วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

เรื่องย่อ ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 5

เรื่องย่อ ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 5


หม่อมสุรีย์และนันทินีหัวเราะกันคิกคักที่แผนการได้ผลดี นันทินีแซวหม่อมตีบทคุณแม่ผู้อ่อนแอได้แตกกระจุย น่าจะแจ้งเกิดเป็นดาราได้

คุณหญิงนิ่มรู้สึกมีอะไรลับลมคมใน จึงเตือนจันทรภานุ หม่อมสุรีย์อาจจะร่วมมือกับนันทินี แต่เขาไม่เชื่อ เธอจึงถามจะทำอย่างไรกับประกายดาว จันทรภานุขุ่นเคืองทันทีที่เธอเป็นสาเหตุ จึงโทร.นัดออกมาเจอกันที่ร้าน กาแฟ...ทันทีที่เจอหน้าประกายดาว จันทรภานุก็ต่อว่าเพราะเธอทำให้เขาต้องแต่งงานกับนันทินี ประกายดาวฉุนที่มาโทษกัน

“ทำไมผมจะโทษคุณไม่ได้ ก็คุณดันทำคลิปอุบาทว์หลุดออกมาทำไม”

“คนทำคลิปไม่ใช่ฉัน”

“เห็นขนาดนั้นยังกล้าปฏิเสธ ผมอุตส่าห์หลงเชื่อใจ ไว้ใจคุณ แต่คุณกลับ...จะว่าไปผมก็ผิดเองที่เลือกคุณ ผมน่าจะรู้ตั้งแต่แรกว่าคุณเป็นผู้หญิงประเภทไหน” จันทรภานุผิดหวังมากๆ

“ที่ฉันเปิดใจเล่าเรื่องฉันให้คุณฟัง มันยังทำให้คุณไม่รู้จักฉันอีกเหรอ”

“ทำไมผมจะไม่รู้จักคุณ ผมรู้จักคุณดีประกายดาว คุณมันทะเยอทะยานอยากเด่นอยากดัง คุณถึงรับปากช่วยผม ผมน่าจะฉุกคิดตอนที่เพื่อนผมเตือนเกี่ยวกับคุณ ว่าทำไมคุณต้องช่วยผมมากขนาดนี้ ที่แท้คุณก็หวังจะใช้ผมเป็นบันไดยกระดับตัวเอง ให้เข้ามาอยู่ในแวดวงไฮโซ”

“คุณดูถูกฉันเกินไปแล้วคุณชาย!” ประกายดาวโกรธลุกยืน “ฉันชักสงสัยแล้วว่า จริงๆแล้วคุณเป็นผู้ชายรึเปล่า อายุขนาดนี้ถึงยังไม่มีแฟนซักที”

“นี่!” จันทรภานุโมโหยืนบ้างแต่ด่าไม่ออก

“นี่ทำไม นี่ทำไม เถียงไม่ทันฉันล่ะสิ จำไว้นะคุณชายว่าฉันไม่เคยต้องการอะไรจากคุณ” ประกายดาวโกรธน้ำตาคลอ ก่อนจะเดินจ้ำออกจากร้านไป

ทำเอาจันทรภานุอึ้งรู้สึกผิดที่ว่าประกายดาวไปแบบนั้น...เขาพยายามตัดใจไม่คิดถึงประกายดาวอีก แต่ทำไม่ได้ ตัดสินใจโทร.ปรึกษาอภิเชษฐ์

พอสองเพื่อน มิลินทร์และจิตสุภางค์ฟังประกายดาวเล่า ก็โกรธจันทรภานุไปด้วย ต่างยุให้เลิกหวังเอาสเปิร์มจากเขา จะว่าไปตั้งแต่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขา ชีวิตเธอก็วุ่นวายมีแต่ปัญหา ไม่ทันไร เจ๊พีชโผล่มาบอกว่าลูกค้ายกเลิกงานที่ว่าจ้างเธอทั้งหมด เพราะคลิปร้อนนั่นจิตสุภางค์แปลกใจ ประกายดาวไม่ใช่นางแบบ เป็นตากล้องทำไมต้องเดือดร้อนด้วย เจ๊พีชตอบว่า คนที่สั่งยกเลิกคือเมียๆของลูกค้า เพราะกลัวไปแย่งสามีพวกหล่อน

ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก  แดนดินกดกริ่งหน้าห้องรัวยิก ประกายดาวเปิดประตูแล้วรีบชี้นิ้วดักคอ “หยุดเลยพี่ดิน...ดาวฟังมามากพอแล้ว ดาวบอกไว้ตรงนี้เลยว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ดาว และถ้าพี่ดินไม่เชื่อน้องสาวคนเดียวของพี่ ก็ไม่ต้องมานับญาติกันอีก ลาทีลาขาดกันไปจริงๆเลยคราวนี้”

“แล้วแกจะทำยังไง ตอนนี้ใครๆก็คิดว่าเป็นแก ลูกค้าร้านฉันถึงกับไรต์ซีดีมาให้ฉันดู ฉันงี้ทำหน้าไม่ถูก อายจนอยากจะมุดดินหนี”

“ดาวต้องหาทางพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่านี่ไม่ใช่ดาว ดาวจะไม่ยอมเสียชื่อเสียงที่ดาวสร้างมาภายในวันเดียว”

ทุกคนถามจะทำอย่างไร ประกายดาวตอบว่า เริ่มที่ผู้หญิงในคลิป...ทุกคนช่วยกันเปิดคลิปดูหลายรอบ ขยายภาพที่หน้าใหญ่จนมองเห็นบางอย่างที่ติดอยู่บนกระจกในลิฟต์

“เหมือนโปสเตอร์โฆษณาเหล้า...โลโก้นี้มัน... ฮอตสตาร์อาบอบนวด พี่เคยไป”

“พี่ดินเคยไป! แล้วพี่วัลย์รู้รึเปล่าเนี่ย”

แดนดินหน้าเจื่อนเพราะเมียไม่รู้ อ้างเพื่อนคะยั้นคะยอให้ไป ประกายดาวคิดว่า ถ้าอยากได้ลูกเสือต้องเข้าถ้ำเสือ แดนดินจะเข้าไปจัดการให้ แต่ประกายดาวดักคออย่าเนียนตนจัดการเอง

