วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อ่านเรื่องย่อ เรื่องโดมทอง ตอนที่ 2



ตอนที่ 2
เช้า วันรุ่งขึ้น อนิรุทธิ์อาสาเป็นสารถีมารอรับวิรงรองจะพาไปส่งสถานีรถไฟ ปรางดึงลูกมากอด อวยพรขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพและเตือนโน่นเตือนนี่ราวกับว่าเธอเป็นเด็กๆ ไม่เคยเดินทางไปไหนมาก่อน ทั้งๆที่เธอผ่านเมืองนอกมาแล้ว อนิรุทธิ์เห็นว่า ใกล้เวลารถไฟออก เร่งวิรงรองให้ไปได้แล้ว เกิดรถติดขึ้นมาจะไม่ทัน

พอถึงโดมทองแล้วรีบโทร.บอกคุณทันที อ้อ...ตอนที่ยังไม่ถึงก็ต้องโทร.เป็นระยะๆด้วย

วิ รงรองโผกอดแม่อีกครั้ง ก่อนไปขึ้นรถ ขณะอนิรุทธิ์ขับรถมาถึงปากซอยบ้านวิรงรอง ต้องแปลกใจที่เห็นเพื่อนสนิทเลื่อนตัวหลบ แทบจะลงไปกองอยู่ที่พื้นรถ ร้องถามว่าเป็นอะไรไป

รถพิชญ์กำลังจะเลี้ยวเข้าไป

อนิรุทธิ์ หันไป เห็นพิชญ์ขับรถสวนเข้ามาในซอยโดยไม่ทันสังเกตเห็นรถของเขา พออนิรุทธิ์เลี้ยวรถขึ้นถนนใหญ่ วิรงรองเลื่อนตัวขึ้นมานั่งอย่างเดิม ถามอย่างร้อนใจว่า พิชญ์เห็นเขาหรือเปล่า ชายหนุ่มส่ายหน้า ถ้าพิชญ์เห็นคงขับรถชนเขาแล้ว วิรงรองถอนใจ สีหน้าหม่นหมอง

ถ้า รักเขา มากขนาดนี้ แล้วจะหนีไปทำไมอนิรุทธิ์ เหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปสนใจถนนเบื้องหน้า วิรงรองไม่ตอบ หลับตาเพื่อซ่อนน้ำตาที่กำลังเอ่อขึ้นมา...

ทาง ด้านพิชญ์เสียใจไม่แพ้วิ รงรองเช่นกันเมื่อรู้ข่าวจากปรางว่าหญิงที่เขารักสุดหัวใจไม่ได้อยู่ที่บ้าน หลังนี้แล้ว และขอร้องให้เขาเลิกติดต่อกับเธอ ให้คิดเสียว่าไม่ใช่เนื้อคู่กัน ถึงต้องแคล้วคลาดกันไป อีกไม่นานพิชญ์จะต้องแต่งงานและมีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ เขาควรลบวิรงรองให้หมดไปจากใจ

อ้อ...แม่ หนูเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ แล้ว อย่าพยายามโทร.ถึงเธอเลยปรางทิ้งท้าย พิชญ์ถึงกับอึ้งเดินคอตกมาขึ้นรถ ระหว่างทางกลับบ้าน เขายังไม่ละความพยายาม โทร.ขอความช่วยเหลือจากวัฒน์เพื่อนของเขาให้ช่วยเช็กสายการบินภายในประเทศ ทุกสายให้ด้วยว่ามีผู้โดยสารชื่อวิรงรอง นกุล หรือเปล่า แต่แล้วพิชญ์ต้องผิดหวังเมื่อผ่านไปพักใหญ่ วัฒน์โทร.มาแจ้งว่าไม่มีชื่อวิรงรองอยู่ในรายชื่อผู้โดยสารไม่ว่าจะสายการ บินไหน...

ในเวลาต่อมา อนิรุทธิ์หิ้วกระเป๋าเดินทางมาส่งวิรงรองถึงตู้โดยสารรถไฟชั้นหนึ่ง กำชับว่าห้ามเปิดประตูรับใครเด็ดขาดไม่ว่าใครจะมาเคาะ แล้วโบกมือลาเธอพลางถอยหลังจะลงจากตู้โดยสารรถไฟไม่ดูตาม้าตาเรือชนเข้ากับ พันธ์สูรย์ซึ่งกำลังเดินขึ้นมา อนิรุทธิ์ขอโทษเขาก่อนจะลงจากรถอย่างเขินๆวิรงรองอดขำกับท่าทีของเพื่อนสนิท ไม่ได้ ส่วนพันธ์สูรย์สะดุดตากับความสดใสและน่ารักของเธอทันที

ooooooo

ถึง เวลาอาหารค่ำ พันธ์สูรย์ได้พบวิรงรองอีกครั้งหนึ่งที่ห้องอาหารบนรถไฟ เนื่องจากมีคนมาใช้ บริการมาก ทำให้โต๊ะเต็ม พันธ์สูรย์จึงเชิญให้วิรงรองนั่งโต๊ะเดียวกัน เธอเห็นท่าทีสุภาพและจริง ใจของเขาจึงยอมร่วมโต๊ะด้วย หลังจากกินอาหารกันเงียบๆ พักใหญ่ พันธ์สูรย์ถามเธอว่ากำลังจะกลับบ้านหรือ วิรงรองลังเลครู่หนึ่ง

เอ่อ...คุณเคยได้ยินชื่อบ้านโดมทองหรือเปล่าคะ

พันธ์ สูรย์ชะงัก สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เตือนเธอว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าไปที่นั่น แต่พอรู้ว่าเธอมีธุระ จำเป็นต้องไป เขาอวยพรขอให้โชคดี วิรงรองมอง พันธ์สูรย์ราวกับจะค้นหาความจริง

คุณทำหน้าเหมือนฉันกำลังจะไปปราสาทผีดิบ

“...เอ่อ... ผมขอตัวก่อนพันธ์สูรย์ตัดบท ยกมือเรียกบริกรมาเก็บเงิน และให้คิดรวมกับของวิรงรองด้วย ขออนุญาตเถอะครับ ไม่แน่ เราอาจจะได้พบกันอีกเขาจ่ายเงินแล้วลุกออกไป วิรงรองมองตามงงๆ...

