วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่อง โดมทอง ตอนที่ 5

 อ่านเรื่องย่อละคร เรื่อง โดมทอง ตอนที่ 5

เสร็จจากมื้อค่ำแสนอร่อยที่ร้านอาหารในเมือง อดิศวร์พาพิณทองและพิชญ์มาที่คฤหาสน์โดมทอง โดยมีแสงแขกับอุษารอต้อนรับอยู่ด้วยไมตรีจิตอันดี จากนั้นอุษาพาคู่ฮันนีมูนไปยังห้องพัก ซึ่งอยู่ปีกเดียวกับห้องพักของวิรงรอง พิณทองตะลึงกับความโอ่อ่ากว้างขวางของสถานที่ ถามว่ามีคนอยู่ครบทุกห้องไหม

“มี สามห้องค่ะ ดิฉันอยู่ห้องนั้น ห้องถัดจากห้องดิฉันไปเป็นห้องแสงแข ส่วนห้องติดๆกับคุณนี่ เป็นห้องของคนที่มาช่วยดูแลคุณย่า แล้วก็จะช่วยดูแลคุณทั้งสองคนด้วย พรุ่งนี้เช้าคงได้พบกัน” อุษาแจกแจง

พิณ ทองกับพิชญ์ต่างพยักหน้ารับรู้ พากันเข้าห้องพักแล้วปิดประตูตามหลัง เป็นจังหวะเดียวกับวิรงรองเปิดประตูห้องตัวเองออกมาคลาดกันเส้นยาแดงผ่าแปด เธอเหลือบมองไปยังห้องพักแขกก่อนจะกระซิบกับอุษาว่า มากันแล้วหรือ มีอะไรจะให้ช่วยก็บอกมาได้เลย อุษาส่งคู่ฮันนีมูนเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เชิญเธอไปพักผ่อนได้ พรุ่งนี้คงต้องเหนื่อยกับการรับแขกทั้งวันแน่นอน แสงแขเข้ามาเห็นทั้งคู่กระซิบกระซาบกันอยู่ ถามเสียงเขียวว่ากำลังนินทาอะไร อุษาออกตัวว่าไม่มีอะไร วิรงรองแค่ออกมาถามว่าจะให้ช่วยอะไรหรือเปล่า

“คนมีน้ำใจจริงไม่เห็นจะต้องถาม มันต้องอย่างฉันนี่” แสงแขแดกดันจบเดินไปเคาะประตูห้องพักแขก

วิรงรอง ตัดรำคาญเดินหนีเข้าห้องทันทีที่ปิดประตูลงกลอน พิชญ์เปิดประตูห้องตัวเองออกมา ทำให้คู่รักเก่าคลาดกันอีกครั้งหนึ่ง แสงแขถามเสียงหวานว่า ต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า

“ไม่ครับ ขอบคุณมาก” พิชญ์ค้อมหัวนิดๆแล้วปิดประตูตามหลัง แสงแขยิ้มพอใจก่อนจะหันมาทางอุษา

“พรุ่ง นี้แขจะเป็นคนดูแลพาแขกพิเศษเที่ยวเอง ช่วยบอกแม่วิรงรองด้วยว่า ไม่ต้องเสนอหน้า แม่คนนั้นเพิ่งมาอยู่โดมทองได้ไม่เท่าไหร่จะชำนาญสถานที่เท่ากับเจ้าของบ้าน อย่างแขได้อย่างไร”

“เธอไปพูดกับคุณลบเองก็แล้วกัน”

“แขน่ะ ไม่ต้องพูดหรอก มีคนพูดให้แล้ว” แสงแขพูดจบเดินเชิดเข้าห้องตัวเอง อุษามองตามส่ายหน้าอย่างระอาใจ แล้วเข้าไปแจ้งเรื่องนี้ให้วิรงรองรับรู้ เสียใจด้วยที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เจ้าตัวกลับยิ้มหน้าชื่น ในเมื่อพรุ่งนี้ไม่ต้องดูแลแขกพิเศษของอดิศวร์ เธอจะได้ไปหาลานนาที่บ้านแทน...

ด้านท่านผู้หญิงสรรักษ์ยังไม่ละความ พยายามที่จะยัดเยียดแสงแขให้หลานชาย อ้างว่าเธอคอยปรนนิบัติ ท่านทั้งวันทั้งคืนไม่ได้ไปไหน จึงอยากให้เธอได้ไปเปิดหู เปิดตาบ้าง ขอร้องเขาถ้าจะไปไหนให้พาแสงแขไปด้วย

“ครับ...คุณย่าพักผ่อนเถิดครับ นอนหลับฝันดีนะครับ”

“ขอบ ใจ แต่ย่าน่ะไม่เคยฝันดีมานานแล้ว นับตั้งแต่รู้ว่าปู่ของลบนอกใจ ย่าก็ฝันร้ายมาตลอด มันทรมานใจแสนสาหัสที่จับได้ว่าผู้ชายที่หลงคิดว่ารักเราคนเดียวกลับปันใจ ให้คนอื่น แล้วคนคนนั้นก็เป็นน้องในไส้ที่เรารักมาก” ท่านผู้หญิงสรรักษ์รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกคอหอยจนต้องหยุดพูด

“ผมคิดว่าคุณปู่ก็รักคุณย่ามาก” อดิศวร์ปลอบ

“หลอก ลวงทั้งเพ...ลบหน้าตาเหมือนคุณปู่มากเหลือเกิน เหมือนราวกับเป็นคนคนเดียวกัน เพราะฉะนั้นลบอย่าทำให้ย่าเสียใจซ้ำแล้วซ้ำอีกนะลูก”

อดิศวร์ได้ยิน คุณย่าพูดบ่อยๆว่า เขาหน้าเหมือนคุณปู่มาก แต่เขาไม่เคยเห็นรูปท่านเลย ในห้องเก็บของก็ไม่มี หรือว่าอยู่ในห้องใต้ยอดโดม ท่านผู้หญิงสรรักษ์ถึงกับสะดุ้งเฮือกสั่งห้ามหลานชายขึ้นไปบนนั้นเด็ดขาดที่ นั่นเป็นที่ต้องคำสาป ย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าขึ้นไป ยิ่งห้ามยิ่งทำให้เขาสงสัยข้างบนนั้นมีอะไรกันแน่...

พอสบโอกาส อดิศวร์ลองสอบถามนายสมซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่ว่าบนห้องใต้ยอดโดมเป็น ที่เก็บข้าวของบรรพบุรุษของเขาหรือเปล่า กลับไม่ได้ความอะไร นายสมอ้างว่ารู้เห็นแค่สิ่งที่เจ้านายอยากให้รู้เท่านั้น

ooooooo

วิรงรอง แต่งตัวลงมาที่ห้องอาหารตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง อุษาอดสงสัยไม่ได้ทำไมถึงจะไปตั้งแต่ยังไม่ทัน 6 โมงเช้าเช่นนี้ เธออยากรีบไปแต่ไก่โห่จะได้ไม่วุ่นวายกับใคร อุษาเตือนว่าจะไปทั้งทีควรจะขออนุญาตอดิศวร์ก่อน วิรงรองกลับเห็นว่าไม่จำเป็นเพราะวันนี้เขาคงมัวแต่ยุ่งกับแขกคนพิเศษจนไม่ ได้สนใจเธอด้วยซ้ำ

“แล้วนี่จะไปยังไงคะ ป้าจะไปปลุกพี่สมให้” อุไรเสนอตัว

“ไม่ต้องจ้ะ เจ้าภูไทเขามารับ ถ้าป้าจะช่วยล่ะก็ไปขอกุญแจลุงสมมาเปิดประตูให้หน่อยก็แล้วกัน”

อุษามองวิรงรองที่เดินตามอุไรออกไปด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก หวั่นใจจะมีเรื่องกับอดิศวร์อีก...

