วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 9

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 9
ขณะอุษากำลังเตรียมอาหารเช้าให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์อยู่ในครัว เห็นอุไรเดินเข้ามาในสภาพอิดโรยหน้าซีดเซียว ร้องทักว่าไม่สบายหรือเปล่า เธอไม่ได้เป็นอะไรนอกจากเมื่อคืนถูกผีผู้หญิงสวมชุดแบบโบราณหลอก

“เอาอีกคนหนึ่งแล้ว” อุษาส่ายหน้า ระอาใจ

“โธ่ อุไรไม่ได้ตาฝาด ไม่ได้ฝันด้วยนะคะ เห็นเต็มสองตาเลย เธอมาหาท่านผู้หญิง”

อุษายังไม่ทันจะว่าอะไร แสงแขเดินนวยนาดเข้ามาเสียก่อน แดกดันว่าเช้านี้พี่สาวแสนดีของตนเตรียมทำอะไรเลี้ยงแขก เธอไม่ได้ทำอะไรเลี้ยงเพราะแม่ของวิรงรองกลับไปแล้ว อดิศวร์กับวิรงรองไปส่งที่สนามบิน เห็นว่าจะพากันไปกินมื้อเช้าก่อนขึ้นเครื่อง แสงแขไม่พอใจตบโต๊ะเปรี้ยง

“จะพูดให้มันเป็นอะไรขึ้นมาฮึ...พี่อุษา”

อุไรเห็นท่าไม่ดีขอตัวไปดูท่านผู้หญิงสรรักษ์ก่อน แสงแขห้ามไว้ตนจะไปดูให้เอง อยู่ตรงนี้เหม็นขี้หน้าคนแล้วเดินกระแทกเท้าออกไป อุไรอยากรู้เรื่องผีที่เห็นเมื่อคืน ขอร้องอุษาช่วยถามท่านผู้หญิงสรรักษ์ให้ที

“ฉันไปดูคุณย่าตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่เห็นท่านพูดอะไร” อุษาว่าแล้วหันไปเตรียมอาหารต่อไป อุไรถึงกับเซ็ง...

ท่านผู้หญิงสรรักษ์หงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อแสงแขเสนอหน้าเข้ามารายงานว่าแม่ของวิรงรองกลับไปแล้ว

“ก็ช่างแม่มันสิ ยังไงมันก็ต้องกลับอยู่แล้ว ไอ้คนที่ฉันอยากให้กลับน่ะมันนังพลับพลึง นังหน้าโง่” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ด่าอย่างไม่ไว้หน้า แสงแขทั้งโกรธทั้งอายที่ถูกด่าต่อหน้าโอบ ได้แต่นั่งก้มหน้าข่มความแค้นไว้ ท่านถามอีกว่าเสื้อผ้าที่สั่งให้ไปตัดสำหรับใส่ในงานเลี้ยงไปถึงไหนแล้ว

“ยังไม่ได้ไปตัดเลยค่ะ แขยังไม่ทราบว่าจะมีงานวันไหน ก็เลย...”

ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่รอให้พูดจบ สั่งให้ไปตามหลานชายมาพบ แสงแขรายงานว่าอดิศวร์ไม่อยู่ พาสองแม่ลูกไปกินข้าวเช้าแล้วก็เลยไปส่งที่สนามบิน

“เชอะ...ถ่อมาเองแล้วทำไมไม่กลับเอง ตาลบก็ตาลบเถอะ เจ้ากี้เจ้าการดีนัก ไป ออกไปให้หมด ตาลบกลับมาเมื่อไหร่ให้มาหาฉัน” ท่านผู้หญิงสรรักษ์พาลใส่แสงแขกับโอบจนเปิดเปิงออกจากห้องแทบไม่ทัน

ooooooo

ระหว่างทางกลับโดมทอง อดิศวร์สบโอกาสที่ได้อยู่ลำพังกับวิรงรอง สอบถามอีกครั้งว่าคืนนั้นเธอไปทำอะไรที่ชายหาดกันแน่ วิรงรองประชดว่ากราบเรียนเขาไปหมดแล้วทำไมจะยังมาเซ้าซี้ถามอยู่ได้ อดิศวร์ไม่พอใจเบนรถจอดข้างทางทันที วิรงรองจะเปิดประตูรถออกไป เขากดปิดเซ็นทรัลล็อกแล้วคว้าแขนเธอไว้

“ฉันคิดว่ายังไงรู้ไหม ฉันคิดว่าเธอสร้างเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากฉัน”

“อย่าว่าแต่จะเรียกร้องความสนใจเลย คุณเป็นคนสุดท้ายในโลกที่ฉันจะนึกถึงด้วยซ้ำ...นี่พูดอย่างรักษาน้ำใจนะ เพราะความจริงแล้ว ฉันอยากจะบอกว่าคุณไม่เคยเข้ามาอยู่ในหัวฉันด้วยซ้ำ”

อดิศวร์กระชากวิรงรองมาจูบฐานปากดี เธอผลักเขาออกแล้วตบซ้ำ ลงจากรถวิ่งหนีไปทั้งน้ำตา เขาวิ่งตามจนทันคว้าแขนเธอไว้ ขอโทษกับสิ่งที่ทำเมื่อครู่ จะขอรับผิดชอบทุกอย่าง วิรงรองตวาดลั่น ไม่ง่ายไปหรือ

“แล้วทำไมไม่แต่งงานกับฉันเสียล่ะ”

วิรงรองยังไม่สิ้นคิดขนาดนั้น แล้วพยายามสะบัดมือเขาออก อดิศวร์ยื้อไว้ไม่ยอมปล่อย รถผ่านไปผ่านมาเริ่มชะลอดูอย่างสนใจ เขาเตือนเธอว่าถ้าไม่อยากอับอายไปมากกว่านี้ก็ให้รีบกลับขึ้นรถ วิรงรองมองตามสายตาอดิศวร์เห็นรถที่ชะลอดูบางคันมีโห่ฮาเป่าปากล้อเลียน เธอทั้งอายทั้งโกรธจ้ำอ้าวกลับขึ้นรถ...

อดิศวร์รีบมาพบคุณย่าทันทีที่มาถึงโดมทอง ถามว่ามีธุระอะไรกับเขาหรือ ท่านผู้หญิงสรรักษ์อยากรู้ว่าทำไมถึงไม่กำหนดวันจัดงานเสียที เขาอ้างว่าพิณทองกับครอบครัวเพิ่งกลับไปเมื่อไม่นานนี้เอง

“กลับไปแล้วก็มาใหม่ได้ ไปจัดการตามที่ย่าสั่งเดี๋ยวนี้”

“ถ้าเขาไม่ว่างมาล่ะครับ”

“ในเมื่อฉันสั่งให้มา ทุกคนต้องมา” ท่านผู้หญิงสรรักษ์เสียงเข้ม อดิศวร์ลอบถอนใจ หนักใจ...

ขณะที่อดิศวร์ถูกท่านผู้หญิงสรรักษ์เร่งรัดเรื่องจัดงานเลี้ยง แสงแขมาดักตบวิรงรองที่หน้าห้องพัก โทษฐานเตือนแล้วไม่จำว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับอดิศวร์ของตน วิรงรองไม่ยอมเจ็บฟรี ตบกลับ ยัยตัวแสบประจำบ้านถึงกับเซถลาพอตั้งหลักได้ เงื้อมือปรี่เข้าหาอีกครั้ง วิรงรองตั้งท่าเตรียมรับมือ เตือนว่าถ้าขืนทำร้ายกันอีก เธอจะตอบโต้เป็นเท่าทวีคูณ แล้วขยับจะเข้าห้อง แสงแขไม่กล้าแหยมได้แต่ตะโกนไล่หลัง

“ฉันขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่าอย่ามายุ่งกับคุณลบ ไม่อย่างนั้น...”

