วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

เรื่องย่อ ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 4

เรื่องย่อ ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 4


จันทรภานุมาส่งประกายดาวที่คอนโด เขาอยากให้เธอเลิกพบปะกับพงศ์จันทรอีก แต่ไม่รู้จะบอกอย่างไร จึงออกคำสั่งในฐานะนายจ้างห้ามไปไหนมาไหนกับผู้ชายอื่น หญิงสาวรับคำเอือมๆ ก่อนจะเดินไปเขาเตือนอย่าลืมทายาที่แผล ทำให้เธออมยิ้มที่เขาก็ห่วงใยเป็นเหมือนกัน

วันต่อมาประกายดาวเดินออกมาจากลิฟต์ รู้สึกมีคนมองแล้วซุบซิบๆก็แปลกใจ พอออกมาที่รถ เห็นมีรูปตัวเองแปะเต็มคันรถพร้อมข้อความว่า...ระวังให้ดี ผู้หญิงคนนี้ชอบแย่งผัวชาวบ้าน...ประกายดาวโมโหสุดๆ กระชากกระดาษออกมาขยำทิ้ง แต่มันติดแน่นเต็มคันรถ ผู้คนที่ผ่านมาก็มอง เธอหันไปวีนใส่ พอขึ้นรถจะขับออกไป มีรถมาจอดขวาง เธอฉุนเฉียวลงจากรถกระชากกระดาษปาไปให้

“อยากอ่านนักใช่ไหม เอาไปเลย...คุณพงศ์!” ประกายดาวตกใจที่รถคันนั้นเป็นพงศ์จันทร

หลังจากนั้น พงศ์จันทรก็พาประกายดาวเอารถมาล้างที่ร้าน ระหว่างนั่งรอ เขาถามเธอว่า คิดว่าเป็นฝีมือใคร เธอมั่นใจว่าต้องเป็นนันทินี พงศ์จันทรจึงเอ่ยปากถาม

“คุณดาวครับ ผมขอถามอะไรตรงๆ คุณกับคุณชายจันทร์เป็นแฟนกันจริงๆเหรอครับ”

ประกายดาวหน้าถอดสี ทำเป็นยิ้มรับว่าจริง พงศ์จันทรย้อนว่า ถ้าเป็นคนอื่นโกหก ตนโกรธไปแล้ว แต่นี่เป็นเธอ โกรธไม่ลง และว่าเมื่อวานตนได้ยินเธอกับคุณชายจันทร์คุยกันว่าทุกอย่างเป็นการแสดง ตนไม่เข้าใจว่าผู้หญิงสวย เก่งอย่างเธอ ทำไมต้องทำแบบนี้

“ฉันมีเหตุผลบางอย่าง ที่ฉันบอกคุณไม่ได้ค่ะ” ประกายดาวจนใจที่จะแก้ตัวต่อไป

“เรื่องเงินก็ไม่น่าใช่ แล้วอะไรมันจะมีค่าขนาดทำให้คุณต้องทำอย่างนี้ครับ”

“ฉันบอกคุณไม่ได้จริงๆ เอาเป็นว่าคุณอย่าบอกใครก็แล้วกันว่าฉันกับคุณชายเป็นแฟนกันหลอกๆ เพราะสิ่งที่ฉันต้องการจากคุณชาย มันคือความฝันของฉัน”

“ความฝันของคุณคืออะไร บอกได้ไหมครับ บางทีผมอาจจะให้คุณดาวได้ก็ได้”

“อย่าถามฉันอีกเลย ขอร้องนะคะ” ประกายดาวจ้องตาอย่างอ้อนวอน

หลังจากล้างรถเสร็จ ประกายดาวโทร.ขอที่อยู่นันทินีจากมิลินทร์...เธอหอบลังใส่กระดาษที่แปะรถเธอทั้งหมด ไปกองหน้าบ้านนันทินี แล้วจุดไฟเผาต่อหน้าต่อตาพร้อมขู่

“จำไว้ว่าอย่าทำกับฉันแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นคราวหน้าจะไม่ใช่แค่ไฟ แต่จะเป็นอะไรที่คุณคาดไม่ถึง”

นันทินีตกใจร้องเรียกคนในบ้านออกมาดับไฟด้วยความแค้นใจ...