กว่า พิชญ์และพิณทองจะลงมาที่โต๊ะอาหารก็ใกล้เวลาเสิร์ฟอาหารเช้าของที่นี่ เจออดิศวร์นั่งรอท่าอยู่ก่อนแล้ว เขาเร่งสองสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันให้รีบกินอาหารจะได้ไปชมวิวทิวทัศน์ของ ที่นี่กัน แล้วหันไปมองอุษาราวกับจะถามว่าวิรงรองหายไปไหน อุษาอ่านสายตาอดิศวร์ออกรายงานว่าเธอไปบ้านภูไทตั้งแต่ยังไม่ไก่โห่ อดิศวร์นัยต์ตากร้าวแวบหนึ่ง ก่อนจะปรับเป็นปกติ พิณทองอดสงสัยไม่ได้ว่าน้าชายเธอพูดถึงใคร

“เด็กที่น้าจ้างมาดูแลคุณ ทวดน่ะ ทีแรกว่าจะให้ช่วยพาคุณพิณกับคุณพิชญ์เที่ยว แต่แสงแขเธออาสาพาไปเอง” ประโยคแสดงความสนิทสนมของอดิศวร์ทำให้แสงแขเงยหน้ามองเขาพลางส่งตาหวานไปให้ พิณทองสังเกตเห็น สะกิดให้พิชญ์ดูแล้วมองหน้ากันยิ้มๆ ขณะที่อุษากลับรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ...

ทัวร์เที่ยวพิเศษของอดิศวร์ ออกจากคฤหาสน์โดมทองโดยพิชญ์ พิณทองและแสงแขนั่งรถกอล์ฟ ส่วนอดิศวร์ขี่ม้าเหยาะๆตามไปไม่ห่าง เขาชวนลูกทัวร์แวะที่เที่ยวแห่งแรกที่ชายหาดส่วนตัวของอาณาจักรโดมทอง พิณทองตื่นเต้นกับหาดสวยน้ำใส บ่นเสียดายที่ไม่ได้เอาชุดว่ายน้ำมาด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตามขอแตะน้ำทะเลสักนิดก็ยังดีแล้ววิ่งลงชายหาดไปอย่างเริง ร่าโดยมีพิชญ์วิ่งตามไปติดๆ

แสงแขลงจากรถมายืนข้างๆอดิศวร์ชวนคุย โน่นคุยนี่แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเธอแม้แต่น้อย สายตาคอยจับจ้องไปที่คู่ฮันนีมูน ดีใจที่เห็นหลานรักมีความสุข อดิศวร์เดินทอดน่องไปทางที่ซากเรือเกยตื้นอยู่ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันนักโดยไม่ ชวนแสงแขสักคำ เธอรีบ ตามไปเดินเคียงข้าง มองเผินๆคิดว่าทั้งคู่กำลังคุยกันกะหนุงกะหนิง พิณทองสะกิดให้พิชญ์ดูอีกครั้ง แอบนินทาน้าตัวเองว่าสงสัยจะเป็นแฟนกับแสงแข

“ผม ดูแวบเดียวก็รู้ว่าคุณแสงแขอยากเป็นแฟนกับน้าลบมากกว่า แต่น้าลบคงไม่ และคุณอุษาก็ไม่อีกเช่นกัน” พิชญ์สีหน้ามั่นใจ พิณทองเสียดายที่น้าชายของเธอเพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติและคุณสมบัติ แต่ทำไมไม่ยอมมีแฟนสักที เธออยากให้เขามีความสุข

“น้าลบของพิณอาจจะมีความสุขที่อยู่คนเดียวก็ได้...ระวังแมงกะพรุน”

พิณทองตกใจโดดกอดพิชญ์ซึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนได้ทันท่วงที...

ขณะ ที่คู่สามีภรรยาหมาดๆกำลังเดินเล่นริมหาดอย่างมีความสุข ลานนาพาวิรงรองเที่ยวชมกล้วยไม้ที่ออกดอกสะพรั่ง เธอชื่นชมไม่หยุดปากว่าสวยงามมาก ลานนาเหน็บว่า พูดราวกับที่โดมทองไม่มีดอกไม้สวยๆ

“สวย...แต่สวยแบบซังกะตาย ที่นั่นดูลึกลับไร้ชีวิตแล้ว...มีผีด้วย”

วิรงรอง เห็นเพื่อนรักหน้าตาตื่น รีบแก้คำพูดเสียใหม่ว่าอาจจะเป็นแค่พวกโรคจิต จังหวะนั้นสองสาวเดินชมสวนมาใกล้จะถึงโต๊ะสนามหน้าบ้าน เห็นภูไทกำลังคุยงาน อยู่กับใครบางคน แต่พอเขาหันหน้ามา วิรงรองเบิกตา กว้าง ทั้งดีใจและตกใจคาดไม่ถึงที่เห็นพันธ์สูรย์อยู่ที่นั่น...

ครู่ต่อมา พันธ์สูรย์รับหน้าที่พาวิรงรองชมสวนดอกไม้นานาพันธุ์แทนลานนา หญิงสาวผู้มาเยือนอดถามไม่ได้ว่าเธอทราบจากลานนาว่าอดิศวร์ห้ามเขาเข้าไปใน โดมทองจริงหรือเปล่า พันธ์สูรย์ไม่ตอบ กลับย้อนถามเธอว่าอยากได้ดอกกุหลาบบ้างไหมเดี๋ยวจะให้คนงานตัดมาให้ วิรงรองไม่ยอมแพ้คาดคั้นให้เขาบอก สาเหตุที่อดิศวร์ไม่ยอมให้เขาไปที่นั่น ในที่สุดพันธ์สูรย์ยอมบอกว่าเป็นเพราะเขาไม่เจียมกะลาหัวเผยอไปหลงรักอุษา

“ฉันมั่นใจว่าคุณอุษาก็รักคุณ”

“ถึง อย่างไรเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ คุณอุษาต้อง เชื่อฟังพี่ชายของเธออยู่ดี...กลับกันเถอะครับ ป่านนี้อาหารเช้าคงเสร็จแล้ว” พันธ์สูรย์เลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก วิรงรองอาสาจะช่วยเขาเอง เขาขอบคุณในความหวังดี แต่ไม่มีประโยชน์อะไร ถึงอย่างไรอดิศวร์ก็คงไม่ยอม ให้น้องสาวมายุ่งเกี่ยวกับเขา

“ต้องมีค่ะ คอยดูกันไปก็แล้วกัน” สีหน้าของวิรงรองมุ่งมั่นจะทำอย่างที่พูดให้ได้...

