วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่อง โดมทอง ตอนที่ 6

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่อง โดมทอง ตอนที่ 6


หลังจากเล่าเหตุการณ์ประหลาดเมื่อคืนให้อุษาและอุไรฟังแล้ว วิรงรองไม่ลืมที่จะขยายเรื่องนี้เผื่อแผ่ไปถึงอนิรุทธ์ด้วย เธอบ่นเสียดายที่ไม่เห็นหน้าคุณพลับพลึงเนื่องจากมีหมอกควันมาบังไว้ เขาติงว่าเป็นแค่ความฝันเท่านั้น วิรงรอง ยืนกรานว่าไม่ใช่ ทั้งหน้าต่างที่เปิดได้เองและยังมีดอกพลับพลึงนั่นอีก

“หน้าต่างเปิดอาจเป็นเพราะแรงลม ส่วนเรื่องดอกพลับพลึงก็อาจจะเป็นคุณอดิศวร์เขานึกหมั่นไส้วิ...”

“เขา ไม่ใช่คนอย่างนั้น ดอกไม้นั่นไม่ได้มาจาก เขาแน่...รุทธ์...วิจะเอาจริงแล้ว จะเริ่มต้นสืบเรื่องราวทั้งหมด แล้วถ้าติดขัดอะไร วิจะโทร.มาปรึกษา...โอเคนะคู่หู” วิรงรองไม่รอคำตอบ วางสายทันที อนิรุทธ์เหนื่อยใจกับเพื่อนหัวรั้นคนนี้จริงๆ...

ในเวลาต่อมา วิรงรองออกไปขี่จักรยานเล่นเพื่อ ให้สมองปลอดโปร่งเตรียมรับมือกับการสืบเรื่องราวลี้ลับของที่นี่ ขณะที่ปั่นจักรยานผ่านบริเวณเรือนคนรับใช้ซึ่งเงียบสงัด มีเสียงหน้าต่างปิดดังปัง วิรงรองหยุดรถหันไปมองตามเสียงเห็นหน้าต่างอีกบานหนึ่งเหมือนมีคนดึงให้ปิด เธอลงจากจักรยานเข้าไปดูใกล้ๆ

“ฮัลโหล...มีใครอยู่หรือเปล่าคะ”

ทุกอย่าง เงียบกริบ บรรยากาศโดยรอบวังเวงชอบกล วิรงรองตัดสินใจหันหลังกลับ ต้องตกใจร้องลั่นเมื่อเจออุไรยืนอยู่ เธอต่อว่าว่าน่าจะให้ซุ่มให้เสียงบ้างมายืนเงียบๆแบบนี้หัวใจจะวายตาย แล้วนึกขึ้นได้ วันก่อนเราสองคนยังคุยกันไม่จบ รีบลากแขนอุไรออกไปจากตรงนั้น...

ภายในห้องที่วิรงรองเห็นหน้าต่าง ปิดเอง ได้นั้นกลับเป็นเพียงห้องร้างที่เต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ ข้าวของก็เก่าผุพังไปตามกาลเวลา มีร่างของใครบางคนยืนอยู่ใกล้ หน้าต่างราวกับจะมองลอดรอยแตกไปให้เห็นภาพด้านนอก ร่างนั้นค่อยๆหันกลับมาเผยให้เห็นใบหน้าน่ากลัวของพิศ คนสนิทของท่านผู้หญิงสรรักษ์ที่ตายไปแล้ว...

ทางด้านวิรงรองหลอกล่อ ไปมา จนอุไรหลุดปากว่ารูปภาพของท่านเจ้าคุณสรรักษ์กับคุณพลับพลึงอาจจะถูกเก็บไว้ ในห้องเก็บของหลังเก่า ใกล้โรงเก็บม้าร้าง วิรงรองแปลกใจ คราวก่อนไปกับนายสมไม่เห็นเจอแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเห็นใกล้เวลานัดกับ อุษา เสียดายที่ไปสำรวจตอนนี้ไม่ได้

“ไปตอนไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหละค่ะ...ผีดุ” อุไรทำท่าสยอง

ooooooo

อุษา เข้าไปแจ้งอดิศวร์ว่าจะพาวิรงรองไปเที่ยวตลาดในเมืองตามที่ขออนุญาตไว้ ตั้งแต่เมื่อวาน เขาเห็นท่าทางมีพิรุธของญาติผู้น้อง ดักคอว่าไม่ได้แอบนัดใครไว้ใช่ไหม อุษาสะดุ้งคิดว่าเขาจับได้เรื่องที่เธอนัดแนะกับพันธ์สูรย์ แต่กลายเป็นว่าอดิศวร์ระแวงว่าวิรงรองจะแอบนัดภูไทเอาไว้

“เปล่าค่ะ คุณวิไม่ได้นัดพบเจ้าภูไทแน่นอน” อุษาว่าแล้วแอบถอนใจโล่งอก

“ความ จริงถ้าจะนัดพบกันก็เป็นเรื่องของวิรงรอง แต่พี่ไม่ชอบให้มาโกหกกัน จะไปพบใครก็บอกตรงๆ เพราะพี่รับปากกับคุณแม่ของเธอว่าจะดูแลลูกสาวให้อย่างดี”

อุษารับ ปาก เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าวิรงรองไม่ได้นัดพบใครขอให้อดิศวร์วางใจได้ แล้วรีบออกไปพบวิรงรองที่รออยู่หน้าคฤหาสน์อย่างใจจดจ่อ แจ้งกับเธอว่าทางสะดวก อดิศวร์ไม่ติดใจสงสัยอะไร ขณะสองสาวกำลังจะขึ้นรถเก๋งที่จอดอยู่ แสงแขปรี่เข้ามาถามว่าจะไปไหนกันขออนุญาตอดิศวร์แล้วหรือ ยิ่งได้รู้ว่านอกจากเขาจะอนุญาตเรียบร้อย ยังให้เอารถของที่นี่ไปใช้ได้ด้วย

แสง แขไม่พอใจมาก เล่นงานวิรงรองกับพี่สาวตัวเองไม่ได้ หันมาอาละวาดใส่อุไรที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่แทน แม่บ้านเก่าแก่ของคฤหาสน์โดมทองไม่ยอมลงให้เธอเช่นกัน แต่ก็ไม่อยากมีเรื่องด้วย เดินเลี่ยงเข้าตัวตึก แสงแขเจ็บใจที่อุไรไปเข้าพวกกับวิรงรองถึงได้กล้าแข็งข้อกับตน หาทางจะกำจัดทั้งคู่ไปพร้อมกันในคราวเดียว จึงนำเรื่องนี้ไปฟ้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ให้ช่วยจัดการให้...