กว่า วิรงรองจะมาถึงสถานีรถไฟตามนัดก็ดึกมากแล้ว พันธ์สูรย์มีนํ้าใจช่วยถือกระเป๋าลงมาให้เพราะตัวเองลงสถานีนี้เช่นกัน พอเห็นนายสมคนของคฤหาสน์โดมทองเดินตรงมาหาวิรงรอง พันธ์สูรย์รีบคว้าหมวกขึ้นมาสวม แล้วขอตัวออกไปทันที วิรงรองร้องเรียกแต่ไม่ทัน เขาเดินหายไปในความมืดเสียก่อน

ครู่ ต่อมา นายสมหิ้วกระเป๋าและข้าวของของวิรงรองมายังรถสีดำที่จอดอยู่มุมหนึ่งของ สถานีรถไฟ แล้วเปิดประตูหลังให้วิรงรองขึ้นไปนั่ง เธอยังไม่ทันจะก้าวขึ้นรถมีเสียงของแสงแขดังขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ

ไปนั่งข้างหน้า...ปล่อยให้รอตั้งนาน

วิรงรอง ชะงัก ถอยออกมาแทบไม่ทัน รู้สึกได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ตั้งข้อรังเกียจตนตั้งแต่ยังไม่ทันจะรู้จัก กันด้วยซํ้า แถมยังแดกดันเธอว่าจะต้องขนเสื้อผ้ามามากมายทำไม ไม่เห็นมีใครอยู่ได้เกินหนึ่งเดือนสักคน...

ผ่าน ไปไม่นานนัก นายสมขับรถมาจอดหน้าประตูรั้วคฤหาสน์โดมทอง วิรงรองถึงกับตกตะลึง สถานที่แห่งนี้ช่างเหมือนกับที่เธอฝันเห็นเมื่อคืนไม่มีผิดเพี้ยน แสงแขเห็นท่าทางตื่นเต้นของผู้มาใหม่ถึงกับยิ้มเยาะ ดักคอว่าอย่าได้คิดจะครอบครองที่นี่เด็ดขาด วิรงรองโต้ไม่ยอมแพ้ว่าไม่บังอาจขนาดนั้น...

ภาย ในคฤหาสน์โดมทองดูมืดสลัว เพราะไม่มีไฟดวงไหนเปิด มีเพียงแสงจากเทียนไขที่อุษาพี่สาวของแสงแขถือไว้ในมือเท่านั้น เธอรับช่วงต่อจากน้องสาวพาวิรงรองไปยังห้องพัก อ้างว่าดึกมากแล้ว คนรับใช้นอนกันหมด ไม่มีใครตามปิดไฟก็เลยต้องใช้เทียนไขส่องทางแทน แม้จะเป็นข้ออ้างที่ฟังแปลกๆ ชอบกล แต่วิรงรองก็ไม่คิดจะถามอะไร เมื่อมาถึงห้องพัก อุษาเตือนเธอว่าที่นี่กินอาหารเช้ากันตอนแปดโมง

วิรงรองรับคำ เข้าห้องปิดประตูตามหลัง แล้วเดินมานั่งบนเตียง มองไปรอบห้องด้วยสีหน้าครุ่นคิด

คน ที่นี่แปลกๆ...บ้านหลังนี้ก็แปลกอีกเหมือนกัน ทำไมฝันได้เหมือนเปี๊ยบ ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วผู้ชายคนนั้นมีตัวตนจริงหรือเปล่านะวิรงรองนึกถึงชายในความฝันเมื่อคืน รู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาทันที...

ดึก สงัดคืนเดียวกัน ในห้องนอนบนยอดโดม มีแสงจากเทียนไขส่องสว่างขึ้นพร้อมกับเสียงเพลงที่ชวนขนหัวลุกดังขึ้น วิรงรองค่อยๆ ลืมตาตื่น แปลกใจดึกป่านนี้แล้วใครกันยังมีแก่ใจมาร้องเพลง ทันใดนั้น เสียงร้องเพลงหายไป กลายเป็นเสียงบรรเลงเครื่องดนตรีไทยแทนที่ เสียงนั้นกลับยิ่งวังเวงกว่าเดิม วิรงรองขยับจะลุกขึ้นไปดูเสียงเพลงกลับเงียบไปเฉยๆ เธอจึงล้มตัวลงนอนอย่างเดิม

ooooooo


ไม่ ได้มีแค่วิรงรองเท่านั้นที่ได้ยินเสียงเพลงโหยหวนเมื่อครู่ ท่านผู้หญิงสรรักษ์ก็ได้ยินเช่นกัน ร้องเรียกอุไรคนรับใช้ที่นอนเฝ้าอยู่ในห้องขึ้นมาถามว่า ได้ยินเสียงเพลงหรือเปล่า เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ

นังพลับพลึงมันเจตนาจะร้องให้ฉันฟังคนเดียว ดี...ร้องอีกสิ ร้องอีก ร้องเลยท่านผู้หญิงสรรักษ์ท้าทาย

ทุกอย่าง เงียบสนิท ท่านผู้หญิงสรรักษ์หัวเราะสะใจ คิดเอาเองว่าเป็นเพราะพลับพลึงเกรงกลัวท่านจนไม่กล้าร้องเพลง อุไรมองท่านผู้หญิงด้วยสีหน้าหวาดๆ กลัวผีก็กลัว แต่ดูจะกลัวคนที่อยู่ด้วยมากกว่า...