ขณะ ที่ลานนากำลังเชียร์ให้พี่ชายซึ่งแอบมีใจเอนเอียงให้วิรงรองจีบเธอให้รู้ แล้วรู้รอดไป เจ้าตัวกับพันธ์สูรย์กลับมาพอดี ภูไทรีบบอกน้องสาวให้หยุด
พูด เรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วขยับเก้าอี้ให้วิรงรองนั่ง ก่อนจะหันไปถามพันธ์สูรย์ ว่าจัดดอกไม้ไว้ให้แขกผู้มาเยือนแล้วหรือยัง ได้ความว่าเขาสั่งคนงานไว้เรียบร้อยแล้ว

“ขอบคุณค่ะ แย่จังเลย มากินข้าวแล้วยังจะหอบ ดอกไม้สวยๆกลับไปอีก”

“โอ๊ย ไม่ต้องเกรงใจ พี่ชายฉันอยากจะยกให้ หมดทั้งไร่ด้วยซ้ำ” ลานนากระเซ้า ภูไทถึงกับเขินหน้าแดง

ooooooo

พิชญ์ ทั้งทึ่งทั้งตะลึงเมื่อเห็นทุ่งพลับพลึงชูช่อขาวสะพรั่งไกลสุดลูกหูลูกตา พิณทองมองอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะไม่เคยเห็นดอกพลับพลึงมากมายขนาดนี้มาก่อน อดิศวร์กระเซ้าพิชญ์ว่าถึงกับอึ้งเลยหรือ

“พิชญ์เขามีความหลังกับดอกพลับพลึงค่ะ” พิณทองไม่วายเหน็บสามีตัวเอง

“แปลกจัง ทำไมคนชอบมีความหลังกับดอกพลับพลึง” แสงแขพูดเรื่อยเปื่อยไม่ทันคิดอะไร

พิณ ทองชักจะสนใจขึ้นมา อยากรู้ว่าทำไมแสงแข ถึงพูดแบบนั้น อดิศวร์รีบตัดบทบอกให้สองสามีภรรยาไปถ่ายรูปด้วยกัน พิณทองปฏิเสธทันทีว่าแม้ทุ่งแห่งนี้จะสวยแต่เธอไม่อยากถ่ายภาพเก็บไว้ แสงแขเห็นอาการ แปลกๆของทั้งคู่แล้วชักเอะใจแต่ไม่ได้พูดอะไร อดิศวร์เห็นไม่เข้าทีชวนหลานไปเที่ยวชมที่อื่นกันต่อ พิณทองหมดอารมณ์ขึ้นมาดื้อๆขอกลับที่พัก อ้างว่าแดดเริ่มแรง ทัวร์โดมทองเป็นอันต้องจบลงโดยปริยาย...

อดิศวร์สังเกตเห็นอากัป กิริยาที่เปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมองของหลานสาว เมื่อกลับถึงโดมทอง จึงขอคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวแล้วเดินนำไปยังห้องทำงานของเขา แกล้งถามว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งที่รู้แก่ใจดี พิณทองถูกจี้จุดถึงกับน้ำตาร่วง จากนั้นทุกอย่างก็พรั่งพรูออกจากปากหญิงสาว เริ่มตั้งแต่แอบได้ยินพิชญ์พูดโทรศัพท์กับเพื่อนเพื่อให้ช่วยตามสืบหาแฟน เก่าที่ชื่อพลับพลึงของเขา

“น้าลบไม่เห็นสีหน้าพิชญ์ตอนที่เห็นทุ่งพลับพลึงหรอกหรือคะ”

“แล้วคุณพิณเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า”

พิณ ทองส่ายหน้าแทนคำตอบ อดิศวร์ถึงกับถอนใจโล่งอก แล้วปลอบใจว่าผู้หญิงชื่อเชยๆ คนนั้นเป็นอดีตของพิชญ์ไปแล้ว เธอต่างหากคือปัจจุบันและอนาคตของเขา พิณทองกลัวเหลือเกินว่าทั้งคู่จะกลับไปหากันอีกเพราะพิชญ์รักผู้หญิงคนนั้น มาก อดิศวร์รับรองว่าพิชญ์จะไม่มีวันย้อนกลับไปหาผู้หญิงชื่อเชยๆคนนั้นอีกเด็ด ขาด ขอให้พิณทองทำใจให้สบายและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุด...

ใน เวลาต่อมา วิรงรองหอบกุหลาบช่อใหญ่ลงจากรถภูไทที่มาจอดส่งหน้าประตูรั้ว แล้วมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์โดมทองพลางสูดดอกกลิ่นหอมของกุหลาบในมืออย่างชื่น อกชื่นใจ ทันใดนั้นมีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง

“สดชื่นผิดไปเป็นคนละคนเลยนะ...รู้จักคำที่ว่าไปลามาไหว้ไหม”

วิรงรอง หันขวับ เห็นอดิศวร์ยืนมองด้วยสายตาตำหนิ เขายังต่อว่าอีกว่าคนที่มีมารยาท มีการอบรมจะออกไปไหน จะต้องบอกให้ผู้ใหญ่หรือเจ้าของบ้านรับรู้ก่อนทุกครั้งไม่ใช่นึกอยากจะไปก็ ไป นึกจะมาก็มา วิรงรองไม่พอใจที่ถูกด่าทางอ้อม ยังไม่ทันจะอ้าปากอธิบาย เขาชิงด่าว่าอีกไม่เปิดโอกาสให้เธอแก้ตัว วิรงรองหมดความอดทนขอลาออก ไม่ขออยู่ที่นี่อีกต่อไป

“เชื่อเถอะว่าเดี๋ยวเธอจะต้องเปลี่ยนคำพูดแถม อาจจะนึกขอบใจฉัน” อดิศวร์ยิ้มยั่ว วิรงรองทั้งโกรธทั้ง เกลียด จ้องหน้าเขาราวกับจะเผาให้มอดไหม้ แล้ววิ่งเข้า ตัวตึกตรงไปหาอุษาที่ห้องพัก แบ่งกุหลาบในมือให้ครึ่งหนึ่งพลางกระซิบว่าพันธ์สูรย์ฝากมาให้

อุษา หน้าเครียดขึ้นมาทันที เดินหนีไปยืนอีกมุมหนึ่งของห้อง ขณะที่วิรงรองเอาช่อกุหลาบไปใส่ไว้ในอ่างล้างมือเปิดน้ำแช่ไว้แล้วบอกอุษา ให้รับดอกไม้ช่อนี้ไว้เป็นสื่อแทนความรักจากพันธ์สูรย์ อุษาขอร้องอย่าพูดถึงเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้คะ คนเรามีอิสระที่จะรักแล้วก็เลือกคนที่ตัวเองรัก” วิรงรองว่าแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดหาพันธ์สูรย์โดยไม่สนใจคำทักท้วงของอุษา แล้วคะยั้นคะยอให้เธอคุยกับเขา

ooooooo

หลังจากทำตัวเป็นทูต สันถวไมตรีให้อุษากับพันธ์-สูรย์ วิรงรองโทร.ไปเล่าเรื่องนี้ให้อนิรุทธิ์ฟัง เขาเตือนว่าไม่น่าไปยุ่งเรื่องในครอบครัวของคนอื่น รังแต่จะหาเรื่องใส่ตัวเปล่าๆ วิรงรองเถียงข้างๆ คูๆ ว่าไม่ได้ยุ่ง เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่ใครบางคนเที่ยวไปบังคับไม่ให้คนอื่นรักกัน อนิรุทธิ์ว่าประชดว่าสงสัยวิรงรองจะว่างมากเกินไป

“ใช่ว่างมาก แค่นี้นะ วันนี้ยังไม่ได้โทร.รายงานตัวกับคุณเลย คิดถึงนะจ๊ะ” วิรงรองวางสายจากเพื่อนรักแล้วโทร.หาแม่

ขณะ ที่วิรงรองกำลังคุยเม้าท์แตกอยู่กับแม่ อดิศวร์พยายามโทร.หาแต่สายไม่ว่าง โทร.อยู่นานสองนานก็ไม่ติด เริ่มหงุดหงิด ตัดสินใจไปพบวิรงรองที่ห้องด้วยตัวเอง...