ครู่ต่อ มา อดิศวร์ถูกท่านผู้หญิงสรรักษ์เรียกตัวมาพบและถูกตำหนิที่อนุญาตให้นังหน้า เหมือนพลับพลึง เอารถของที่นี่ไปขับเที่ยวเล่น อีกไม่นานเขาคงจะยกบ้านหลังนี้ให้เธอไปด้วย อดิศวร์ว่าไม่มีวัน เป็นไปไม่ได้

“ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น ย่าเคยคิดว่าเจ้าคุณสรรักษ์รักย่า จะไม่มีวันนอกใจย่า ไม่เคยคิดว่านังพลับพลึงที่ย่าให้ความเมตตาปรานีจะเนรคุณ แต่แล้ว...” ท่านผู้หญิงสรรักษ์สะอึกสะอื้น

“แต่นี่มันไม่เหมือนกันครับ”

“ไม่ เหมือน แต่มันจะนำไปสู่สิ่งที่ย่าเคยขอร้องลบไว้ คำสัญญาหรือสาบานไม่เคยมีความศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกทรยศ หรือว่าลบอยากจะสาบานกับย่า”

“ผมไม่ชอบสาบานไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งนั้นเพราะเราไม่สามารถรับรองได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต”

ooooooo

ไม่ นานนัก วิรงรองกับอุษามาถึงตลาดนัด พบว่าพันธ์สูรย์ไม่ได้มาคนเดียว แต่ภูไทตามมาด้วย เนื่องจากมีเวลาน้อย วิรงรองจึงปล่อยให้คู่รักได้อยู่กันตามลำพัง ส่วนตัวเองชวนภูไทไปหาร้านเงียบๆนั่งจิบกาแฟกัน เธอมีเรื่องจะสอบถามเขามากมาย โดยไม่ล่วงรู้ว่าอ๊อดพี่ชายของโอบคอยซุ่มดูอยู่และแอบถ่ายรูปไว้...

ทาง ด้านอุษากับพันธ์สูรย์พากันมานั่งคุยที่ศาลาท่าน้ำ โดยฝ่ายหญิงสาวมีท่าทีหวาดระแวงคอยหันมองไปทั่วบริเวณเป็นระยะๆ พันธ์สูรย์รู้ทัน ปลอบให้ใจเย็นๆไม่ต้องกลัวใครจะมาเห็น คนที่โดมทองไม่มีวันลดตัวมาแถวนี้ แต่เขาหารู้ไม่ว่าอ๊อดสะกดรอยตามทั้งคู่มาตั้งแต่แยกกับวิรงรองและภูไทแล้ว

พันธ์ สูรย์สารภาพความจริงว่า ตั้งแต่มีเรื่องกับอดิศวร์ครั้งสุดท้าย เขาตั้งใจจะตัดอุษาให้หมดไปจากใจ แต่ทำไม่สำเร็จ เขาจึงตัดสินใจว่าจะขอต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อที่เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกัน และจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาพรากเราจากกันอีก อุษาน้ำตาซึม รู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ อดิศวร์ไม่มีวันยอมแน่นอน

“เขามีสิทธิ์ อะไร คุณโตแล้วและก็ไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ย คุณมีอิสระที่จะตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณคนเดียวว่าพร้อมหรือเปล่า...ว่าอย่างไรครับ” พันธ์สูรย์มองเธออย่างรอคำตอบ

อุษานั่งนิ่งอยู่อึดใจก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่ายังไม่พร้อม พันธ์สูรย์ถึงกับหน้าเสีย...

ฝ่าย วิรงรองเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ภูไทฟัง ยิ่งพักหลังได้เห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดบ่อยครั้งขึ้น เธอยิ่งอยากรู้ว่าคุณพลับพลึงจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ทำไมท่านผู้หญิงสรรักษ์ถึงได้นึกว่าเธอเป็นคุณพลับพลึงอยู่ตลอด สงสัยเราสองคนอาจจะมีเค้าหน้าคล้ายๆกัน

“เป็นไปไม่ได้ คนที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยจะมีหน้าตาเหมือนกันได้อย่างไร ผิดหลักวิทยาศาสตร์”

วิรงรอง เชื่อว่ายังมีอีกหลายสิ่งในโลกนี้ที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ ภูไทตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพราะท่านผู้หญิงสรรักษ์อายุมากแล้วสายตาก็เลย ฝ้าฟาง วิรงรองไม่คิดเช่นนั้น อยู่ใกล้แค่เอื้อมท่านคงตาไม่ฟางขนาดเห็นคนหนึ่งเป็นอีกคนหนึ่ง ภูไทฟันธงว่าเธอเชื่อว่าที่โดมทองมีผี

“วิอยากเรียกว่าดวงวิญญาณ มากกว่าค่ะ เป็นดวงวิญญาณที่ยังไปผุดไปเกิดไม่ได้เพราะมีบางสิ่งบางอย่างค้างคาอยู่ ซึ่งวิจะต้องสืบให้รู้ให้ได้”

ภูไทเตือนไม่ให้ไปข้องแวะจะปลอดภัยกว่า วิรงรองลุกออกจากไปหน้าตาเฉยไม่ยอมรับปากอะไร...

ทาง ฝ่ายพันธุ์สูรย์ยังไม่ละความพยายาม แม้ตอนนี้อุษายังไม่พร้อมจะช่วยชีวิตด้วยแต่เขายินดีจะรอจนกว่าจะถึงวันนั้น หญิงสาวถึงกับน้ำตาซึม ไม่อยากให้พันธ์สูรย์คาดหวังอะไรจากเธอ เพราะเธอไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนอกตัญญู เขาสมมติว่าถ้าเกิดท่านผู้หญิงตายขึ้นมา อุษาจะเปลี่ยนใจไหม หญิงสาวตกใจ ขอร้องอย่าพูดอะไรเป็นลางไม่ดีแบบนั้น พันธ์สูรย์ไม่ได้คิดจะแช่งอะไรท่าน แค่พูดเผื่อไว้เพราะท่านอายุมากแล้ว

“เรากลับกันดีกว่าค่ะ” อุษาตัดบทแล้วลุกออกไปทันที พันธ์สูรย์ถอนใจเหนื่อยใจ ก่อนจะเดินตาม...

ระหว่าง ที่รออุษากลับมาที่รถ ภูไทเตือนวิรงรองให้ระวังตัวดีๆโดมทองมีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัย ร.5 คนที่เคยอยู่ที่นั่นเล่าสืบกันมาว่าโดมทองไม่ใช่บ้านธรรมดา แต่มันมีจิตวิญญาณบางอย่าง

“เรียกว่าบ้านผีสิง” วิรงรองว่าแล้วหัวเราะคิกๆ

“ทำเป็นพูดเล่นดีไปเถอะ”

วิรงรอง ไม่ได้พูดเล่น เพราะทั้งเคยเห็นและเคยได้ยินอะไรบางอย่างที่นั่น หลายครั้งเธอยังคิดว่าเป็นสิ่งลึกลับเหนือธรรมชาติแต่บางครั้งก็มีบางอย่าง ทำให้เธอคิดว่าอาจมีใครสักคนอยากทำให้เธอกลัว จังหวะนั้นพันธ์สูรย์กับอุษาตามมาสมทบพร้อมกับหิ้วผลหมากรากไม้มาเต็มสองมือ วิรงรองอดแปลกใจไม่ได้จะซื้อไปทำอะไรมากมาย พันธ์สูรย์อ้างว่าพวกที่โดมทองจะได้ไม่สงสัยว่ามาตลาดทั้งทีไม่มีอะไรติดมือ กลับไป