จากนั้นประกายดาวมาขอให้พงศ์จันทรช่วย โดยพวกตน มิลินทร์ จิตสุภางค์และเจ๊พีชแต่งตัวเป็นชายเข้าไปกับเขาด้วย พนักงานรู้จักพงศ์จันทรดีรีบเข้าต้อนรับ หาสาวๆมาให้ครบทุกคน พวกประกายดาวทำหน้าเจื่อนๆขอใช้ห้องเดียวกันทั้งหมด พนักงานไม่ยินยอมให้คนละห้อง พงศ์จันทรเอารูปสาวในคลิปให้พนักงานดูว่าตนต้องการคนนี้ พนักงานบอกว่ารับแขกอยู่ ทุกคนสบตากันจะทำอย่างไรดี สุดท้ายต้องเลยตามเลยไปก่อน

ooooooo

เมื่อจันทรภานุมาปรึกษาอภิเชษฐ์ ได้ความว่า ผู้หญิงในคลิปไม่ใช่ประกายดาว เธอชื่อแคทเป็นนางในตู้กระจก จันทรภานุจึงมาใช้บริการเธอ เพื่อสอบถามว่าใครว่าจ้างเธอ แคทพยายามเอาใจจันทรภานุที่ยืนนิ่ง ยั่วยวนสารพัด เขาก็บอกแต่ว่ายังไม่มีอารมณ์
ด้านประกายดาว มิลินทร์และจิตสุภางค์ ทนสาวบริการที่พยายามจะนวดแนบชิดไม่ไหวต้องหาทางหนีออกมา ประกายดาวคิดว่าต้องค้นหาด้วยตัวเองเสียแล้ว จึงเปิดประตูแต่ละห้องหา
ไม่ทันที่จันทรภานุจะถามคำถามแคท ก็มีโทรศัพท์มาบอกเธอว่า เจ้าหนี้กำลังมาเอาเรื่องเธอตกใจรีบขอตัวจากจันทรภานุวิ่งหนีออกมา ชนประกายดาว ประกายดาวจำได้ชี้หน้า แคทนึกว่าเป็นพวกทวงหนี้จึงผลักประกายดาวอย่างแรงหงายหลังก่อนจะวิ่งไป จันทรภานุตามออกมารับร่างประกายดาวไว้ได้ทัน แต่เขาจำเธอไม่ได้ พอเธอทัก “คุณชาย!”

จันทรภานุชะงักจำเสียงได้ “คุณดาว!ทำไมคุณแต่งตัวแบบนี้ แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ไง”

“ฉันไม่มีเวลาตอบคำถาม ผู้หญิงคนนั้นหายไปไหนแล้ว” ประกายดาววิ่งตามไป

จันทรภานุรีบตามไปด้วย...จิตสุภางค์กับมิลินทร์วิ่งหนีออกจากห้องมาเจอกัน ไม่ทันไรเจ๊พีชในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยวิ่งร้องไห้ออกมาว่า...เสียหมดแล้ว

“หมายความว่าเจ๊เสียตัวไปแล้วเหรอ” จิตสุภางค์รีบถาม

“ยัง...แต่เกือบ”

ทันใด สามคนตกใจที่เห็นจันทรภานุวิ่งตามประกายดาวมา ประกายดาวร้องบอกเพื่อนๆอย่าเพิ่งถาม ตามแคทก่อน จันทรภานุรีบบอก

“ผมไปด้วย ผมรู้ความจริงแล้ว”

ประกายดาวชะงักหันมอง แต่ไม่มีเวลาฟังอธิบายให้รีบตามแคทออกไปก่อน และแล้วทุกคนก็จับแคทได้ที่ด้านหลังอาบอบนวด แคทขอร้องอย่าทำอะไรตน ตนยังไม่มีเงินให้ จันทรภานุรีบบอกว่า ทุกคนนี้มากับตน ไม่ใช่พวกทวงหนี้ พวกตนมีเรื่องจะถาม ไม่ทันที่จะเอ่ย คนคุมออกมา แคทร้องให้ช่วย คนคุมเป่าปากเรียกพรรคพวกมาสมทบ
กว่าพงศ์จันทรจะหนีออกมาจากห้องได้ ต้องหลอกล่อให้สาวบริการเข้าไปอยู่ในห้องน้ำ ทางด้านจันทรภานุต่อสู้กับพวกคนคุม เขาปกป้องประกายดาวด้วยการเอาตัวเข้าขวางไม้ที่คนคุมฟาดใส่เธอ โดนที่หลังอย่างจัง ถึงกับทรุดฮวบลง พงศ์จันทรมาถึงร้องห้าม กว่าจะอธิบายคลี่คลายกันได้ ประกายดาวต้องยอมจ่ายเงินให้แคทก้อนหนึ่งไปใช้หนี้ เธอจึงยอมอัดคลิปสารภาพความจริงให้ เจ๊พีชบ่นอุบไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือเซเลบคนดังที่ตนรู้จัก

“คุณอรอุมาคือคนที่หาว่าคุณดาวไปเป็นเมียน้อยสามีเขาใช่ไหม” พงศ์จันทรถาม

“ค่ะ เขาคงเกลียดฉันเข้ากระดูกดำ ถึงจ้องทำลายกันแบบนี้ ฉันจะทำให้เขารู้ว่า เขาไม่ได้ทำได้ฝ่ายเดียว”

พลันประกายดาวเห็นจันทรภานุหน้าซีดเหงื่อเต็ม จึงเข้ามาขอดูหลัง เห็นรอยช้ำน่ากลัวจึงพาไปโรงพยาบาล... ประกายดาวให้เพื่อนๆกลับบ้านไปก่อน โดยให้พงศ์จันทรช่วยส่งบ้าน ตนจะอยู่ดูแลคุณชายเอง เธอเข้าไปหาจันทรภานุในห้องฉุกเฉิน บอกเขาว่าผลเอกซเรย์ไม่มีอะไรผิดปกติ รอรับยาแล้วกลับบ้านได้ คุณชายลุกขึ้นจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่เก้ๆกังๆ ประกายดาวจึงช่วย

“ขอบคุณนะครับคุณดาว”

“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ ถ้าคุณไม่ช่วยฉันเอาไว้ ฉันคงเป็นคนที่นั่งบนเตียงนี้แทน”

“แค่นี้ยังน้อยไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่ผมดูถูกคุณ ขอโทษจริงๆ ผมไม่ควรพูดกับคุณแบบนั้น”