วิรงรองสวนทันทีไม่รอให้พูดจบว่าแสงแขจะหลอกเธอไปฆ่าเหมือนเมื่อคืนก่อนอีกใช่ไหม ยัยตัวแสบถึงกับอึ้ง พอตั้งสติได้ทำไก๋ไม่รู้เรื่อง คุยโม้ว่าจะทำอย่างนั้นทำไมในเมื่อที่สุดแล้ว อดิศวร์ก็ต้องแต่งงานกับเธอ

“ก็เพราะคุณไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างนั้นน่ะสิ” วิรงรองพูดจบเดินเข้าห้อง แสงแขมองตามแค้นใจ

“รอให้ฉันประกาศหมั้นกับคุณลบเร็วๆ นี้ก่อนเถอะ ฉันจะเฉดหัวแกออกไปทันที”

ooooooo

อดิศวร์บินด่วนไปหาคุณหญิงแก้วในเช้าวันถัดมา เพื่อแจ้งข่าวการจัดงานเลี้ยงฉลองให้พิณทองกับพิชญ์ด้วยตัวเอง คุณหญิงแก้วขอปรึกษาสามีกับลูกสาวและลูกเขยก่อนว่าจะไปได้วันไหน อดิศวร์ไม่เร่งรัดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ขอให้ไปก็แล้วกัน และอย่าลืมเชิญแขกทางกรุงเทพฯ ไปร่วมงานด้วย

“จ้ะ...พี่ฝากขอบคุณคุณย่าด้วย จะโทร.ไปเองท่านก็คงไม่รับ...เอ่อ แล้วนี่คุณลบจะกลับโดมทองเมื่อไหร่”

“คงจะเป็นพรุ่งนี้ค่ำๆ”

“งั้นเย็นนี้มากินข้าวกัน พี่จะชวนพิชญ์กับพิณทองแล้วก็คุณพี่วัชรีมาด้วย”

ชายหนุ่มรับคำเชิญ แล้วขอตัวกลับก่อน มีนัดประชุมตอน 10 โมงที่ออฟฟิศ...

ฝ่ายพิชญ์ปฏิเสธทันทีว่าไม่อยากกลับไปโดมทองอีกเมื่อพิณทองโทร.มาแจ้งเรื่องงานเลี้ยง เธอน้อยใจที่เขาหงุดหงิดใส่ ตอกกลับว่าเธอเองก็ไม่ได้อยากไป เขาต่างหากน่าจะอยากไปมากกว่าเธอด้วยซ้ำ

“งั้นบอกญาติคุณไปเลยว่าผมไม่ไป แค่นี้ใช่ไหม”

“ค่ะ” พิณทองกระแทกเสียงแล้ววางสายอย่างอารมณ์เสียไม่แพ้กัน จากนั้นเธอโทร.หาอดิศวร์มีเรื่องจะขอปรึกษาด้วย เขานัดเธอมาเจอกันที่ร้านอาหารหรูกลางกรุงแห่งหนึ่งจะได้กินมื้อเที่ยงกันไปคุยกันไป...

หลังจากนั่งกันเงียบๆ มาพักหนึ่ง อดิศวร์ถามหลานรักว่ามีเรื่องอะไรจะปรึกษา พิณทองเล่าทั้งน้ำตาว่า พิชญ์ไม่ยอมกลับไปโดมทองเพราะไม่อยากเจอวิรงรองให้สะเทือนใจ รบกวนน้าชายช่วยไปกราบเรียนคุณทวดด้วยว่าขอบพระคุณมาก แต่เธอคงไปไม่ได้ อดิศวร์อยากรู้ว่าถ้าพิชญ์ไปเธอถึงจะไปใช่ไหม หญิงสาวไม่ตอบ หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา เขาสงสารและเห็นใจเธอมาก อาสาจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง

“ไม่ต้องกังวลใจอะไรทั้งนั้น คุณพิณเตรียมตัวให้สวยที่สุดและสนุกที่สุดเท่านั้นก็พอ น้าลบรับรองว่าวิรงรองจะออกไปจากชีวิตของคุณพิณและสามีตลอดกาล” อดิศวร์สีหน้ามั่นใจ...

ตกค่ำ อดิศวร์มากินอาหารบ้านคุณหญิงแก้วตามนัด พอสบโอกาสเหมาะขอคุยกับพิชญ์ตามลำพังสักครู่ เขายังไม่ทันจะพูดอะไร ชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าชิงพูดขึ้นก่อนว่าจะไม่ไปงานที่เขาจะจัดให้ อดิศวร์ทักท้วงว่าเขาไม่ใช่เป็นคนจัดงาน คุณย่าต่างหากที่เป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้ พิชญ์ไม่เชื่อ เพราะมั่นใจว่านี่เป็นแผนของเขา

“ก็ตามใจ...คุณไม่ไปก็ไม่มีใครบังคับ” อดิศวร์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ แล้วตามไปสมทบกับคนอื่นที่ห้องนั่งเล่นโดยมีพิชญ์ตามมาอีกทอดหนึ่ง คุณหญิงวัชรีร้องทักว่าสองหนุ่มไปคุยอะไรกันมา พิชญ์ชิงตอบก่อน

“ผมบอกน้าลบแล้วว่า ผมไม่ไปโดมทอง ผมมีงานค้างมากครับ”

“ไปแค่ 2-3 วันจะเป็นอะไรไป” คุณหญิงวัชรีเสียงเขียว พิชญ์ยืนกรานว่าไปไม่ได้จริงๆ ให้แม่กับพิณทองไปกันเอง คุณหญิงวัชรีฮึดฮัดจะเอาเรื่อง รัฐมนตรีพจน์ต้องขอร้องว่าอย่าไปบังคับเขาเลย

“พิณก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ ใครจะไปก็ไป ใครไม่เต็มใจก็ไม่ต้องไป โตๆ กันแล้ว รู้กันหมดแล้วว่าอะไรควรอะไรไม่ควร” พิณทองว่ากระทบ ขณะที่พิชญ์หันมองเธออย่างไม่ค่อยพอใจ...

ตั้งแต่กลับจากบ้านคุณหญิงแก้ว พิชญ์เอาแต่นั่งทอดถอนใจอยู่ที่โต๊ะสนามหน้าบ้านไม่ยอมขึ้นห้อง พิณทองมองลงมาเห็นท่าทางของสามีตัวเองแล้ว รู้ดีว่าเขายังตัดใจจากวิรงรองไม่ขาด ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทิ้ง สูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง แล้วไปหาคุณหญิงวัชรีที่ห้องของท่าน

“คุณป้าขา คุณป้าอย่าโกรธพิณเลยนะคะ ถ้าพิณจะขอหย่ากับพิชญ์ พิณคิดมาหลายวันแล้วค่ะ พิณไม่อยากทรมานทั้งตัวเองแล้วก็เขา...พิชญ์ไม่ได้รักพิณ 

ไม่ว่าพิณจะพยายามทำดีกับเขาอย่างไร เขาก็ไม่มีวันรักพิณได้ ยิ่งเขาได้พบกับคุณวิรงรอง...”