ทั้งสี่คนมัวแต่สาละวนอยู่กับข้าวของไม่ทันสังเกตเห็นอ๊อดแอบ ถ่ายรูปหมู่ของพวกตนเอาไว้เป็นหลักฐานเล่นงานวิรงรองกับอุษาตามคำสั่งของแสง แข

ooooooo

ขณะที่อดิศวร์ พิณทอง และพิชญ์กำลังวางแผนจะไปจับปูลมชมทะเลกันคืนนี้ อุษาเดินนำวิรงรองเข้ามารายงานอดิศวร์ว่ากลับมาจากตลาดแล้ว พิชญ์อดแขวะไม่ได้ว่าทำราวกับเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย

“ที่นี่มี ระเบียบว่าจะไปก็ต้องลาจะมาก็ต้องไหว้ ทุกคนต้องปฏิบัติตามนี้เพราะอาณาเขตของโดมทองกว้างใหญ่มาก ถ้าใครหายไปก็จะตามหายาก ยิ่งหายไปหลายวันยิ่งอันตราย...” อดิศวร์หยุดพูดเมื่อเห็นวิรงรองขยับจะไป ร้องทักว่าจะไปไหน เธออ้างว่ามีธุระต้องโทร.คุยกับแม่ แล้วเดินออกไปทันที พิณทองแนะให้น้าชายชวนวิรงรองไปเดินกินลมชมทะเลด้วยกัน อดิศวร์มีท่าทีคล้อยตาม ขณะที่พิชญ์ดูอึดอัดใจ...

ครู่ต่อมา อดิศวร์มาชวนกึ่งบังคับวิรงรองตามคำแนะนำของหลานสาว เธอปฏิเสธทันควันว่าขอตัวไม่ไปด้วย อดิศวร์แดกดัน ที่ไม่อยากไปเพราะทนเห็นพิชญ์กับพิณทองหวานใส่กันไม่ได้ใช่ไหม

“เกรงว่าหลานสาวของคุณคงจะทนไม่ได้มากกว่าที่เห็นพิชญ์คอยวนเวียนอยู่กับดิฉัน”

อดิ ศวร์ไม่พอใจที่วิรงรองต่อปากต่อคำกระชากแขนเข้ามาใกล้ แล้วบีบไว้เต็มแรง เธอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่ปริปากร้องสักแอะ เขาหมั่นไส้ในความอวดดื้อถือดีของเธอ รวบตัวมากอดไว้ พิณทองเข้ามาเห็นพอดีร้องทักเสียงดังทำให้ทั้งคู่รู้ตัว วิรงรองรีบผลักอคิศวร์ออก แล้วขยับจะเดินหนี เขาคว้าข้อมือไว้

“เอ่อ ขอโทษค่ะ พิณจะมาชวนคุณวิรงรองไปเดินเล่นชายหาดคืนนี้ แต่น้าลบคงตัดหน้าพิณไปแล้ว”

“คง จะเป็นอย่างที่คุณพิณว่า น้าลบชวนวิรงรองและเธอก็ตอบตกลง” อดิศวร์พูดเองเออเองเสร็จสรรพ พิณทองยิ้มรับ ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไป แอบพอใจกับภาพที่เห็นเมื่อครู่ ทันทีที่เธอลับสายตา วิรงรองสะบัดมืออดิศวร์ออก ยืนยันเสียงแข็งจะไม่ยอมไปไหนกับเขาทั้งนั้น เขาแกล้งแหย่ถ้าเธอไม่ไปก็ไม่ครบคู่

“คุณแสงแขไงคะ รู้สึกว่าเธอต้องเต็มใจไปด้วยแน่”

อดิศวร์ยิ้มพอใจที่เห็นวิรงรองเผลอตัวแสดงท่าทีแบบนั้นออกมา หญิงสาวรู้สึกตัวทั้งโกรธทั้งอาย รีบเดินหนีกลับห้องพัก...

คุณหญิงแก้วอดแปลกใจไม่ได้เมื่อโทร.มาถามข่าวคราวจากลูกสาวแล้วได้ยิน น้ำเสียงแจ่มใสผิดจากวันก่อนลิบลับ แถมลูกยังจะยืดเวลากลับบ้านไปเป็นอาทิตย์หน้า แต่แล้วเธอก็ถึงบางอ้อว่าทำไมพิณทองถึงอารมณ์ดี เป็นเพราะลูกคิดว่าน้าชายที่เคารพรักของตนและวิรงรองอาจจะมีข่าวดีในเร็ว วันนี้

“โอ๊ยตาย...ยังไงแม่ก็ไม่ยอมรับแม่นั่นมาเป็นน้องสะใภ้ พูดแล้วขนลุก”

“ก็ยังดีกว่าให้มาแย่งพิชญ์ไปจากพิณนั่นแหละค่ะ” พิณทองวางสายอย่างขัดอกขัดใจ...

ฝ่าย คุณหญิงแก้วพกพาเอาความหงุดหงิดใจไปฟ้องรัฐมนตรีพจน์ เขากลับโล่งใจที่ลูกสาวจะได้หมดคู่แข่ง ไม่ต้องมานั่งร้องไห้วันละสามเวลาอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้และที่สำคัญอดิ ศวร์จะได้มีคนมาดูแลเสียที คุณหญิงแก้วกลัวแม่นั่นจะมาฮุบสมบัติของญาติผู้น้องมากกว่า เธอจะไม่ยอมให้แม่นั่นมาชุบมือเปิบ...

ในขณะที่คุณหญิงแก้วหาทางกีด กันวิรงรองไม่ให้มาข้องแวะกับอดิศวร์ แผนการเดินเล่นชายหาดไล่จับปูลมเป็นอันต้องยกเลิก เพราะฝนเทกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา พิณทองเสียดายมากอุตส่าห์วางแผนไว้ดิบดี ฟ้าฝนกลับไม่เป็นใจ พิชญ์ปลอบว่ายังพักที่นี่อีกหลายวัน ไว้ค่อยนัดกันใหม่ก็ได้ จากนั้นอดิศวร์กับวิรงรองแยกไปทางห้องพักของตัวเองที่อยู่อีกปีกหนึ่งของ คฤหาสน์

ooooooo

ตกดึกคืนเดียวกัน ท่ามกลางเสียงฝนและฟ้าที่ร้องครืนๆ กลับมีเสียงหมาหอนโหยหวนดังขึ้น ท่านผู้หญิงสรรักษ์ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น มองไปที่ปลายเตียงเห็นเงาตะคุ่มๆของใครบางคนยืนอยู่ ท่านลุกพรวดทันที

“ใคร...พิศหรือ...ฉันเห็นแกวับๆแวบๆมาหลายครั้งแล้ว”

“พิศมาคอยปกป้องท่านค่ะ” น้ำเสียงของพิศ หลอนๆชวนขนหัวลุก

“ปก ป้องบ้าบออะไร นังพลับพลึงมันมาหลอกมาหลอนฉันตั้งหลายครั้ง ไม่เคยเห็นแกโผล่หัวมาเลย แล้วตอนนี้มันก็ส่งนังผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนมันยังกับพิมพ์เดียวกันมาล่อตา ลบ” ท่านผู้หญิงสรรักษ์โวยลั่น อุไรซึ่งนอนเฝ้าอยู่ข้างเตียงตื่นเพราะเสียงเกรี้ยวกราดของท่าน แต่ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นท่านพูดคุยกับผี

“กำจัดมัน...กำจัดมันให้เหมือนกับที่ฉันกำจัดนังพลับพลึง เอามันไปขังไว้ด้วยกัน”

พิศ รับคำ แล้วหายวับไปกับตา ท่านผู้หญิงสรรักษ์เบือนหน้ามาทางที่อุไรนอนอยู่ เธอรีบทำเป็นหลับ ท่านจ้องมองอยู่อึดใจ ก่อนจะเอนตัวลงนอนอย่างเดิม อุไรค่อยๆ ปรือตามองท่านผู้หญิงด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดๆ...

