วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่อง โดมทอง ตอนที่ 4

 อ่านเรื่องย่อละคร เรื่อง โดมทอง ตอนที่ 4

ขณะที่วิรงรองกำลังโทร.ไปขอบคุณแม่สำหรับของฝาก มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เธอรีบขอตัววางสายสักพักจะโทร.กลับไปใหม่ แล้วเดินไปเปิดประตูรับ นิ่วหน้าแปลกใจที่เห็นอดิศวร์ยืนอยู่ เขาลืมเอาของฝากให้เธออีกอย่างหนึ่ง จับมือวิรงรองขึ้นมาแล้ววางของนั้นลงไป

“ของชำร่วยงานแต่งงานพิชญ์กับพิณทอง...

ไม่ต้องขอบใจฉันก็ได้” อดิศวร์ยิ้มสะใจ ก่อนจะผละ

จากไป วิรงรองมองของชำร่วยในมือพึมพำน้ำตาไหลพราก

“พิชญ์แต่งงานไปแล้วจริงๆ พิชญ์เป็นคนอื่นไปแล้วจริงๆ”...

อีกมุมหนึ่งของคฤหาสน์โดมทอง แสงแขดีใจ

จน เนื้อเต้นรีบนำข่าวดีมาบอกพี่สาว อุษาไม่เห็นด้วยที่น้องยอมตกเป็นเครื่องมือให้คุณย่าใช้กีดกันวิรงรองให้ ห่างจากอดิศวร์ และที่สำคัญ แสงแขจะหาความสุขไม่ได้ถ้าแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเธอ น่าจะเห็นตัวอย่างจากคุณย่าว่าท่านทุกข์ทรมานขนาดไหน แสงแขเชื่อมือตัวเองว่าจะทำให้อดิศวร์รักเธอจนได้ อุษาพยายามจะทักท้วงแต่เธอไม่อยากฟัง ขอร้องอย่ามายุ่งกับชีวิตเธอ...

ด้าน วิรงรองร้องไห้จนสาแก่ใจแล้วจึงเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา ตั้งใจจะลืมอดีตให้หมดไปจากใจ จังหวะนั้น อนิรุทธิ์โทร.เข้ามือถือพอดี แจ้งว่าพรุ่งนี้ก่อนสิบโมงเช้าจะเข้าไปหาเธอที่โดมทอง ทีแรกวิรงรองไม่อยากให้มา แต่ทนเสียงรบเร้าของเขาไม่ไหว

ooooooo

วิรงรอง เข้าไปหาอดิศวร์ที่ห้องทำงานแต่เช้า วันนี้จะมีเพื่อนมาเยี่ยมขอลางานหนึ่งวัน เขาลีลาท่ามากซักโน่นถามนี่เหมือนจะไม่ให้ไปแต่สุดท้ายก็อนุญาต หนำซ้ำยังเชิญชวนให้เธอกับเพื่อนอยู่กินข้าวกลางวันด้วยกัน

“ไม่จำเป็นค่ะ เพราะดิฉันคิดว่าออกไปพบกันข้างนอกดีกว่า ดิฉันไม่ชอบถูกคนตบหัวแล้วลูบหลัง”

วิรงรองยังแค้นใจไม่หายที่เขาใจร้ายเอาของชำร่วยงานแต่งงานของพิชญ์มาฝาก...

อดิศวร์แวะมาหาคุณย่าที่ห้องเหมือนเช่นเคย

แต่ ต้องแปลกใจที่วันนี้กลับพบแสงแขอยู่ปรนนิบัติพัดวีให้ท่านแทนที่จะเป็นอุษา หรืออุไร ท่านผู้หญิงสรรักษ์เดินตามแผนที่วางไว้ ขอร้องหลานรักให้อยู่เป็นเพื่อนจนกว่าเธอจะหลับ เพื่อเปิดโอกาสให้แสงแขได้อยู่ใกล้ชิดเขา...

ไม่ใช่จะมีแต่ท่านผู้ หญิงสรรักษ์เท่านั้นที่มีแผน อดิศวร์ก็วางแผนให้วิรงรองกับเพื่อนอยู่กินมื้อเที่ยงและเที่ยวที่อาณาจักร โดมทองไม่ไปไหนไกลหูไกลตา เขาลงทุนดักรอเชิญชวนแขกผู้มาเยือนด้วยตัวเอง สร้างความไม่พอใจให้วิรงรองอย่างมากที่เขาเจ้ากี้เจ้าการ...

แม้จะ ไม่ชอบใจการกระทำของอดิศวร์ แต่วิรงรองก็ยอมอยู่เที่ยวที่โดมทองตามคำเชิญชวน ครู่ต่อมาเธอขี่ม้าพาอนิรุทธิ์ชมวิวสวยไปตามทางจนกระทั่งถึงทุ่งพลับพลึงที่ กำลังออกดอกสะพรั่งไกลสุดลูกหูลูกตา อนิรุทธิ์ตื่นตาตื่นใจมาก กระเซ้าว่าทุ่งแห่งนี้ราวกับทำไว้รอต้อนรับวิรงรอง

“ใครที่ไหนเขาจะ ทำอย่างนั้น...นี่วิคิดเองนะเพราะถ้าถามก็คงไม่มีใครบอก ท่านเจ้าของบ้านคงปลูกเพื่อเป็นที่ระลึกถึงภรรยา ก็ที่เคยเล่าให้ฟังไงว่าท่านเจ้าคุณสรรักษ์มีภรรยาสองคน ภรรยาน้อยชื่อคุณพลับพลึง”

“ลองปลูกไว้ขนาดนี้แสดงว่าท่านคงรักคุณพลับ– พลึงมาก ชักอยากเห็นหน้าเธอเสียแล้วสิ”