ขณะ วิรงรองกำลังหลับ มีเสียงเรียกชื่อ พลับพลึงดังขึ้น เธอสะดุ้งตื่น คว้าเชิงเทียนออกไปดู บริเวณโถงบันไดยามต้องแสงเทียนยิ่งดูลึกลับน่ากลัว หญิงสาวข่มความกลัวลงไปดูให้เห็นกันชัดๆไปเลยว่าเสียงอะไรกันแน่ มีเสียงอดิศวร์ร้องถามว่า นั่นใครดังมาจากด้านหลัง หญิงสาวสะดุ้งโหยงเชิงเทียนแทบหลุดมือ หันขวับไปมอง

ไฟฟ้า สว่างจ้าขึ้น เห็นอดิศวร์ยืนอยู่หน้าห้องทำงานตัวเองสีหน้าเคร่งขรึม ว่าประชดว่ามาถึงวันแรกก็เที่ยวเดินเพ่นพ่านนี่มันตีสองเข้าไปแล้วและถ้ารัก จะอยู่ที่นี่ต่อไป อย่าเที่ยวสอดรู้สอดเห็น เขาไม่ชอบ วิรงรองเถียงว่าไม่ได้ออกมาเดินเพ่นพ่านและไม่ใช่พวกสอดรู้สอดเห็น แต่ที่ต้องออกมาดูเพราะได้ยินเสียงใครบางคนเรียก อดิศวร์ยิ้มเหยียดราวกับไม่เชื่อคำพูดของเธอ วิรงรองไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วย ขยับจะกลับห้อง

เดี๋ยว...ฉันยังพูดไม่จบ

ขอ เปลี่ยนเป็นว่าหาเรื่องไม่จบได้ไหมค่ะ แล้วก็ไม่ใช่วิสัยของดิฉันที่จะต้องมายืนทนให้ใครมาด่าว่า เมื่อครู่นี่คุณบอกว่าตีสองแล้ว ดิฉันต้องไปนอนล่ะค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสายจะโดนด่าอีกวิรงรองพูดจบก็เดินกลับห้อง อดิศวร์มองตามไม่พอใจ

ooooooo

ด้วย ความที่นอนหลับๆตื่นๆ วิรงรองตื่นสายลงมากินมื้อเช้าเลยเวลาแปดโมงไปแล้ว อุษาเห็นใจว่าเมื่อคืนเธอนอนดึก กว่าจะมาถึงคฤหาสน์โดมทองเกือบตีหนึ่งจึงไม่ถือสาหาความ ผิดจากแสงแขโดยสิ้นเชิงที่ทั้งแดกดัน ว่ากระทบวิรงรองสารพัด ก่อนจะเดินเชิดหน้าคอตั้งออกไปโดยมีโอบคนสนิทตามไปด้วย

อย่าถือสาอะไรเลยนะ คุณวิรงรอง...กินข้าวต้มเถอะเดี๋ยวเย็นจะไม่อร่อย

วิรงรอง ตักข้าวต้มเข้าปากคำแรกแทบจะบ้วนทิ้งเพราะเค็มปี๋กินไม่ได้ อุษาแปลกใจเป็นไปได้อย่างไร อาสาจะทำมื้อเช้าให้ใหม่ แล้วเดินเข้าครัวโดยไม่ฟังคำทัดทานของอีกฝ่ายหนึ่ง...
นอก จากจะด่าว่าวิรงรองเสียๆหายๆแล้ว แสงแขยังนำเรื่องที่เธอตื่นสายไปฟ้องอดิศวร์ซึ่งไม่ชอบใจเธอเป็นทุนเดิมอยู่ แล้วยิ่งไม่พอใจมากขึ้น...

หลัง จากกินอาหารเช้าเรียบร้อย อุษาพาวิรงรองมาพบท่านผู้หญิงสรรักษ์เพื่อจะได้ฝากเนื้อฝากตัว ทันทีที่เห็นหน้าคนดูแลคนใหม่ ท่านผู้หญิงร้องลั่นด้วยความหวาดกลัวสุดขีด

นังพลับพลึง...ไป ออกไปให้พ้น...อุษาเอามันออกไป

ทั้ง วิรงรอง อุษาและอุไรต่างตกใจระคนแปลกใจ ท่านผู้หญิงสรรักษ์ยังกรีดร้องไม่หยุด ไล่วิรงรองที่ท่านเห็นเป็นพลับพลึงให้ไปผุดไปเกิด อุษาเกรงท่านจะช็อก สั่งให้อุไรพาวิรงรองออกไปก่อน เสียงร้องของท่านผู้หญิงดังลั่นอย่างต่อเนื่อง อดิศวร์วิ่งนำแสงแขมาที่ห้องนอนของท่าน แล้วสั่งให้เธอพาวิรงรองไปรอที่ห้องทำงานของเขา ก่อนจะผลุนผลันเข้าไปดูคุณย่าซึ่งตัวสั่นหน้าตาตื่น ละลํ่าละลักบอกว่า

