​ต้อง​ทรมาน​ด้วย อาจจะ​ทรมาน​ยิ่ง​กว่า​แข​เสีย​อีก” สีหน้า​อำมหิต​ของ​แสง​แข​ทำให้​อุษา​ถึง​กับ​ผงะ...

ใน​ขณะ​เดียว กัน​ท่านผู้หญิง​สร​รักษ์​พลิก​ตัว​หัน​หลัง​ให้​ทันที​ที่​อดิศวร์​เข้า​มา ​ใน​ห้อง เขา​จะ​ซัก​ถาม​บางอย่าง​ ท่าน​รีบ​ตัดบท​ว่า​ไม่ค่อย​สบาย อย่า​เพิ่ง​รบกวน​ตอน​นี้ อดิศวร์​ร้อน​ใจ​​มี​เรื่อง​สำคัญ​มาก​อยาก​จะ​ถาม ท่าน​สวนทันที

“สำคัญ​กว่า​ชีวิต​ย่า​อีก​หรือ​ลบ”

“ชีวิต​คุณ​ย่า​สำคัญ​ที่สุด​สำหรับ​ผม ชีวิต​วิ​รงรอง​ก็​เหมือน​กัน...”

“ลบ​ให้​ความ​สำคัญ​กับ​มัน​มาก​กว่า​ย่า”

อดิ ศวร์​พยายาม​จะ​อธิบาย แต่​ท่านผู้หญิง​สร​รักษ์​ไม่​ยอม​ฟัง สั่ง​ให้​หยุด​พูด​ได้​แล้ว ยิ่ง​พูด​ก็​ยิ่ง​ทำให้​ท่าน​อายุสั้น แล้ว​หลับตา​ทำท่า​อ่อน​ระโหย​โรย​แรง อดิศวร์ถึง​กับ​ถอน​ใจ หนักใจ

ooooooo

ใน ​ระหว่าง​ที่​อดิศวร์​จน​ปัญญา​จะ​ซัก​ถาม​ความ​จริง​จาก​คุณ​ย่า วิ​รงรอง​นั่ง​พิง​ผนัง​ห้อง​ใต้​โดม​อย่าง​อ่อน​แรง​เต็มที ทอด​สายตา​ไป​ยัง​โครงกระดูก​ของ​คุณ​พลับพลึง​ที่​อยู่​บน​เตียง​ฝุ่น​ เขรอะ

“ชะตา​กรรม​ของ​เรา​ก็​คง​ไม่​ต่าง​กับ​คุณ​พลับพลึง​ที่​ต้อง​ขาด​น้ำ​ขาด​อาหาร​จน​ตาย”

อาการ​ปวด​ท้อง​เพราะ​ความ​หิว​และ​ขาด​น้ำ​จู่โจม​วิ​รงรอง​จน​ต้อง​ลง​นอน​ขด​ตัว​ด้วย​ความ​ทรมาน...

ตั้งแต่ ​ออก​จาก​ห้อง​คุณ​ย่า อดิศวร์​เอาแต่​เดินกลับไป ​กลับมา​อยู่​ใน​ห้อง​ตัว​เอง ครุ่นคิด​ถึง​เรื่องราว​ต่างๆ อย่างหนัก​ตั้งแต่​บ่าย​ยัน​ดึกดื่น​ไม่​ยอม​หลับ​ยอม​นอน หลังจาก​อุดอู้​อยู่​ใน​ห้อง​อยู่​เป็น​นานสองนาน ชาย​หนุ่ม​ตัดสินใจ​ออก​มา​เดิน​สูด​อากาศ​บริสุทธิ์​นอก​บ้าน เผื่อ​จะ​คิด​อะไร​ออก กลับ​เจอ​นาย​สม​ซึ่ง​นอน​ไม่​หลับ​เช่น​กัน กำลัง​เดิน​ตรวจตรา​รอบๆบ้าน อดิศวร์​บ่น​ให้​เขา​ฟัง​อย่าง​คิด​ไม่​ตก​ว่า

“ทำไม​ไอ้​พัน​ธ์​สู​รย์​ถึง​บอก​ว่า คุณ​ย่า​น่า​จะ​รู้​ดี​ที่สุด​ว่า​วิ​รงรอง​อยู่​ที่ไหน”