วิรงรอง ชี้หน้าตัวเองให้อนิรุทธิ์ดู เขามองงงๆ เธอยืนยันว่าเป็นความจริงเพราะวันที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์เห็นเธอครั้งแรก ท่านตะโกนใส่หน้าเธอลั่นว่าออกไปนังพลับพลึง ทีแรกเธอก็คิดเหมือนใครต่อใครที่นี่ว่าท่านคงเพ้อไปเอง เพราะไม่มีใครเคยเห็นแม้แต่รูปของคุณพลับพลึง แต่มีบางอย่างในแววตาและน้ำเสียงของท่าน ทำให้เธอลังเล และคืนก่อนที่เธอจะมาที่โดมทอง เธอฝันเห็นตัวเองมาที่นี่และผู้ชายคนหนึ่งเรียกเธอว่าพลับพลึง เช่นกัน

“ตายล่ะหว่า นอกจากท่านผู้หญิงซึ่งเป็นคนแล้วยังมีผีที่เข้าใจผิดอีก” อนิรุทธุิ์พูดติดตลก

แต่วิรงรองไม่ขำด้วย ที่ประหลาดกว่านั้นก็คือโดมทองในความฝันเหมือนกับโดมทองในความจริงไม่มีผิดเพี้ยน ทั้งๆที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

ooooooo

ใน ระหว่างที่วิรงรองเล่าเรื่องประหลาดๆ เกี่ยวกับคฤหาสน์โดมทองให้เพื่อนรักฟัง โอบวิ่งแจ้นไปรายงานแสงแขว่า วิรงรองพาเพื่อนผู้ชายมาที่นี่ แถมคุณอดิศวร์ต้อนรับขับสู้อย่างดี สั่งให้อุษาเตรียมอาหารไว้ให้แสงแขโกรธตามไปต่อว่าพี่สาวถึงในครัวว่าเรื่อง อะไรต้องไปทำโน่นทำนี่ให้ แขกคนนั้นก็ไม่ใช่แขกของอดิศวร์สักหน่อย

“พี่ทำตามคำสั่งของคุณลบ หรือจะให้พี่บอกคุณลบว่าเธอสั่งไม่ให้ทำ”

แสงแขถึงกับอึ้ง ไม่กล้าโวยวายอะไรอีก...

เรื่อง แปลกประหลาดของโดมทองไม่ได้มีเพียงเท่านั้น วิรงรองยังเล่าเรื่องรถม้าลึกลับให้อนิรุทธิ์ฟังและพาไปดูที่โรงเก็บไม้ เนื่องจากไม่มีกุญแจไข ทั้งคู่ได้แต่มองลอดรอยแตกของประตูเลยเข้าไปดู อนิรุทธิ์เห็นสภาพผุพังของรถม้าแล้วไม่น่าจะใช้งานได้ ทันใดนั้น ม้าสองตัวทั้งคู่ผูกไว้ใต้ต้นไม้ใกล้ๆ เกิดตื่นอะไรบางอย่าง

วิรงรอง กับอนิรุทธิ์พยายามจะทำให้มันสงบแต่ไร้ผล จังหวะนั้น นายสมขับรถกอล์ฟพาคนงานอีกสองคนแล่นมาจอดใกล้ๆ อาสาจะจัดการม้าให้เอง แล้วทิ้งรถกอล์ฟให้วิรงรองกับเพื่อนไว้ใช้แทน

ไม่นานนัก วิรงรองขับรถกอล์ฟกลับคฤหาสน์ อนิรุทธิ์เห็นเธอหน้าเครียด พยายามยั่วให้หัวเราะ วิรงรองหมั่นไส้ไล่ตีเขาไปรอบๆ ด้วยท่าทางสนิทสนม อดิศวร์ยืนมองอยู่ที่ประตูบ้านไม่ค่อยจะชอบใจนัก ตะโกนเสียงดังว่าอาหารพร้อมแล้ว ทั้งคู่สะดุ้งโหยง หยุดวิ่งไล่กันทันที...

อดิ ศวร์ปล่อยให้วิรงรองกับอนิรุทธิ์กินมื้อเที่ยงด้วยกันเพียงลำพัง อนิรุทธิ์เห็นด้วยกับวิรงรองว่าผู้คนที่นี่แปลกๆชอบกล บรรยากาศภายในคฤหาสน์ก็อึมครึมบอกไม่ถูก สรุปแล้วเธอไม่เหมาะกับที่นี่ ชวนกลับกรุงเทพฯ ด้วยกันวันนี้เลย วิรงรองอึกอักอ้างโน่นนี่ แต่เหตุผลสำคัญที่ทำให้เธอกลับไม่ได้ก็เพราะไม่อยากเจอพิชญ์

อนิรุทธิ์ สงสารวิรงรองมาก กุมมือเธอไว้เพื่อปลอบใจ โอบ ซึ่งแอบมองอยู่ตามคำสั่งของแสงแขถึงกับตาโตคิดไปในทางเสื่อมเสียว่าทั้งคู่ จับมือถือแขนกันกลางวันแสก รีบไปรายงานเจ้านายทันที...

แสงแขไม่รอ ช้า นำเรื่องที่โอบรายงานไปฟ้องอดิศวร์อีกทอดหนึ่ง แต่เขากลับทำเป็นไม่ใส่ใจ นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของวิรงรอง ถ้าเธอไม่มีอะไรแล้วเขาขอตัวทำงานต่อ แสงแขทำหน้าสำนึกผิด ขอโทษที่นำเรื่องไม่สบายใจมาเล่าให้ฟัง แล้วขอตัวไปดูแลคุณย่าต่อ ทันทีที่พ้นสายตาอดิศวร์ แสงแขยิ้มแย้มสะใจ...