แม้จะตายไปแล้ว แต่วิญญาณของพิศยังคงเชื่อฟังคำสั่งของท่านผู้หญิงสรรักษ์อย่างเคร่งครัด สะกดจิต

วิรงรองให้ลุกจากที่นอน เดินตามเธอไปยังทางขึ้นยอดโดมที่ถูกปิดตาย...

ขณะ ที่วิรงรองตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เสียงเพลงนางครวญที่แสนเศร้าสร้อยดังฝ่าความเงียบสงัดยามดึก ปลุกอดิศวร์ให้ตื่นขึ้นจากหลับใหล ดึงดูดให้เขาตามเสียงเพลงนั้นไป...

บริเวณ บันไดขึ้นยอดโดมที่ทอดยาว ร่างพิศลอยขึ้นไปช้าๆ ท่ามกลางหมอกซึ่งปกคลุมไปทั่วโดยมีวิรงรองท่าทางคล้ายคนละเมอก้าวตาม ประตูเหล็กที่เคยล็อกกุญแจแน่นหนากลับเปิดออกอย่างง่ายดาย พลันมีเสียง

อดิ ศวร์ตะโกนเรียกวิรงรองดังขึ้น ร่างของพิศเลือนหายไปในพริบตาขณะที่วิรงรองยืนโงนเงนก่อนจะทรุดฮวบอดิศวร์ คว้าตัวเธอไว้ได้ทัน ตลอดเวลานั้นหญิงสาวหลับสนิทไม่รู้สึกตัว

ooooooo

อดิ ศวร์ยังคลางแคลงใจไม่หายเหตุใดประตูเหล็กที่กั้นทางขึ้นยอดโดมถึงเปิดอยู่ ตอนที่พบวิรงรองเมื่อคืน เขาสอบถามเรื่องนี้จากนายสมก็ไม่ได้ความอะไรมากนัก รู้เพียงว่าลูกกุญแจไขประตูดอกนี้อยู่ที่ห้องนายสมไม่เคยมีใครหยิบไปไหน อดิศวร์ตั้งข้อสังเกตหรือว่ากุญแจอาจจะไม่ได้ล็อกตั้งแต่แรกแต่ไม่มีใครรู้

“ก็อาจเป็นไปได้ครับ” นายสมสีหน้าครุ่นคิดสงสัยไม่แพ้เจ้านาย

ประมุขโดมทองทำท่าจะพูดบางอย่างแต่แล้วเปลี่ยนใจ ก้าวฉับๆ กลับตึกใหญ่...

ขณะ ที่อุไรกำลังเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ตอนดึกเมื่อ คืนนี้ให้วิรงรองกับอุษาฟังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น อดิศวร์มาทันได้ยินประโยคสุดท้ายที่อุไรพูดถึงผี สั่งให้เล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นอีกครั้ง วิรงรองขี้เกียจฟังซ้ำจึงเดินเลี่ยงออกมาหามุมสงบนอกตัวตึก นั่งพิงต้นไม้หลับตานึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืน เหมือนความฝันที่ขาดเป็นช่วงๆ ไม่ปะติดปะต่อกัน อดิศวร์ตามเข้ามาเรียก เธอกลับนั่งนิ่ง

ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งข้างๆ จับไหล่วิรงรองเขย่าเบาๆ เธอปรือตามองงงๆ เขาถามด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นอะไรหรือเปล่า หญิงสาวได้สติลุกพรวดขึ้นยืน อารามรีบร้อนซวนเซจะล้ม อดิศวร์รีบประคองไว้ ทั้งสองสบตากันนิ่งงัน แสงแขเข้ามาเห็นพอดี พยายามปรับสีหน้าเป็นปกติทั้งๆ ที่ในใจร้อนรุ่มด้วยแรงริษยา อดิศวร์คลายวงแขนออกจากวิรงรอง ถามแสงแขว่ามีอะไร

“คุณย่าต้องการพบคุณลบค่ะ”

อดิศวร์พยัก หน้ารับรู้ แล้วกลับเข้าตัวตึก ขณะที่วิรงรองเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง แสงแขมองตามชายหนุ่มที่เธอแอบหลงรัก น้อยเนื้อต่ำใจทำไมเขาถึงไม่เคยมองเธอด้วยสายตาแบบนั้นบ้าง...

ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ยังไม่ละความพยายามที่จะยัดเยียดแสงแขให้หลานชายตัวเอง ขอร้องให้เขาช่วยพาเธอออกไปเที่ยวบ้าง อ้างว่าคนอื่นไปเที่ยวตะลอนๆ กัน ส่วนแสงแขต้องอุดอู้เฝ้าตนทั้งวันทั้งคืน อดิศวร์ไม่ขัดข้องยินดีทำตามที่คุณย่าต้องการ แสงแขแอบกระหยิ่มยิ้มย่องที่จะได้ไปเที่ยวกับชายในฝันของตน...

ความ ฝันที่แสงแขวาดไว้เป็นอันต้องสลาย เพราะอดิศวร์ไม่ยอมไปกับเธอตามลำพัง ชวนหลานสาวกับหลานเขยไปเที่ยวด้วย ครั้นหวังจะได้เป็นตุ๊กตาหน้ารถก็ยังดี เขากลับไม่ยอมขับรถเอง ให้นายสมมาขับให้ แล้วตัวเขากับหลานทั้งสองคนไปนั่งเบาะหลัง แสงแขจึงต้องนั่งหน้าคู่กับคนขับรถ เธอได้แต่เก็บความน้อยใจไว้...

ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ที่ดูเหมือนจะคุ้มดีคุ้มร้ายกลับเจ้าเล่ห์เพทุบายนัก รอจังหวะที่อดิศวร์พาแสงแขไปเปิดหูเปิดตา สั่งโอบไปตามตัววิรงรองมาพบ ท่านคาดคั้นให้เธอบอกมาว่าเป็นใครกันแน่ หรือว่าผีนังพลับพลึงส่งมา วิรงรองยืนยันว่าไม่เคยรู้จักหรือเคยได้ยินเรื่องราวของคุณพลับพลึงหรือท่าน ผู้หญิงสรรักษ์มาก่อน และที่เธอมาที่นี่ก็เพราะคุณป้าสุรภีซึ่งเป็นผู้มีพระคุณของเธอส่งมา ขอให้ท่านให้ความยุติธรรมกับเธอด้วย

“ไม่มีความยุติธรรมสำหรับคน เนรคุณ แกมันเลี้ยงไม่เชื่องกินบนเรือนขี้บนหลังคา อีนังพลับพลึง ผีอย่างแกก็ทำได้แค่นี้ ฉันสิเหนือกว่าแกทุกอย่าง จนป่านนี้แกก็ยังไม่ได้พบกับคนที่แกรัก พวกแกจะต้องวนเวียนตามหากันตลอดไปโดยไม่ต้องไปผุดไปเกิด ฉันนี่แหละคือผู้ชนะ ฉันเป็นผู้กุมชะตากรรมพวกแก” ท่านผู้หญิงสรรักษ์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง วิรงรองโต้กลับว่าสภาพอย่างนี้หรือที่ท่านเรียกว่าผู้ชนะ ท่านผู้หญิงสรรักษ์หยุดกึก

“ท่านคือผู้แพ้ต่างหาก แพ้ต่อความรัก โลภโกรธหลง ท่านปล่อยให้โทสะเข้าครอบงำ หมกมุ่นอยู่แต่กับความเกลียดชัง อาฆาตพยาบาท ขอประทานโทษเถอะค่ะ ท่านเคยถามตัวเองไหมคะว่าทุกวันนี้ท่านมีความสุขดีหรือเปล่า ความจริงวัยของท่านขนาดนี้ก็สมควรจะเข้าวัดฟังเทศน์ ทำบุญทำทาน ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ได้แล้ว ท่านโกรธเกลียดเคียดแค้นคุณพลับพลึงโดยที่คุณพลับพลึงไม่ได้มารับรู้ด้วยเลย จนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครได้ข่าวจากเธอ ไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน” วิรงรองเถียงคำไม่ตกฟาก ท่านผู้หญิงสรรักษ์โมโหจัดจนลืมตัวตะโกนลั่น

“ฉันรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน” พอรู้สึกตัวว่าเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ท่านผู้หญิงไล่ตะเพิดวิรงรองกลบเกลื่อน

ooooooo

วิรงรอง ต้องการสืบเรื่องคุณพลับพลึงให้กระจ่าง ตามไปขอกุญแจห้องเก็บของจากอุไรซึ่งเตือนไม่ให้ไปข้องแวะที่นั่นเพราะผีดุ วิรงรองไม่สนใจเรื่องผีจะเอากุญแจให้ได้ อุไรไม่ได้เป็นคนเก็บ ถ้าเธออยากได้ต้องไปขอจากท่านผู้หญิงสรรักษ์เอาเอง วิรงรองถึงกับกุมขมับ

“เวร กรรม...แล้วกุญแจประตูเหล็กที่บันไดจะขึ้นไปยอดโดมล่ะ วิอยากไปดูว่ามีอะไรอยู่ข้างบนนั้น ยิ่งตอนนี้คู่จิ้นเขาไม่อยู่ด้วย” วิรงรองเห็นอุไรทำหน้างงๆ จึงอธิบายว่า “แหม คุณอดิศวร์กับคุณแสงแขไง ก็ท่านผู้หญิงท่านอยากจะให้ทั้งสองคนเป็นแฟนกัน...โอกาสเป็นของเราแล้ว”

อุไรทักท้วง โอกาสที่ว่าเป็นของวิรงรองคนเดียวไม่ใช่ของตนด้วย และขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าตนจะไม่ยอมให้ความร่วมมือเด็ดขาด...

เสีย ทีที่ทำฮึดฮัดขัดขืน พอเอาเข้าจริง อุไรกลับพาวิรงรองมายังหน้าห้องเก็บของที่ทั้งมืดและเหม็นอับมีเพียงแสง สว่างเล็กน้อยที่ส่องผ่านกระจกสีขุ่นที่ผนังเหนือช่องหน้าต่างเข้ามาได้ ฝุ่นละอองทำให้วิรงรองจามเป็นระยะๆ จนกระทั่งมาถึงหน้าห้องห้องหนึ่งซึ่งใส่กุญแจแน่นหนา อุไรจัดแจงหันหลังจะกลับ วิรงรองคว้าแขนไว้ไม่ยอมให้ไป ต้องอยู่ช่วยเธอหาทางเข้าไปในห้องให้ได้เสียก่อน อุไรอ้างว่าไม่มีลูกกุญแจจะเข้าไปได้อย่างไร

“เข้าทางประตูไม่ได้ เราก็ต้องดูหน้าต่าง...เร็วๆ สิจ๊ะ ช่วยกันดูว่าพอจะมีทางไหนเข้าไปได้บ้าง” วิรงรองพูดจบเริ่มเดินสำรวจไปรอบๆ โดยมีอุไรตามติดด้วยสีหน้าหวาดหวั่น...

ขณะ ที่วิรงรองทำตัวเป็นนักสืบคดีคนหายอยู่หน้าห้องเก็บของ โอบเดินถือจดหมายที่บุรุษไปรษณีย์เพิ่งมาส่งเข้ามาในตัวตึก พลางหยิบซองจดหมายสีน้ำตาลขนาดใหญ่ขึ้นมาดู ยิ้มพอใจ เพราะจำลายมือพี่ชายซึ่งจ่าหน้าซองถึงอดิศวร์ได้ โอบรู้ดีว่าเป็นซองใส่รูปถ่ายที่อ๊อดแอบถ่ายวิรงรองกับอุษาตอนไปเที่ยวตลาด นัด...

วิรงรองหมดหวังจะเข้าไปในห้องเก็บของ ประตูหน้าต่างทุกบานปิดสนิทแน่นหนา เธอแนบหน้าตรงรอยแยกเล็กๆที่ข้างฝา แสงสว่างที่เล็ดรอดเข้าไปพอจะทำให้เห็นข้าวของที่อยู่ด้านในได้ พลันสายตาของวิรงรองเห็นเงาตะคุ่มๆของใครบางคนอยู่ตรงมุมมืดของห้อง อุไรชักใจไม่ดีดึงแขนเธอให้รีบออกไป แต่วิรงรองไม่ยอมขยับกลับส่งเสียงเรียกคนที่อยู่ข้างใน แต่พอมองไปอีกทีร่างนั้นหายไปแล้ว อุไรถึงกับตาเหลือก

“คุณวิ...เชื่อป้าอุไร...ป้าขอร้อง...ไปกันเถอะค่ะ ได้โปรด” อุไรทำท่าจะร้องไห้ให้ได้ รีบลากวิรงรองกลับ

สัก พัก อุไรลากแขนวิรงรองมาถึงห้องครัว ตั้งข้อสังเกตว่าประตูหน้าต่างห้องเก็บของปิดสนิทขนาดนั้นแล้วจะมีใครเข้าไป อยู่ได้อย่างไร วิรงรองสรุปถ้าไม่ใช่คุณพลับพลึงก็ต้องเป็นคุณผี ทันใดนั้นมีเสียงเอะอะดังขึ้น

“ผีเผออะไรที่ไหน ที่นี่ไม่มีผี กรุณาอย่ามาทำให้คนอื่นเขาสับสน” โอบยืนเท้าเอวว่าฉอดๆ วิรงรองไม่สนใจเสียงนกเสียงกา หันไปหัวเราะคิกคักกับอุไรก่อนจะพากันออกจากครัว โอบโกรธมาก หมายหัวไว้ให้ระวังตัวกันให้ดี จะเจอหัวเราะทีหลังดังกว่า วิรงรองชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ยี่หระแล้วเดินต่อไป...