“แค่เจอคุณที่อาบอบนวดก็รู้แล้วว่าคุณเชื่อที่ฉันพูด”

ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างรู้สึกดีๆต่อกัน ประกายดาวประคองคุณชายกลับบ้าน

ooooooo

วันรุ่งขึ้น คุณหญิงนิ่มมาที่วังนพรัตน์ เห็นนันทินีนั่งคุยกับหม่อมสุรีย์ก็แกล้งถาม มาแจกการ์ดหรือ นันทินีตอบเชิดๆว่าตนกับคุณชายยังไม่ได้คิดรูปแบบ คุณหญิงจึงเสนอรูปแบบของงานให้ว่าต้องยิ่งใหญ่อลังการเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ นันทินีเริ่มสนใจตั้งใจฟัง

คุณหญิงนิ่มเสนอให้ธีมงานเป็นสีทอง ดอกไม้ก็ควรเป็นสีทอง นันทินีคิดไปว่าแสดงถึงความรวย แต่พอคุณหญิงบอกว่าด้านหน้างานหาเสาที่มีหนามแหลมๆยื่นออกมาตั้งเรียงหน้างาน ส่วนกล่องรับซองเงินน่าจะเป็นกระทะสีทองแดง นันทินีเริ่มฟังดูทะแม่งๆ พอดีมือถือดัง คุณหญิงนิ่มเห็นชื่อพี่ชายจึงขอตัวสักครู่แล้วเดินออกไป นันทินีเริ่มคิดก่อนจะโมโหสุดๆ

“ดอกไม้สีทอง เสาที่มีหนามแหลม กระทะสีทองแดง...ที่พูดมาทั้งหมดมันคือนรกนี่หว่า หน็อย...นังคุณหญิงนิ่มรอให้ฉันได้แต่งงานกับคุณชายก่อนเถอะ แกจะโดนเล่นงานเป็นคนแรก”

คุณหญิงนิ่มคุยโทรศัพท์กับจันทรภานุ ฟังสักพักก็ยิ้มออกมา...ด้านอรอุมากับรติรสช็อปปิ้งกันอย่างมีความสุขในห้างฯ พอมาขึ้นรถ มีคนร้ายสองคนขึ้นมานั่งเบาะหลังแล้วเอาปืนปลอมมาจ่อขู่ ถ้าไม่อยากตาย ให้ขับรถออกไป อย่าเรียกใครช่วยไม่อย่างนั้นกระสุนเจาะกลางหลังแน่ อรอุมากลัวลานขับรถไปตามที่สั่ง มาจนถึงโกดังร้าง ก็ถูกจับมัดติดเก้าอี้ทั้งสองคน

ไม่นาน ประกายดาว จันทรภานุ และคุณหญิงนิ่มเดินเข้ามา สองสาวตกใจรีบถามจับพวกตนมาทำไม ประกายดาวเปิดฉากถามว่าใครเป็นคนทำคลิป สองสาวหน้าถอดสีปฏิเสธไม่รู้เรื่อง คุณหญิงนิ่มเปิดคลิปคำพูดของแคทให้สองสาวดู
“คุณอรอุมากับคุณรติรสจ้างให้ฉันแต่งตัวเป็นประกายดาว เพื่อถ่ายคลิปค่ะ”

จันทรภานุถามสองสาวจะยอมรับไหม อรอุมาโอดครวญว่าตนกับเพื่อนไม่ได้เป็นคนต้นคิด คนที่เป็น ต้นคิดคือนันทินี...ประกายดาวสบตาจันทรภานุทำนองอย่างที่คาดกันไว้

จากนั้น จันทรภานุกลับมาที่วัง เพื่อเอาคลิปคำสารภาพของอรอุมากับรติรสมาเปิดให้หม่อมสุรีย์กับนมพรฟัง นันทินีหน้าเหวอจะเลี่ยงหนี คุณหญิงนิ่มคว้ามือไว้ นันทินีไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร จึงแกล้งเป็นลมล้มพับไปดื้อๆ หม่อมสุรีย์ทำหน้าไม่ถูก

จันทรภานุเดินออกมาคุยกับประกายดาวหน้าตึก เมื่อเขาไม่ต้องแต่งงานกับนันทินีแล้ว เขาอยากจะจ้างเธอต่อไป แต่ประกายดาวปฏิเสธ ให้เหตุผลว่า

“ฉันได้เรียนรู้แล้วว่าการโกหกหลอกลวงคนอื่นทำให้เราไม่มีความสุข ฉันคิดว่านี่ก็ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่จะทำให้คุณไม่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่แม่เลือก มันอยู่ที่ตัวคุณเองต่างหาก”

“จริงอย่างที่คุณพูด สิ่งที่ผมทำมันคือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ขอบคุณนะครับคุณดาวสำหรับความช่วยเหลือคุณ บอกมาได้เลยว่าคุณต้องการอะไรจากผมเป็นค่าตอบแทน”

ประกายดาวยิ้ม ในใจให้บอกไปเลยว่าอยากได้ สเปิร์ม แต่พอจันทรภานุทักว่ามองหน้าเขาทำไม มีอะไรให้พูดมาเลย คนอย่างเขาไม่มีอะไรที่ให้ไม่ได้ ประกายดาวลังเล

“ของที่ฉันอยากได้จากคุณ มันเป็นของที่...ที่มีค่าสำหรับคุณมาก มากซะจนฉันกลัวว่าคุณจะไม่ให้”

“คุณก็ลองขอผมมาก่อนสิ”

“สิ่งที่ฉันอยากได้จากคุณชายก็คือ...คือ...ความเป็นเพื่อนค่ะ ฉันอยากให้คุณรับฉันไว้เป็นเพื่อนสักคน” สุดท้ายประกายดาวก็ไม่กล้าพูด
จันทรภานุถามย้ำว่าแค่นี้จริงหรือ เธอรับว่าใช่ เขายิ้มอย่างยินดีที่จะมีเธอเป็นเพื่อน และยื่นมือออกไปให้เธอจับ ประกายดาวจับมือเขาแอบถอนใจ

พอคุณหญิงนิ่มรู้ก็ต่อว่าจันทรภานุที่ไม่รั้งประกายดาวไว้ เขากลับบอกว่า สิ่งที่เธอพูดมันถูกทุกอย่าง คุณหญิงจึงรุกถามว่าเขาไม่คิดจีบประกายดาวเป็นแฟนหรือ เขาอึกอัก