เสร็จจากอาหารมื้อ อร่อยฝีมืออุษาแล้ว วิรงรองพาอนิรุทธิ์ไปเยี่ยมชมห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ซึ่งเต็มไปด้วยรูปภาพของ บรรดาบรรพบุรุษของอดิศวร์ อนิรุทธิ์เห็นรูปท่านหญิงสรรักษ์ตอนสาวๆ แล้วอดสงสัยไม่ได้ว่า สวยขนาดนี้แล้วทำไมท่านเจ้าคุณยังแอบปันใจให้หญิงอื่นอีก ชักอยากจะเห็นรูปของคุณพลับพลึง และเชื่อว่าต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งในคฤหาสน์หลังนี้

“วิก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เผลอๆอาจจะอยู่บนห้องเก็บของที่ยอดโดมก็ได้” วิรงรองมองขึ้นไปข้างบนนัยน์ตาวาวอย่างมีแผน...

หลัง จากวิรงรองพาอนิรุทธิ์ไปลาอดิศวร์แล้ว เดินมาส่งเขาที่รถ อนิรุทธิ์มองไปทางประตูรั้วเห็นนายสมเปิดประตูคอยท่าอยู่ก่อนแล้ว อดสงสัยไม่ได้ว่ารู้ได้อย่างไรว่าเขาจะกลับ

“ก็บอกแล้วว่าคนที่นี่มีอะไรแปลกๆ”

“ผม ไปล่ะ จะแวะไปรายงานคุณว่าลูกสาวสบายดี” อนิรุทธิ์พูดจบก้าวขึ้นรถ วิรงรองเตือนว่าห้ามเล่าเรื่องแปลกๆของที่นี่ให้ฟัง ไม่อยากทำให้ท่านไม่สบายใจ เขาพยักหน้ารับคำ วิรงรองโบกมือให้ยืนส่งเขาจนลับสายตาไม่ทันเห็นอดิศวร์มายืนอยู่ด้านหลัง เขาแขวะว่าท่าทางจะอาลัยอาวรณ์กันมาก วิรงรองหันมองอย่างโกรธๆทั้งสองคนโต้เถียงกัน อดิศวร์ตำหนิเธอที่เที่ยวให้ผู้ชายจับมือถือแขน เธอก็ด่าเขากลับที่ชอบส่งคนมาสอดแนมเธอ

“แล้วเธอล่ะ เที่ยวสอดแนมไปทั่วบ้านฉันนะ เขาเรียกว่าอะไร”

วิรงรองรู้ทันทีว่านายสมมาฟ้อง อดิศวร์ไม่

อยาก ให้เธอถือโทษแก เพราะเขาเป็นคนสั่งให้แกคอยเดินตรวจตราบริเวณบ้าน เธอเองต่างหากที่ออกไปให้แกเห็นเอง วิรงรองอ้าปากจะเถียงแต่อดิศวร์ชิงพูดขึ้นเสียก่อน

“เธอจะแก้ตัวว่าเจอผีอีกใช่ไหม คนที่นี่เขาอยู่กันมาตั้งนาน ทำไมไม่มีใครเห็น”

“แน่ ใจหรือคะ อย่างน้อยก็ท่านผู้หญิงคนหนึ่งล่ะ” วิรงรองสะบัดหน้าเดินเข้าบ้าน อดิศวร์โกรธตามมาคว้าแขน เตือนว่าอย่าเอาคุณย่าของเขามาเกี่ยวด้วย วิรงรอง เถียงคำไม่ตกฟากว่าพูดเรื่องจริง ถ้าไม่เชื่อก็เชิญไปถามท่านดูเอง เธอรู้ดีว่าเขาเองก็รู้อยู่แก่ใจ อดิศวร์ถึงกับอึ้งที่ถูกจี้ใจดำ

ooooooo

พิชญ์ ยังไม่ละความพยายามที่จะหาตัวพลับพลึงหรือวิรงรองให้เจอ วานเพื่อนให้ช่วยจ้างนักสืบตามให้บังเอิญพิณทองจะขึ้นมาตามเขาลงไปกินของ ว่างได้ยินเขาพูดโทรศัพท์เรื่องนี้พอดี อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาให้ตามหาผู้หญิงที่ชื่อพลับพลึงทำไม แต่ไม่กล้าถาม ได้แต่เก็บไว้ในใจ

แต่พอพิณทองเห็นท่าทางใจลอยของพิชญ์แล้ว ตัดสินใจถามว่าพลับพลึงเป็นใคร พิชญ์ถึงกับสะดุ้งทำถ้วยชาในมือหก เฉไฉว่าพลับพลึงเป็นชื่อดอกไม้ชนิดหนึ่ง พิณทองนิ่งเงียบไม่ถามอะไรเขาอีก แต่เก็บความสงสัยนี้ไปถามคุณหญิงวัชรีที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง นั่งเล่นแทน ท่านถึงกับชะงักถามว่ามีอะไร

“พิณได้ยินพิชญ์พูดถึงชื่อนี้คะ พิณรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีความสำคัญกับพิชญ์มาก”

“ป้า ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรหรอกนะ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ที่สำคัญผู้หญิงคนนั้นเป็นอดีตไปแล้วหนูต่างหากคือผู้หญิงที่เขายกย่องตบ แต่งเป็นภรรยา

ป้าอยากให้หนูอยู่กับปัจจุบันมากกว่า อะไรที่แล้วก็ให้มันแล้วกันไปนะลูกนะ” คุณหญิงวัชรีพูดจบ ดึงพิณทองที่น้ำตานองหน้ามากอดปลอบใจ “ตาพิชญ์อายุก็พอสมควรแล้ว คงต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมาบ้าง หนูพิณทำใจให้สบาย อย่าไปถือสาเลยนะลูก”

“ค่ะ...คุณป้า” พิณทองยิ้มทั้งน้ำตา...