เมื่อรู้ความจริงแน่นอน พงศ์จันทรมาที่ร้านคุณหญิงนิ่มเพื่อประกาศให้เธอรู้ว่า ตนจะเดินหน้าจีบประกายดาวอย่างจริงจัง คุณหญิงนิ่มสวนว่าเธอจะขวางถึงที่สุด
“ผมชักจะสงสัยแล้วนะ ว่าไอ้การที่คุณแสดงท่าทางแบบนี้ เป็นเพราะคุณแอบชอบผมรึเปล่า” พงศ์จันทรหรี่ตาล้อ

“บ้าน่ะสิ ฉันไม่มีวันชอบผู้ชายกะล่อนปลิ้นปล้อน เจ้าชู้ลื่นเป็นปลาไหลอย่างนายหรอก ฉันชอบพี่ดาว ฉันอยากได้พี่ดาวเป็นพี่สะใภ้ ฉันเชื่อว่าสักวันพี่ชายจะต้องชอบพี่ดาวขึ้นมาจริงๆ และฉันบอกได้เลยว่าพี่ดาวก็ชอบพี่ชายเช่นกัน”

“ถ้างั้นคุณคอยดูก็แล้วกัน ว่าผมจะทำให้คุณดาวชอบผมให้ได้” พงศ์จันทรยิ้มเยาะจากไป

คุณหญิงนิ่มกลัดกลุ้ม แค่นันทินีคนเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว ต้องหาทางสกัดดาวรุ่งให้ได้...จากนั้น เธอก็เอาเรื่องมาเล่าให้จันทรภานุฟัง และให้เขาทำตัวเป็นแฟนกับประกายดาวให้มากขึ้นด้วยการพาออกสื่อ ดูหนังฟังเพลงเหมือนคนรักเขาทำกัน เพราะถ้าพงศ์จันทรเอาเรื่องนี้ไปบอกหม่อมสุรีย์ มีหวังเขาโดนจับแต่งงานกับนันทินีแน่ๆ ส่วนพงศ์จันทรตนจะจัดการเอง

ooooooo

วันต่อมา อรอุมาดูละครทีวี นางร้ายขู่จะเอาคลิปเสียงไปเปิดให้เมียพระเอกฟัง ศิวะได้ยินตกใจ นึกว่าประกายดาวส่งคลิปให้อรอุมาแล้ว แต่พอเห็นว่าเป็นละครทีวีก็โล่งใจ

ศิวะทนใจหายใจคว่ำแบบนี้ไม่ไหว โทร.มาขอให้ประกายดาวลบคลิปทิ้ง แต่เธอยืนกรานว่า ต้องเก็บเป็นตัวประกันเพราะไม่ใว้ใจเขา...พอวางสายไปสักครู่ ประกายดาวก้มหน้าทำงานต่อ มือถือดังขึ้นอีก เธอคว้ามากดรับคิดว่าเป็นศิวะยังตื๊ออยู่ จึงเสียงเขียวใส่ มีอะไรอีก พอรู้ว่าเป็นจันทรภานุก็หน้าซีดเสียงอ่อย ขอโทษขอโพย คุณชายโทร.มาถามว่าว่างหรือเปล่า

“ว่างค่ะ คุณชายมีอะไรให้ฉันรับใช้คะ”

“สี่โมงเย็นเจอกันที่คอนโดฯ  ฉันจะรับเธอไปดูหนัง” พูดจบก็วางสายดื้อๆ

ประกายดาวงง อะไรของเขาเนี่ย...

ด้านคุณหญิงนิ่ม มาหาเจ๊พีชเพื่อขอเลือกเด็กในสังกัด อ้างขอมาเป็นนางแบบโฆษณา เธอเลือกเด็กสาวชื่อแชมเปญ ที่ดูสวยเซ็กซี่ไม่เบา...จากนั้น คุณหญิงนิ่มก็วางแผนให้แชมเปญไปยั่วยวนพงศ์จันทรด้วยการทำทีว่ามีรถจอดขวาง  เขามาช่วยเข็นแล้วก้อร่อก้อติกตามนิสัย คุณหญิงนิ่มแอบถ่ายคลิปเอาไว้