“พี่ไม่ได้ชอบคุณดาว ไม่มีวัน ไม่มีทาง”

ooooooo

คืนนั้น ประกายดาวมาหาแดนดินเพื่อเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แดนดินหวังว่าน้องสาวคงล้มเลิกความตั้งใจจะหาสเปิร์มอีก ประกายดาวยิ้มรับ นภาวัลย์ถือจานขนมมาให้น้องฟ้าที่นั่งเล่นข้างๆประกายดาว พลันเกิดปวดท้องอย่างหนัก ทิ้งจานหล่น ทั้งแดนดินและประกายดาวตกใจ
พอมาตรวจเช็กที่โรงพยาบาล ก็รู้ว่านภาวัลย์เป็นเนื้องอกในมดลูก เธอรู้ตัวมานานแล้วแต่ไม่ได้บอกแดนดิน เพราะการมีลูกเป็นความฝันของเขา แดนดินกุมมือภรรยาน้ำตาคลอ

“ความฝันมันเปลี่ยนกันได้ แล้วความฝันของผมตอนนี้ก็คือ การได้อยู่กับคุณไปจนชั่วชีวิต แล้วอีกอย่างนะ มีน้องฟ้าคนเดียวก็พอ มีลูกหลายคนก็ยิ่งยากจน ใช่ไหมดาว”

ประกายดาวยิ้มและอาสาจะดูแลน้องฟ้าระหว่างที่นภาวัลย์รักษาตัว...วันต่อมา ประกายดาวดูแลน้องฟ้าทั้งวัน น้องฟ้างอแงร้องไห้ไม่ยอมอาบน้ำ จนเธอต้องลงไปอาบด้วยในอ่าง น้องฟ้าบ่นอยากมีน้อง ประกายดาวหยั่งเชิงถามว่า ถ้าคุณแม่มีน้องให้ไม่ได้ล่ะ น้องฟ้ากลับตอบว่า อาดาวมีน้องได้ ทำให้ความอยากมีลูกของประกายดาวผุดขึ้นมาอีกครั้ง

วันนี้ ประกายดาวมีงานถ่ายภาพ จึงพาน้องฟ้าไปฝากจิตสุภางค์เลี้ยงรวมกับลูกๆเธอ

เออไปทำงานเหอะ ไม่ต้องห่วง เฮ้ย...เดี๋ยวดาว ตกลงเรื่องนั้น...”

“ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”


“อ้าว! แต่แกปฏิเสธไม่ช่วยคุณชายจันทร์ไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ฉันปฏิเสธไม่ช่วย แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่เอาสเปิร์มของเขา บทเรียนที่ผ่านมาทำให้ฉันเรียนรู้ว่า ฉันรีบร้อนที่จะใกล้ชิดคุณชายจันทร์มากไป โดยลืมนึกว่าคุณชายจันทร์เป็นผู้ชายเนื้อหอมมากแค่ไหน ฉันถึงเจอแต่ปัญหา แต่หลังจากวันนี้ ฉันจะค่อยเป็นค่อยไป ฉันจะอดทนเพื่อลูกของฉัน”

“ฉันจะไม่ห้าม แต่ฉันขอเตือน การมีลูกมันคือความทุกข์อย่างหนึ่ง แกต้องดูแลชีวิตคนคนหนึ่งตั้งแต่เขาตื่นจนเขานอน ดูว่าจะกินอะไร ต้องคอยระวังรอบด้าน มีแต่เรื่องปวดหัวสารพัด”

“ฉันเห็นด้วยกับที่แกพูดว่าการมีลูกมันคือความทุกข์ แต่มันเป็นความทุกข์ที่ทำให้เรามีความสุขไม่ใช่เหรอ ถึงแม้เราจะต้องเสียสละชีวิตทั้งชีวิต เราต้องทนหนวกหูเวลาเขาร้องเสียงดัง ต้องไม่ได้นอนเพราะต้องมากล่อมให้เขาหลับ แต่พอวันหนึ่งที่ลูกเราคลานได้เดินเป็น เรียกแกว่าแม่ แกไม่มีความสุขเหรอจิต”

จิตสุภางค์ทึ่ง “แกทำให้ฉันพูดไม่ออกเลยว่ะ”

“นี่ ยังมีอีกเรื่องที่ฉันต้องขอร้องแก อย่าบอกเรื่องนี้ ให้พี่ชายฉันรู้เด็ดขาด ฉันไปทำงานล่ะ จะสายแล้ว” ประกายดาวโบกมือเดินออกไป จิตสุภางค์ถอนใจเฮือกใหญ่

ooooooo

ระหว่างที่ประกายดาวทำงาน เจ๊พีชเข้ามาแสดงความยินดี ประกายดาวขอบคุณที่ช่วยให้ตนได้กลับมาทำงาน เจ๊พีชบอกว่าไม่ใช่ตนคนเดียวเป็น เพราะมิลินทร์ลงแก้ข่าวให้ด้วย

พงศ์ จันทรถือช่อดอกไม้มามอบแสดงความยินดีอีกคน และขอเริ่มต้นความสัมพันธ์กับเธอ แต่ประกายดาวปฏิเสธ อ้างว่าตนเข็ดขยาดผู้ชาย ขอให้เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันดีกว่า...พงศ์จันทรรู้สึกอกหัก กลับมาเขียนบรรยายความผิดหวังไปให้คุณหญิงนิ่มฟัง คุณหญิงให้คำปรึกษา

โดย ไม่รู้ว่าเป็นเขา คุณหญิงให้เหตุผลว่า อกหักดีกว่ารักไม่เป็น และให้ข้อคิด การจะเจอคนซักคนที่เรารักจนอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ใช่เรื่องง่าย ขอให้เขาลุยต่อไป

จากคำปรึกษานั้น พงศ์จันทรหันมาบอกเลิกกิ๊กทุกคนที่เขาคุยด้วย แม้จะโดนตบหน้า ด่าทออย่างไรเขาก็น้อมรับ และคิดจะหาของขวัญไปปลอบใจบรรดากิ๊ก จึงแวะมาที่ร้านคุณหญิงนิ่ม ขอซื้อกระเป๋าที่แพงที่สุดในร้าน 8 ใบ คุณหญิงนิ่มหอบมาวางด้วยความหมั่นไส้ระหว่างนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาใน ร้าน ได้ยินคุณหญิงคิดเงิน กระเป๋าใบละสองแสนห้าก็ตาโพลง ตรงเข้ารวบกระเป๋าไปได้ 4 ใบวิ่งออกจากร้าน คุณหญิงตกใจวิ่งตามพงศ์จันทรร้องห้ามเกรงจะอันตราย