วิรงรอง ทนเก็บเรื่องตื่นเต้นไว้คนเดียวไม่ไหว รีบโทร.ไปเล่าให้อนิรุทธิ์ฟัง เขาหาว่าเธอตาฝาด ห้องปิดตายแบบนั้นจะมีใครเข้าไปอยู่ได้อย่างไร วิรงรองยืนยันว่าเห็นการเคลื่อนไหวจริงๆ และต้องสืบรู้ให้ได้ว่าเป็นใครโดยไม่สนใจคำทัดทานของอนิรุทธิ์

ooooooo

แสงแขร้องไห้ฟูมฟายเข้ามาหาท่านผู้หญิงสรรักษ์ทั้งๆที่น่าจะมีความสุข เพราะเพิ่งกลับจากไปเที่ยว เธอฟ้องท่านว่าอดิศวร์ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ใกล้ชิด แถมพิณทองและพิชญ์คอยเป็นก้างขวางคออยู่ตลอด ท่านน่าจะบังคับให้หลานชายแต่งงานกับเธอให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เขารักท่านมากไม่เคยขัดใจอะไรอยู่แล้ว

“ยกเว้นเรื่องนี้...หยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันเกลียดน้ำตาเพราะมันแสดงถึงความอ่อนแอ”

หญิง สาวผู้อ่อนวัยกว่าเข้ามากอดขาขอร้องให้ช่วยให้เธอสมหวังด้วย ท่านผู้หญิงก้มลงมากระซิบข้างหูแนะให้เธอหัดใช้มารยาหญิงเสียบ้าง แล้วกำชับว่าจะทำอะไรต้องให้แนบเนียน อย่าให้ใครจับได้...

เมื่ออดิ ศวร์ได้เห็นรูปถ่ายของวิรงรอง อุษา พันธ์สูรย์และภูไทจากผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้าย เขาสั่งให้อุไรไปตามตัววิรงรองมาพบที่ห้องทำงาน แล้วเล่นงานเธอยกใหญ่ที่เจ้ากี้เจ้าการเรื่องอุษากับพันธ์สูรย์ ทั้งสองคนมีปากเสียงกันรุนแรง วิรงรองต่อว่าเขากลับว่าจงใจสร้างเรื่องผีขึ้นมา อุตส่าห์ลงทุนแต่งตัวเป็นไฮโซสมัยโบราณนั่งรถม้ามาหยุดใต้หน้าต่างห้องเธอ เพื่อให้เธอดูเหมือนคนบ้า

“คนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น เลิกนอกเรื่องเสียที ต่อไปนี้ฉันขอห้ามไม่ให้เธอยุ่งเกี่ยวกับอุษา ตัวเองอยากจะจับเจ้าภูไทก็ทำไป อย่าเอาอุษาไปบังหน้า” สิ้นเสียงเย้ยหยัน วิรงรองซึ่งโกรธจัดเงื้อมือจะตบอดิศวร์คว้าข้อมือไว้ทันแล้วรวบตัวเธอเข้า มากอด หญิงสาวสั่งให้ปล่อยเสียงสั่น

“คงนึกว่าฉันอยากจะกอด อยากจะจูบเธอนักล่ะสิ เข้าใจเสียใหม่ว่าฉันไม่ได้พิศวาสเธอเลยสักนิด” อดิศวร์ปล่อยวิรงรองอย่างไม่มีเยื่อใย “ไปได้แล้ว และก็อย่าทำอย่างนี้อีกเด็ดขาด”

วิรงรองน้ำตาคลอเบ้าทั้งโกรธทั้งอับอาย เดินหน้าเชิดคอตั้งออกไป...

ไม่ ได้มีเพียงวิรงรองเท่านั้นที่โดนเล่นงาน อุษาก็โดนอดิศวร์ตำหนิอย่างหนักไม่แพ้กัน และยังกำชับว่าอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก เพราะจะทำให้เขาเสียใจมาก...

ฝ่าย แสงแขรู้ข่าวว่าวิรงรองถูกอดิศวร์เล่นงาน มาดักรอเยาะเย้ยถึงหน้าห้องพักของฝ่ายหลัง แต่กลับถูกวิรงรองด่าสวน จนเผ่นกลับไปแทบไม่ทัน...

คู่ของพิณทองกับพิชญ์กลัวจะน้อยหน้าคนอื่น คุยเล่นหัวกันอยู่ดีๆ เกิดมีปากเสียงกันขึ้นมา ประเด็นที่ถกเถียงกันหนีไม่พ้นเรื่องของวิรงรอง พิชญ์หมดความอดทนยกเลิกฮันนีมูน พรุ่งนี้จะกลับกรุงเทพฯจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว พิณทองถึงกับน้ำตาร่วง วิ่งหนีเข้าตัวตึกสวนกับแสงแขซึ่งสบช่องใส่ความศัตรูหัวใจของตัวเองทันที

“นัง วิรงรองเป็นต้นเหตุใช่ไหมคะ นังคนนี้จิตใจมันเป็นอย่างไรถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาจะแย่งคนรักของคนอื่นเสีย จริง มันจับปลาสองมือ อ่อยทั้งคุณลบแล้วก็คุณพิชญ์”

พิณทองฟังต่อไป ไม่ไหวจ้ำพรวดๆจากไป แสงแขมองตาม ในสมองคิดแผนชั่วขึ้นมาได้ หรือว่าจะยุให้วิรงรองกลับไปจับคู่กับพิชญ์เพื่อให้อดิศวร์เป็นอิสระ...

ครู่ ต่อมาพิณทองเข้าไปหาอดิศวร์ที่ห้องทำงาน บอกทั้งน้ำตาว่าพรุ่งนี้จะกลับกรุงเทพฯ จะไปทำเรื่องหย่าขาดจากพิชญ์ อดิศวร์ถึงกับหน้าเครียด...

ทันทีที่รู้ข่าวพิณทองกับพิชญ์ คุณหญิงแก้วโทร.นัดคุณหญิงวัชรีมาปรึกษาหารือกันว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี คุณหญิงวัชรีแนะให้ตามไปถล่มนังหน้าด้านนั่นถึงโดมทองกันเลยดีกว่า คุณหญิงแก้วเห็นดีด้วย รีบโทร.แจ้งอดิศวร์ว่าพรุ่งนี้จะไปที่นั่นให้เขาช่วยจัดเตรียมที่พักไว้ให้ และให้จัดรถมารับที่สนามบินด้วย...