ตกเย็น จันทรภานุขับรถมารับประกายดาวตามนัด เธอถามเขานึกอย่างไรชวนไปดูหนังเขาตอบว่า ต้องหากิจกรรมทำร่วมกันให้เหมือนแฟน เพื่อหม่อมแม่จะได้จับไม่ได้...ประกายดาวย้อนถามว่าเขาดูหนังครั้งสุดท้ายเรื่องอะไร ชายหนุ่มนึกแล้วตอบว่านานแล้วเรื่องไททานิก หญิงสาวหัวเราะก๊าก ชายหนุ่มเสียหน้าถามตลกมากนักหรือ

“ขอโทษค่ะ ฉันว่าเราไปหาอะไรอย่างอื่นทำดีกว่า”

ประกายดาวพาจันทรภานุมาโยนโบว์ลิ่ง เขาดูนิ่งมากจนเธอสงสัย

“อย่าบอกนะคะว่าคุณชายไม่เคยเล่นโบว์ลิ่ง” เขายอมรับอายๆ “อะไรกันอ่ะคุณชาย นี่ไม่คิดจะทำอะไรแบบคนอื่นเขาบ้างเหรอไงคะ ว่ายน้ำก็ว่ายไม่ได้ ปีนเขาก็ไม่เคยปีน ดูหนังก็ยังไม่ค่อยดู แล้วยังเล่นโบว์ลิ่งไม่เป็นอีก ฉันถามจริงเหอะ ตั้งแต่เกิดมา คุณชายทำอะไรบ้าง”

“เรียนหนังสือ ทำงาน”

“แล้วคุณชายไม่ทำกิจกรรมอะไรบ้างเลยเหรอ”

“จ๊อกกิ้ง ชกมวย ฟุตบอล ฉันเล่นอยู่สามอย่าง”


ประกายดาวถอนใจ สอนเขาโยนโบว์ แรกๆเขาก็ล้างท่อ ไม่ทันไรเขาเรียนรู้ได้ไว และสไตร์คตลอดจนเอาชนะเธอไปได้ ประกายดาวทึ่งปนโมโห...สุดท้ายเมื่อเป็นคนแพ้ ประกายดาวต้องเป็นคนเลี้ยงข้าว จึงขอเลือกร้านเอง เธอเลือกร้านประเภทจุ่มแซ่บ ตักอาหารเต็มโต๊ะ จันทรภานุทำหน้าแหยๆ นั่งเช็ดจานช้อนส้อม เห็นประกายดาวเอาหมูลวกแป๊บเดียวเอาขึ้นมากินก็แหยงๆเกรงไม่สุก ประกายดาวจัดการ ลวกหมู กุ้ง ผักใส่ชามให้เขา แล้วบอกให้ตักน้ำจิ้มน้อยๆเพราะมันเผ็ด เขาลองชิมดูรู้สึกว่าอร่อยมาก จึงทานมากขึ้นๆจนจานเต็มโต๊ะไปหมด

พอคิดเงินออกมาไม่ถึงสามร้อยบาท จันทรภานุถึงกับทึ่ง ประกายดาวบอกว่า ของอร่อยไม่จำเป็นต้องแพง ว่าแล้วเธอก็ให้พนักงานช่วยถ่ายรูปคู่ไว้ให้ในมือถือ เป็นภาพประวัติศาสตร์...ทั้งสองไม่รู้เลยว่า มีคนร้ายแอบใส่ยานอนหลับในเครื่องดื่มให้กิน

จันทรภานุขับรถถึงคอนโดฯ ประกายดาวเปิด ประตูลง เขาท้วง “ไม่คิดจะรอให้ผมเปิดประตูให้สักครั้งเลยเหรอครับ”

“ก็ลงเองได้นี่นา ทำไมต้องมารอให้คุณชายเปิดให้ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง แล้วฉันจะส่งรูปไปให้ บ๊ายบาย”

ประกายดาวเริ่มรู้สึกง่วง เดินสะลึมสะลือเข้ามากดลิฟต์ ชายคนหนึ่งตามเข้าไปด้วย เธอง่วงจนเซพิงฝา ชายคนนั้นค้นกระเป๋าเธอ พอไม่พบก็โทร.บอกเพื่อนว่าไม่มีมือถือในกระเป๋าของเธอ แต่แปลกใจเพราะเมื่อครู่เห็นเธอยังใช้ถ่ายรูปอยู่ สงสัยจะอยู่กับผู้ชายที่มาส่ง