ตำรวจจราจรได้ยิน เสียงร้องของคุณหญิงนิ่มจึงเป่านกหวีดขึ้น คนร้ายเริ่มเหนื่อยหอบหันมาคว้าตัวคุณหญิงนิ่มจับเป็นตัวประกัน แล้วดักรถเก่าๆที่แล่นมา ไล่คนขับลง จากนั้นก็ขับพาคุณหญิงนิ่มเป็นตัวประกันหนี พงศ์จันทรตกใจรีบบอกจราจรให้เอารถตาม ไม่ทันไรมีคนชุดหนังขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านเขาตามรถคนร้ายไป

คุณหญิงนิ่ม ร้องโวยวายอยู่ในรถจนโดนคนร้ายตวาดให้เงียบ ทันใดมอเตอร์ไซค์คนชุดหนังก็แซงมาจอดขวางหน้า ทำให้คนร้ายเบรกตัวโก่งรถดับ คนร้ายลงมาต่อสู้กับคนชุดหนัง แต่สู้ไม่ได้ จึงดึงคุณหญิงมาเป็นตัวประกันอีก พงศ์จันทรซ้อนท้ายจราจรมาถึงเข้าช่วยปกป้องคุณหญิงนิ่มจนเกือบโดนยิง เขาช็อกเป็นลมหมดสติ ตำรวจจราจรช่วยกันจับคนร้าย คนชุดหนังถอดหมวกกัน น็อกออกปรากฏว่าเป็นหญิง คุณหญิงนิ่มถึงกับตะลึง

ทุกคนมาที่โรงพัก คุณหญิงนิ่มขอร้องอภิเชษฐ์อย่าบอกเรื่องนี้กับจันทรภานุ แต่สายเสียแล้ว เพราะคุณชายกำลังเดินทางมา อภิเชษฐ์แนะนำให้คุณหญิงนิ่มรู้จักหมวดอ้อ

“โชคดีนะที่น้องหญิงเจอรุ่นน้องของพี่คนนี้...ได้แสดงฝีมือตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งวันแรกเลยนะหมวดอ้อ” อภิเชษฐ์ตบไหล่ต้นอ้อแบบแมนๆ

“ขอบคุณหมวดอ้อมากนะคะที่ช่วยหญิงเอาไว้ หมวดเป็นตำรวจหญิงที่ทั้งสวยแล้วก็เท่มากเลยค่ะ มีแฟนหรือยังคะ”
ต้นอ้อปรายตามองอภิเชษฐ์แล้วตอบเสียงดังกระทบเขา “ไม่มีค่ะ...”

อภิเชษฐ์เอาแขนเท้าไหล่ต้นอ้อพูดขำๆ “รายนี้เขาขยาดผู้ชาย ผู้ชายจีบไม่ได้เลยนะ จีบปุ๊บ จับทุ่มปั๊บ”

ต้น อ้อขำไม่ออก คุณหญิงนิ่มปรามให้เลิกล้อต้นอ้อ แต่ต้นอ้อโต้ “ผู้กองชอบแซวฉันแบบนี้แหละค่ะ เพราะความที่ฉันไม่เคยมีแฟน ไม่ใช่ขยาดผู้ชายนะคะ แต่เขาไม่ชอบเรามากกว่า”

“พูดแบบนี้แสดงว่ามีคนที่ชอบแล้วเหรอ ใครอ่ะ...” อภิเชษฐ์ทำหน้าอยากรู้มาก

“ไม่ บอกผู้กองหรอกค่ะ ไม่งั้นผู้กองก็แซวฉันไม่เลิกสิ ความจริงคนที่คุณหญิงควรขอบคุณน่าจะเป็นคุณพงศ์จันทรมากกว่า ถ้าเขาไม่กล้าเข้าไปแย่งปืนฉันคงไม่มีจังหวะเข้าช่วย”

คุณหญิงนิ่ม เดินมาดูพงศ์จันทรที่นอนอยู่ห้องพยาบาล พอเขาเห็นเธอก็ดักคอก่อนเลยว่าจะมาหัวเราะเยาะตนที่มีสภาพแบบนี้ใช่ไหม คุณหญิงแกล้งแซว

“นึกว่านายจะแน่ เห็นกล้าเข้าแย่งปืนคนร้าย แต่ที่ไหนได้...ป๊อดอ่ะ แค่นี้ก็เป็นลม”

พงศ์ จันทรเสียหน้า ติงว่าโดนยิงระยะเผาขนขนาดนั้น เป็นใครก็ต้องกลัว คุณหญิงนิ่มยิ้มๆก่อนจะเอ่ยปากขอบคุณ พงศ์จันทรชะงัก แกล้งยื่นหน้ามาใกล้ๆ ให้เธอพูดอีกครั้ง ทันใดเสียงกระแอมของจันทรภานุดังขึ้น ทั้งสองหันมาเห็นคุณชายมองสีหน้าไม่ไว้ใจพงศ์จันทร

พอพาคุณหญิงนิ่ม กลับ จันทรภานุก็ซักไซ้ว่าเธอชอบพงศ์จันทรหรือ คุณหญิงรีบปฏิเสธทันที แต่คุณชายสังเกตเห็นว่าเธอหน้าแดง ชักไม่ค่อยพอใจเพราะรู้กิตติศัพท์ของพงศ์จันทรดี

ooooooo

ด้วย ความแค้นใจที่อรอุมากับรติรสหักหลัง พอนันทินีมาเจอสองสาวนั่งอบผมอยู่ในร้านทำผม จึงปรี่เข้าไปเร่งความร้อนเครื่องอบทั้งสองคนจนผมแทบไหม้ สองสาวลุกพรวดออกมาจากเครื่องอบ เห็นนันทินียืนหน้าเคืองขุ่นอยู่ก็แหยงๆ ออกตัวว่าถูก จันทรภานุบังคับให้สารภาพ