“ยังไงป้าก็ไม่มีวันรับผู้หญิงคนนั้นมาเป็นลูกสะใภ้ หากตาพิชญ์ยังขืนจะแต่งให้ได้ เขากับป้าก็ต้องตัดแม่ตัดลูกกัน ป้าพูดจริงทำจริง หนูทำเฉยๆ ป้าจะจัดการทุกอย่างเอง ขอให้ไว้ใจป้า”

“แต่พิณไม่อยากให้คุณป้ากับพิชญ์ต้องขัดใจกันเพราะพิณ”

“ไม่ใช่เพราะหนู แต่เป็นเพราะตัวของพิชญ์เอง”

ooooooo

คืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ แสงจันทร์ส่องสว่างไปทั่วอาณาจักรโดมทอง ทุกคนต่างหลับใหลกันหมดยกเว้นวิรงรองที่รู้แก่ใจดีว่าคืนนี้จะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ค่อยๆ ย่องออกจากบ้านพร้อมกับไฟฉายเดินลัดเลาะไปแอบอยู่หลังพุ่มไม้ ในจุดที่มองเห็นห้องใต้ยอดโดม ท่างกลางเสียงแมลงกลางคืนที่ดังไปทั่วบริเวณ

ทันทีที่มีเสียงรถม้าบดกับถนนแว่วเข้ามา เสียงแมลงต่างๆ เงียบกริบราวกับนัดกันไว้ วิรงรองมองลอดพุ่มไม้ สายตาจับจ้องไปยังทิศทางของเสียงรถม้า สักพัก ท่านเจ้าคุณสรรักษ์ควบรถม้าฝ่าหมอกจางๆ ที่ลอยเรี่ยพื้น

มาหยุดตรงห้องใต้โดมแล้วแหงนหน้าขึ้นไปมอง ความเงียบสงัดทำให้วิรงรองแทบจะหยุดหายใจด้วยเกรงจะทำให้เกิดเสียงดัง หน้าต่างห้องใต้โดมค่อยๆเปิดออกพร้อมกับเสียงเพลงนางครวญที่ชวนขนลุกดังขึ้น

คุณพลับพลึงปรากฏตัวขึ้นที่หน้าต่างห้องนั้น มองลงมาที่ท่านเจ้าคุณ วิรงรองต้องรีบเอามือปิดปากตัวเองด้วยความตกตะลึง วิญญาณสองร่างมองกันนิ่งงันราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน พลันมีเมฆดำทะมึนลอยมาบดบังดวงจันทร์ ทุกอย่างตกอยู่ในความมืดชั่วขณะ

เมื่อเมฆดำกลุ่มนั้นก็เคลื่อนผ่านดวงจันทร์ไปแล้ว รอบๆบริเวณก็สว่างขึ้นอีกครั้ง ทั้งท่านเจ้าคุณ รถม้า และคุณพลับพลึงหายไปราวกับเคยไม่มีอะไรเกิดขึ้น วิรงรองมองอย่างประหลาดใจ

“เป็นไปไม่ได้” เธอพึมพำจบออกจากที่ซ่อนตัวเดินสำรวจรอบๆแล้วแหงนดูห้องใต้โดม หน้าต่างปิดสนิทตามเดิม พร้อมกับเสียงแมลงกลางคืนดังขึ้นตามปกติ รออยู่สักพักจนแน่ใจว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก วิรงรองตัดสินใจกลับห้อง ค่อยๆ เปิดประตูเข้าตัวตึกอย่างเงียบกริบ แต่ต้องตกใจร้องกรี๊ดลั่นเมื่อเห็นผีพิศในสภาพใบหน้าบวมปูดเขียวช้ำน่ากลัวยืนแสยะยิ้มอยู่ วิรงรองหมดสติทรุดฮวบลงไปตรงนั้น

ooooooo

เหมือนเช้าของทุกวัน อุษายกอาหารมาให้ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ที่ห้อง แต่ต้องประหลาดใจถึงกับออกปากทัก ทำไมเช้านี้คุณย่าถึงดูสดชื่นผิดจากทุกวัน ท่านอดแดกดันไม่ได้ว่าผิดหวังใช่ไหม ท่านรู้ดีว่าอุษากับพวกแช่งท่านให้ตายวันละหลายเวลา อุษาไม่ตอบโต้ ได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองยกอาหารมาวางตรงหน้าให้

“นังพลับพลึงมันคงตกนรกหมกไหม้ไปแล้ว เมื่อคืนมันเงียบไปเลยทั้งๆที่เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง เป็นคืนแรกตั้งแต่...มันตาย ที่ฉันนอนหลับสนิททั้งคืน...ตาลบ กลับมาหรือยัง”

“เห็นว่าจะมาถึงประมาณ 9 โมงค่ะ”

“ฉันกำลังจะเป็นผู้ชนะ ในที่สุดฉันก็คือผู้ชนะ ได้ยินไหมนังอุษาว่าฉันชนะแล้ว” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ประกาศกร้าว ขณะที่อุษามองงงๆไม่เข้าใจที่ท่านพูดแม้แต่น้อย...

ทางด้านอุไรยกถาดใส่ข้าวต้มร้อนๆหอมกรุ่นขึ้นไปให้วิรงรองที่ห้องพัก ยังไม่ทันจะเคาะประตูเรียกเจ้าของห้องเปิดประตูออกมาเสียก่อน อุไรร้องทักว่าหายดีแล้วหรือ เมื่อคืนนี้อยู่ดีๆเธอก็ร้องกรี๊ดๆลั่นบ้าน

“แต่ป้าอุไรก็ยังแปลกใจว่าคุณวิลงไปข้างล่างทำไมกลางดึกกลางดื่น” อุไรว่าพลางยกถาดใส่ข้าวต้มเข้ามาวางให้ในห้อง คิดว่าวิรงรองจะตามเข้ามา พอหันไปมองอีกทีเธอหายไปแล้ว...

แสงแขไม่รอช้า ทันทีที่นายสมขับรถพาอดิศวร์มาจอดหน้าคฤหาสน์โดมทอง รีบแจ้นเข้าไปฟ้องว่าวิรงรองแอบลงมาข้างล่างดึกๆดื่นๆ แล้วร้องเอะอะโวยวายจนเป็นลม เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ไม่ยอมเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มนิ่วหน้าแล้วก้าวฉับๆขึ้นไปที่ห้องพักของวิรงรอง พบแต่ความว่างเปล่า มีเพียงถาดใส่ข้าวต้มที่ถูกทิ้งไว้โดยไม่ มีใครแตะต้อง อดิศวร์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผลุนผลัน ออกไป...

ฝ่ายวิรงรองต้องการจะสืบรู้ให้ได้ว่าเมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รีบตรงไปยังโรงเก็บรถม้า เนื่องจากประตูใหญ่ถูกล็อกกุญแจไว้ เธอจึงเดินดูรอบๆเพื่อหาทางเข้าทางอื่น ลองเขย่าหน้าต่างบานหนึ่งดูปรากฏว่ามันหลุดออกมาทั้งบานเพราะความเก่า วิรงรองรีบเอาวางแอบไว้แล้วปีนเข้าไป

สภาพภายในโรงเก็บรถม้าทั้งเก่าทั้งผุเหมือนรถม้าที่อยู่ตรงหน้า วิรงรองถอนใจเซ็งๆมองอย่างไรก็ไม่น่าจะใช้การได้ แล้วเดินสำรวจไปรอบๆ พลันมีเสียงเหมือนคนถอนใจดังแผ่วเบามาจากด้านหลัง เธอหันขวับไปมองต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นรถม้าผุๆคันเมื่อครู่ กลับกลายเป็นรถม้าคันใหม่เอี่ยมเหมือนที่เธอเห็นเมื่อคืน

วิรงรองเข้าไปดูใกล้ๆยกมือลูบไล้มันเบาๆถึงกับเพ้อว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า มีเสียงอดิศวร์ดังขึ้นด้านหลังว่ายังสำรวจความประหลาดในบ้านของเขาไม่พออีกหรือ หญิงสาวหันขวับ

“ค่ะ...แล้วในที่สุดดิฉันก็พบรถม้าคันนี้”

แต่พอเธอหันกลับมามองอีกทีต้องตกใจที่รถม้ากลายสภาพเป็นผุพังเหมือนเดิม ถึงกับบ่นอุบว่าเมื่อครู่นี้มันยังดีๆอยู่เลย อดิศวร์เห็นสภาพรถม้าแล้ว แดกดันว่าใครที่เห็นรถคันนี้ยังสภาพดีอยู่คนนั้นคงจะใกล้บ้า

“ดิฉันไม่ได้บ้า เมื่อคืนดิฉันเห็นคนที่เหมือนคุณขับรถม้าคันนี้ไปที่ใต้หน้าต่างโดม แล้วหน้าต่างนั้นก็เปิดออก มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ หน้าตาเหมือน...”