เมื่อครู่นังพลับพลึงเข้ามาหลอกหลอนย่า ลบต้องไล่มันไปนะลูกนะ อย่าให้มันเข้ามาอีก

ไม่ใช่คุณย่าน้อยหรอกครับ เธอชื่อวิรงรอง ผมเป็นคนพามาช่วยพยาบาลคุณย่า

ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ไม่ฟัง เถียงคอเป็นเอ็นว่านั่นคือนังพลับพลึงที่มาหลอกลวงตบตาเขาให้หลงเชื่อว่า เป็นคนอื่นและจะเสี้ยมให้เขาเกลียดเธอ อดิศวร์ไม่มีวันเกลียดคุณย่า และที่สำคัญถ้าคุณย่าน้อยยังอยู่ป่านนี้คงอายุมากแล้วผิดกับผู้หญิงคนเมื่อ ครู่ซึ่งอายุน้อยกว่าแสงแขเสียอีก

ก็เพราะมันไปตอนอายุเท่านั้นน่ะสิ มันถึงไม่แก่

อดิ ศวร์จะพาวิรงรองมาให้คุณย่าดูหน้าดูตาชัดๆ อีกครั้งจะได้มั่นใจว่าไม่ใช่คุณย่าน้อย ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่ต้องการเห็นหน้านังนั่น  สั่งให้หลานชายไล่ไปให้พ้นหน้า ถ้าเขายังรักคุณย่าคนนี้

คุณย่าต้องรับปากกับผมก่อนว่า จะเลิกคิดถึงเรื่องคุณย่าน้อย คุณย่าจะได้ดีขึ้น

ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ส่ายหน้าทั้งน้ำตา ชีวิตของย่าไม่มีวันดีขึ้นอีกแล้ว นับตั้งแต่วันนั้น เจ้าคุณปู่ของลบเกลียดย่า...ไอ้พัน ไอ้คนทรยศ ไอ้พวกเนรคุณ...ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ท่านผู้หญิงสรรักษ์อาละวาดไม่หยุดหย่อน อดิศวร์ต้องให้อุษาหยิบยาระงับประสาทที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาให้ท่านกิน ท่านผู้หญิงไม่วายต่อรองว่าถ้าตนยอมกินยา อดิศวร์ต้องไล่นังนั่นออกไปจากที่นี่ เขาไม่รับปากอะไรค่อยๆประคองท่านลงนอน...

หลัง จากท่านผู้หญิงสรรักษ์หลับไปด้วยฤทธิ์ยา อดิศวร์ตรงไปพบวิรงรองที่ห้องทำงานตัวเอง ไม่ทันจะอ้าปากว่าอะไร เธอชิงลาออกเสียก่อน ถ้าเขาอยากรู้เหตุผลให้ไปถามแสงแข ภรรยาของเขาที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อครู่ดู  เขาเอ็ดตะโรลั่นว่าแสงแขไม่ใช่ภรรยาของเขา วิรงรองเสียหน้าเล็กน้อยที่มั่วนิ่ม  แต่ยังคงยืนกรานจะขอลาออกอ้างว่าไม่เหมาะกับที่นี่ อดิศวร์มองเธออย่างเย้ยหยัน

แล้วเธอเหมาะกับที่ไหนล่ะ แม่วิรงรอง

วิรงรอง ชักสีหน้าไม่พอใจ บอกตรงไปตรงมาว่าไม่ชอบให้ใครมาเรียกตนเองว่าแม่วิรงรอง อดิศวร์สวนทันทีหรือเธอชอบให้เรียกว่าพลับพลึง เหมือนที่พิชญ์ชอบเรียก วิรงรองแปลกใจและตกใจจนพูดอะไรไม่ออก เขายังหาเรื่องเธอไม่หยุดหย่อน กล่าวหาว่าเอาเรื่องคุณย่ามาบังหน้าเพราะอยากจะกลับไปหาพิชญ์ วิรงรองทนฟังต่อไปไม่ไหว ลุกขึ้นจะออกจากห้อง อดิศวร์คว้าแขนเธอไว้ เตือนว่าอย่าคิดตบตาคนอย่างเขา

พิณทองเป็นหลานของฉัน...ฉันไม่ปล่อยให้เธอไปแย่งคู่หมั้นของหลานฉันแน่ แม่วิรงรอง

หญิง สาวปฏิเสธลั่นว่า ไม่เคยคิดจะไปแย่งของของคนอื่น อดิศวร์ท้าพิสูจน์โดยเธอต้องอยู่ที่นี่ต่อไปจนกว่าสองคนนั่นจะแต่งงานกัน เธอตกลงใจรับคำท้า แต่มีข้อแม้ เขาต้องเลิกเรียกเธอว่าแม่วิรงรองอีก ไม่อย่างนั้นเธอจะกลับบ้านทันที แล้วขอร้องให้เขาปล่อยแขนเธอได้แล้ว อดิศวร์รับปากจะทำอย่างที่เธอต้องการ

คุณ พูดถูก พิชญ์เป็นคนเดียวในโลกนี้ที่เรียกดิฉันว่าพลับพลึง เพราะชื่อดิฉันแปลว่าอย่างนั้นวิรงรองพูดจบออกจากห้อง อดิศวร์มองตามอย่างหงุดหงิดไม่พอใจ

ooooooo

วิรงรอง พยายามกลั้นน้ำตาขณะวิ่งกลับมาที่ ห้องพักของตัวเอง แสงแขกับโอบไม่วายตามมาหาเรื่องแดกดันประชดประชันว่าเธอทำลายสถิติของคนดูแล ท่านผู้หญิงสรรักษ์ที่มาถึงปุ๊บก็ไปปั๊บ โอบอาสาจะเข้าไปช่วยเก็บของให้ วิรงรองตอกกลับว่าไม่ต้องช่วยเพราะเธอจะไม่ไปไหนทั้งนั้น