นันทินีโกรธต่อว่ายกใหญ่จน สองสาวไม่พอใจทะเลาะตบตีกันจนยับเยินทั้งสองฝ่าย...นันทินีซมซานมาฟ้องหม่อม สุรีย์ แต่หม่อมเองก็กลัดกลุ้มที่ถูกลูกชายโกรธ จึงตะล่อมว่าขอเว้นระยะรอเรื่องแต่งงานไปก่อน จนกว่าเรื่องจะเงียบ แล้วตนจะหาทางให้ใหม่

ด้านประกายดาวช่วยเลี้ยงน้องฟ้าอยู่ที่บ้านแดน ดินหลายวัน จนถึงวันที่นภาวัลย์ได้ออกจากโรงพยาบาลเธอช่วยกันตกแต่งบ้านต้อนรับกับน้อง ฟ้า แดนดินขยี้หัวน้องสาวอย่างเอ็นดู

“พี่ดีใจที่มีน้องสาวอย่างแก แล้วพี่ก็ดีใจที่แกเปลี่ยนใจจากเรื่องนั้น หวังว่าแกคงไม่คิดจะมีลูกอีก แล้วจริงๆ”

ประกาย ดาวยิ้มเจื่อนๆไม่ตอบอะไร เพราะในใจกลับมาร่ำร้องเรื่องนี้อีก...ส่วนอรอุมากับรติรสบอบช้ำไม่แพ้กัน ต่างโทษประกายดาวเป็นต้นเหตุ เผอิญเจ๊พีช โทร.มาชวนเดินแบบงานแฟชั่นโชว์การกุศล สองสาวรับปากด้วยความยินดี

วันต่อมา อรอุมากับรติรสมาซ้อมเดินแบบ เกิดอุบัติเหตุ เสาประกอบฉากล้มทับขารติรสจนเคล็ดไม่สามารถเดินแบบได้ เจ๊พีชร้อนรนหานางแบบมาเดินคู่อรอุมาใหม่ แต่หาเท่าไรก็ไม่ได้อรอุมาคิดแผนร้าย เสนอให้เจ๊พีชชวนประกายดาวมาเดินแทน อ้างตนอยากจะปรับความเข้าใจกับเธอด้วย เจ๊พีชหลงเชื่อจัดแจงโทร.ขอร้องประกายดาว

“เจ๊รู้ว่าน้องดาวไม่ชอบ แต่เจ๊หมดหนทางแล้วจริงๆ ถ้าน้องดาวไม่ช่วย เจ๊ต้องถูกปรับเป็นล้านโทษฐานที่ทำงานบกพร่อง เจ๊คงต้องขายบ้าน ขายรถ เผลอๆอาจจะต้องขายตัว ฮือๆ...”

ประกายดาวสีหน้าลำบากใจ จำต้องรับปาก...วันถัดมา ประกายดาวมาที่ทำงาน เจ๊พีชกอดเธอด้วยความดีใจ ขอบคุณที่ช่วยชีวิต ประกายดาวถามถึงคนที่ตนต้องเดินแบบคู่ด้วย ไม่ทันเจ๊พีชจะตอบ อรอุมาเดินยิ้มมีเลศนัยเข้ามา เจ๊พีชพยักหน้า ประกายดาวตาโพลงจะต่อว่า

อรอุมาแทรกขึ้นก่อน “อย่าไปโทษเจ๊เขาเลยนะ ฉันเป็นคนบอกเจ๊ว่าให้ชวนคุณมาเดินแบบ ฉันอยากปรับความเข้าใจกับคุณเรื่องบาดหมางระหว่างเรา ขอให้จบลงวันนี้เถอะนะคะ”

ประกายดาวหรี่ตามอง “ฉันจะไว้ใจได้ไงว่าคุณพูดจริง ไม่ได้มีแผนที่จะเล่นงานฉัน”

อร อุมาชะงักนิดก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อน ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา เจ๊พีชยิ้มยินดีด้วย แต่ประกายดาวกลับถลึงตาใส่ เจ๊พีชแหยงแต่แล้วยิ้มออกเมื่อประกายดาวบอกให้พาไปซ้อม เธอวางกระเป๋าลงบนโต๊ะเดินไปกับเจ๊พีช อรอุมามองกระเป๋าอย่างมีแผนร้าย

ก่อน หน้านี้ รติรสให้ซองยาไอซ์แก่อรอุมาให้แอบเอาใส่กระเป๋าประกายดาว...อรอุมากำลังจะ เอายาใส่ เจ๊พีชกลับมาตามไปซ้อม ทำให้เธอชะงักกำซองยาไว้ในมือ

บริเวณ หน้างาน แขกเหรื่อทยอยกันเข้ามา รวมทั้งจันทรภานุและคุณหญิงนิ่ม ออร่าของคุณชายทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ส่งสายตาหวานกันเป็นแถว คุณหญิงนิ่มไม่พอใจเข้าควงแขนคุณชายจันทร์เดินเข้างาน คุณชายจันทร์ขำแขวะว่าดุแบบนี้จะมีผู้ชายคนไหนกล้ามาจีบ

“ไม่ต้องมี เลยก็ดีค่ะ สมัยนี้ผู้หญิงกับผู้ชายมีความเท่าเทียมกัน ผู้ชายทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้ ผู้หญิงก็ทำได้ ผู้ชายเป็นผู้นำได้ ผู้หญิงก็เป็นผู้นำได้ค่ะ”

“พี่ล่ะอยากรู้นักว่าจะมีผู้ชายคนไหนมาปราบพยศเราได้รึเปล่า”

คุณ หญิงนิ่มค้อนเล็กๆเดินเลี่ยงไปหาอะไรทาน แต่แล้วต้องมาเจอพงศ์จันทรเข้าอีก ต่างแขวะกันไปมา คุณหญิงโกรธปัดจานในมือพงศ์จันทร อาหารกระเด็นไปตกบนศีรษะแขกคนหนึ่ง พงศ์จันทรรีบซ่อนจานด้านหลังและชี้ไปที่คุณหญิงนิ่มเพราะเธอถือจานในมือเช่น กันก่อนเดินหนี แขกมองเธออย่างเคืองๆ คุณหญิงเหวอไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร จำต้องยกมือไหว้ขอโทษ

oooooooจันทรภานุเดินมาอีกมุมในงาน เจอประกายดาวแต่งตัวแต่งหน้าสวยเริ่ดยืนอยู่ก็แปลกใจ หญิงสาวยิ้มเขินๆ ที่คราวนี้ตนมาเป็นนางแบบ คุณชายแซวว่าท่าทางเธอก็เหมือนนางแบบจริงๆ ประกายดาวรีบออกตัวว่าเฉพาะกิจเท่านั้น ตอนนี้ตนตื่นเต้นจนจะเป็นลมอยู่แล้ว