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทำให้การพูดคุยระหว่างวิรงรองกับแม่ต้องหยุดลง หญิงสาวกดปิดมือถือแล้วเดินไปเปิดประตูรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเพราะคิดว่า เป็นอุษา แต่แล้วสีหน้านั้นแปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันทีที่เห็นอดิศวร์ยืนอยู่ เขาไม่พูดไม่จาถือวิสาสะเข้ามาในห้องปิดประตูตามหลัง ก่อนจะบอกว่าเขาเปลี่ยนใจแล้ว วิรงรองดีใจคิดว่าอดิศวร์อนุญาตให้กลับบ้านได้ เจ้านายหนุ่มส่ายหน้า

“เปล่า เธอต้องเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในห้องนี้สักพักหนึ่ง ข้าวปลาอาหารฉันจะให้อุไรเอาเข้ามาให้ แล้วถ้าเธอต้องการอะไรก็บอกอุไร คิดว่าฉันขอร้องก็แล้วกัน”

“ทำไม”

“ไม่ต้องถาม ถ้าเธอไม่ยอมฉันก็ต้องจำใจขัง” อดิศวร์สั่งเสร็จก็ออกไป วิรงรองตามมาโวยวายลั่น

“คิดหรือว่าฉันจะยอมให้คุณขัง”

เสียง เอะอะทำให้ทั้งพิชญ์ พิณทองและอุษาต่างออกจากห้องมาดู พิชญ์ถึงกับตะลึงด้วยความดีใจ เพ้อเรียกชื่อ “พลับพลึง” ก่อนจะก้าวเข้าไปหาอย่างลืมตัว พิณทองเห็นอาการของสามีแล้วเดาได้ไม่ยากกว่าเกิดอะไรขึ้น อดิศวร์รีบแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า โอบไหล่วิรงรองไว้

“คุณพิชญ์คงจำคนผิด นี่คุณวิรงรอง เธอกับผมกำลังศึกษากันอยู่”

“จริงหรือพลับพลึง” พิชญ์ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง หญิงสาวไม่ตอบเดินหนีเข้าห้อง ปิดประตูตามหลัง

พิณ ทองก็กลับเข้าห้องพักตัวเองไปเงียบๆพิชญ์ปราดมาที่หน้าห้องวิรงรองจะเรียก ให้ออกมาคุยกันก่อน อดิศวร์ขวางไว้ เตือนสติว่านี่ห้องของตน ส่วนห้องของเขาอยู่ทางโน้น และเขาควรจะรีบกลับไปอธิบายให้ภรรยาของเขาเข้าใจ พิชญ์ไม่ยอมกลับต้องคุยกับพลับพลึงในคราบวิรงรองให้รู้เรื่องก่อน อดิศวร์หน้าเครียดขึ้นมาทันที

“ไม่ได้...คุณไม่ควรทำให้พิณทองเสียใจ อีกอย่างวิรงรองกับผมกำลังดูใจกันอยู่”

พิชญ์ ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ อดิศวร์ไม่สนว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ แต่จะไม่ยอมปล่อยให้เขาทำให้พิณทองเสียใจเด็ดขาด พิชญ์เห็นท่าทางเอาเรื่องของอดิศวร์แล้วจำต้องกลับเข้าห้องพักตัวเอง ประมุขคฤหาสน์โดมทองหันกลับมาเจอสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของอุษา ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย

“ถ้ามีใครถามก็ให้ตอบตามนี้”อดิศวร์กำชับเสร็จ ก้าวฉับๆจากไป...

ด้าน พิณทองไม่ต้องการฟังคำอธิบายใดๆของสามี แค่เห็นสายตาอาลัยอาวรณ์ที่เขามองผู้หญิงคนนั้นมันแทนได้ทุกคำพูดอยู่แล้ว เธอจัดแจงคว้าหมวกจะออกไปข้างนอก ขอเวลาเธออยู่ลำพังคนเดียวเพื่อจะได้คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆสักพัก แล้วเดินจากไปทั้งน้ำตา...

ฝ่ายวิรงรองซบหน้ากับหมอนร้องไห้คับแค้นใจสุดๆมั่นใจว่านี่ต้องเป็นแผนการชั่วร้ายของอดิศวร์

ooooooo

หลัง จากปล่อยให้หลานสาวอยู่ลำพังกับตัวเองพักใหญ่ก็ยังไม่มีทีท่าจะหยุดร้องไห้ อดิศวร์ตัดสินใจเข้าไปปลอบ พิณทองเอาแต่ร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญว่าไม่ควรเชื่อแม่ตัวเองยอมแต่งงานกับ พิชญ์ทั้งๆที่ควรจะดูใจกันให้นานกว่านี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ยอมแต่งงานกับเขา

“ในเมื่อเราย้อนเวลากลับไปไม่ได้ เราก็ต้องหันกลับมามองปัจจุบันแล้วทำทุกอย่างให้ดีที่สุด”

พิณ ทองพอจะมองออกว่าน้าชายคงรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว ถึงตัดสินใจช่วยเธอโดยพาหญิงคนนั้นมาที่นี่ และยังคิดคบหากับหล่อนเพื่อเธอ อดิศวร์ไม่กล้าสบตาหลานสาว อ้อมๆ แอ้มๆว่าไม่เชิงเป็นอย่างนั้น

“ที่พิณถามนี่ก็เพราะคิดว่ามันไมยุติธรรมสำหรับเธอ”

“จนอย่างนี้แล้วยังจะเป็นห่วงความรู้สึกคนอื่นอีก” อดิศวร์มองหลานสาวด้วยความชื่นชม

พิณ ทองไม่ได้เป็นห่วงความรู้สึกผู้หญิงคนนั้น แต่รู้ว่าการที่อยู่กับคนที่ไม่รักเรามันทรมานแค่ไหน อดิศวร์ขอโทษที่ทำให้หลานสาวต้องทุกข์ใจ ถ้าคิดจะกลับกรุงเทพฯเมื่อไหร่เขาจะจัดการให้ เธอยังกลับตอนนี้ไม่ได้ ต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นด้วยตัวเองก่อน อดิศวร์ตามใจ หลานว่าอย่างไรว่าตามกัน

“น้าลบจะให้เธอย้ายมาอยู่ปีกเดียวกับน้าลบ อย่างน้อยคุณพิณอาจรู้สึกดีขึ้น”...

ฝ่ายวิรงรองไม่ล่วงรู้เลยว่าห้องที่อดิศวร์ให้ย้ายมาพักเป็นห้องนอนเก่าของพลับพลึง คุณย่าน้อยของที่นี่...

ทันที ที่รู้จากแสงแขว่าอดิศวร์ย้ายวิรงรองไปพักอยู่ห้องติดกับห้องของเขา ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่พอใจมาก สั่งให้แสงแขไปตามตัวหลานชายมาพบ เธอขอร้องท่านว่าอย่าให้อดิศวร์รู้ว่าเธอเป็นคนมารายงานเรื่องนี้

“เอ๊ะ นังคนนี้ แกคิดว่าฉันโง่นักหรือ...เฮอะ ถ้าฉันโง่ล่ะก็นังนั่นไม่ได้ระเห็จขึ้นไปตายอยู่บนนั้นหรอก” ท่านผู้หญิงสรรักษ์รู้สึกตัวว่าเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรพูด รีบไล่แสงแขไปตามอดิศวร์เพื่อกลบเกลื่อน...