แต่คุณย่าไล่แก

แต่ คุณอดิศวร์ขอให้ฉันอยู่ต่อ ไม่เข้าใจเหมือนกัน ไม่แน่ลองเจ้าของบ้านขอเองแบบนี้ ฉันอาจจะทำสถิติอยู่นานที่สุดก็ได้ คุณแสงแขว่าอย่างนั้นไหมคะวิรงรองยิ้มยั่ว

แสง แขไม่เชื่อ จะไปถามอดิศวร์ว่าจริงหรือเปล่า แล้วแกล้งขู่วิรงรองว่าที่นี่ผีดุ ถ้ายังอยากอยู่ต่อไปต้องระวังตัวให้มากๆ แล้วเดินหัวเราะร่วนออกไปกับโอบ วิรงรองส่ายหน้าอย่างระอาเดินเข้าห้องมาทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ใกล้หน้าต่าง แต่ต้องชะงักเมื่อมองออกไปเห็นทุ่งพลับพลึงกำลังออกดอกสะพรั่ง เหมือนในความฝันเมื่อคืนอีกแล้ว ยิ่งได้มาเห็นทุ่งดอกพลับพลึงชูช่อขาวเต็มทุ่งกว้างใกล้ๆ วิรงรองรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของคนปลูก

พลันภาพท่านผู้หญิงสรรักษ์โวยวายอาละวาดไล่คนที่ชื่อพลับพลึงผุดเข้ามาในความคิดคำนึงของเธอ

จะเกี่ยวกับคนที่ชื่อพลับพลึงหรือเปล่านะวิรงรองมองทุ่งพลับพลึงด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด....

ทาง ฝ่ายอดิศวร์ไม่พอใจมากที่เห็นวิรงรองเก็บดอกพลับพลึงกลับมาเต็มอ้อมแขนโดย พลการ ตำหนิว่าทีหน้าทีหลังจะทำอะไรต้องขออนุญาตเขาก่อน เรื่องเดินเพ่นพ่านไปโน่นมานี่ก็เช่นกัน วิรงรองเคืองที่โดนต่อว่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้าเขาไม่พอใจจะส่งเธอกลับบ้านก็ได้

นึกแล้วว่าต้องพูดอย่างนี้ ใกล้จะถึงวันแต่งงานของนายพิชญ์แล้วนี่

วิรงรอง ตาวาวด้วยความโกรธ พูดแบบนี้เท่ากับดูถูกกันชัดๆ คนอย่างเธอพูดคำไหนคำนั้น และที่สำคัญผู้ชายไม่ได้มีแค่พิชญ์คนเดียว ส่วนเรื่องดอกไม้พวกนี้ ถ้าเขาจะคิดเงิน เชิญหักจากเงินเดือนของเธอได้ตามสบายแล้วขยับจะเข้าบ้าน อดิศวร์เรียกไว้

เดี๋ยวก่อน อย่าสอดรู้สอดเห็นให้มากนัก จะไปไหนมาไหนก็ชวนอุษาหรือแสงแขไปด้วย อาณาเขตของโดมทองกว้างมาก เธออาจจะหลงทางได้ง่ายๆ
วิรงรองขอบคุณที่กรุณาเตือน แล้วก้าวฉับๆเข้าบ้าน อดิศวร์มองตามหงุดหงิดในความอวดดีของเธอ....

ยิ่ง ห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ทันทีที่วิรงรองกลับถึงห้องพัก คว้ามือถือขึ้นมาโทร.ขอความช่วยเหลือจากอนิรุทธิ์ให้ช่วยหาข้อมูลประวัติ คฤหาสน์โดมทองให้ เขาอดสงสัยไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า วิรงรองยังไม่ทันจะว่าอะไร อุษามาเคาะประตูเรียกเสียก่อน

มี คนมา...แค่นี้ก่อนนะแล้วจะเล่าให้ฟังทีหลังวิรงรองวางสายแล้วเดินไปเปิดประตู อุษามาชวนเธอออกไปขี่จักรยานชมวิวด้วยกัน ครู่ต่อมา สองสาวปั่นจักรยานชมวิวสวยสองข้างทางจนมาถึงชายหาดแม่น้ำซึ่งอยู่ในอาณาจักร โดมทองอันกว้างใหญ่ไพศาล วิรงรองมองผืนน้ำเบื้องหน้าก่อนจะหันมาถามอุษาว่าน้ำลึกไหม

น้ำลึกมาก ยิ่งฤดูน้ำหลากยิ่งน่ากลัว....มักจะมีคนหายไปช่วงนั้นของทุกปี เหมือนกับมีคำสาป

วิรงรองมองท้องน้ำเวิ้งว้างตรงหน้าด้วยสีหน้าหวาดหวั่น

ooooooo

ตั้งแต่ วิรงรองหลบลี้หนีหน้า พิชญ์เอาแต่เหม่อใจลอยจนพิณทองจับสังเกตได้ ยิ่งเวลาพูดคุยกันถึงเรื่องงานแต่งงาน เธอยิ่งเข้าใจแจ่มแจ้งว่าเขาไม่ได้อยากแต่งงานด้วย แค่ทำตามความต้องการของผู้ใหญ่

การ์ด ยังไม่ได้พิมพ์ ชุดก็แค่เพิ่งเลือกผ้าได้ ยกเลิกตอนนี้ยังทัน พิณจะอธิบายให้คุณพ่อคุณแม่ฟังเองแม้การตัดสินใจครั้งนี้จะเจ็บปวด แต่พิณทองไม่อยากบังคับจิตใจใคร....