เผอิญจันทรภานุเห็นมือถือประกายดาวตกอยู่ในรถ จึงวกกลับมาจะคืนให้ พลันเขารู้สึกง่วงมากจึงเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา เห็นกระเป๋าถือของประกายดาวอยู่ในถังขยะก็แปลกใจเก็บมาแล้วรีบขึ้นไปหาเธอบนห้อง จะเคาะประตู พบว่าประตูปิดไม่สนิทจึงผลักเข้าไป พอมาดูประกายดาวเห็นนอนนิ่งบนเตียงก็พยายามปลุก จนรู้สึกมึนหัวหนักขึ้นเรื่อยๆ....

ooooooo

รุ่งเช้า ประกายดาวตื่นขึ้นมาพบจันทรภานุนอนสวมเสื้อกล้ามอยู่ข้างๆ ก็ตกใจร้องกรี๊ดลั่นห้อง ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นตกใจเช่นกัน

“คุณชายเข้ามาในห้องนอนฉันได้ยังไง”

“ผมไม่รู้ ผม...จำไม่ได้” จันทรภานุพยายามนึก

“คุณชายจำไม่ได้ จำไม่ได้ได้ยังไง...แล้วนี่คุณชายกับฉัน...” ประกายดาวมองหน้าเขาอึ้งๆ

ไม่พูดพล่ามทำเพลง ประกายดาวแล่นมาหาจิตสุภางค์ เธอกลับให้คำปรึกษาว่า “แกไม่แน่ใจว่าแกกับคุณชาย...จุดจุดจุด...ถ้าเป็นอย่างที่แกคิดก็ดีแล้วไง แกก็ได้สเปิร์มของเขามาแล้ว”

“ไอ้บ้าจิต! ฉันไม่ได้อยากได้ด้วยวิธีนี้ ฉันไม่อยากมีความสัมพันธ์”

“ฉันพูดเล่น ฉันว่าแกกับคุณชายคงยังไม่มีอะไรกันหรอก มันไม่มีทางที่แกจะไม่รู้สึกอะไรเลย  เพราะขนาดตอนที่ฉันเมา เฮียเชาทำท่าไหน ฉันยังรู้เลยอ่ะ”

ประกายดาวค้อนอายๆ  จิตสุภางค์ย้ำให้เชื่อประสบการณ์ของตน เพื่อนยังซิงแน่นอน ประกายดาวก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อย ด้านจันทรภานุกลับเข้าวัง หม่อมสุรีย์นั่งอยู่กับนันทินี ทั้งสองซักไซ้ว่าเมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน ทำไมไม่กลับบ้าน เขาโกหกว่าไปนอนบ้านอภิเชษฐ์แล้วขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าต้องรีบไปทำงาน นันทินียุหม่อมสุรีย์อย่าไปเชื่อ

เข้าห้องมาได้ จันทรภานุพยายามโทร.หาอภิเชษฐ์แต่เขาปิดเครื่อง จึงฝากข้อความให้โทร.กลับ...นมพรเคาะประตูเปิดเข้ามา เขาดีใจมากอยากสารภาพกับนมพรเพราะไม่ชอบโกหก

“เมื่อคืนคุณชายนอนค้างบ้านคุณดาว!” นมพรเสียงดัง อ้อยอยู่หน้าห้องได้ยินแนบหูฟัง

“ชายตื่นขึ้นมาก็เจอว่าตัวเองนอนอยู่กับคุณดาวครับ”

อ้อยตกใจสุดๆรีบย่องออกไปทันที จันทรภานุบอกนมพรว่าจำไม่ได้จริงๆ ทำไมถึงไปนอนบนเตียงกับประกายดาว  เมื่อคืนตนท้องเสีย เผลอหลับเพราะเหนื่อยมากแล้วก็เบลอๆมึนๆ
“นมว่ามันคงไม่ได้เป็นอย่างที่คุณชายคิดหรอกค่ะ ใจเย็นๆ ค่อยๆนึกไปก่อน  แต่เรื่องนี้อย่าเพิ่งให้ใครรู้เด็ดขาด ถ้าเข้าหูหม่อมล่ะก็ มีหวังไปกันใหญ่โตแน่ค่ะ”

แต่สายไปเสียแล้ว อ้อยเอาเรื่องมาเม้าท์กับเหล่าคนรับใช้ ว่าได้ยินเต็มสองหูว่า จันทรภานุได้เสียกับประกายดาว เผอิญหม่อมสุรีย์มาได้ยิน “เธอว่ายังไงนะอ้อย!”