วิรงรองพูดยังไม่ทันจบ อดิศวร์สวนขึ้นอย่างขันๆ

“อย่าบอกนะว่าเหมือนเธอ”

“ไม่ต้องมาหัวเราะดิฉัน...ดิฉันขอยืนยันว่าดิฉันไม่ใช่คนโกหก บ้านของคุณมันประหลาดๆอย่างที่คุณพูดแดกดันฉันจริงๆ มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ที่นั่นและรอวันที่จะเปิดเผย”

อดิศวร์หาว่าวิรงรองดูหนังสยองขวัญมากไป ที่นี่ไม่มีความลับอะไรทั้งสิ้น เรื่องบ้าๆเหล่านี้เธอฝันเอาเองทั้งนั้น วิรงรองท้าให้รอดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างที่ตนว่าหรือเปล่า แล้วก้าวฉับๆออกไป อดิศวร์ตะโกนไล่หลังอย่างเย้ยหยันว่าเถียงสู้ไม่ได้ใช่ไหมถึงต้องใช้วิธีเดินหนีเหมือนที่เคยทำ หญิงสาวหันขวับ

“คุณเข้าใจผิด ดิฉันไม่อยากให้คนอื่นมาว่าได้ต่างหากว่าดิฉันพยายามหาโอกาสอยู่กับคุณตามลำพัง” วิรงรองพูดจบเดินต่อไป อดิศวร์ตะโกนถามว่าพูดถึงใคร เธอไม่ตอบ เร่งฝีเท้าขึ้นอีก

ooooooo

ครู่​ต่อ​มา วิ​รงรอง​เข้า​มา​ใน​ห้อง​โถง​ใหญ่​ที่​เต็ม​ไป​ด้วย​ภาพ​บรรพบุรุษ​ของ​โดม​ทอง มอง​ไป​ยัง​รูปภาพ​แต่ละ​รูป​ช้าๆพูด​กับ​รูป​เหล่า​นั้น​เป็น​ทำนอง​ตัดพ้อ​ว่า​ตัว​เอง​ไม่ได้​เข้าใจ​ผิด บ้าน​โบราณ​อย่าง​ที่​แห่ง​นี้​มัก​จะ​มี​ความ​ลึกลับ​บาง​อย่าง​ซ่อน​เอา​ไว้​ใช่​ไหม รูป​เหล่า​นั้น​ราวกับ​เมิน​ไป​ทาง​อื่น ไม่​อยาก​จะ​ตอบ​คำ​ถาม พลัน​มีเสียง​กระซิบ​เบาๆ

“ไม่​มี​ใคร​เขา​ตอบ​คำ​ถาม​เธอ​หรอก...เธอ​ต้องอดทน”

วิ​รงรอง​สะดุ้ง หัน​มอง​ตาม​เสียง​แต่​ไม่​พบ​สิ่ง​ผิด​ปกติ “ค่ะ...ดิฉัน​จะ​อดทน​จนกว่า​จะ​พิสูจน์​ได้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​ใน​โดม​ทอง” เธอ​มอง​เรื่อยๆ มา​หยุด​ที่​รูป​ท่านผู้หญิง​สร​รักษ์​ตอน​สาวๆ รูป​นั้น​มอง​ตอบ​ด้วย​สีหน้า​อำมหิต

“ฉัน​เกลียด​แก” พลัง​ความ​เกลียด​ชัง​ที่​ส่ง​ออก​มา​จาก​รูป​ทำให้​วิ​รงรอง​ถึง​กับ​ผงะ​ถอย​หลัง ต้อง​สะดุ้ง​สุด​ตัว เมื่อ​ชน​เข้า​กับ​ใคร​บาง​คน​ที่​ยืน​อยู่​ด้าน​หลัง เธอ​ตกใจ​ร้อง​ว้าย​ลั่น อดิศวร์​มอง​เธอ​อย่าง​เยาะๆ

“ไม่​น่า​ขวัญอ่อน​เลย​นี่ เห็น​ตาม​หา​ผี​วุ่นวาย​ไป​หมด”

วิ​รงรอง​ถอยออก​ห่าง ตวาด​แว้​ด​ว่า​ตาม​มา​ทำไม อดิศวร์​ไม่​ชอบ​ให้​ใคร​เดิน​หนี​ทั้งๆที่​เขา​ยัง​พูด​ไม่ทัน​จบ ​เธอ​ขยับ​จะ​เดิน​หนี​อีก​ครั้ง เขา​คว้า​แขน​ไว้ แสง​แข​เข้า​มา​เห็น​พอดี​ถึง​กับ​ชะงัก ส่งเสียง​เอะอะ​ทำให้​อดิศวร์​หยุด​กึก​วิ​รงรองฉวย​โอกาส​หลบ​ออก​ไป เขา​มอง​แสง​แ​ขอ​ย่าง​ไม่ค่อย​พอใจ​ครู่​หนึ่ง แล้ว​ผละ​จาก​ไป...

แสง​แข​เจ็บใจ​มาก​ที่​เห็น​อดิศวร์​จับ​มือ​ถือ​แขน

วิ​รงรอง​อยู่​ใน​ห้อง​โถง เอา​ไป​นินทา​ว่า​ร้าย​ให้​อุษา​ฟัง​ว่า แม่​นั่น​ตั้งใจ​ยั่วยวน​อดิศวร์ เปิด​ประตู​​เข้าไปรออยู่​ในห้อง​หวัง​จะ​จับ​เขา​ให้​ได้ อุษา​ไม่​เชื่อ​ว่า​วิ​รงรองเป็นคนแบบนั้น​และ​ที่​สำคัญ​ห้อง​โถง​ใหญ่​ดู​น่า​กลัว​เกิน​กว่า​จะ​เข้าไปทำ​อะไร​กัน จังหวะ​นั้น​ อดิศวร์​อุ้มวิ​รงรอง​ที่​หมดสติเข้ามา ​ร้อง​เรียก​อุษา​ให้​มา​ช่วย แล้ว​รีบ​อุ้ม​เธอ​ขึ้น​ข้างบน​โดย​มี​อุษา​ตาม​ไป​ติดๆ

“มารยา อยู่ดีๆก็​วิ่ง​ให้​คุณ​ลบ​ตาม​อยู่ดีๆ ก็แกล้ง​เป็น​ลม​ให้​คุณ​ลบ​อุ้ม นังวิ​รงรอง​นัง​มาร” แสง​แข​เข่นเขี้ยว...

ฝ่า​ยอ​ดิศวร์​อุ้ม​วิ​รงรอง​มา​วาง​บน​เตียง​ใน​ห้อง​พัก​ของ​เธอ สั่ง​ให้​อุษา​ไป​หา​ผ้า​ชุบ​น้ำ​มา​ให้ แสง​แข​แสร้ง​เป็น​ห่วง​เป็น​ใย​เข้า​มา​ถาม​ว่า​เป็น​อย่างไร​บ้าง อดิศวร์ยัง​ไม่ทัน​จะ​ว่า​อะไร​อุษา​ถือ​ผ้า​ชุบ​น้ำ​หมาดๆมา​ให้​เสีย​ก่อน ยัย​ตัว​แสบ​ประจำ​บ้าน​ชิง​คว้า​ผ้า​ตัดหน้า อาสา​จะ​เช็ดตัวให้​วิ​รงรองเอง อดิศวร์​ดึง​กลับ แล้ว​ไล่​เธอ​ไป​หา​ยา​ดม​มาให้

แสง​แข​จำ​ต้อง​ออก​จาก​ห้อง​ด้วย​ความ​แค้น​ใจ อดิศวร์​เช็ดหน้า​เช็ด​ตา​ให้​วิ​รงรอง​อย่าง​เบามือ สัก​พัก เธอ​เริ่ม​รู้สึก​ตัว เขา​รีบ​ส่ง​ผ้า​ขนหนู​ให้​อุษา สั่ง​ให้​ดูแล​เธอ​ด้วย แล้ว​รีบ​ออก​จาก​ห้อง​เป็น​จังหวะ​เดียว​กับ​วิ​รงรอง​ลืมตาขึ้น​มอง​อย่าง​งงๆถาม​อุษา​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น