ดึกคืนเดียวกัน วิรงรองหมกมุ่นอยู่กับเรื่องห้องเก็บของจนเก็บเอาไปฝันว่าได้เข้าไปในนั้น เห็นมีผ้าดำคลุมอะไรบางอย่างลักษณะคล้ายกรอบรูปขนาดใหญ่เธอเอื้อมมือไปจับ ผ้าจะกระชากออกดู แต่มีมือผอมเกร็งมีเพียงหนังหุ้มกระดูกมาจับไหล่เธอไว้ วิรงรองหันขวับไปมอง ต้องตกใจกรีดร้องลั่นเมื่อเห็นผีพิศยืนแสยะยิ้มน่ากลัวอยู่ด้านหลัง เธอสะดุ้งเฮือกตกใจตื่น เหงื่อแตกพลั่ก มองไปรอบๆพบว่าตัวเองแค่ฝันไปเท่านั้น

“ป้าคนนั้นอีกแล้ว...แกเป็นใครกันแน่” วิรงรองพึมพำสีหน้าครุ่นคิด

ooooooo

อุไร ถูกท่านผู้หญิงสรรักษ์เรียกตัวไปพบแต่เช้า เพราะแสงแขใส่ไฟว่าเดี๋ยวนี้เธอชอบไปสุมหัวอยู่กับนังพลับพลึง และยุให้ท่านไล่เธอออก ท่านผู้หญิงสรรักษ์ยังไม่ทันจะอ้าปากไล่อุไร

อดิ ศวร์เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ถามว่ามีเรื่องอะไรกัน ได้ความว่าคุณย่ากำลังเล่นงานอุไรที่ไปข้องแวะกับนังพลับพลึงที่เขาพามา อดิศวร์ถอนใจเหนื่อยใจ ท่านผู้หญิงสรรักษ์เห็นพอดี ตัดพ้อด้วยความน้อยใจ

“นั่นลบรำคาญย่าหรือ”

“ถ้าตราบใดที่คุณย่ายังหมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องคุณย่าน้อย ตราบนั้นคุณย่าจะไม่มีความสุขเลย”

ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ปล่อยโฮ แก้ตัวว่าไม่ได้หมกมุ่น นังนั่นต่างหากที่มาคอยรังควานเธอ มันไม่ยอมปล่อย ให้เธอเป็นอิสระ มันจะแก้แค้นเธอ อดิศวร์หันไป พยักพเยิดเป็นทำนองให้อุไรกับแสงแขออกไปก่อน แล้วเดินมานั่งบนเตียง โอบกอดท่านไว้เพื่อปลอบใจ...

ด้านโอบซึ่งรอฟังข่าวดีอยู่หน้าห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์แต่ต้องผิดหวังที่อุไรรอดจากการถูกไล่ออก...

อดิ ศวร์เป็นห่วงคุณย่ามากที่เอาแต่หมกหมุ่นอยู่กับอดีต พยายามเกลี้ยกล่อมให้ออกไปเที่ยวบ้าง ถ้าไม่อยากไปไกลถึงเมืองนอกเมืองนาจะให้พาไปเที่ยวในตัวเมืองก็ได้ หรือจะให้เขาเข็นรถรถเข็นชมวิวในอาณาเขตโดมทองเผื่อท่านจะได้เปลี่ยน บรรยากาศบ้าง

“ขอบใจลูก ขอบใจที่จะพาย่าไปโน่นไปนี่ แต่ย่า เหมือนคนถูกสาปให้ติดอยู่ในนี้ ในโลกของย่า...ย่าเหนื่อยเหลือเกิน อยากจะนอนพัก ลบช่วยไปบอกอุษาให้เข้ามาอยู่เป็นเพื่อนย่าหน่อย”

“ได้ ครับ” อดิศวร์รับคำแล้วขยับหมอนให้เข้าที่ก่อนจะประคองคุณย่าลงนอน ท่านมองหน้าหลานชายกลับเห็นภาพซ้อนของท่านเจ้าคุณสรรักษ์ผู้เป็นสามีซ้อน ขึ้นมาแทนที่

“เจ้าคุณพี่ ทำไมเจ้าคุณพี่ทรยศดิฉัน เสียแรง... ที่ดิฉันเฝ้าจงรักภักดี”ท่านผู้หญิงสรรักษ์เจ็บแค้นใจน้ำตาไหลพราก อดิศวร์ต้องเรียกท่านเพื่อเตือนสติว่านี่คือ หลานชายของท่านไม่ใช่เจ้าคุณปู่ ท่านผู้หญิงสรรักษ์ หลับตาลงแล้วโบกมือเชิงให้ออกไป อดิศวร์ดึงผ้าแพรมาห่มให้ รอจนคุณย่าสงบแล้ว จึงออกจากห้อง เจอโอบนั่งรออยู่กับแสงแข สั่งให้ไปตามอุษามาเฝ้าคุณย่า แสงแข อดถามไม่ได้ ว่าคุณย่าสั่งให้ไล่อุษาออกหรือเปล่า

“จะไม่มีการไล่ใครออกไปทั้ง นั้น โดยเฉพาะคน เก่าคนแก่ของคุณแม่พี่อย่างอุไร”อดิศวร์ว่าแล้วผละจากไป แสงแขขบกรามแน่นที่แผนกำจัดอุไรพังไม่เป็นท่า ทางด้านอดิศวร์เดินสวนกับอุษาที่กำลังจะมาเฝ้าคุณย่า สั่งการให้เธอเพิ่มอาหารเย็นอีกสองถึงสามที่และช่วยจัดห้องพักทางปีกด้าน โน้นเพิ่มอีกสองห้องด้วย...

สายวันเดียวกัน วิรงรองเห็นอดิศวร์กับหลานสาว และหลานเขยพากันขึ้นรถออกจากบ้าน ถือโอกาส โทร.ตามลานนาให้มารับไปเที่ยวที่บ้านของเธอ ลานนาทักว่าถ้าเกิดเจ้านายของเพื่อนรักรู้เข้าจะไม่โดนว่าหรือ

“เขาไม่มีสิทธิ์”วิรงรองเสียงเข้ม

“งั้นอีกสักครึ่งชั่งโมงออกมาเจอกันข้างนอกนะขี้เกียจเข้าไป คนที่นั่นหน้าตาไร้ชีวิตจิตใจยังกับผีดิบ”

ooooooo

ครู่ ต่อมา วิรงรองในชุดกางเกงขาสั้นทะมัด ทะแมงเข้าไปบอกอุษาที่กำลังเตรียมอาหารให้ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์อยู่ในครัวว่าจะไปบ้านลานนา ยังไม่ทันได้ อนุญาตอดิศวร์เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอยากไป ก็เลยมาขออนุญาตเธอแทน อุษาอึกอักลำบากใจ กลัวจะเกิดเรื่อง

“ไม่เป็นไรค่ะ วิจะบอกว่าวิไปเอง...ขากลับคงมี คนฝากดอกไม้สวยๆมาให้พี่อุษา” วิรงรองยิ้มหน้าทะเล้น ก่อนจะวิ่งปรู๊ดออกไป อุษาตะโกนไล่หลังว่าไม่ต้องเอามาให้ เธอทำเป็นหูทวนลม เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเพราะใกล้ถึงเวลานัด ขณะกำลังจะออกจากคฤหาสน์ แสงแขเดินสวนมาพอดี เห็นวิรงรองนุ่งกางเกงขาสั้นกุดแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ จิกกัดตามนิสัย คนอย่างวิรงรองไม่ยอมให้ถูก กระทำฝ่ายเดียวด่ากลับไปบ้าง เธอถึงกับเต้นผาง...