ไม่นานนัก อดิศวร์มาพบท่านผู้หญิงสรรักษ์ตามคำสั่ง แสงแขค่อยๆหลบออกจากห้องอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตัดพ้อหลานชายว่าไม่รักย่าคนนี้แล้วใช่ไหมถึงได้ไม่เชื่อ ฟัง แถมยังให้นังนั่นย้ายไปอยู่ห้องติดกับเขาอีกต่างหาก อดิศวร์อยากรู้ว่าใครกันที่เอาเรื่องร้อนใจมาบอกคุณย่า เห็นทีจะให้อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้

ท่านผู้หญิงสรรักษ์กลับเห็นตรงกัน ข้าม คนที่รายงานเรื่องนี้ควรจะได้รับการตบรางวัลเพราะเป็นคนจงรักภักดีต่อท่าน ถ้าอดิศวร์ไล่เธอไป เราสองคนย่าหลานต้องขัดใจกัน แล้วไล่เขาออกจากห้อง

“คุณย่าครับ ผมมีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้น”

“เหตุผล ที่อยากจะได้มันใช่ไหม ลบนะลบ ย่าขอแค่นี้ทำไมให้ย่าไม่ได้ ผู้หญิงมากมายก่ายกอง ลบจะแต่งกับใครย่าไม่ว่าจะเป็นยาจกเข็ญใจย่าก็ทำใจยอมรับได้ ยกเว้นนังพลับพลึงคนนั้นคนเดียว”

“เธอชื่อวิรงรองครับไม่ใช่พลับพลึง”

ท่าน ไม่สนว่าจะเรียงเสียงใด แต่มันคือคนคนเดียวกัน อดิศวร์ทักท้วงจะเป็นไปได้อย่างไรที่คนสองคนจะเหมือนกันราวกับแกะโดยที่ไม่ ได้เกี่ยงดองกันเลย ท่านผู้หญิงสรรักษ์ขอร้องว่าอย่าเถียง หน้าตาแบบนี้รับรองไม่มีวันลบเลือนจากใจท่านไปได้...

ครู่ต่อมา อดิศวร์ออกจากห้องคุณย่า แสงแขซึ่งรออยู่หน้าห้องร้อนตัวกลัวความผิด ปราดเข้ามาปฏิเสธ เป็นพัลวันว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วย ถามว่าไม่รู้ไม่เห็นเรื่องอะไร เธอรู้ตัวทันทีว่าพลาดไปถนัดใจพยายาม แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น

“พี่รักและเคารพคุณย่าก็จริงแต่ไม่ได้ หมายความ ว่าจะต้องหลับหูหลับตาทำตามที่ท่านต้องการทุกอย่าง และคุณย่าก็รู้จักพี่ดีจนไม่คิดจะบังคับพี่” อดิศวร์ว่าแล้ว ผละจากไป แสงแขมองตามน้ำตาคลอ

ooooooo

แสงแขรอให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์ จัดการวิรงรองเพียงฝ่ายเดียวไม่ไหว คิดหาตัวช่วย ลากโอบไปที่ลับตาคนสั่งให้หาใครที่พอไว้ใจได้มาให้ เธอมีงานสำคัญจะให้ทำ แต่ต้องเก็บเป็นความลับ

“พี่ชายโอบค่ะ ชอบ โทร.มา...” โอบนึกขึ้นได้ว่า เผลอพูดเรื่องมือถือรีบเก็บปากเก็บคำ

“แกมีโทรศัพท์มือถือ...รู้ใช่ไหมว่าคุณย่ากับคุณลบห้ามทุกคนมีมือถือ”

โอบ อ้างมีไว้สำหรับไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันเท่านั้น แล้วถามแสงแขว่าจะให้อ๊อดพี่ชายของตนมาพบเมื่อไหร่ เจ้านายสาวห้ามมาที่นี่เด็ดขาด เธอจะไปพบเขาเองพรุ่งนี้เช้า...

ถึง เวลาอาหารค่ำ ทุกคนนั่งประจำที่ของตัว ยกเว้นวิรงรองเท่านั้นที่ไม่ได้มาร่วมโต๊ะด้วย พิณทองอยากให้ทุกอย่างเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นมา ไม่อยากให้ตัวเองมาเปลี่ยนแปลงอะไรที่นี่ ถ้าให้เธอเดา ก่อนเธอจะมาที่นี่  วิรงรองจะต้องลงมาร่วมโต๊ะพร้อมหน้าพร้อมตากันแน่นอน

“กินข้าวเถอะคุณพิณ ทุกคนเขาหิวกันแล้วรวมทั้งน้าลบด้วย” อดิศวร์ตัดบท แล้วลงมือกินอาหาร พิณทองยังคาใจเรื่องวิรงรองไม่หาย...

อดิ ศวร์อยากให้เรื่องค้างคาใจยุติ จึงชวนพิณทอง กับพิชญ์มาคุยกันที่ห้องนั่งเล่น ยืนยันว่าเขากับวิรงรองหรือพลับพลึงกำลังคบหาดูใจกัน และอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน พิชญ์เอาแต่นั่งก้มหน้าขบกรามแน่น

“วิรงรอง เองก็อยากจะลืมเรื่องที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นน้าลบไม่อยากให้คุณพิณรื้อฟื้นขึ้นมาอีก คุณด้วยคุณพิชญ์ อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ขอให้ผ่านเลยอย่าจมอยู่กับอดีต ชีวิตเราทุกคนต้องดำเนินต่อไป”

“ผมยังข้องใจอยู่อย่างหนึ่ง แล้วก็คิดว่าพิณเองก็เหมือนกัน ทำไมเราสองคนถึงต้องมาเจอกับพลับ...เอ่อ วิรงรองที่นี่ มันเป็นความตั้งใจของน้าลบหรือเปล่า”

อดิศวร์อ้างว่า ครอบครัวของตนกับครอบครัวของอาสุรภีซึ่งเป็นแม่บุญธรรมของวิรงรองสนิทกัน เหมือนญาติ ท่านคอยส่งพยาบาลมาดูแลคุณย่าจนกระทั่งวิรงรองมีเรื่องไม่สบายใจมาก คุณแม่ของเธอปรึกษากับอาสุรภีแล้วตกลงใจให้มาอยู่ที่นี่เพื่อเธอจะได้ลืม เรื่องที่กรุงเทพฯ แล้วก็ช่วยดูแลคุณย่าไปในตัวด้วย วิรงรองตัดสินใจหนีมาที่นี่ โดยไม่คิดจะต่อสู้แย่งชิงพิชญ์ด้วยซ้ำ พิชญ์รู้สึกเจ็บแปลบใจทนฟังต่อไม่ไหวขอตัวลุกออกไป

“พูดแล้ว พิณดูเหมือนนางมารร้ายขณะที่วิรงรองเหมือนนางฟ้าเลยนะคะ”

อดิ ศวร์ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ที่พูดมาทั้งหมดก็เพื่อให้พิณทองสบายใจขึ้น แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้นจะกลับกรุงเทพฯ เลยก็ได้ พิณทองไม่ยอมกลับ แม้จะเจ็บที่เห็นสามีตัวเองยังอาลัยอาวรณ์คนรักเก่าอยู่ แต่เธอต้องการให้เราสองคนเผชิญหน้ากับความรู้สึกเหล่านั้นซึ่งอาจเป็นวิธี เดียวที่จะรักษาให้หายได้ หรือไม่ก็อาจตายไปเลยแต่ยังดีกว่าทรมานอยู่กับความหวาดระแวงและความไม่แน่ใจ อดิศวร์เห็นด้วยกับความคิดนี้...