ทั้งหม่อมสุรีย์และนันทินีเดือดดาล โทร.นัดประกายดาวออกมาพบทันที...ระหว่างนั้น จันทรภานุเริ่มนึกออกว่า เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เขารีบเล่าให้นมพรฟัง ว่าเขาพยายามปลุกประกายดาว แต่แล้วรู้สึกมึนหัวมากจึงเข้าไปเอาน้ำราดหัว เสื้อเปียกเลยถอดออกเหลือเสื้อกล้ามและเอาผ้าขนหนูเช็ดหัว จากนั้นหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว

พอนึกเหตุการณ์ออก จันทรภานุก็ โทร.หาประกายดาว “คุณอยู่ไหน...”

“ฉันอยู่กับแม่ของคุณ”

คุณชายตกใจรีบถามว่าที่ไหน ตนจะไปหาเดี๋ยวนี้ พอวางสาย เขาบอกนมพรว่าหม่อมแม่รู้เรื่องตนแล้ว ตนต้องรีบไปหาประกายดาว

“ค่ะๆ ค่อยๆขับรถนะคะ...ขออย่าให้เกิดเรื่องอะไรร้ายแรงขึ้นเลย เจ้าประคู๊ณ...”

ooooooo

ในร้านอาหาร นันทินีนั่งอยู่กับหม่อมสุรีย์ ทั้งสองแปลกใจว่าทำไมประกายดาวออกไปคุยโทรศัพท์นานขนาดนี้ นันทินีกลัวจะหนีไปเสียก่อนจึงออกไปตาม... ประกายดาวเดินงุ่นง่านรอจันทรภานุ  นันทินีมาถึงต่อว่า

“คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วทำไมถึงไม่เข้าไปข้างใน มายืนทำซากอะไรตรงนี้ ไม่รู้เหรอว่าหม่อมแม่รออยู่”

“คุณนันช่วยไปบอกหม่อมให้รออีกสักครู่นะคะ”

นันทินีจะเดินไป นึกได้หันมาโวยเรื่องอะไรมาสั่งตน ประกายดาวอึกอักไม่รู้จะอ้างอะไร พอดีจันทรภานุมาถึง นันทินีหน้าเจื่อน...สามคนเดินมาพร้อมกัน หม่อมสุรีย์ไม่พอใจหาว่าประกายดาวตามจันทรภานุมา

“ที่ว่าออกไปโทรศัพท์คือโทร.ไปฟ้องลูกชายฉันงั้นเหรอ”

สองคนตอบพร้อมกันว่าไม่ใช่ จันทรภานุรีบอธิบาย “ผมโทร.หาคุณดาวเองครับ หม่อมแม่ฟังผมก่อน เรื่องเมื่อคืน...”

“แม่ไม่ฟัง ลูกจะมาตอกย้ำให้แม่เจ็บอีกทำไม บรรพบุรุษของเราไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยเรื่องผู้หญิง ลูกเป็นถึงราชนิกุลอันดับหนึ่งของนพรัตน์ ถ้าใครรู้ว่าลูกกับผู้หญิงคนนี้...แม่ไม่ต้องเอาปี๊บคลุมหัวเดินรึไง”

ประกายดาวจะช่วยอธิบาย กลับถูกพูดใส่หน้าว่าต้องการคุยกับลูกชายเป็นการส่วนตัว เธอจึงยกมือไหว้ ก่อนจะเดินออกมา นันทินีเดินตามติดมาเยาะ

“คุณชายต้องเลิกกับแกแน่...”