“คุณ​วิ​เป็น​ลม​น่ะ​ค่ะ เมื่อ​คืน​ก็​เป็น ยัง​ไม่ทันหาย ดี​เลย​ก็​ออก​ไป​ข้าง​นอก​แล้ว” อุษาตำหนิกลายๆ 

วิรงรองขยับจะลุก แต่แล้วเวียนหัวต้องล้มลงนอน อย่างเดิม อุษา​ชะเง้อ​มอง​ไม่​เห็นแสงแข​เอา​ยา​ดมมา​ให้​สัก​ที บอก​เธอให้​​อยู่​คน​เดียวไปก่อน ตน​จะ​ไป​เอายาดม ​กับข้าว​ต้ม​ร้อนๆมา​ให้ เพราะ​ตั้งแต่เช้า​เธอ​ยัง​ไม่ได้​กิน​อะไร ​วิ​รงรอง​รับคำ พยายาม​ทบทวนเรื่องราว​ที่​เกิด​ขึ้นจำได้​เพียงว่า​มี​ปาก​เสียง​กับ​อดิศวร์​อีก​ครั้ง คราวนี้ ​เขา​หาว่าเธอ​หงุดหงิดที่​รู้​ว่า​เขา​ไป​เชิญ​ครอบครัวพิชญ์กับ​พิณ​ทอง​กลับ​มา​ที่​นี่​เพราะ​คุณ​ย่า​จะ​จัด​งาน​ฉลอง​ให้​ทั้ง​คู่

“ต่อ​ให้​คุณ​เชิญ​คน​ทั้ง​โลก​มา​ฉลอง​ฉัน​ก็​ไม่​สน

ว่า​แต่​คุณ​ต้อง​ไป​ถาม​พิชญ์​ดู​ว่า​เขา​ลืม​ฉัน​ได้​หรือ​ยัง”

อดิศวร์​ไม่​พอใจ​มาก​เห็น​เธอ​จะ​เดิน​หนี​กระชาก​กลับ​มา “จะ​บอก​ให้​ว่า ฉัน​คิด​อย่างไร หลาน​ของ​ฉันเหมือน ดอก​กล้วยไม้​มี​ราคา​หา​ยาก ส่วน​เธอ​มัน​ก็​แค่​ดอก​พลับพลึง​ธรรมดา​ดาษดื่น ราคา​ก็​ไม่​น่า​จะ​แพง​นัก... ความ​จริงเธอควร​จะ​ดีใจ​นะ ที่​ฉัน​เวทนา​ชวน​แต่งงาน​ด้วย แม่​ดอก​พลับพลึง”

วิ​รงรอง​เจ็บ​ช้ำใจ​น้ำตา​คลอ​เบ้า ก่อน​หมด​สติไป​เนื่องจาก​พักผ่อน​น้อย​เพราะ​มัว​แต่​คอย​เฝ้า​ผี​อยู่​ทั้ง​คืน

ooooooo

ยัย​ตัว​แสบ​ประจำ​บ้าน​เห็น​วิ​รงรอง​อยู่​ใน​ห้อง​

คน​เดียว​เข้า​มา​ด่า​ว่า​สารพัด​และ​ยัง​แช่ง​ให้​ตาย​เร็วๆโชคดี​ที่​อุษา​เข้า​มา​เสีย​ก่อน แสง​แข​ถึง​ได้​ล่า​ถอย​กลับ​ไป อุษา​ขอร้อง​วิ​รงรอง​ว่า​อย่า​ไป​ถือสา​คน​ปาก​ไม่​ดี​พรรค์​นั้น

“คุณ​แสง​แข​พูด​ถูก​นะ​คะ ทำไม​วิ​ถึง​ไม่​ตายสักที​ก็​ไม่​รู้” วิ​รงรอง​น้ำตา​คลอ​เบ้า อุษา​ขอร้อง​อย่า​พูด​แบบ​นั้น​อีก แล้ว​ยกชาม​ข้าวต้ม​มา​วาง​ให้ คะยั้นคะยอ​ให้กิน ​อะไร​บ้าง​จะ​ได้​กิน​ยา...

แสง​แข​รู้​แก่​ใจดี​ว่า​ขืน​ปล่อย​ให้​อดิศวร์​ได้​ใกล้​ชิด​วิ​รงรอง​อยู่​แบบ​นี้​ย่อม​ไม่​เป็น​การ​ดี​กับ​ตัว​เอง ต้อง​เร่ง​ให้​ถึง​วัน​งาน​เร็วๆจึง​เข้าไป​บอก​ท่านผู้หญิง​สร​รักษ์​ว่า​จะ​ไป​ตัด​เสื้อ​ผ้า​สำหรับ​ใส่​วัน​งาน​เลี้ยง ท่าน​เห็นดี​ด้วย สั่ง​ให้​ไป​เบิก​เงิน​กับ​อุษา แล้ว​ย้ำ​ว่า​วัน​งาน​เลี้ยง​แสง​แข​จะต้อง​แต่งตัว​ให้​สวย​เต็มที่​ให้​สม​กับ​เป็น​ว่าที่คู่หมั้น​ขอ​งอ​ดิศวร์...

อุษา​ไม่​เห็น​ด้วย​เท่าใด​นัก​เมื่อ​แสง​แ​ขมา​ขอ​เบิก​เงิน​ไป​ตัด​ชุด​ตาม​คำสั่ง​คุณ​ย่า ยัง​ไม่ทัน​รู้​เลย​ว่า​จะมีงาน​เมื่อ​ไหร่​ทำไม​ถึง​ต้อง​เร่งรีบ​ด้วย แสง​แข​มั่นใจ​อย่างไร​เสีย​งาน​เลี้ยง​จะ​ต้อง​มี​ขึ้น​แน่นอน

“ว่า​แต่​พี่​อุษา​เถอะ ห้าม​ทรยศ​ไป​บอก​คุณ​ลบ​เด็ดขาด​ว่า​คุณ​ย่า​จะ​ทำ​อะไร ไม่​อย่าง​นั้น ท่าน​จะ​คิด​ว่า​พี่​อุษา​เนรคุณ” แสง​แข​ยิ้ม​สะใจ...

ขณะ​ที่​แสง​แข​สั่ง​ห้าม​อุษา​และ​วิ​รงรอง​บอก​เรื่อง​ที่​คุณ​ย่า​จะ​ประกาศ​กลาง​งาน​เลี้ยง​ว่า​อดิศวร์​กับ​เธอ​จะ​หมั้น​กัน ตัว​เอง​กลับ​เอา​ไป​คุย​อวด​ที่​ร้าน​ตัด​เสื้อ​ว่า​เธอ​กำลัง​จะ​เป็น​ว่าที่เจ้าสาว​ขอ​งอ​ดิศวร์ บังเอิญ​ลาน​นา​อยู่​ใน​ร้าน​ด้วย ได้ยิน​เต็ม​สอง​หู รีบ​โทร.​ไป​บอก​เพื่อน​รัก​ทันที แต่​ต้อง​ผิดหวัง​ที่​วิ​รงรอง​ไม่​ตื่นเต้น​ด้วย​เพราะ​รู้อยู่​ก่อน​แล้ว ลาน​นา​ต่อว่า​ว่า​รู้​แล้ว​ทำไม​ไม่​บอกกล่าว​กัน​บ้าง น่า​เสียดาย​คุณ​อดิศวร์​ควร​จะ​ได้​ผู้หญิง​ที่​เหมาะสม​กว่า​นี้

“เขา​ก็​เหมาะสม​กัน​ออก...แค่​นี้​ก่อน​นะ​จ๊ะ​ลาน​นา วิ​ไม่ค่อย​สบาย ปวด​หัว​น่ะ” วิ​รงรอง​รีบ​ตัดบท วาง​สาย​แล้ว​เอนตัว​ลง​นอน​นํ้า​ตา​คลอ​เบ้า​ด้วย​ความ​สะเทือนใจ...