“อะไรกัน ผู้หญิงเก่งอย่างคุณ ที่ไม่กลัวการปีนเขา แต่กลัวการเดินแบบเนี่ยนะครับ”

“มันไม่เหมือนกัน นี่ไม่ใช่ตัวฉันซักนิด”

จันทรภานุจับมือเธอทั้งสองข้างขึ้นมาปลอบ “เวลาที่ผมต้องไปพรีเซนต์งานใหญ่ๆ ผมขจัดความตื่นเต้นโดยการทำสมาธิ”

“คุณจะให้ฉันนั่งทำสมาธิตรงนี้เหรอคะ ใครเห็นเข้า ตลกตายเลย”

“ยืนก็ได้นี่ครับ ยืนหลับตากำหนดลมหายใจเข้าออก ถ้าคุณกลัวเขินเราทำพร้อมกันก็ได้”

ทั้ง คู่หลับตาลงโดยที่จันทรภานุยังจับมือเธอไว้ ประกายดาวแอบลืมตาข้างหนึ่งมอง เขากระแอม เธอรีบหลับตาลง แล้วเขาก็ลืมตาข้างหนึ่งมองเธอ อมยิ้มอย่างมีความสุขเสียเอง

ในห้องแต่งตัว อรอุมากลับมาหากระเป๋าประกายดาวแต่ไม่เจอ จึงโทร.ไปหารติรสว่าตนจะบ้าตายอยู่แล้ว ไม่มีโอกาสเอายาใส่กระเป๋าประกายดาวเสียที น้ำเสียงรติรสหอบๆให้ใจเย็นๆ อรอุมาแปลกใจว่ากำลังทำอะไรอยู่ รติรสพยายามดันศิวะออกจากการนัวเนีย โกหกว่า

“ฉันเดินอยู่ หยุดโวยวายแล้วก็หยุดตื่นเต้นได้แล้ว”

“ฉันหยุดไม่ได้ เธอไม่มาเป็นฉันเธอไม่รู้หรอก ถ้าเกิดมีคนเห็นฉันใส่ร้ายนังประกายดาว ฉันจะทำยังไง”

“อร...เธอ กินยาเข้าไปสักเม็ดจะได้รู้สึกดีขึ้น แค่นี้ก่อนนะ ฉันกำลังจะเดินเข้าไปในงานแล้ว” รติรสอยู่ในห้องน้ำหญิงของโรงแรม กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่กับศิวะ

อรอุมากังวลใจ มองซองยาในมือแล้วตัดสินใจกินยาเข้าไปหนึ่งเม็ด เจ้าหน้าที่ถือชุดที่ติดชื่อประกายดาวเข้ามาแขวน เธอเหมือนพบทางสว่างรีบเอาซองยาใส่ในกระเป๋าเสื้อตัวนั้นทันที

จันทร ภานุเดินมาส่งประกายดาวที่ห้องแต่งตัว ดูเธอมีความมั่นใจขึ้น แล้วเขาก็เดินมาทางห้องน้ำหญิง เห็นศิวะเดินขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่ออกมาก็แปลกใจ ไม่ทันไร รติรสเดินกะเผลกตามออกมาเสื้อผ้ายับๆ เขาถึงกับอึ้ง

ถึงเวลานางแบบ ทุกคนมาเตรียมความพร้อม เจ๊พีชเอาเสื้อใส่คลุมให้ประกายดาว เธอสวมรองเท้าส้นสูงที่ไม่ค่อยถนัด อรอุมาจับตามองยิ้มกระหยิ่มใจ...จันทรภานุนั่งติดขอบเวทีกับคุณหญิงนิ่ม พงศ์จันทรนั่งฝั่งตรงข้าม แกล้งส่งยิ้มยั่วโทสะคุณหญิงนิ่มตลอดเวลา ห่างจากพงศ์จันทรไปหน่อยเป็นศิวะกับรติรสนั่งแอบเอามือลูบต้นขากัน พอประกายดาวเดินออกมา คุณหญิงนิ่มตื่นเต้นบอกจันทรภานุ ท่าทางเขาสงบนิ่งจนน่าแปลกใจ เขารู้มาก่อนว่าเธอมาเดินแบบนี่เอง

อร อุมาเดินเซๆออกมาเพราะยาเริ่มออกฤทธิ์ รติรสรู้สาเหตุ แต่ไม่คิดว่าเพื่อนจะเมายาขนาดนี้ ทันใด อรอุมาเดินเซชนประกายดาวเต็มแรง ประกายดาวไม่ถนัดส้นสูงเลยทรงตัวไม่อยู่จะล้ม ทั้งจันทรภานุและพงศ์จันทรกระโจนขึ้นเวทีประคองเธอพร้อมกัน ส่วนอรอุมาล้มไม่เป็นท่าอยู่คนเดียว นักข่าวถ่ายรูปกันพึ่บพั่บ แทนที่อรอุมาจะโอดโอยกลับหัวเราะร่า ทำเอาทุกคนงง เจ๊พีชตบอกผาง พลัน ประกายดาวนึกอะไรได้ ถอดรองเท้าส้นสูงออกลุกขึ้นแล้วบอกสองหนุ่มว่า...เดอะโชว์มาสโกออน...ว่า แล้วก็ควงสองหนุ่มเดินแบบต่อทั้งที่เจ็บข้อเท้า มาหยุดโพสท่าหน้าเวที แขกในงานปรบมือกราว อรอุมาที่เมายาปรบมือร้องวู้ๆตามมาโพสท่าตลกๆ

หน้า งาน อภิเชษฐ์และหมวดอ้อพาตำรวจสี่ห้านายเข้ามาในงาน นักข่าวกำลังถ่ายภาพประกายดาวที่ยังควงจันทรภานุกับพงศ์จันทรโพสท่าบนเวที ทันใด เพลงหยุด ไฟเปิดสว่างขึ้นทั้งงาน รติรสเห็นตำรวจมาก็ยิ้มอย่างพอใจ ศิวะแปลกใจ เจ๊พีชเข้ามาถามว่ามีอะไร อภิเชษฐ์แจง