คุณ หญิงวัชรีดีแต่บอกลูกสะใภ้ให้ปล่อยวาง ตัวเองกลับตามไปเล่นงานลูกชายที่ลักลอบติดต่อกับแม่ดอกไร้ค่านั่น ทั้งๆที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว พิชญ์ปฏิเสธว่าไม่ได้ติดต่อ คุณหญิงวัชรีไม่เชื่อ

“คุณแม่อยากทราบความจริงใช่ไหมครับ ผมพยายามติดต่อเธอตลอดเวลา แต่พลับพลึงปิดทางผมหมดเธอไปที่ไหนก็ไม่รู้ เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ทำทุกอย่างเพื่อให้ผมตามหาไม่พบ สบายใจกันหรือยังล่ะครับ”

“อย่ามาประชดแม่นะ ขอให้มันเป็นอย่างที่ลูกว่าจริงๆเถอะ ลูกกับพิณทองแต่งงานกันแล้ว ก็ควรจะดูแลรักษาน้ำใจกันให้ดี พิณทองเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม และเหมาะสมกับลูกมากที่สุด แม่เลือกให้ไม่ผิดหรอก”

พิชญ์ทำท่าจะค้าน แต่แล้วเปลี่ยนใจ เงียบไว้น่าจะดีกว่า...

ทาง ด้านแสงแขวางแผนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ได้ใส่ความวิรงรองแถมยังได้ป่วนนังแก่หนังเหนียว สั่งให้โอบไปเก็บดอกพลับพลึงช่อใหญ่มาให้ โอบไม่มีทางเลือก แม้จะกลัวผีมากแค่ไหน แต่กลัวแสงแขมากกว่า คว้าจักรยานปั่นไปยังทุ่งพลับพลึงที่ทั้งมืดทั้งเปลี่ยวทันที รีบตัดช่อพลับพลึงใส่ตะกร้าอย่างรวดเร็ว

ขณะเตรียมจะกลับ สายตาเจ้ากรรมเหลือบไปเห็นชายในชุดเสื้อคลุมตัวยาวกำลังเหม่อมองทุ่ง พลับพลึง โดยยืนหันหลังให้ เธอตะโกนถามเสียงสั่นว่าใคร ชายคนนั้นหายวับไปกับตา โอบตาเหลือกปั่นจักรยานหนีแทบไม่คิดชีวิต เพียงไม่กี่อึดใจก็กลับถึงคฤหาสน์ ละล่ำละลักรายงานเจ้านายสาวที่รออยู่ว่า เจอผีที่ทุ่งพลับพลึง

แสงแขขี้เกียจฟังเรื่องไร้สาระ คว้าช่อดอกพลับพลึงค่อยๆย่องเข้าห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ วางไว้บนหัวเตียง ซึ่งเจ้าของห้องกำลังหลับสนิท แล้วเดินไปยังฟูกตัวเอง ล้มตัวลงนอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

ในระหว่างที่แสงแขกระหยิ่ม ยิ้มย่องที่แผนการขั้นแรกของตนสำเร็จด้วยดี วิรงรองได้รีบโทรศัพท์ที่คาดไม่ถึงจากลานนาเพื่อนรัก เธอต่อว่าวิรงรองว่ามาอยู่โดมทองทั้งทีทำไม่บอกกันบ้าง

“พรุ่งนี้เรา จะให้พี่ชายพาไปหาตัวเองที่โดมทอง พี่ชายเราเป็นเพื่อนห่างๆของคุณอดิศวร์หรือจะให้ไปรับวิมาเที่ยวบ้านเราก็ ได้” เจ้าลานนาใส่เป็นชุด วิรงรองขอให้มารับไปบ้านเธอจะดีกว่า แล้ววางสายสีหน้าสดใสขึ้น...

ฝ่ายลานนาเดินแกมวิ่งมาที่เรือนกล้วย ไม้ ร้องเรียกพี่ชายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พรุ่งนี้ช่วยพาเธอไปโดมทองหน่อย แล้วถามเขาว่า จำเพื่อนของเธอที่ชื่อวิรงรองได้ไหม คนที่เธอจะให้เขาจีบ ตอนนี้วิรงรองอยู่ที่นั่น เห็นว่ามาช่วยดูแลคุณย่าของคุณอดิศวร์ พันธ์สูรย์ตามเข้ามาพอดี ภูไทวานเขาให้ช่วยพาลานนาไปแทน

“เจ้าก็ทราบว่าผมไปไม่ได้”

ลาน นาอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที ซักเป็นการใหญ่ทำไมพันธ์สูรย์ถึงไปที่นั่นไม่ได้ เขาอึกอักไม่ยอมตอบภูไทรีบตัดบทจะพาเธอไปเอง ลานนาไม่ยอมแพ้จะรู้ให้ได้ว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ ภูไทขู่ถ้าไม่หยุดถามจะไม่พาไปโดมทอง แล้วไล่เธอกลับเข้าบ้าน ลานนาเดินสะบัดกลับไปแบบงอนๆ พันธ์สูรย์สงสัยเธอจะไปโดมทองทำไม ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะไป ภูไทรู้แค่ว่าเพื่อนของเธอมาทำงานที่นั่น พันธ์สูรย์มั่นใจว่าต้องเป็นวิรงรอง

ภูไทแปลกใจเขาไปรู้จักเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้ความว่าพบกันตอนเธอเดินทางมาโดมทอง

ooooooo

เสียงกรีด ร้องของท่านผู้หญิงสรรักษ์ทำให้ความสงบเงียบยามเช้ามลายไปสิ้น  อดิศวร์กำลังตรวจเอกสารอยู่ในห้องทำงาน ตกใจรีบวิ่งไปดู พบแสงแขกำลังปลอบคุณย่าอยู่ พอท่านเห็นหลานรักเข้ามารีบฟ้องว่ามีคนเอาดอกพลับพลึงมาวางที่หัวเตียงหวัง กลั่นแกล้งเธอ อดิศวร์สอบถามแสงแขว่า เมื่อคืนเห็นใครเข้ามาหรือเปล่า

“ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยค่ะ แขนอนหลับสนิททั้งคืน” แสงแขโกหกหน้าตาย

ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์มั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือนังพลับพลึงที่หลานชายพามา สมคบกับผีนังพลับพลึงเอาดอกไม้อัปมงคลนั้นมาไว้ในห้องของเธอ อดิศวร์ไม่อยากปรักปรำใคร ขอสอบถามเจ้าตัวก่อน...