ลาน​นา​เอาเรื่อง​ที่​แสง​แข​คุย​อวด​มา​ขยาย​ต่อ​ให้​พัน​ธ์​สู​รย์​กับ​ภู​ไท​ฟัง สอง​หนุ่ม​มี​ความรู้สึก​แตก​ต่าง​กัน​ไป ภู​ไท​ออก​แนว​ดีใจ​เพราะ​หมด​คู่แข่ง ขณะ​ที่​พัน​ธ์​สู​รย์​ท่าทาง​ไม่ค่อย​สบายใจ​นัก เพราะ​ถ้า​แสง​แข​ได้​แต่งงาน​กับ​อดิศวร์​จริงๆที่​โดม​ทอง​ก็​จะ​เหลือ​อุษา​เป็น​สาว​ทึนทึก​ก้มหน้าก้มตา​รับ​ใช้​ทุก​คนใน​บ้าน​ไป​จน​ตาย

“นั่น​เป็น​วิถีชีวิต​ที่​คุณ​อุษา​เลือก​แล้ว นาย​ทำ​อะไร​ไม่ได้​หรอก” ภู​ไท​ปลอบ

พัน​ธ์​สู​รย์​ตั้งใจ​จะ​หา​ทาง​ช่วย​อุษา​ให้​ได้ และ​รับรอง​กับ​ภู​ไท​ว่า​จะ​ไม่​ให้​เดือดร้อน​มา​ถึง​เขา​เด็ดขาด...

ด้าน​อดิศวร์​อด​เป็น​ห่วง​วิ​รงรอง​ไม่ได้ เข้าไป​ดู​ที่​ห้อง​เห็น​เธอ​นอน​หลับ​สนิท​ด้วย​ความ​อ่อนเพลีย เขา​ลูบ​ผม​เธอ​เบาๆอย่าง​ทะนุถนอม วิ​รงรอง​ขยับ​ตัว​เล็กน้อย แล้ว​กลับ​นอน​นิ่ง​ด้วย​ความรู้สึก​ผ่อนคลาย...


แต่​แล้ว​ความ​ผ่อนคลาย​กลับ​อยู่​ไม่​นาน วิ​รงรอง​ฝัน​เห็น​ตัว​เอง​กำลัง​เดิน​ตาม​เสียง​เพลง​นาง​ครวญ​ขึ้น​บันได ไป​ยัง​ยอด​โดม ประตู​เหล็ก​ที่​ปิด​ล็อก​แน่นหนา ซึ่ง​กั้น​ทาง​ขึ้น​ไป​บน​นั้น​กลับ​เปิด​ออก​อย่าง​ง่ายดาย เธอ​ก้าว​ขึ้น​บันได​ราวกับ​ถูกต้อง​มนต์​สะกด ยิ่ง​ใกล้​ห้อง​ใต้​โดม​เสียง​เพลง​เยือกเย็น​ยิ่ง​ดัง​กระหึ่ม ใน​ที่สุดวิ​รงรอง​มา​หยุด​ยืน​อยู่​หน้า​ห้อง​นั้น ก่อน​จะ​ค่อยๆก้าว​ไป​ยัง​ประตู​ซึ่ง​ถูก​ไม้หน้า​สาม​ตี​ปิดตาย​ไว้ แต่​ยัง​มี​รอย​แตก​เล็กๆให้​เห็น

หญิง​สาว​ส่อง​ดู​ที่​รอย​แตก เห็น​คุณ​พลับพลึง​นั่งเล่น​ซอ​สาม​สาย ท่ามกลาง​วง​มโหรี เธอ​ถึง​กับ​ตะลึง​ด้วย​ความ​ตื่นเต้น เสียง​เพลง​หยุด​กึก ทุก​คนใน​นั้น​เหมือน​จะ​รู้ตัว​ว่า​มี​คน​แอบ​มอง ต่าง​จ้อง​มา​ที่​รอย​แตก​เป็น​ตาเดียว​กัน ใบหน้า​ที่​สวย​งาม​ของ​คุณ​พลับพลึง​ค่อยๆยิ้ม​แสยะ แล้ว​เปลี่ยน​เป็น​เขียว​คลํ้า​กลาย​เป็น​ศพ

วิ​รงรอง​ถึง​กับ​ผงะ​กรีด​ร้อง​ลั่น สะดุ้ง​ตื่น​เหงื่อ​ท่วม​ตัว ลุก​ขึ้น​จะ​ไป​เข้า​ห้อง​นํ้า แต่​ต้อง​ชะงัก​เมื่อ​เห็น​ดอก​พลับพลึง​วาง​อยู่ ทั้ง​พิศวง​ทั้ง​หวาดหวั่น​ปน​กัน ตัดสินใจ​หยิบ​มือ​ถือ​ขึ้น​มา​โทร.​หา​รัฐมนตรี​พจน์​ซึ่ง​กำลัง​เซ็น​เอกสาร​อยู่​ที่​กระทรวง เล่า​เหตุการณ์​ที่​เกิด​ขึ้น​ให้​ฟัง...

เรื่องราว​ที่​ได้ยิน​จาก​วิ​รงรอง​ทำให้​รัฐมนตรี​พจน์​ตัดสินใจ​บอก​ให้​คุณหญิง​แก้ว​ตอบ​รับคำ​เชิญ​ไป​งาน​เลี้ยง​ที่​ท่านผู้หญิง​สร​รักษ์​จะ​ให้​ขึ้น​ใน​คืน​นั้น​เลย แล้ว​เขา​โทร.​แจ้ง​วิ​รงรอง​ว่า​เขา​กับ​ครอบครัว​จะ​ไป​ถึงที่​นั่น​วัน​ศุกร์​ตอน​คํ่า

“งั้น​งาน​ก็​อาจจะ​เป็น​คํ่าๆวัน​เสาร์ คุณ​ลุง​อย่า​ลืม​พูด​กับ​คุณ​อดิศวร์​นะ​คะ”

รัฐมนตรี​พจน์​รับรอง​ว่า​ไม่​ลืม​แน่นอน​และ​จะ​ไม่​ลืม​ด้วย​ว่า​ห้าม​เอ่ย​ชื่อ​วิ​รงรอง​เด็ดขาด แล้ว​แนะนำ​ว่า​ระหว่าง​นี้​เธอ​ควร​หา​เวลา​ไป​ทำบุญ​อุทิศ​ส่วน​กุศล​ให้​ดวง​วิญญาณ​เหล่า​นั้น​ด้วย วิ​รงรอง​ขอบพระคุณ​สำหรับ​คำ​แนะนำ​เพราะ​ตัว​เอง​ไม่ได้​นึกถึง​มา​ก่อน พรุ่งนี้​เธอ​จะ​ไป​จัดการ​ให้​เรียบร้อย แล้ว​วาง​สาย

ไม่​กี่​อึดใจ​ถัด​มา พัน​ธ์​สู​รย์​โทร.​มา​หา อยาก​จะ​ขอ​ให้​วิ​รงรอง​ช่วย​พา​อุษา​มา​พบ​เขา​อีก​สัก​ครั้ง เขา​เป็น​ห่วง​เธอ​มาก วิ​รงรอง​ไม่​รับปา​กว่าจะ​สำเร็จ ​แต่​จะ​พยายาม​สุด​ความ​สามารถ

ooooooo

เป็นอย่างที่วิรงรองคาดไว้ พอท่านผู้หญิงสรรักษ์ ทราบว่าครอบครัวของคุณหญิงแก้วจะมาถึงโดมทองคํ่าวันศุกร์สั่งให้จัดงานในคืนวันเสาร์ทันที อดิศวร์เห็นอุษากับวิรงรองยังไม่มีชุดใส่วันงาน วานอุษาช่วยพาเธอเข้าเมืองไปตัดชุดแล้วนึกขึ้นได้ถ้าสั่งตัดอาจจะไม่ทันกาล เปลี่ยนใจให้ไปซื้อชุดสำเร็จรูปแทนและให้พาแสงแขไปด้วย

“แสงแขไปสั่งตัดเรียบร้อยแล้วค่ะ”

อดิศวร์ติงว่าทำไมแสงแขไม่ชวนอุษากับวิรงรองไปด้วย แล้วสั่งให้ขึ้นไปตามวิรงรองทันที...