“ผมได้รับแจ้งว่าในงานนี้มีการเล่นยากัน ผมอยากจะขอรบกวนเวลาทุกคน เพื่อทำการตรวจครับ” อภิเชษฐ์เห็นจันทรภานุเดินเข้ามาก็แปลกใจ

จันทร ภานุบอกอภิเชษฐ์ว่าไม่ต้องค้นให้เสียเวลาเพราะตนรู้ว่าใครเล่นยา ทุกคนหันไปมองอรอุมาที่ยังหัวเราะร่าอยู่...อรอุมาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขณะถูก คุมตัวไปตรวจปัสสาวะ...ประกายดาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เดินกะเผลกอยู่ คุณหญิงนิ่มดึงจันทรภานุมาหาด้วยความดีใจที่พบเธอ ประกายดาวถือโอกาสขอบคุณเขาที่ช่วยตนอีกครั้ง คุณหญิงนิ่มพยายามชงสุดฤทธิ์แนะคุณชายจันทร์รักษาข้อเท้าแพลงให้ประกายดาว ได้

“พี่ชายเก่งเรื่องนี้ค่ะ เพราะว่านมพรข้อเท้าเคล็ดเป็นประจำ รับรองว่าพี่ดาวหายเจ็บแน่”

จันทร ภานุถอดรองเท้าประกายดาวออกแล้วค่อยๆ นวดเท้าจนเธอรู้สึกดีขึ้น คุณหญิงนิ่มอมยิ้มเลี่ยงหนีออกไปปล่อยให้สองคนอยู่กันลำพัง...ออกมาเจอเข้า กับพงศ์จันทร เธอไม่อยากให้เขาไปขัดจังหวะคุณชายกับประกายดาว จึงแกล้งขอให้เขาช่วยหาคอนแทคเลนส์ที่หล่น

ด้านจันทรภานุกับประกาย ดาว รู้สึกดีๆต่อกัน คุณชายจันทร์ขอเลี้ยงข้าวเธอแทนคำขอบคุณ หญิงสาวนิ่วหน้า เพราะตนควรเป็นฝ่ายเลี้ยงขอบคุณมากกว่า แต่เขาโต้

“ครั้งที่แล้วคุณเลี้ยงผมไปแล้ว ครั้งนี้ขอให้ผมเป็นเจ้ามือบ้าง ไว้รอผมกลับมาจากเชียงใหม่ก่อนนะครับ”

“คุณชายจะไปเชียงใหม่เหรอคะ”

“ใช่ ครับ โรงแรมของผมเป็นสถานที่จัดงานประชุมเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนในประเทศแถบอา เซียน ผมก็เลยต้องขึ้นไปตรวจดูความเรียบร้อยด้วยตัวเองในวันพรุ่งนี้”

ทั้ง สองนึกได้ว่าคุณหญิงนิ่มหายไปไหน จึงพากันเดินออกมา พบกำลังหาอะไรอยู่กับพงศ์จันทร พอคุณหญิงนิ่มเห็นจันทรภานุก็บอกพงศ์จันทรว่าหาไม่เจอก็ไม่เป็นไร แล้วชวนคุณชายกลับ เกรงเขาจะรู้ว่าตนโกหกเรื่องคอนแทคเลนส์ พงศ์จันทรเอะใจ บ่นกับประกายดาว

“ปกติผมไม่เคยนินทาผู้หญิงลับหลังนะครับ แต่คนนี้ขอสักคน แสบชะมัด เจอผมทีไรแกล้งผมทุกที”

“คุณเนี่ยนะโดนคุณหญิงนิ่มรังแก”

พงศ์ จันทรรับว่าใช่แล้วขอความสงสาร เธอส่ายหน้าและเปรยว่า “บางทีคุณกับคุณหญิงนิ่มอาจจะเป็นเนื้อคู่กันก็ได้นะคะ ไม่สังเกตเหรอคะว่าคนไม่ถูกกัน สุดท้ายมักจะลงเอยกัน”

พงศ์จันทรรีบ บอกว่าไม่มีทาง เขาเดินมาส่งประกายดาวถึงรถ เธอขับออกไป เขาพึมพำสักวันตนจะทำให้เธอสนใจตนให้ได้...ระหว่างนั้น จันทรภานุยืนรอคุณหญิงนิ่มเข้าห้องน้ำที่ล็อบบี้โรงแรม มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งถือซองยามาถามหาประกายดาว บอกว่าเธอลืมยาไว้ในเสื้อ จันทรภานุรับซองยามาด้วยความหวั่นใจ

รุ่งขึ้น เขาเอาซองยานี้ไปให้อภิเชษฐ์ อ้างว่าเจอตกอยู่ที่พื้น และได้รู้ว่าเป็นยาไอซ์จริงๆ...เช้าวันนั้น ศิวะโกรธโยนหนังสือพิมพ์ให้อรอุมาดูข่าวเมายาที่ทำให้วงศ์ตระกูลเขาเสื่อม เสียไปด้วย ก่อนจะผลุนผลันออกจากบ้านไป อรอุมาแค้นใจมาหารติรสที่บ้าน กลับพบรองเท้าผู้ชายถอดอยู่หน้าประตู แต่รติรสอ้างว่าเป็นของพ่อ พ่อมาค้างที่นี่ ตอนนี้ออกไปธุระข้างนอก ปรากฏว่าศิวะมาอยู่กับรติรส แต่ต้องหลบไปซ่อนอยู่นอกหน้าต่าง หวิดหล่นลงไป กว่ารติรสจะหลอกล่ออรอุมาไว้ให้เขาหนีออกไปได้สำเร็จ

ส่วนประกาย ดาวกลับขอให้มิลินทร์จองโรงแรมของจันทรภานุที่เชียงใหม่ให้ ทั้งที่รู้ว่าราคาแพงมาก แต่เธอก็ยอมทุ่ม เธอตั้งใจจะเริ่มความสัมพันธ์กับจันทรภานุใหม่เพื่อขอสเปิร์มจากเขา...พอมา ถึงโรงแรม ก็ถึงกับทึ่ง มันโอ่อ่าสวยงามสมราคาจริงๆ จากนั้นเธอก็พยายามมองหาจันทรภานุ แต่ก็คลาดกับเขาถึงสองครั้ง เพราะเขาขึ้นรถออกไปจากโรงแรม จึงตั้งมั่นนั่งรอที่ล็อบบี้ เชื่อว่าเมื่อเขากลับมาจะต้องเห็นตน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น