ครู่ต่อมา อดิศวร์เรียกวิรงรองมาสอบถามว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่า เธอปฏิเสธลั่นว่าไม่มีวันทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้น ทำไมเขาไม่ลองไปถามแสงแขดู อดิศวร์ไม่พอใจมากที่เธอพูดเป็นทำนองกล่าวหาญาติของเขาอยู่เบื้องหลังเรื่อง นี้ ทั้งคู่มีปากเสียงกัน อดิศวร์เถียงสู้ไม่ได้กระชากเธอเข้ามาใกล้จนใบหน้าเกือบชนกัน วิรงรองพยายามดิ้นหนี เขายิ่งกอดไว้แน่ เธอตวาดลั่นให้ปล่อย เขาจะปล่อยก็ต่อเมื่อเธออ้อนวอนขอร้อง

วิรงรองไม่ยอมทำเด็ดขาด อดิศวร์โกรธที่เธออวดดี ยื่นหน้าเข้าไปจะจูบ แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงร้องเอะอะของโอบทางด้านหลัง เขาหันขวับไปมอง
วิรงรอง ฉวยโอกาสผลักอดิศวร์ออกแล้ววิ่งหนี เขาตวาดโอบลั่นว่าทะเล่อทะล่าเข้ามาทำไม ทีหน้าทีหลังอย่ามาสอดแนมเขาอีก สาวใช้ตัวแสบรับคำก่อนจะเผ่นแนบ...

ใน ขณะเดียวกัน ท่านผู้หญิงสรรักษ์จ้องจับผิดแสงแขที่เอาแต่นั่งก้มหน้า ก่อนจะบอกว่าท่านรู้ว่าเป็นฝีมือเธอที่เอาดอกไม้บ้าบอนั้นมาวางไว้ที่หัว เตียง แต่ท่านยกโทษให้เพราะรู้ว่านั่นเป็นแผนใส่ร้ายนังพลับพลึงหรือวิรงรอง แสงแขโล่งใจ ก้มลงกราบแทบเท้าท่าน ชมว่าฉลาดจริงๆ ท่านผู้หญิงสรรักษ์สวนทันที

“อย่าสอพลอ ฉันละเกลียดนักนังพวกนี้ จะไปไหนก็ไป แล้วก็ตามอุษามาหาฉันด้วย”

แสง แขไม่รอให้บอกซ้ำ รีบเผ่นออกจากห้อง จังหวะเลี้ยวหัวมุมตึก เกือบชนกับโอบที่วิ่งหน้าตื่นเข้ามา เธอละล่ำละลักรายงานว่าเมื่อครู่นี้เห็นอดิศวร์กอดกับวิรงรอง และเกือบจะจูบกันด้วยซ้ำถ้าเธอเข้าไปไม่ทัน แสงแขแค้นใจมาก ต้องหาทางกำจัดนังนั่นให้เร็วที่สุด

ooooooo

พิณทองรับปากคุณ หญิงวัชรีดิบดีว่าจะพยายามทำใจเรื่องพิชญ์กับแฟนเก่า แต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่ได้ หอบเสื้อหอบผ้าจะกลับไปอยู่กับพ่อแม่ พิชญ์ขอร้องไม่ให้ไปเธอก็ไม่ฟัง อ้างว่าอยากอยู่กับตัวเองสักพัก บางทีอาจจะคิดอะไรออก เขาจึงต้องปล่อยให้เธอไป...

เรื่องบาดหมาง ระหว่างพิณทองกับพิชญ์ชักจะไปกันใหญ่ ฝ่ายหญิงคิดมากถึงขั้นจะหนีไปอยู่โดมทองสักระยะเผื่ออะไรต่ออะไรจะดีขึ้น คุณหญิงแก้วทนเห็นลูกทุกข์ใจไม่ได้ แอบโทร.ปรึกษาคุณหญิงวัชรีทั้งๆที่พิณทองห้ามไว้แล้ว คุณหญิงวัชรีรับปากเพื่อนรักว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เองไม่ต้องเป็นห่วง

ไม่ กี่อึดใจถัดมา คุณหญิงวัชรีตามไปเอาเรื่องลูกชายถึงที่ทำงาน ปิดห้องต่อว่ายกใหญ่ พิชญ์ไม่เข้าใจทำไมพิณทองถึงอยากรู้เรื่องพลับพลึงนัก ไม่เห็นเกี่ยวกับเธอตรงไหน ทีเขาไม่เห็นอยากรู้เรื่องส่วนตัวของเธอแล้วทำไมเธอยังมาก้าวก่ายเรื่องของ เขา คุณหญิงวัชรีเถียงแทนลูกสะใภ้ ที่ต้องก้าวก่ายเพราะพิชญ์มีผู้หญิงอื่น

“เธอ นั่นแหละครับผู้หญิงอื่น ผมกับพลับพลึงรักกันมาตั้งนาน เราหวังว่าพอเรียนจบกลับมาจะแต่งงานกัน แต่แล้วพิณก็แทรกเข้ามา แล้วยังจะมาเรียกพลับพลึงว่าคนอื่นอีก”

คุณหญิงวัชรีเตือนลูกว่าแต่ง งานกับพิณทองแล้วก็ควรต้องรับผิดชอบ เขารู้แก่ใจดีถึงแม่จะไม่พูดประโยคนั้นซ้ำๆ ซากๆ เขาก็รู้ว่าควรจะรับผิดชอบพิณทอง คุณหญิงวัชรีแกล้งบีบน้ำตาโทษตัวเองที่แส่มากไป

“คุณแม่อย่าพูดให้ผมดูเลวไปมากกว่านี้เลยครับ เอาเป็นว่าผมกราบขอโทษคุณแม่ก็แล้วกันนะครับ”

“พรุ่งนี้...หนูพิณจะไปโดมทอง” คุณหญิงวัชรีพูดไปบีบน้ำตาไปด้วย พิชญ์ถึงกับชะงัก...