คุณ หญิงวัชรีโกรธมากเมื่อรู้ว่าจะไม่มีงานแต่งงานระหว่างพิชญ์กับพิณทอง เล่นงานลูกชายชุดใหญ่ที่อุตส่าห์หาผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่างให้กลับไป ติดใจแม่ดอกพลับพลึงไร้ค่าคนนั้น

ผมรักพลับพลึง ผมจะพยายามจะลืมเธอแต่ลืมไม่ได้

งั้นเลือกเอา ระหว่างแม่กับนังคนนั้นโดนไม้ตายของแม่เข้าไป ทำเอาพิชญ์ถึงกับใบ้รับประทาน.....

ทันที ที่พิณทองโทร.มาแจ้งว่าจะยกเลิกงานแต่งงานเนื่องจากว่าที่เจ้าบ่าวไม่ได้รัก และที่สำคัญเธอได้ยินมาว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว อดิศวร์คิดหาทางช่วยหลานรัก พยายามโทรศัพท์หาวิรงรองจะเรียกมาคุยเรื่องนี้แต่สายไม่ว่างเนื่องจากเธอ กำลังโทร.เช็กประวัติที่มาที่ไปของคฤหาสน์โดมทองอยู่กับอนิรุทธิ์
หลังจากวิรงรองวางสายไม่กี่อึดใจมีสายเรียกเข้ามือถือดังขึ้นอีก หญิงสาวรับสายไม่ทันดูว่าใครโทร.มา

เจออะไรอีกหรือ....รุทธิ์

ลงมาพบฉันที่ห้องทำงานหน่อยอดิศวร์พูดจบวางสายทันที



ท่านเคาน์แดร็กคูล่ามีธุระอะไรวิรงรองแดกดันจบออกจากห้อง สักพักเธอมายืนตรงหน้าอดิศวร์ซึ่ง

ไม่ พูดพล่ามทำเพลงต่อว่าวิรงรองว่าทำไมต้องโกหกทั้งๆที่ยังติดต่อกับพิชญ์อยู่ ตลอดเวลา เธอยืนกรานว่าไม่ได้คุยกันหลายวันแล้ว อดิศวร์ไม่เชื่อ ถ้าไม่ได้ติดต่อกัน ทำไมอยู่ดีๆพิชญ์ถึงไม่ยอมแต่งงานกับพิณทอง

จะไปทราบได้อย่างไรคะ ทำไมไม่ไปถามหลานคุณเองล่ะวิรงรองยียวน อดิศวร์ไม่พอใจ สาวเท้าเข้าหา

เมื่อครู่นี้เธอโทรศัพท์คุยกับใคร...หรือจะโกหกอีกว่าไม่ใช่พิชญ์

วิรงรอง ขอไม่ตอบคำถามนี้เพราะตอบไปอดิศวร์ก็ไม่เชื่ออยู่ดี แล้วขอตัวกลับห้อง ก้าวฉับๆเปิดประตูห้องทำงานออกไปโดยไม่สนใจว่าเขาจะอนุญาตให้ไปหรือไม่ ขณะหันไปปิดประตูมีเสียงถอนหายใจดังมาจากด้านหลัง วิรงรองหันขวับไปมอง ถึงกับกรีดร้องลั่นเมื่อเห็นร่างร่างหนึ่งในชุดแต่งกายโบราณหน้าตาน่ากลัว ยืนจ้องอยู่

อดิ ศวร์ได้ยินเสียงร้องเปิดประตูออกมาดู อารามกลัวจัดวิรงรองหลับหูหลับตาผวาเข้าสู่อ้อมอกร้องลั่นว่ามีผียืนอยู่ตรง นั้น แล้วชี้ไปที่มุมมืด อดิศวร์มองข้ามไหล่เธอไปก่อนจะบอกว่าไม่เห็นมีอะไร วิรงรองค่อยๆลืมตาดูพบแต่ความว่างเปล่า ละล่ำละลักว่าเมื่อครู่นี้ยังเห็น แล้วนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนอดิศวร์ รีบดันตัวออกห่าง เขาหาว่าเป็นมารยาของเธอที่อยากจะใกล้ชิดเขาจึงยกเรื่องผีมาอ้าง เขาอยู่ที่นี่มาตั้งนานไม่เคยเห็นสักครั้ง

ไม่ว่าคุณจะเข้าใจอย่างไร ดิฉันขอยืนยันว่าดิฉันเห็นจริงๆวิรงรองว่าแล้วผละจากไปอย่างรวดเร็ว...

ใน เวลาไล่เลี่ยกัน คุณหญิงแก้วพยายามปลอบพิณทองลูกสาวให้ใจเย็นๆก่อน อย่าเพิ่งวู่วามยกเลิกงานแต่ง ถ้าพิชญ์ไม่รักเธอจะยอมหมั้นหมายด้วยหรือ พิณทองรู้แก่ใจดีว่าเขาทำอย่างนั้นเพราะเกรงใจแม่ตัวเอง

พิณรักเขาใช่ไหมลูกถ้าอย่างนั้นต้องใจเย็นๆทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วแม่จะพูดกับคุณป้าวัชรีเอง”...

ฝ่าย พิชญ์ใจแข็งได้ไม่นาน พอเจอแม่บีบน้ำตาแกล้งเป็นลมเป็นแล้งก็ใจอ่อน ยอมถอยหนึ่งก้าว ถ้าวันพรุ่งนี้เขารู้แน่นอนว่าพลับพลึงหรือวิรงรองตัดขาดจากเขาจริงๆ เขาจะแต่งงานกับพิณทองตามกำหนดเดิม คุณหญิงวัชรีแทบจะโดดตัวลอยด้วยความดีใจ แต่นึกขึ้นได้ว่าเพิ่งแกล้งเป็นลมเมื่อครู่ ทำเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงจะพูด

ก็ดีเหมือนกัน ยุติธรรมดีกับทุกฝ่าย

ooooooo

หลัง พิชญ์รู้จากปรางแน่ชัดแล้วว่าพลับพลึงตั้งใจจะหลบหน้าเขาและเปลี่ยนเบอร์มือ ถือเพื่อที่เขาจะตามตัวไม่ได้ พิชญ์ตัดสินใจแต่งงานกับพิณ-ทองตามที่รับปากแม่ตัวเองเอาไว้ คุณหญิงวัชรีดีใจจนเนื้อเต้น แต่จำต้องเก็บอาการ ทันทีที่ลูกชายลับสายตา เธอรีบคว้ามือถือโทร.หาคุณหญิงแก้ว

ฮัลโหล คุณแก้ว...ทุกอย่างเรียบร้อยโรงเรียนเราสองคนแล้วค่ะ

จริง หรือคะ แหมดีใจจริงๆ เดี๋ยวน้องจะไปบอกลูกพิณทองก่อนนะคะ ขอบคุณมากค่ะ คุณพี่คุณหญิงแก้ววางสายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม รีบไปบอกข่าวดีนี้กับลูกสาว ทีแรกพิณทองไม่ยอมแต่งงานด้วย เพราะคิดว่าพิชญ์ถูกแม่ของเขาบังคับ คุณหญิงแก้วยืนยันไม่มีการบังคับใดๆทั้งสิ้น พิชญ์เป็นคนบอกเองว่าอยากแต่งงาน ถ้าลูกไม่เชื่อ ให้รอถามเจ้าตัวเอาเอง เพราะเขาจะกินมื้อค่ำที่บ้านของเรา...

พิณ ทองทนเก็บเรื่องน่ายินดีนี้ไว้ไม่ไหว รีบโทร.แจ้งน้าลบว่างานแต่งงานจะมีขึ้นตามกำหนดเดิม อดิศวร์ดีใจไปกับเธอด้วย และไม่ลืมที่จะชวนเธอกับพิชญ์มาฮันนีมูนที่คฤหาสน์โดมทอง...

เช้า นี้วิรงรองมีโอกาสได้พบอุไรที่ห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ตามลำพัง จึงสอบถามถึงเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เธอเจอหน้าห้องทำงานอดิศวร์เมื่อคืน อุไรทำหน้าเหมือนจะร้องไห้มั่นใจว่าสิ่งที่วิรงรองเจอคือผี แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร อดิศวร์เข้ามาต่อว่าเธอเสียก่อนว่าทำไมถึงทิ้งคุณย่าไว้เพียงลำพัง สั่งให้รีบกลับไปเฝ้า พออุไรคล้อยหลัง อดิศวร์แจ้งข่าวดีของพิณทองให้วิรงรองฟังว่า พิชญ์กับพิณทองกำหนดวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว

วิรงรอง ใจหาย  พยายามซ่อนความรู้สึกไว้ อดิศวร์ไม่วายตอกย้ำว่าอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะอยู่ที่นี่ จนกว่าสองคนนั่นจะแต่งงานกัน เธอยืนยันว่าเป็นคนรักษาสัญญาเสมอไม่เคยคืนคำ แล้วขอตัวออกไป...

ใน เวลาต่อมา ขณะวิรงรองเดินทอดอารมณ์อยู่ในสวนดอกไม้เจออุษากำลังซุบซิบอยู่กับแม่ครัว เธอย่องเข้าไปแอบฟังใกล้ๆ ได้ยินแม่ครัวซึ่งเพิ่งกลับจากซื้อกับข้าวสดบอกอุษาว่าเจอพันธ์สูรย์ที่ตลาด ฝากจดหมายมาให้เธอด้วย วิรงรองไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจจึงค่อยๆหลบออกมา...

แสง แขนึกถึงคำแนะนำของอุษาที่ว่าถ้าอยากให้อดิศวร์รักและสนใจก็ต้องหมั่นคอย ดูแลเอาใจใส่คุณย่าให้ดี จึงพยายามเข้าไปประจบประแจง แต่ท่านกลับไม่ต้องการให้เธอมาอยู่ใกล้ชิดเพราะชังน้ำหน้า สั่งให้อุไรไปตามอุษามาหา แล้วหันไปเล่นงานแสงแข

จะ มาสอพลอฉันเรอะ ฉันรู้ทันแกหรอก จะบอกอะไรให้ถึงฉันไม่ขัดขวาง ตาลบเขาก็ไม่เอาแก เฮอะพยายามมาตั้งกี่ปีแล้วล่ะ แกน่ะไม่อยู่ในสายตาหลานฉันหรอก เจียมกะลาหัวเสียบ้าง หน้าอย่างแกอย่าเผยอมาตีเสมอหลานฉัน...ออกไปท่านผู้หญิงสรรักษ์ตะเพิดไม่ไว้ หน้า แสงแขกล้ำกลืนความแค้นก่อนจะคลานถอยหลังออกไป ท่านผู้หญิงมองตามด้วยสายตาเกลียดชังไม่แพ้กัน...

แสง แขอารมณ์ค้างจากถูกคุณย่าเล่นงาน พอเห็นวิรงรองหอบดอกกุหลาบช่อใหญ่กลับมา ปราดเข้าไป หาเรื่อง สองสาวมีปากเสียงกันพอหอมปากหอมคอก่อนจะแยกย้ายกันไป

ooooooo

พอ ท่านผู้หญิงสรรักษ์รู้ว่าคืนนี้เป็นคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ พึมพำเสียงดังว่า ถึงเวลาที่ผีพลับพลึงจะมาหาตนอีกแล้ว อุไรกลัวมาก จัดแจงชวนอุษามานอนค้างด้วยกัน แต่อ้างว่าอยู่ด้วยกันหลายคน คุณท่านจะได้อุ่นใจ

คุณย่าจะให้อุษามานอนด้วยไหมคะ

ดี...พวก แกจะได้คอยช่วยกันไล่นังพลับพลึงให้ฉัน เอาพระมาด้วยเยอะๆนะ นังพลับพลึงมันเป็นผี...ผีกลัว พระท่านผู้หญิงพูดจบหัวเราะลั่น อุษากับอุไรมองสบตากันสีหน้าหวาดหวั่นที่ท่านคุ้มดีคุ้มร้าย...