หลังได้ฟังความจริงจากอดิศวร์ พิณทองตัดสินใจแวะไปหาวิรงรองที่ห้องพักเพื่อขอโทษเธอด้วยตัวเองที่เข้าใจ ผิดคิดว่าเธอยังไม่เลิกติดต่อกับพิชญ์ เสร็จธุระก็ขอตัวกลับไปพักผ่อน ขณะกำลังจะเปิดประตูห้องออกไป พิณทองนึกอะไรขึ้นมาได้ หันกลับมาบอกวิรงรองว่าน้าชายของตนเป็นคนดีเป็นปริ้นซ์ชาร์มมิ่ง และยินดีกับเธอด้วยที่ได้ผู้ชายดีๆ เช่นเขา แล้วกลับออกไป วิรงรองยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง

“จะบ้าหรือปริ้นซ์ชาร์มมิ่งที่ไหน ท่านเคาน์แดร็กคิวล่าน่ะสิไม่ว่า”

ooooooo

พิณ ทองคิดว่าตัวเองทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้แล้ว แต่พอรัฐมนตรีพจน์พ่อของเธอโทร.มาถามข่าวคราว เธอถึงกับปล่อยโฮ เล่าเรื่องที่เจอวิรงรองแฟนเก่าของพิชญ์ที่โดมทองให้ฟัง หลังวางสายจากลูก รัฐมนตรีพจน์ถ่ายทอดเรื่องนี้ให้คุณหญิงแก้วฟังและต่อว่า  ว่าเคยเตือนแล้วอย่าบังคับลูกเพราะพิชญ์ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้

“คนที่ต้องเสียใจช้ำใจก็คือลูกของเราเอง”

“แล้วแม่นั่นไปเสนอหน้าอยู่ที่โดมทองได้อย่างไร” คุณหญิงแก้วเสียงเขียว

“เธอไปช่วยดูแลท่านผู้หญิง”

คุณหญิงแก้วไม่เชื่อว่ามีเหตุผลแค่นั้น แม่นั่นไปโดมทองเพื่อจะไปจับอดิศวร์มากกว่า พอพิชญ์หลุดมือก็ต้องรีบหาผู้ชายคนใหม่แทนที่ เธอต้องโทร.ไปเตือนญาติผู้น้องให้รู้ตัวไว้ แล้วคว้ามือถือจะโทร.หา รัฐมนตรีพจน์รั้งไว้ขอร้องอย่าไปยุ่งกับอดิศวร์ซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้ว คงไม่ถูกผู้หญิงหลอกได้ง่ายๆ พิณทองน่าสงสารกว่ามากมายนัก เล่าไปร้องไห้ไป ตนเรียกให้กลับกรุงเทพฯก็ไม่ยอม คุณหญิงแก้วชวนรัฐมนตรีพจน์ไปรับลูกด้วยกัน

“ไม่มีประโยชน์ แกบอกว่าจะจัดการเองด้วยวิธีของแก ผมบอกแล้ว...ให้พวกเขาลองศึกษากันก่อน”

“มัวแต่ศึกษาแม่นั่นจะได้คว้าตาพิชญ์ไปน่ะสิคุณ ฉันจะลองปรึกษาคุณพี่วัชรีดู”...

ทางฝ่ายพิชญ์เองไม่อยากมีปัญหาจึงชวนพิณทองกลับกรุงเทพฯ เธอยืนยันคำเดิมจะอยู่ที่นี่ต่อไปตามที่ตั้งใจไว้แต่ต้น

“แล้วคุณก็ต้องมานั่งร้องไห้ฟ้องคุณพ่อคุณแม่เป็นเด็กๆ”

สอง สามีภรรยาหมาดๆมีปากเสียงกัน พิณทองไม่พอใจจัดแจงจะหนีออกจากห้อง พิชญ์จับแขนเธอไว้แล้วดึงให้ลงนั่งที่เตียง ขืนออกไปแบบนี้คนอื่นจะคิดอย่างไร ถ้าเธอควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้สู้กลับกรุงเทพฯไม่ดีกว่าหรือ ไม่เช่นนั้นเราสองคนก็ต้องมานั่งเถียงกันอยู่แบบนี้ พิณทองล้มเลิกความตั้งใจจะออกไปข้างนอกคว้าชุดนอนแล้วเดินเข้าห้องน้ำ

ooooooo

เมื่อ ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากคุณหญิงแก้ว คุณหญิงวัชรีทนอยู่เฉยต่อไปไม่ได้ บุกไปเอาเรื่องปรางถึงบ้านแต่เช้า บอกให้เธอเอาลูกสาวออกมาจากโดมทอง ปรางไม่ยอมทำตาม ลูกสาวของเธออุตส่าห์หนีไปไกลถึงโน่น ลูกสะใภ้ของคุณหญิงวัชรียังไปเกี่ยวดองกับเจ้าของบ้านอีก และที่สำคัญลูกสาวของเธอไม่รับ คำสั่งใคร

“ถ้าฉันจะเซ็นเช็คให้ล่ะ” คุณหญิงวัชรีคิดจะเอาเงินฟาดหัว

ปราง เมินไม่รับ ถึงพวกตนจะไม่ได้ร่ำรวยเท่าคุณหญิงวัชรีกับพวก แต่ก็ไม่ได้ยากจนเข็ญใจ คุณหญิงวัชรีอยากรู้ว่าสองแม่ลูกต้องการอะไรกันแน่

“ต้องการให้คุณออกไปจากบ้านดิฉันค่ะ” ปรางออกปากไล่คุณหญิงวัชรีอย่างไม่ไว้หน้า...

ปราง รอจนยัยคุณหญิงเจ้ายศเจ้าอย่างไปพ้นสายตา คว้ามือถือจะโทร.หาลูก แต่แล้วเปลี่ยนใจ ไม่เล่าเรื่องนี้ให้ลูกฟังน่าจะเป็นการดีกว่า...

ขณะ ที่คุณหญิงวัชรีกับคุณหญิงแก้วรวมหัวกันหาทางจัดการวิรงรองพ้นเส้นทางรักของ พิณทอง โอบพาแสงแขมาพบพี่ชายของเธอที่บ้านไม้เก่าทรุดโทรมหลังหนึ่ง เพื่อฟังแผนชั่วที่เธอเตรียมไว้สำหรับวิรงรอง...

ในระหว่างที่ วิรงรองเดินทอดอารมณ์อยู่ที่สวนข้างคฤหาสน์ พิชญ์เข้ามาหา เธอไม่อยากมีปัญหาเดินเลี่ยงจะกลับเข้าตัวตึก เขาขวางทางไว้ขอร้องอย่าเพิ่งไปได้โปรดฟังเขาก่อน แล้วขยับเข้าใกล้ วิรงรองถอยกรูด

“ยืนอยู่ตรงนั้นนั่นแหละค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ฟังต่อ”

พิชญ์ ต่อว่าต่อขานทำไมต้องคอยหลบหน้ากันด้วย รู้ไหมว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาพยายามตามหาเธอไม่เคยว่างเว้น วิรงรองขอร้องถ้าจะมาพูดเรื่องนี้ เธอคงไม่มีอะไรจะพูดด้วย

“จนถึงขนาดนี้ คุณก็ยังใจร้าย...”