ลาน นาผิดหวังมากอุตส่าห์มาหาวิรงรองถึงโดมทองเพื่อจะได้คุยกันตามประสาเพื่อน รักให้หายคิดถึง แต่ขี่ม้าไปคุยกันไปได้ครู่เดียว ภูไทโทร.มาตามให้กลับไปที่รถ อ้างกับน้องสาวว่ามีธุระด่วน แต่ความจริงแล้วที่เขาทนอยู่ในคฤหาสน์โดมทองต่อไปไม่ได้ก็เพราะโดนอดิศวร์ ต่อว่าเรื่องที่เขารับพันธ์สูรย์ไปอยู่ด้วย แถมอดิศวร์ยังฝากข้อความไปถึงพันธ์สูรย์ว่าอย่าสะเออะมายุ่งกับอุษาเด็ดขาด เพราะเขาจะไม่รับรองความปลอดภัย...

ครู่ต่อมา วิรงรองกับลานนาขี่ม้ามาถึงบริเวณที่รถของภูไทจอดอยู่ ลานนาบ่นอุบเพิ่งคุยกับเพื่อนรักได้นิดเดียวเอง ภูไทขอติดไว้ก่อน วันหลังเราสองคนค่อยชวนวิรงรองไปที่บ้านเรา จะได้คุยกันนานๆ แล้วชวนน้องสาวขึ้นรถ ทั้งสามคนไม่รู้เลยว่าทุกอิริยาบถอยู่ในสายตาของอดิศวร์ตลอด...

ระหว่าง ทางกลับบ้าน ลานนาอดกระเซ้าพี่ชายตัวเองไม่ได้ว่าติดใจเพื่อนของเธอแล้วใช่ไหม เธอจะนัดให้เจอกันตั้งนานแล้ว แต่เขาทำเป็นเล่นตัว ตอนนี้จะให้เธอช่วยสานต่อให้ไหม ภูไทตอบตกลงอย่างเขินๆ...

ทางด้าน วิรงรองกำลังจะขึ้นบันไดกลับห้องพัก แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นอดิศวร์ดักรออยู่ ซักเป็นการใหญ่ว่าไปรู้จักกับสองพี่น้องนั่นได้อย่างไร วิรงรองไม่เคยรู้จักภูไทเพิ่งจะได้พบกันวันนี้ แต่เป็นเพื่อนกับลานนา

“พูดเรื่องนี้มาก็ดีแล้ว พรุ่งนี้ดิฉันขออนุญาตไปบ้านลานนา”

อดิศวร์ไม่อนุญาตพรุ่งนี้แขกที่เขามอบหน้าที่ให้วิรงรองดูแลจะมาถึงโดมทอง เธอจึงต้องอยู่ต้อนรับ...

ฝ่าย ท่านผู้หญิงสรรักษ์เกรงว่าทิ้งไว้เนิ่นนานไปจะไม่ทันกาล ตัดสินใจขอร้องแกมบังคับให้หลานชายแต่งงานกับแสงแข อดิศวร์ตามใจท่านได้ทุกอย่างแต่เรื่องนี้คงต้องขอ แสงแขซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วยถึงกับหน้าเสีย ท่านผู้หญิงสรรักษ์แกล้งบีบน้ำตา ตัดพ้อหลานชายว่าพูดแบบนี้ก็เท่ากับขัดใจเธอ

“เอาเป็นว่าผมต้องขอเวลาคิดบ้างครับ”

“ได้...ได้ ย่าอนุญาตและต้องการคำตอบรับนะลูก”

อดิศวร์นั่งนิ่ง ขณะที่แสงแขแอบยิ้มปลื้ม ความฝันที่จะได้ครอบครองอดิศวร์ใกล้เป็นจริงแล้ว...

แสง แขทนเก็บข่าวดีนี้ไว้คนเดียวไม่ไหว วิ่งโร่ไปคุยอวดให้อุษาฟังว่าในที่สุดเธอจะได้แต่งงานกับอดิศวร์ แม้ตอนนี้เขาจะยังไม่ตอบตกลง แต่ถึงอย่างไรก็คงไม่ปฏิเสธเพราะคุณย่าพูดแกมบังคับให้ตกลง อุษาเตือนว่า แต่งงานกับคนที่เขาไม่ได้รักเรารังแต่จะทุกข์ใจเปล่า แค่นี้ก็มองออกแล้วว่าอดิศวร์ไม่ได้รักเธอ

ไม่เช่นนั้นคงตอบตกลงไปแล้ว แสงแขหงุดหงิด แทนที่พี่สาวจะดีใจด้วยกลับคอยขัดคอตลอดเวลา...