ทางฝ่ายวิรงรองไม่ยอมไปซื้อชุด ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครโดยเฉพาะอดิศวร์ และอีกอย่างหนึ่งเธอนัดลานนาไว้แล้วว่าจะไปทำบุญกัน อดิศวร์เข้ามาทันได้ยินพอดี ไม่สนใจว่าวิรงรองจะนัดกับใคร จะเอาเธอไปซื้อ เสื้อผ้าให้ได้ แล้วคว้ามือเธอกึ่งดึงกึ่งลากออกจากห้อง เธอขืนตัวสุดฤทธิ์ อ้างจะต้องไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณทุกดวงที่ยังวนเวียนอยู่ที่โดมทอง แล้วสะบัดมือเขาออก เดินเชิดหน้าออกไป อดิศวร์ได้แต่ยืนอึ้ง...

อดิศวร์หมดหนทางจะบังคับวิรงรอง จึงโทร.ไปขอร้องพิณทองให้ช่วยเลือกซื้อชุดสวยจากกรุงเทพฯมาให้เธอแทน พิณทองน่าจะกะขนาดตัวเธอได้ถูกต้อง เพราะเป็นผู้หญิงด้วยกัน หลานสาวกระเซ้าว่าถ้าให้ซื้อชุดสวยๆ

ไปให้วิรงรอง พิชญ์อาจจะไม่แลเธอเลยก็ได้ อดิศวร์รับรองว่าหลังจากงานนี้สามีของพิณทองจะไม่มองวิรงรองอีกเลย และขอให้เธอเก็บเรื่องนี้เป็นความลับห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้เด็ดขาด...

หลังจากทำบุญกันแล้ว วิรงรอง ลานนา ภูไทและพันธ์สูรย์ต่างไปทำทานปล่อยนกปล่อยปลา วิรงรองนึกขึ้นได้ว่าน่าจะพาอุษามาพบพันธ์สูรย์ในวันที่โดมทองจัดงานเลี้ยงเป็นเกียรติแก่พิณทองและพิชญ์ พันธ์สูรย์แปลกใจ ทั้งคู่เพิ่งกลับไปไม่ใช่หรือ แล้วทำไมไม่จัดงานให้ตั้งแต่ตอนนั้นเลย เขามั่นใจว่าท่านผู้หญิงสรรักษ์ต้องมีอะไรลับลมคมในแน่ๆ เตือนวิรงรองให้ระวังตัว...

ไม่ใช่ท่านผู้หญิงสรรักษ์เท่านั้นที่มีแผนการอยู่ในใจ อดิศวร์เองก็วางแผนบางอย่างไว้เช่นกัน โดยแสร้งทำดีกับแสงแขจนฝ่ายนั้นปลื้มแล้วปลื้มอีก เพราะคิดว่าเขามีใจให้ เอาไปคุยอวดกับโอบว่าในที่สุดเธอก็ชนะใจอดิศวร์จนได้ โอบพลอยปลื้มใจไปกับเจ้านายสาวด้วย

ooooooo

อนิรุทธิ์โทร.มาหาวิรงรองแต่เช้า บอกว่าตอนนี้เขากำลังเช็กอินอยู่ที่โรงแรมในเมือง อีกสักครู่จะไปรับ วิรงรองไม่รอขออนุญาตอดิศวร์ให้เมื่อยปาก รีบแต่งตัวออกมารออนิรุทธิ์ที่หน้าประตูรั้ว ฝากนายสมช่วยบอกอดิศวร์ให้ด้วยว่าเธอออกไปกับเพื่อน ก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถอนิรุทธิ์ที่แล่นเข้ามาจอดแล้วพากันออกไป...

เมื่ออดิศวร์รู้จากอุษาว่าวิรงรองแอบออกไปกับเพื่อนโดยไม่ได้ขออนุญาตใคร แค่ฝากบอกนายสมไว้เท่านั้น แม้ปากจะบอกว่าไม่โกรธ แต่หน้าตาอดิศวร์กลับตรงกันข้ามจนอุษาอดหวั่นใจแทนวิรงรองไม่ได้...

ตั้งแต่อดิศวร์กำหนดวันจัดงานเลี้ยงที่แน่นอนแล้ว ท่านผู้หญิงสรรักษ์ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เรียกอุษาให้เข้ามาช่วยเลือกเครื่องประดับสำหรับใส่ไปงาน  เธอแนะให้ท่านสวมชุดเครื่องเพชร ท่านผู้หญิงสรรักษ์หยิบสร้อยเพชรมาดูด้วยความพอใจ อุไรสาระแนทันที แล้วท่านจะสวมชุดอะไรให้เข้ากับเครื่องเพชรท่านผู้หญิงตาเป็นประกายวาว “เสื้อผ้าสวยๆ

ของฉันอยู่ในห้องเก็บของ ฉันพับเก็บทุกชุดกับมือ”

ครู่ต่อมา อุษากับอุไรเข็นรถเข็นพาท่านผู้หญิงสรรักษ์มาที่ห้องเก็บของ ท่านหยิบกุญแจที่ซ่อนอยู่ในชายพกส่งให้หลานสาวไขประตู เธอเห็นในห้องเต็มไปด้วยฝุ่น อาสาจะไปหยิบชุดที่ท่านต้องการมาให้ แต่ท่านจะเข้าไปเลือกเอง แล้วชี้ไปยังหีบใบใหญ่ตรงมุมห้อง อุษาเข็นรถพาท่านผู้หญิงสรรักษ์ไปที่นั่นแล้วไขกุญแจเปิดหีบออกภายในมีชุดลูกไม้ห่อผ้าวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ พลันมีลมจากไหนไม่รู้พัดวูบเข้ามา

มีเพียงอุษาคนเดียวเท่านั้นที่หนาวสะท้านจับขั้วหัวใจ หันไปมองที่ผ้าสีดำซึ่งคลุมกรอบรูปถูกลมพัดปลิวขึ้นเผยให้เห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่ง เธอถึงกับตะลึง เสียงเรียกของท่านผู้หญิงสรรักษ์ทำให้อุษาตื่นจากภวังค์

“นังอุษา มัวแต่เป็นบื้อเป็นใบ้ ฉันถามว่าเสื้อของฉันสวยไหม”

“สวยค่ะ สวยมาก แต่ออกจะ เอ่อ...เก่าไปสักนิด”

ท่านผู้หญิงสรรักษ์หาว่าอุษาตาต่ำ ผ้าลูกไม้ชุดนี้ท่านเจ้าคุณซื้อมาฝากจากฝรั่งเศส ถ้าไม่มีนังพลับพลึงเข้ามาแทรก ป่านนี้เราสองคนคงจะอยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ ท่านผู้หญิงสรรักษ์หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาแล้วสั่งให้พากลับห้อง โดยไม่ลืมให้อุษาล็อกกุญแจไว้อย่างเดิม...

ด้านอุษาเห็นชุดของคุณย่าเก่าเกินกว่าจะใส่ไปงานฉลอง รีบแจ้งอดิศวร์ให้มาช่วยจัดการ...