“ถ้า​ถาม​ผม​นะ​ครับ คง​เพราะ​ท่าน​เป็น​เจ้าของ​โดม​ทอง ท่าน​ต้อง​รู้จัก​ทุก​ตาราง​นิ้ว​ของ​ที่​นี่”

“ระยะ ​หลังๆมา​นี่ วิ​รงรอง​ถูก​ปอง​ร้าย​หลายครั้ง เธอ​เล่า​ให้​ฉัน​ฟัง​แต่​ฉัน​ไม่​เชื่อ” ประโยค​สุดท้าย​หายเข้าไป​ใน​ลำ​คอ​อดิศวร์​ด้วย​ความ​สะเทือนใจ นาย​สม​เดา​ใจ​เจ้านาย​ออก​ที่​คิด​ว่า​คนร้าย​อาจจะ​ซ่อน​วิ​รงรอง​ไว้​ที่ ​นี่

“มัน​อาจ​แย่​กว่า​นั้น​อีก ฉัน​กลัว​ว่า​เธอ​อาจจะ​ถูก...” อดิศวร์​เงย​หน้า​มอง​ไป​ยัง​ห้อง​ใต้​โดม​โดย​บังเอิญ เห็น​แสง​เทียน​ลอด​ออก​มา เรียก​นาย​สม​ให้​ดู​ก่อน​จะ​พา​กัน​วิ่ง​เข้าตัว​ตึก...

ไม่​กี่​ อึดใจ อดิศวร์​กับ​นาย​สม​พร้อม​ด้วย​ไฟฉาย​กับ​คีม​ตัด​เหล็ก​มา​ถึง​ประตู​เหล็ก ​สนิม​กรัง​ที่​กั้น​ทาง​ขึ้นไป​ยัง​ยอด​โดม นาย​สม​ไม่​รอ​ช้า​ตัด​โซ่​คล้อง​กุญแจ​ออก จาก​นั้น​ทั้ง​คู่​ขึ้น​ไป​ตาม​บันได​เวียน​อย่าง​เร่งรีบ จนกระทั่ง​ถึง​ทาง​เดิน​หน้า​ห้อง​ใต้​โดม​ที่​มืด​มิด ไม่​พบ​แสง​เทียน​อะไร​เลย ต่าง​พา​กัน​สงสัย​ว่า​แสง​ที่​เห็น​เมื่อ​สัก​ครู่​นี้​มา​จาก​ไหน

อดิ ศวร์​ฉาย​ไฟฉาย​ไป​รอบๆอย่าง​สำรวจ​ตรวจตรา พบ​หน้า​ห้อง​มี​แผ่น​ไม้​ตี​ปิด​ทับ​ประตู​ทาง​เข้า​ไว้​อย่าง​แน่นหนา สั่ง​ให้​นาย​สม​รีบ​ไป​เอา​เครื่องมือ​มา​งัด​ไม้​พวก​นี้​ออก...

ขณะ ​ที่​อดิศวร์​ใกล้​ถึง​ตัว​วิ​รงรอง​เข้าไป​ทุกที ท่าน ผู้หญิง​สร​รักษ์​ฝัน​เห็น​ผี​คุณ​พลับพลึง​เข้า​มา​ใน​ห้อง ร้องเรียก​ให้​ท่าน​ลืมตา ท่าน​ยัง​คง​นอน​นิ่ง​มี​เพียง​เปลือกตา​ที่​ขยับ แต่​แล้ว​ต้อง​สะดุ้ง​เฮือก​เมื่อ​รู้สึก​เหมือน​มี​อะไร​หนักๆมาทับ ลืมตา​ขึ้น​มา​เห็น​ผี​คุณ​พลับพลึง​นั่ง​อยู่​บน​ตัว ร่าง​น่า​เกลียด​ค่อยๆขึ้น​อืด ท่านผู้หญิง​เริ่ม​หายใจ​ไม่​ออก

“หนัก​หรือ​คุณ​พี่ กรรม​ของ​คุณ​พี่​หนัก​กว่า​นี้​หลาย​เท่า​นัก”