ใน ที่สุดพิชญ์ก็ได้คิด ตามมาง้อพิณทองและปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด พรุ่งนี้เขาจะไปโดมทองพร้อมเธอ เท่ากับเลื่อนเวลาฮันนีมูนให้เร็วขึ้น พิณทองน้ำตาซึมด้วยความดีใจ และไม่ลืมโทร.บอกข่าวดีนี้กับน้าชายที่เธอเคารพรัก

ooooooo

ขณะ ที่วิรงรองกำลังหลับสบายอยู่บนเตียง มีเสียงเพลงบรรเลงที่ฟังแล้วชวนขนหัวลุกดังขึ้น เธอรู้สึกตัวมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นดวงจันทร์วันเพ็ญส่องสว่าง พึมพำกับตัวเองว่านี่เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เสียงฝีเท้าม้าดังใกล้เข้ามาทุกที วิรงรองพุ่งไปที่หน้าต่าง ค่อยๆ มองลงไปเบื้องล่าง

รถม้าลึกลับคัน เดิม เคลื่อนมาหยุดใต้หน้าต่าง ชายในชุดเสื้อคลุมดำสวมหมวก ค่อยๆเงยหน้าขึ้นช้าๆ แสงจันทร์ไร้เมฆบดบังสาดมาตรงใบหน้านั้นพอดี วิรงรองถึงกับตะลึง

“คุณอดิศวร์...นี่มันเกิดอะไรขึ้น หรือว่าเรามาอยู่ในบ้านพวกโรคจิต จะเอาอย่างไรดี...อยากรู้นักว่าถ้าจับได้ คาหนังคาเขา เขาจะทำอย่างไร” คิดได้ดังนั้น เธอคว้าไฟฉายออกจากห้อง สาวเท้ายาวๆอย่างระมัดระวังไปยังจุดที่รถม้าจอดอยู่ กลับพบแต่ความว่างเปล่า เงยหน้าดูห้องใต้ยอดโดมก็มืดสนิท ทันใดนั้นมีเสียงพูดดังขึ้น

“จะออกมาจับผีบ้านฉันหรือ”

วิรงรอง สะดุ้งโหยงไฟฉายหลุดจากมือกลิ้งไปอยู่แทบเท้าอดิศวร์ซึ่งก้มเก็บมันคืนให้ แล้วถามว่าเจอผีหรือเปล่า เธอไม่เจอผีที่ไหนเจอแต่คนโรคจิต อดิศวร์ไม่พอใจ โต้ว่าที่นี่ไม่เคยมีคนโรคจิต

“อย่าคิดนะว่าฉันรู้ไม่เท่าทันคุณ ถึงคุณจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วมากก็เถอะ...เอารถม้าไปแอบไว้ที่ไหน”

อดิ ศวร์งงไม่รู้ว่าวิรงรองพูดเรื่องอะไร เธอต่อว่าเขา ฉอดๆว่าทำไมต้องแต่งตัวเป็นท่านเคาต์ขับรถม้ามาอยู่ใต้หน้าต่างห้องเธอ อดิศวร์ยังไม่ทันจะอ้าปากพูด วิรงรองชิงพูด ขึ้นเสียก่อนว่าอย่าปฏิเสธเพราะเธอเห็นกับตาตัวเอง เขายกมือจะแตะหน้าผากดูว่าเธอตัวร้อนหรือเปล่า หญิงสาวถอยกรูด ยืนยันว่าเห็นเขาจริงๆไม่ได้บ้า คิดไปเอง

อดิศวร์บอกให้เธอเข้าบ้าน แล้วกึ่งดึงกึ่งลากมาหยุดหน้าห้องพักของเธอ สั่งให้เข้านอนได้แล้ว

วิรงรอง ยังคงยืนยันว่าเห็นเขาจริงๆแล้วพาไปดูตรงจุดที่เห็นเขากับรถม้า อดิศวร์หาว่าเธอสร้างเรื่องนี้ ขึ้นมาเพื่อต้องการให้เขาเข้ามาในห้อง วิรงรองโกรธจัดที่ถูกดูหมิ่น ไล่ตะเพิดเขาออกจากห้อง อดิศวร์มองเธอด้วยแววตาเย้ยหยัน ก่อนจะออกไป วิรงรองรีบตามมาปิดประตูล็อกกลอน น้ำตาไหลพรากด้วยความแค้นใจ...

คืน นั้นวิรงรองฝันเห็นชายชุดดำหน้าเหมือนอดิศวร์มาคว้าตัวเธอไปจากพิชญ์ เธอพยายามดิ้นหนี เขายิ่งกอดไว้แน่น เธอร้องเรียกพิชญ์ลั่น ก่อนจะสะดุ้งตื่น รีบดึงผ้าห่มที่พันตัวออกโทษผ้าห่มเจ้ากรรมที่ทำให้ฝันร้าย...

ไม่ ใช่วิรงรองเท่านั้นที่ฝันร้าย ท่านผู้หญิงสรรักษ์ ก็ฝันร้ายเช่นกัน ในฝันเห็นมือปีศาจมาเคาะหน้าต่างเรียกให้ท่านเปิดรับ ท่านรีบลุกไปล็อกกลอน มือนั้นพยายามจะดันหน้าต่างให้เปิด ท่านผู้หญิงสรรักษ์กรีดร้องลั่นให้คนช่วย ก่อนจะสะดุ้งตกใจตื่นสีหน้าหวาดกลัว อุไร

พลอยตื่นไปด้วย รีบเข้าไปปลอบท่านว่าแค่ฝันร้ายเท่านั้น

“มัน เป็นความจริง สมน้ำหน้ามัน กี่สิบปีแล้วล่ะที่มันต้องล่องลอยอยู่ข้างนอก คนทรยศต้องถูกลงโทษ” ท่านผู้หญิงตาวาวโรจน์ด้วยความแค้น ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังกลัวตัวสั่น อุไรเหนื่อยใจกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของท่าน

ooooooo

แสง แขอาการหนักเข้าขั้น อดิศวร์ยังไม่ทันตกปากรับคำจะแต่งงานด้วย เธอกลับยกตัวเองว่าเป็นคู่หมั้นคู่หมายของเขา เห็นอุษาจะเข้าไปพบอดิศวร์ ปราดเข้าไปขวางหน้าประตู ถามว่ามีธุระอะไร

“มากไปไหม แสงแข” อุษาเสียงเขียว

“ไม่...แขเป็นคู่หมายของคุณลบ ใครจะเข้าพบ ต้องผ่านแขก่อน”