เมื่อได้อยู่คนเดียวในห้อง ท่านผู้หญิงสรรักษ์หยิบผ้าลูกไม้ชุดนั้นขึ้นมาทาบกับตัว แล้วหลับตาลง หวนรำลึกถึงเรื่องราวในอดีต ตอนนั้น ท่านผู้หญิงสรรักษ์ในวัยกลางคนสวมผ้าลูกไม้สวยชุดนี้เตรียมจะไปงาน แต่ท่านเจ้าคุณสรรักษ์กลับเอาแต่นอนซมอยู่บนเตียง ไม่ยอมลุกขึ้นแต่งตัว อ้างว่าไม่สบาย เธอรู้ดีว่าเขาป่วยใจไม่ได้ป่วยกาย

เพราะโศกเศร้าที่นังพลับพลึงหายตัวไป ต่อว่าต่อขานเขาให้เลิกอาลัยอาวรณ์นังนั่นได้แล้ว มันหนีตามผู้ชายไปเป็นสิบๆปีแล้ว ป่านนี้คงมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง

“พลับพลึงยังอยู่...ตอนดึกๆฉันยังได้ยินเสียงเธอร้องเพลง...เพลงนางครวญ บางทีเธอก็เข้ามาหาฉันในห้องนี้...อีกไม่นานพลับพลึงจะมารับฉัน” ท่านเจ้าคุณคร่ำครวญ ท่านผู้หญิงสรรักษ์มองสามีด้วยแววตาอำมหิต

“ไม่มีวัน คุณพี่จะไม่มีวันได้พบกับนังพลับพลึงอีก ไม่ว่าภพนี้หรือภพไหนๆ ฉันจะตามขัดขวางตลอดไป”

เสียงเรียกของอดิศวร์ปลุกท่านผู้หญิงสรรักษ์ให้ตื่นจากภวังค์ เขาชมชุดในมือท่านว่าสวย แต่ไม่พอสำหรับใส่ไปงาน และยังเกลี้ยกล่อมจนท่านยอมให้เอาเสื้อตัวนี้ไปเป็นแบบสำหรับตัดชุดใหม่ อดิศวร์รีบนำชุดออกมาให้แสงแขช่วยเอาไปที่ร้านตัดเสื้อ สั่งให้ทางนั้นช่วยหาลูกไม้ที่ลายคล้ายกับชุดนี้และตัดตามแบบเดิมทุกอย่าง

“คุณลบคะ ถ้าเผื่อเขาตัดไม่ทันวันศุกร์หน้า...”

“ไม่เป็นไร พี่ลืมบอกไปว่าคุณพิณขอเลื่อนเป็นวันศุกร์ต้นเดือน เธอช่วยขอร้องเขาตัดให้ทันก็แล้วกัน”

แสงแขรับคำ สีหน้าผิดหวังที่งานเลี้ยงต้องเลื่อนออกไป เท่ากับความหวังที่เธอจะได้แต่งงานกับอดิศวร์ก็ต้องเลื่อนออกไปเช่นกัน...

ทางด้านอุษาเฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงใบหน้าใต้ผ้าคลุมสีดำที่ถูกลมพัดตอนที่เข้าไปในห้องเก็บของ แต่แล้วเธอสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นทิ้ง ตำหนิตัวเองที่ฟังวิรงรองพูดถึงเรื่องประหลาดมากเกินไปจนตาฝาดไปเอง

ooooooo

ในเวลาไล่เลี่ยกันที่ออฟฟิศของภูไท ขณะที่พันธ์สูรย์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมพูดถึงสาเหตุว่าทำไมอดิศวร์ถึงได้เกลียดขี้หน้าตนเองหนักหนา อดิศวร์โทร.มาหาภูไทจะสั่งดอกกล้วยไม้มาประดับภายในงานฉลองหมั้นที่จะจัดขึ้นภายในโดมทอง เขาจะมาดูสถานที่ก่อนก็ได้

“งานจะมีขึ้นในวันศุกร์ต้นเดือน ผมขอเชิญทั้งเจ้าและก็เจ้าลานนามาเป็นเกียรติด้วย”

“ขอบคุณมากครับ” ภูไทวางสายแล้วหันไปบอกพันธ์สูรย์ที่รอฟังอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจว่าอดิศวร์สั่งดอกไม้ของคุ้มเราไปตกแต่งในงานหมั้น พันธ์สูรย์สรุปทันที ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่าเรื่องที่ลานนาได้ยินแสงแขคุยอวดในร้านตัดเสื้อก็เป็นความจริง...

แม้อนิรุทธิ์จะขอร้องวิรงรองว่าจะให้พาไปที่ไหนก็ได้ยกเว้นคุ้มภูไทเพราะไม่อยากเจอลานนา แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง ลานนา โทร.มาตามวิรงรองไปพบ

มีเรื่องจะคุยด้วย ลานนากับอนิรุทธิ์เจอกันไม่กี่นาทีก็มีปากเสียงเถียงกันอุตลุด วิรงรองทนฟังไม่ไหวต้องลุกขึ้นมาห้ามศึก ลานนาไม่พอใจเดินหนี วิรงรองไล่อนิรุทธิ์ให้ตามไปขอโทษ  แทนที่เธอจะให้อภัยกลับเปิดศึกน้ำลายกับเขาอีกรอบ อนิรุทธิ์ได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ...

ระหว่างทางกลับโดมทอง อนิรุทธิ์เห็นวิรงรองนั่งเงียบไม่พูดไม่จา ถามหยั่งเชิงว่าอยากจะกลับกรุงเทพฯไหม  เขาจะไปส่งให้ทันที เธอยังกลับตอนนี้ไม่ได้  มีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องทำให้สำเร็จก่อน

“ฟังดูลึกลับจังแฮะ”

“ถ้าหากรุทธิ์ว่าง  วันงานที่โดมทอง วิอยากให้มาด้วย มาอยู่เป็นเพื่อนวิ”

“เอาเป็นว่าถ้าว่าง ผมจะมาก็แล้วกัน”

ไม่นานนัก  อนิรุทธิ์ขับรถมาจอดหน้าประตูรั้วของคฤหาสน์โดมทอง วิรงรองไม่วายเชียร์ให้เขาจีบลานนาอีกครั้ง อนิรุทธิ์ทนไม่ไหวโพล่งขึ้นทันทีว่าเธอไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งทำไม่รู้ว่าเขาหลงรักเธอมาตั้งแต่แรกแล้ว วิรงรองถึงกับอึ้ง รอยยิ้มเมื่อครู่มลายไปสิ้น

“ตอนนั้นคุณมีนายพิชญ์อยู่แล้ว ผมเลยต้องพยายามหักใจคิดว่าคุณเป็นแค่เพื่อน แต่เวลานี้คุณเป็นอิสระ นายพิชญ์แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว...ผม...”

“อย่า...วิเสียดายความเป็นเพื่อนของเรา วิไม่อยากเสียมันไป” วิรงรองพูดจบ ลงจากรถ

“ผมจะรอจนกว่าคุณจะลืมนายพิชญ์” อนิรุทธิ์มองตามอย่างมีความหวัง แม้จะน้อยนิดก็ตาม...

ทางด้านวิรงรองมัวแต่เดินใจลอยมาตามทางจะเข้าคฤหาสน์ ไม่ทันสังเกตเห็นอดิศวร์จับจ้องลงมาจากหน้าต่างห้องทำงาน ทันทีที่วิรงรองเข้าไปข้างในตึกใหญ่ อุษาปรี่เข้ามาตำหนิกลายๆว่าหายป่วยแล้วหรือถึงได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก วิรงรองตอบเสียงอ่อยว่าค่อยยังชั่วแล้ว เหลือแค่ปวดหัวนิดหน่อยเท่านั้น

“นั่นไง...เดี๋ยวพี่จะเอายาให้”

“ไม่ต้องค่ะ วิมีแล้ว เอ่อ...วิขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ” วิรงรองว่าแล้ว จ้ำพรวดๆเข้าห้องตัวเอง เดินมาทรุดตัวลงนั่งบนเตียง นึกถึงคำสารภาพรักของอนิรุทธิ์เมื่อครู่แล้วถึงกับถอนใจ หนักใจ

“รุทธิ์เอ๊ยรุทธิ์...ไม่น่าคิดอะไรบ้าๆเลย” วิรงรองหยิบยาแก้ปวดหัวมากิน แล้วล้มตัวลงนอน

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น