เสร็จ จากดูแลคุณย่า อุษาหลบเข้าห้องตัวเอง หยิบจดหมายที่พันธ์สูรย์ฝากแม่ครัวมาให้ขึ้นมาเปิดอ่านเป็นจดหมายนัดแนะให้ ไปเจอกันที่เดิม พรุ่งนี้บ่ายสองโมง อุษาทั้งดีใจและกังวลใจปนกัน...

ดึก สงัดคืนนั้น เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นทุกคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ปรากฏขึ้นเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง ทั้งแสงจากเทียนไขที่ถูกจุดขึ้นภายในห้องใต้โดม รวมทั้งชายในชุดเสื้อคลุมสีดำสวมหมวกหลุบต่ำบนรถม้าที่ควบมายังคฤหาสน์ เสียงเพลงชวนขนหัวลุกเพลงนั้นปลุกวิรงรองให้ตื่นจากหลับใหล ลุกขึ้นไปยืนมองที่หน้าต่าง เห็นชายในชุดเสื้อคลุมสีดำสวมหมวกขับรถม้ามาหยุดบริเวณใต้หน้าต่างห้อง

ชาย คนนั้นเงยหน้าขึ้นมองช้าๆวิรงรองกลัวเขาจะเห็นรีบหลบเข้าเงามืด ก่อนจะค่อยๆโผล่หน้าออกไปดู เขายังคงเงยหน้าขึ้นมามองราวกับรอใครบางคนลงไปหา หมวกที่หลุบต่ำทำให้เห็นใบหน้าไม่ชัดเจน เพียงแค่นั้นก็สร้างความตื่นตระหนกให้วิรงรองไม่น้อย...

เสียง คนเดินลากโซ่ตรวนดังใกล้ห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์เข้ามาทุกขณะ เจ้าของห้องรู้สึกตัวตื่นเรียกหาอุษาและอุไรแต่ไม่มีใครได้ยิน เสียงเดินลากโซ่ตรวนมาหยุดที่หน้าประตูห้อง พลันประตูเปิดผลัวะ เผยให้เห็นใบหน้าสวยของพลับพลึงที่ค่อยๆเละจนกระทั่งเหลือเพียงโครงกระดูก  ท่านผู้หญิงสรรักษ์กรีดร้องด้วยความหวาดกลัวก่อนจะตกใจตื่นจากความฝัน อุษาและอุไรพลอยตื่นไปด้วย ปราดเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น

นังพลับพลึงมันมาอีกแล้ว มันมาอีกแล้ว...ท่านผู้หญิงสรรักษ์ร้องไห้โฮด้วยความหวาดกลัว...

เสียงกรีดร้องของท่านผู้หญิงสรรักษ์จางหายไป เช่นเดียวกับชายในชุดดำกับรถม้าคันนั้น

ooooooo

วิรงรอง อยากรู้เรื่องชายในชุดดำกับรถม้า จึงไปสอบถามนายสมและขอให้ช่วยพาไปโรงเก็บรถม้า เขากลับพาไปยังโรงไม้ซึ่งภายในมีรถม้าสภาพเก่าผุพังจอดอยู่ ดูแล้วไม่น่าจะใช้งานได้

มีคันเดียวนี่หรือคะ

นาย สมยืนยันว่ามีคันเดียว วิรงรองเดินเข้าไปสำรวจใกล้ๆ พบเศษดินใหม่ๆติดอยู่ที่ล้อเหมือนเพิ่งกลับเข้ามา เธอชี้ให้นายสมดู เขาถึงกับชะงักแต่กลับบอกว่าไม่มีอะไร วิรงรองบรรยายลักษณะของชายที่เธอเห็นเมื่อคืนให้เขาฟังเผื่อจะจำได้ว่าเป็น ใคร นายสมรีบตัดบทบอกให้วิรงรองกลับไปได้แล้ว...

หญิง สาวผู้มาใหม่ไม่ละความพยายาม เรียกอุไรมาสอบถามเรื่องราวต่างๆภายในคฤหาสน์ อุไรรีบออกตัวว่าเธอไม่ใช่พวกปากโป้ง ไม่มีอะไรจะบอกทั้งสิ้น แต่เรื่องราวต่างๆกลับพรั่งพรูจากปากเธอราวกับทำนบแตกทั้งเรื่องที่พลับพลึง เป็นน้องสาวของท่านผู้หญิงสรรักษ์ รวมถึงเรื่องที่ท่านเจ้าพระยาเกิดถูกตาต้องใจน้องเมียจนเกิดเรื่องราวใหญ่โต สองพี่น้องมองหน้ากันไม่ติด

ตอนหลังดูเหมือนคุณพลับพลึงจะตัดสินใจหนีออกจากโดมทองเพื่อตัดปัญหา ส่วนเจ้าคุณก็ตรอมใจตาย

เล่า เสร็จสรรพ อุไรขอตัวกลับไปทำงานต่อ วิรงรองอดแปลกใจไม่ได้ทำไมชื่อของผู้หญิงคนนั้นถึงมาคล้ายกันกับของตนที่ พิชญ์เรียกขาน และยังมีเรื่องแปลกๆของรถม้าคันนั้นอีก

ooooooo
ที่มา:http://www.thairath.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น