“อี ​พลับพลึง​ออก​ไป” ท่านผู้หญิง​สร​รักษ์​พยายาม​ดิ้น​หนี หายใจ​เริ่ม​ติดๆขัดๆ ใบหน้า​ของ​ผี​คุณ​พลับพลึงบวม​เบ่ง​ช้ำ​เลือด​ช้ำ​หนอง​ใกล้​จะ​ปริ ท่านผู้หญิง​กรีด​ร้อง​ด้วย​ความ​หวาด​กลัว ก่อน​จะ​สะดุ้ง​ตื่น เห็น​อุษา​คุกเข่า​อยู่ตรง​หน้า​ถาม​ด้วย​ความ​เป็น​ห่วง​ว่า​เป็น​อะไรไป เมื่อครู่นี้​คุณ​ย่า​นอน​ดิ้น​ไป​ดิ้น​มา​เหมือน​หายใจ​ไม่​ออก ท่านผู้หญิง​สร​รักษ์​ไม่​ตอบ ค่อยๆยัน​ตัว​ลุก​ขึ้น​นั่ง โดย​มี​อุษา​คอย​ช่วย​พยุง แล้ว​สั่ง​ให้​เปิด​ไฟ​ทิ้ง​ไว้

“เปิด​แล้ว​คุณ​ย่า​จะ​นอน​หลับ​หรือ​คะ”

ท่าน ​ตวาด​ลั่น​ให้​เปิด​ไฟ อุษา​เอื้อม​ไป​เปิด​โคม​ไฟ​หัว​เตียง​ถูก​ท่าน​อาละวาด​ใส่​ให้​เปิด​ไฟ​ กลาง​ห้อง​ไม่​ใช่​โคม​ไฟ เปิด​ให้​สว่างๆ ผี​นัง​พลับพลึง​จะ​ได้​ไม่​กล้า​เข้า​มา อุษา​รีบ​ทำ​ตาม​คำสั่ง​ขณะ​ที่​ท่าน​เอนตัว​ลง​นอน นัยน์ตา​เหลือ​บ​มอง​ไป​รอบ​ห้อง​อย่าง​หวาด​กลัว...

ไม่​นาน​นัก นาย​สม​กลับ​ขึ้น​มา​พร้อม​กล่อง​ใส่​เครื่องมือ อดิศวร์​ฉาย​ไฟ​ฉายให้​เขา​ดู​เศษ​ตะปู​ที่​เกลื่อน​พื้น​ นาย​สม​แปลก​ใจ ของ​พวก​นี้​มาจาก​ไหน​กัน อดิศวร์​ไม่​ตอบ​ส่อง​ไฟฉาย​ไป​ที่​ไม้​ซึ่ง​ปิด​ประตู​ทาง​เข้า​ไว้​ เผย​ให้​เห็น​รอย​ตะปู​ตอก​ใหม่ๆ เขา​มั่นใจ​ว่า​ต้อง​เคย​มี​คน​ขึ้น​มา​ก่อน​หน้า​เรา​ไม่​นาน​นี้เอง

“รีบ​เอา​ออก​กัน​เถอะ” อดิศวร์​สั่ง​การ

จาก ​นั้น ทั้ง​คู่​ช่วย​กัน​งัด​ไม้​ออก​จน​หมด แล้ว​ใช้​คีม​ตัด​กุญแจ​ที่​ล็อก​ไว้ อดิศวร์​รีบ​ฉาย​ไฟ​ไป​ทั่ว​ห้อง​ใต้​โดม​จน​พบ​วิ​รงรอง​นอน​ขด​ตัวอย่าง​ สิ้น​เรี่ยวแรง​อยู่​ที่​มุม​หนึ่ง​ของ​ห้อง เขา​รีบ​พา​เธอ​ไป​ส่ง​โรงพยาบาล​ทันที

ooooooo

หลังจาก​หมอ​ ให้​น้ำเกลือ​และ​ฉีดยา​บำรุง​ให้ อาการ​ของ​วิ​รงรอง​ดี​ขึ้น​เป็น​ลำดับ ใน​ที่สุด​ก็​รู้สึก​ตัว ปราง​ที่​คอย​เฝ้า​อยู่​ตลอด​คืน​โผ​​กอด​ลูก​ด้วย​ความ​ดีใจ