ที่หน้าประตูรั้วของคฤหาสน์ ลานนากับภูไทมา จอดรถรอได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่ไม่เห็นวิรงรองออกมาสักที หญิงสาวชะเง้อมองเข้าไปในบ้านที่มีแต่ต้นไม้ใหญ่ดูวังเวงชอบกล อดแขวะไม่ได้ว่าเหมือนปราสาทแดร็กคิวล่าอย่างที่เพื่อนรักของเธอว่าไว้จริงๆ จังหวะนั้น วิรงรองก้าวฉับๆตรงมาทางประตูรั้ว โดยมีนายสาม ตามมาเปิดประตูให้ ลานนาแอบนินทากับพี่ชายว่าคน ที่ตามมาเปิดประตูให้วิรงรองก็หน้าตาราวกับคนเฝ้าสุสาน ภูไทเอ็ดน้องสาวเบาๆว่าอย่าเสียมารยาท จากนั้นทั้งสาม คนก็พากันขึ้นรถออกไป...

ไม่นานนัก ภูไท ลานนาและวิรงรองมาถึงคุ้มภูไท พันธ์สูรย์ซึ่งนั่งจิบกาแฟรออยู่ รีบออกมาต้อนรับวิรงรอง แซวว่ามารอฟังข่าวพี่อุษาหรือเปล่า เขาถึงกับเขินหน้าแดง พูดอะไรไม่ออก

ลานนาหน้าสลดเพราะแอบมีใจให้ พันธ์สูรย์ ภูไทเข้ามาโอบไหล่น้องสาวเป็นเชิงปลอบใจโดยที่วิรงรองไม่ทันสังเกตเห็น เพราะมัวแต่หันไปสนใจบัวคำคนรับ ใช้จอมซุ่มซ่ามประจำคุ้มที่ถือถาดใส่น้ำออกมาต้อนรับแขกแต่กลับสะดุดขาตัว เองถาดกับแก้วใส่น้ำกระเด็นไปคนละทิศละทาง ภูไทส่ายหน้าอย่างเอือมระอา...

ใน ระหว่างที่วิรงรองกำลังเที่ยวเล่นอยู่ที่คุ้มภูไทอย่างมีความสุข คุณหญิงวัชรี คุณหญิงแก้วและรัฐมนตรีพจน์ เดินทางมาถึงโดมทอง อากาศเย็นสบายและวิวทิวทัศน์ ที่สวยงามของที่นี่ทำให้แขกผู้มาเยือนเป็นปลื้มมาก จากนั้น พิณทองพาพ่อกับแม่ไปยังห้องพักที่จัดเตรียมไว้ คุยให้ฟังว่าที่นี่อากาศดีตลอดปีจึงไม่จำเป็นต้องติดแอร์ คุณหญิงแก้วทักท้วงว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง

“คุณย่าท่านรักที่ นี่มากจนไม่ยอมให้อะไรมาเปลี่ยน แปลง ท่านต้องการจะหยุดเวลาในโดมทองไว้ ให้เหมือน เมื่อครั้งที่ท่านยังเป็นสาว เห็นไหมล่ะว่านอกจากไม่มีแอร์แล้ว ยังไม่มีทีวี โทรศัพท์หรือแม้กระทั่งนาฬิกา”

รัฐมนตรีพจน์ทักท้วง แล้วท่านไม่สังเกตเลยหรือว่าตัวเองแก่ลงทุกวันนั่นเท่ากับเวลาไม่ได้หยุดตาม ที่ท่านต้องการ คุณหญิงแก้วมองสามีอย่างหมั่นไส้ แนะให้ไปถามท่านเองก็แล้วกัน พิณทองบ่นว่าน่ากลัวจะตายไป

“นั่นน่ะสิ ตกกลางคืนคงวังเวงพิลึก”รัฐมนตรีพจน์เออออไปด้วยคิดว่าลูกหมายถึงสถานที่

“พิณ หมายถึงคุณทวดค่ะ บ้านน่ากลัวก็จริงแต่ยัง มีมุมสวยๆมุมรื่นรมย์ แต่คุณทวด...พิณบอกไม่ถูก รู้แต่ว่า มีอะไรบางอย่างน่าที่น่ากลัวมาก”พิณทองสีหน้าหวาดๆจนคุณหญิงแก้วกับรัฐมนตรี พจน์อดแปลกใจไม่ได้...

ทางฝ่ายพิชญ์พาแม่ของเขาไปที่ห้องพักเช่นกัน ทันทีที่ประตูห้องปิด คุณหญิงวัชรีเล่นงานลูกชายอุตลุดฐานทำให้พิณทองเสียใจช้ำใจที่อุตส่าห์มา ฮันนีมูนถึงนี่กลับโชคร้ายเจอแม่ดอกไม้ไร้ค่าตามมาเป็นมารอีก พิชญ์ยอมรับว่ายังตัดสินใจจากพลับพลึงหรือวิรงรองไม่ขาด อยู่ดีๆกลับมาพบเธอที่นี่โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว

“แกก็เลยรื้อฟื้นความสัมพันธ์”

“ผมก็อยากจะทำอย่างนั้น แต่พลับพลึงเธอมีศักดิ์ศรีพอที่ไม่ยอมยุ่งกับผม”

“ก็ เพราะมันมีที่หมายใหม่แล้วล่ะสิ อย่าโง่ไปหน่อย เลยพิชญ์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องศักดิ์ศรีอะไรหรอก แต่มันกำลังจะจับคุณลบ ลูกไม่เห็นหรือว่าคุณลบรวยขนาดไหน”คุณหญิงวัชรีใส่ร้ายวิรงรองหน้าตาเฉย พิชญ์ไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง เราสองคนคบกันมาหลายปี เธอไม่ใช่คนแบบนั้น...

คุณหญิงวัชรีไม่ได้เป็นคนเดียวที่ต้องการ เหยียบย่ำวิรงรองให้จมดิน แสงแขก็กำลังใส่ไฟเธอให้อดิศวร์ฟังว่าพอเห็นเขาไม่อยู่ วิรงรองนุ่งกางเกงขาสั้นกุดออก ไป เที่ยวข้างนอกโดยไม่บอกกล่าว ทั้งๆที่ควรจะขออนุญาตเขาก่อน เธอเตือนด้วยความหวังดีกลับถูกด่าว่า อดิศวร์ขอบใจแสงแข มากที่มาบอก แล้วผลุนผลันออกจากบ้าน

ที่มา:http://www.thairath.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น