“ขอ ตัวนะคะ” วิรงรองรีบตัดบทแล้วเดินหนี ด้วยไม่ต้องการให้เขาเห็นน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า พิชญ์ไม่ละความพยายามรีบเดินตาม พลางร้องเรียกพลับพลึงให้หยุดคุยกันก่อน เธอหันขวับ

“ฉันชื่อวิรงรองไม่ใช่พลับพลึง กรุณาเรียกให้ถูกต้องด้วยค่ะ”

“แต่คุณคือพลับพลึงของผม”

วิรงรอง หันหลังกลับวิ่งตรงไปยังคฤหาสน์พลางตะโกนลั่นว่าตนชื่อวิรงรองไม่ใช่ พลับพลึง พิชญ์รีบวิ่งตามโดยไม่รู้ว่าอดิศวร์จับจ้องมองดูอยู่โดยตลอด เมื่ออดีตคู่รักทั้งสองคนวิ่งมาถึงหน้าคฤหาสน์ อดิศวร์ก้าวออกมาขวางไว้ วิรงรองชะงักเล็กน้อยก่อนวิ่งเข้าตัวตึก พิชญ์ขยับจะตาม อดิศวร์คว้าไหล่ไว้

“เรื่องของคุณกับวิรงรองจบไปแล้ว”

“จบแบบยังไม่เคลียร์ ผมมั่นใจว่าพลับพลึงยังรักผมอยู่”

อดิ ศวร์เตือนว่าอย่าได้พูดแบบนี้ให้หลานของเขาได้ยินเด็ดขาด พิชญ์รู้ดีว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด ตนไม่ได้ปัญญาอ่อนขนาดนั้น แล้วปัดมือเขาออก จ้ำพรวดๆ เข้าข้างใน อดิศวร์ได้แต่มองตามหงุดหงิด...

ครู่ ต่อมาพิชญ์กลับมาที่ห้องพัก เห็นพิณทองยืนเหม่ออยู่ที่ระเบียงรีบเดินไปหา เธอใจลอยจนไม่ได้ยินเสียงเขามาด้วยซ้ำ จังหวะที่หันจะกลับเข้าห้อง ต้องชะงักเมื่อเห็นพิชญ์ยืนขวางทางอยู่ เขาเห็นท่าทีหมางเมินของเธอรีบเข้าไปรวบมือไว้ พร้อมกับขอร้องให้ช่วยเขาให้ลืมพลับพลึงด้วย พิณทองดึงมือออก

“ไม่มี ใครช่วยได้หรอกค่ะ นอกจากตัวคุณเอง พิณจะพยายามอดทนรอให้ถึงวันนั้น ซึ่งถ้าคุณทำไม่ได้ เราก็คงต้องแยกกัน” พิณทองพูดจบ เดินเข้าข้างใน หยิบหมวกจะออกจากห้อง

พิชญ์ตามมาง้อ ชวนเธอไปเยี่ยมคุณทวด แล้วค่อยไปเที่ยวในเมืองด้วยกัน เราสองคนมาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ไปกราบท่านเลย แค่นี้พิณทองก็ใจอ่อน ยอมให้สามีโอบไหล่พาออกจากห้อง

ooooooo

อดิศวร์อึกอักเล็ก น้อยเมื่อพิณทองกับพิชญ์มาขอให้พาไปกราบคุณทวด หญิงสาวรู้ว่าท่านไม่ค่อยสบาย แค่จะขอเข้าไปให้ท่านเห็นหน้าก็ยังดี เขาคิดอยู่อึดใจก่อนจะตอบตกลง แล้วพาทั้งคู่ไปที่ห้องคุณย่าซึ่งเพิ่งรู้สึกตัวตื่นตอนที่ทั้งสามคนเข้ามา อดิศวร์พยุงท่านให้ลุกขึ้นนั่ง ท่านผู้หญิงสรรักษ์ถามหลานรักว่าพาใครมา

“พิณทองลูกสาวพี่แก้วครับ แล้วนั่นคุณพิชญ์สามีพิณทอง”

พิชญ์ กับพิณทองกราบคุณทวดซึ่งจ้องพิณทองไม่วางตาก่อนจะกวักมือเรียกให้เข้ามา ใกล้ๆ แล้วเตือนให้ระวังสามีตัวเองไว้ให้ดี อย่าให้นังพลับพลึงมาแย่งไปได้ พิณทองถึงกับสะดุ้งโหยง

“เคยเห็นมันหรือยัง นังพลับพลึงน่ะ มันจะมาตอนวันพระจันทร์เต็มดวง มันแย่งท่านเจ้าคุณของฉันไป” ท่านผู้หญิงสรรักษ์พร่ำเพ้อทั้งน้ำตา อดิศวร์บีบมือท่านเบาๆเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา แต่ท่านยังเพ้อเจ้อไม่หยุด เตือนพิณทองให้ระวังนังพลับพลึงซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น อดิศวร์เห็นท่าไม่ดีสั่งให้แสงแขพาพิณทองกับพิชญ์ออกไปก่อน แล้วพยุงคุณย่าให้ลงนอน อาสาจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าท่านจะหลับ...

ทันที ที่ประตูห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ปิด พิณทองซักแสงแขเป็นการใหญ่ทำไมคุณทวดถึงพูดแบบนั้น พิชญ์ปรามพิณทองไม่ให้ซักไซ้อะไรอีก แต่เธอกลับทำหูทวนลมถามแสงแขอีกว่าผู้หญิงที่ชื่อพลับพลึงเป็นใคร

“เป็น น้องสาวแท้ๆของคุณย่าค่ะ พวกเราเรียก ท่านว่าคุณย่าน้อย เท่าที่ทราบท่านเป็นภรรยาน้อยของคุณปู่ คุณย่าเจ็บช้ำน้ำใจมาก...” แสงแขยังเล่าไม่ทันจบ พิณทองแทรกขึ้นเสียก่อนว่าตอนนี้คุณทวดน้อยไปอยู่ที่ไหน เท่าที่แสงแขรู้มาไม่มีใครทราบแน่ชัด บางคนก็ว่าท่านเสียไปแล้ว บ้างก็ว่าท่านหนีออกจากบ้านไป แต่ไม่เคยมีใครได้ข่าวคราวจากท่านเลย พิณทองอยากรู้ว่าท่านเจ้าคุณทวดเป็นอย่างไรหลังจากนั้น

“ท่านตรอมใจ ตายตั้งแต่คุณย่าน้อยหายไปค่ะ คุณย่าเองก็เจ็บปวดมาก สังเกตในห้องโถงใหญ่สิคะ มีรูปบรรพบุรุษทุกท่านยกเว้นคุณปู่กับคุณย่าน้อย” แสงแขเล่าเป็นฉากๆ...

ในเวลาต่อมา ระหว่างที่พิชญ์ขับรถพาพิณทองไปเที่ยวในเมือง อดตำหนิเธอไม่ได้ว่าไม่น่าซักถามแสงแข เอาเป็นเอาตายขนาดนั้น พิณทองแค่อยากรู้ความเป็นมาเป็นไปของผู้คนในโดมทองและที่แปลกมากก็คือชื่อ ของคุณทวดน้อยเหมือนชื่อแฟนเก่าของพิชญ์ไม่มีผิดเพี้ยน แถมยังเป็นรักสามเส้าคล้ายๆ กันอีก

“แต่พลับพลึงไม่ได้แย่ง...”

พิณทองหน้าตึงทันที “อ๋อ รู้แล้วค่ะว่าพลับพลึงของคุณเป็นคนดี เสียสละ พิณต่างหากที่ได้ชื่อว่าแย่ง...”