“หมด​ทุกข์​หมด​โศก​เสียที​นะ​ลูก”

มี เสียง​เคาะ​ประตู​ห้อง​พักฟื้น​ดัง​ขึ้น ลานนา ภู​ไท​และ​พัน​ธ์​สู​รย์​เปิด​ประ​ตู​เข้า​มา​เห็น​วิ​รงรอง​ฟื้น​แล้ว ต่าง​ดีใจ​ที่​เธอ​ไม่​เป็น​อะไร​มาก วิ​รงรอง​ขอบคุณ​ทุก​คน​มาก​ที่​เป็น​ห่วง​เป็น​ใย ภู​ไท​ถาม​ว่า​เป็น​อย่างไร​บ้าง

“เหมือน​ตาย​แล้ว​เกิด​ใหม่​ค่ะ”

“คุณ​เหมือน​ตาย​แล้ว​เกิด​ใหม่ แต่​บาง​คน​กำลัง​จะ​ตาย” น้ำเสียง​ของ​พัน​ธ์​สู​รย์​เต็ม​ไป​ด้วย​ความ​สะใจ...

ใน ​ขณะ​ที่​วิ​รงรอง​เกือบ​ต้อง​เอาชีวิต​มา​ทิ้ง​เพราะ​ความ​อาฆาต​พยาบาท​ ของ​ท่านผู้หญิง​สร​รักษ์ อดิศวร์​สั่ง​ให้​คน​งาน​ช่วย​กัน​เปิด​หน้าต่าง​ห้อง​ใต้​โดม แสงสว่าง​ทำให้​เห็น​กอง​กระดูก​ของ​เหล่า​นัก​ดนตรี​วง​มโหรี​และ​โครง กระดูก​ของ​คุณ​พลับพลึง​ที่​ถูก​ล่าม​โซ่ติด​กับ​ขา​เตียง อดิศวร์​ทรุด​ตัว​ลง​กราบเช่น​เดียว​กับ​อุษา​และ​พวก​คนงาน

“คุณ​ ปู่​พยายาม​ตาม​หา​คุณ​ย่า​น้อย​จน​ตรอมใจ​ตาย​โดยที่​ท่าน​ไม่​รู้​เลย​ว่า ​คุณ​ย่า​น้อย​ถูก​ล่าม​โซ่​ขัง​อยู่บนนี้​อย่าง​ทุกข์​ทรมาน ส่วน​โครงกระดูก​ที่​กอง​อยู่ใกล้ๆเครื่อง ดนตรี​น่า​จะ​เป็น​พวก​นัก​ดนตรี​เพื่อน​ของ​คุณ​ย่า​น้อย”

อุษา​ เตือน​ว่า​เรา​ยัง​หา​โครงกระดูก​ของ​คุณ​ปู่​ไม่พบ อดิศวร์​นิ่ง​คิด​อยู่​อึดใจ ก่อน​จะ​นึก​อะไร​ขึ้น​มา​ได้​ว่ายังมี​อีก​แห่ง​หนึ่ง​ที่​พวก​เรา​ยัง​ไม่ ได้​เข้าไป​ค้น แล้ว​ผลุนผลัน​ออกไปทันที...

ด้าน​แสง​แข​ถึง​กับ​ หน้า​เครียด​ที่​วิ​รงรอง​ยัง​ไม่​ตาย บ่น​เป็น​หมี​กิน​ผึ้ง​ให้​ท่านผู้หญิง​สร​รักษ์​ฟัง​ว่า​จะ​ทำ​อย่างไร​กัน ​ดี จังหวะ​นั้น​โอบ​พรวดพราด​เข้า​มา​ใน​ห้อง รายงาน​ว่า​อดิศวร์​ย้าย​คน​งาน​ไป​ที่​โรง​เก็บรถ​ม้า​แล้ว แสง​แขหันขวับ ​มอง​คุณ​ย่า​อย่าง​คลางแคลง​ใจ ก่อน​จะ​ถาม​ว่าที่​นั่น​มี​อะไร ท่าน​ไม่​ตอบ​ ได้​แต่​แสยะ​ยิ้ม

ooooooo
ที่มา:http://www.thairath.co.th/ent/novel/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น