อุษา ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ก่อนจะเคาะประตูห้องทำงานอดิศวร์แล้วเปิดเข้าไป แสงแขรีบตามไปติดๆอดิศวร์เงยหน้าจากกองเอกสารถามแสงแขว่าเข้ามาทำไม เธอจะมาถามว่ากลางวันนี้เขาอยากจะกินอะไร เขาทักท้วงว่า นั่นมันหน้าที่อุษาไม่ใช่หรือ หน้าที่เธอคือดูแลคุณย่า ไม่ควรทิ้งท่านมาอย่างนี้ แสงแขอ้างว่า คุณย่าสั่งให้เธอคอยดูแลเขา อดิศวร์ไม่ต้องการคนดูแล ไล่เธอกลับไปหาคุณย่า แล้วหันไปสั่งการกับอุษา

“เย็นนี้ไม่ต้องเตรียมอาหารให้พี่กับแขกที่จะมาพักเพราะพี่จะพาเข้าไปกินในเมือง”

อุษารับคำ แล้วออกจากห้อง ขณะที่อดิศวร์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้สีหน้าครุ่นคิด...

ทาง ฝ่ายวิรงรองไม่รอช้า โทร.เล่าเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้อนิรุทธิ์ฟัง ยืนยันว่าชายลึกลับบนรถม้าคืออดิศวร์ เพราะหน้าเหมือนกันราวกับแกะ แต่ถ้าชายคนนั้นไม่ใช่เขาก็ต้องเป็นผี อนิรุทธิ์ขำกลิ้ง วิรงรองเตือนว่า อย่าเพิ่งทำเป็นหัวเราะ บ้านหลังนี้มีอะไรแปลกๆหลายอย่าง เธอกำลังคิดว่าน่าจะมีใครบางคนถูกขังบนยอดโดม และผู้ที่ต้องสงสัยมากที่สุดน่าจะเป็นอดิศวร์ ส่วนสาเหตุที่ทำตอนนี้เธอยังไม่รู้ แต่จะสืบให้รู้ให้ได้...

แสงแข ยังบ้าไม่เลิก คาดคั้นให้อุษาบอกมาว่า เมื่อครู่นี้คุยอะไรกับอดิศวร์ อุษาว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เขาแค่บอกว่าหลานสาวของเขาที่เพิ่งแต่งงานจะมาพักที่นี่เร็วกว่ากำหนดเดิม แสงแขตัดพ้อทำไมไม่มีใครบอกเรื่องนี้ ในเมื่อเธอเป็นคู่หมั้นเจ้าของบ้าน เธอควรจะรู้ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ อุษาหาว่าเธอคิดไปเองคนเดียว น่าจะถามอดิศวร์เสียก่อนว่าเห็นเธอเป็นคู่หมั้นด้วยหรือเปล่า

“แขจะไปถามคุณลบ พี่อุษาจะได้เลิกข้องใจเสียที” แสงแขพูดจบบ่ายหน้าไปยังห้องทำงานของอดิศวร์...

ใน ระหว่างที่วิรงรองกำลังจะเข้าไปหาอดิศวร์ตามที่ถูกเรียกตัวให้มาพบ เจอแสงแขตรงหน้าห้องพอดี เธอถามเสียงเขียวจะเข้าไปทำไม วิรงรองอ้างว่าอดิศวร์เรียกมาพบ แสงแขไม่เชื่อ เธอท้าให้เข้าไปถามเขาเอาเอง

“ไม่ ต้องมาท้า จำใส่กะลาหัวไว้นะ ฉันเป็นคู่หมั้นคู่หมายของคุณลบ เพราะฉะนั้นเขาไม่มีสายตาจะมองใคร ได้อีก ถึงจะเล่นๆกับผู้หญิงใจง่ายก็ตาม เขารักฉันมาก”

วิรงรองรำคาญรีบตัดบท “ฉันจะเข้าไปได้หรือยัง หรือว่าคุณจะเข้าไปด้วย”

แสงแขคุยโม้ว่า ไม่จำเป็นต้องเข้าไป เพราะอดิศวร์ต้องเล่าให้ฟังอยู่แล้ว...

ทันที ที่วิรงรองเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป อดิศวร์ต่อว่า ว่าทำไมมาช้านัก เธอช้าเพราะมัวแต่ตอบคำถามคู่หมั้นของเขาอยู่ อดิศวร์นิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนจะแจ้งว่า แขกพิเศษของเขาจะมาถึงเย็นนี้ แต่เขาจะพาไปกินข้าวในเมือง คงจะกลับดึกหน่อย เธอไม่ต้องอดหลับอดนอนรอ ให้ไปพบแขกของเขาเช้าวันรุ่งขึ้นเลย...

อดิศวร์หมดความอดทนอดกลั้น กับแสงเข เรียกเข้ามาเคลียร์เรื่องที่คุณย่าจะให้เขาแต่งงานกับเธอ เขาไม่เคยคิดกับเธอเป็นอื่นนอกจากน้องสาว แม้เราสองคนจะเป็นพี่น้องที่ห่างกันมาก แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องกันอยู่ดี เขาคงแต่งงานกับเธอไม่ได้ ที่คุณย่าพูดเพราะเห็นว่าเราสองคนโสดด้วยกันทั้งคู่ แสงแขทนฟังไม่ไหว วิ่งหนีไปทั้งน้ำตา อดิศวร์ได้แต่ถอนใจ หนักใจ...

ครู่ต่อมา แสงแขเข้ามาหาฟ้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ด้วยน้ำตานองหน้าว่า อดิศวร์เพิ่งบอกว่าไม่ได้รักเธอและจะไม่แต่งงานกับเธอ แทนที่จะเห็นใจท่านกลับสมน้ำหน้าที่เธอสาระแนไปประกาศปาวๆว่าเป็นคู่หมั้น ของเขา ต่อไปต้องเก็บปากเก็บคำอยู่เงียบๆ ปล่อยให้ท่านจัดการเอง ในเมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์เราก็ต้องเอาด้วยกล
ที่มา:http://www.thairath.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น