“ไม่ เอาน่า...เราสัญญากันแล้วไงว่าวันนี้เราจะไม่ทะเลาะกัน เดี๋ยวเที่ยวไม่สนุก” พิชญ์เอื้อมมือไปจับมือ พิณทองไว้ แต่เธอชักมือกลับ สายตาจับจ้องไปเบื้องหน้าอย่างเคร่งขรึม ขณะที่ชายหนุ่มแอบถอนใจ เหนื่อยใจ

ooooooo

วิรงรอง พยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ความรักระหว่างอุษากับพันธ์สูรย์สมหวัง กึ่งลากกึ่งจูงมืออุษามามุมลับตาคนแล้วคว้ามือถือขึ้นมากดหาพันธ์สูรย์ พอโทร.ติดก็ส่งให้อุษาแล้วชิ่งไปคอยอยู่ห่างๆ ปล่อยให้ทั้งคู่ได้คุยกัน พันธ์สูรย์ออดอ้อนเมื่อไหร่จะได้พบอุษาอีก เห็นวิรงรองบอกเขาว่าพรุ่งนี้จะให้เธอพาไปเที่ยวตลาด

“ฉันคงไม่ว่าง ค่ะ...แค่นี้นะคะ” อุษารีบตัดสาย วิรงรองซึ่งยืนดูต้นทางอยู่ให้รีบกลับมาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง อุษาตัดสินใจจะไม่ไปเที่ยวตลาดวันพรุ่งนี้ ขอร้องวิรงรองอย่ายุ่งเรื่องนี้อีก แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว วิรงรองไม่ยอมแพ้ รีบเดินตามจนทัน แต่อยู่ๆอดิศวร์โผล่พรวดเข้ามา วิรงรองสบช่องทันที

“คุณอดิศวร์ค่ะ พรุ่งนี้พี่อุษากับดิฉันขออนุญาตเข้าเมือง คือพี่อุษาอยากจะออกไปเปิดหูเปิดตาน่ะค่ะ”

อดิศวร์มองอุษาที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา “ฉันดูท่าทางเธออยากจะไปมากกว่าอุษาอีกนะ ว่าไงอุษา”

วิรงรองแอบสะกิดอุษาให้รับคำ อดิศวร์มีเรื่องของพิณทองให้ต้องคิดจึงไม่ซักถามอะไรอีก...

ดึก สงัดคืนนั้น ขณะวิรงรองกำลังหลับสนิท พลันมีลมพัดวูบเข้ามา หน้าต่างห้องพักเปิดออกราวกับถูกกระชากอย่างแรง อากาศแสนสบายกลับกลายเป็นหนาวยะเยือก มีเสียงผู้หญิงพึมพำขึ้นเบาๆ

“วิรงรอง...วิรงรอง”

เสียง ปนสะอื้นนั้นทำให้คนถูกเรียกขยับตัว ร้องถามทั้งที่ยังหลับตาว่าพี่อุษาหรือ เสียงปนสะอื้นเรียกให้เธอลุกขึ้น วิรงรองค่อยๆปรือตาขึ้นมอง ตรงมุมมืดของห้องมีเงาของใครบางคนยืนอยู่ ทุกครั้งที่ร่างนั้นขยับจะมีเสียงโซ่ตรวนดังตามมา หญิงสาวพยายามจ้องมองฝ่าความมืด เห็นร่างนั้นค่อยๆลากขาที่ติดโซ่ตรวนเข้ามาหาวิรงรองเห็นหน้าไม่ถนัดเพราะมี หมอกบางๆลอยปกคลุมไปทั่ว ถามซ้ำว่าใช่พี่อุษาหรือเปล่า

“ฉันต่างหาก วิรงรอง...ฉันเอง”

เสียง นั้นทำให้คนถูกเรียกหนาวสะท้าน จะขยับดึงผ้ามาห่มก็ทำไม่ได้ ร่างกายเหมือนถูกแช่แข็ง ทันใดนั้นเสียงเพลงนางครวญที่ชวนขนลุกดังฝ่าความเงียบขึ้นมา ร่างนั้นเข้ามาใกล้จนวิรงรองเห็นดอกพลับพลึงที่เหน็บผมเธออยู่ แต่แล้วเธอกลับสะดุดล้มลงตรงหน้าเตียง มือขาวซีดของเธอเลื่อนมาจับขอบเตียงค่อยๆยันตัวลุกขึ้น

วิรงรองกรีด ร้องดังไปทั่วปีกนั้นของตึก อดิศวร์ซึ่งนอนอยู่ห้องติดกันรีบวิ่งไปทุบประตูเรียก ทุกอย่างกลับเงียบสนิท เขาชักใจไม่ดีวิ่งกลับไปเอากุญแจสำรองที่ห้องตัวเองมาไข เห็นวิรงรองนอนหมดสติอยู่หน้าเตียง อดิศวร์ช้อนตัวเธอค่อยๆวางลงบนเตียง ปัดผมที่ปรกหน้าให้อย่างทะนุถนอม หญิงสาวรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมอง ต้องตกใจที่เห็นเขาอยู่ตรงหน้าใกล้แค่คืบ เธอถอยกรูดไปสุดเตียงอีกด้านหนึ่ง

“คุณอดิศวร์...เข้ามาได้อย่างไร ออกไปนะ”

“อ้าว...ทำคุณบูชาโทษเสียอีก ฉันได้ยินเสียงเธอร้องก็เลยรีบเข้ามาดู”

หญิง สาวเหลียวมองเลิ่กลั่ก ก่อนจะบอกเสียงสั่นว่า เมื่อครู่มีผู้หญิงเข้ามาในนี้ แถมรู้จักชื่อเธอด้วย อดิศวร์แดกดันว่าอาจจะเป็นผีที่เธอตามหาอยู่ วิรงรองโกรธไล่เขาออกจากห้อง แล้วเดินไปเปิดประตูรอ อดิศวร์ยักไหล่ ก่อนจะลุกจากเตียงเดินไปที่ประตู แต่ต้องหยุดกึกเมื่อเห็นดอกพลับพลึงตกอยู่ที่พื้น จึงหยิบขึ้นมาดู

“ผู้หญิงคนนั้นเสียบดอกพลับพลึงที่ผม” วิรงรองพึมพำ

อดิ ศวร์มั่นใจว่าคงเป็นดอกพลับพลึงที่วิรงรองเอาเข้ามาเอง เห็นชอบเก็บมาปักแจกันไม่ใช่หรือ เธออ้างว่าไม่ได้เก็บมาหลายวันแล้ว เขาหยิบพลับพลึงดอกนั้นไปวางที่โต๊ะหัวเตียง แล้วเตือนเธอให้หาอะไรทำเสียบ้าง อยู่วางเกินไปอาจจะฟุ้งซ่านได้ วิรงรองไม่พอใจ ไล่ตะเพิดเขาออกจากห้องแล้วปิดประตูดังปังตามหลัง

ooooooo

วิรงรอง ลุกขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง นำดอกพลับพลึงที่เก็บได้เมื่อคืนไปให้อุษากับอุไรซึ่งกำลังเตรียมอาหารเช้า อยู่ในครัวดู เล่าว่ามันทัดอยู่ที่ผมของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเข้ามาหาเธอที่ห้องเมื่อคืน อุไรร้องลั่นว่าผี อุษามองเธอเป็นเชิงปรามไม่ให้พูด ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ อุไรจ้อไม่หยุด

“ถ้าไม่ใช่ผีแล้วจะเป็นอะไรได้ล่ะคะ ดีไม่ดีอาจเป็นผีคุณพลับพลึง เพราะห้องนั้นเดิมเคยเป็นห้องของเธอ”

วิรงรอง ก็เชื่อเหมือนอุไรเช่นกัน แม้อุษาจะยืนยันว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าคุณพลับพลึงเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่เธอมั่นใจว่าท่านตายไปแล้ว และเมื่อคืนนี้ต้องเป็นวิญญาณของท่านที่พยายามจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น