“เลิกตัดสินใจแทนคนอื่นซักทีได้ไหมคะ” ประกายดาวสุดทนตอบกลับ

“หม่อมแม่ไม่ใช่คนอื่น เราสนิทกันจนเหมือนครอบครัวเดียวกัน  หม่อมแม่คิดอะไรอยู่ทำไมฉันจะไม่รู้ ยังไงคุณชายก็ต้องเลือกหม่อมแม่มากกว่าเธออยู่แล้ว ทางที่ดีเธอควรจะไปจากคุณชายซะตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าต้องมาหน้าแตกเพราะโดนไล่  ฉันเตือนด้วยความหวังดี” นันทินีเชิดใส่เดินไปหาที่นั่ง ประกายดาวชักกังวลใจ

ข้างในร้าน หม่อมสุรีย์ยื่นคำขาดว่าประกายดาวกำลังทำลายชีวิตลูก ต้องเลิกกับเธอแล้วมาแต่งงานกับนันทินี  จันทรภานุนึกอะไรไม่ออก โพล่งออกไปทันที

“ผมแต่งงานกับคุณนันไม่ได้ครับ เพราะว่าคุณดาวเป็นภรรยาผมแล้ว ผมต้องรับผิดชอบคุณดาวครับแม่”

หม่อมสุรีย์ลุกพรวดด้วยความโกรธ “ต่อให้แม่ตาย แม่ก็ไม่ยอมรับผู้หญิงคนนั้น เอาเงินให้เขาไปก้อนหนึ่ง แล้วเลิกยุ่งกับเขาซะ”

“เงินมันแก้ปัญหาไม่ได้ทุกอย่างนะครับ ผมอยากให้หม่อมแม่รู้ว่า ถึงผมจะไม่ได้ลงเอยกับคุณดาว ผมก็ไม่มีวันแต่งงานกับคุณนัน เพราะว่าผมไม่ได้รักเขา” พูดจบจันทรภานุจะเดินไป

หม่อมสุรีย์เครียดจัดจนความดันขึ้น เป็นลมล้มชนเก้าอี้เสียงดังโครมคราม  จันทรภานุตกใจมากรีบเข้าอุ้มแม่ส่งโรงพยาบาล

หน้าห้องฉุกเฉิน นันทินีโวยประกายดาวว่าเธอเป็นสาเหตุทำให้หม่อมสุรีย์ป่วย จันทรภานุปกป้องว่าไม่เกี่ยวกับเธอ นันทินีหน้าเสีย ประกายดาวกระซิบถามเขาพูดอะไรกับหม่อมสุรีย์ท่านถึงได้ช็อกไป

“หม่อมแม่สั่งให้ผมเลิกกับคุณ แล้วแต่งงานกับคุณนัน ผมก็เลยบอกหม่อมแม่ไปว่า คุณเป็นภรรยาผม และผมจะไม่มีวันแต่งงานกับคุณนันเด็ดขาด”

“คุณบอกแม่คุณไปแบบนั้นได้ยังไง!”

“ก็ผมนึกอะไรไม่ออก ผมรู้ว่ามันไม่ถูกที่ทำให้คุณเสียชื่อ แต่คุณอย่าลืมว่าผมเป็นนายจ้างของคุณ เพราะฉะนั้นนายจ้างมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจอะไรก็ได้ เพื่อเป็นการแก้ ปัญหาเฉพาะหน้า”

“คุณนี่เหลือเชื่อเลยจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันอยากได้สะ...” ประกายดาวยั้งไว้ทัน

จันทรภานุมองอย่างสงสัย เผอิญหมอออกมา เธอรีบเปลี่ยนเรื่องให้เขาฟังหมอก่อน หมอบอกว่าขอให้หม่อมสุรีย์นอนเช็กอาการให้ละเอียดสักสองวัน ตอนนี้ความดันขึ้นจึงเป็นลม นันทินีชวนเข้าไปดู จันทรภานุหันมาบอกประกายดาวให้กลับบ้านไปก่อน แล้วตนจะโทร.หา

คืนนั้น ประกายดาวโทร.เล่าเรื่องให้จิตสุภางค์ฟัง เธอติงว่าชักจะไปกันใหญ่แล้ว จากแฟนหลอกๆมาเป็นเมียเสียแล้ว ระวังจะตกหลุมรักที่ตัวเองขุดไว้เสียเอง ประกายดาวร้องลั่นไม่มีทาง ตนยังต้องการแค่สเปิร์มเท่านั้น...จิตสุภางค์ครุ่นคิดเรื่องนี้ บ่นกับสามีว่า ตนควรทำอย่างไรที่แนะนำให้เพื่อนทำเรื่องแลกสเปิร์ม ดูมันจะลุกลามไปใหญ่โต เฮียเชาปลอบว่า

“ไม่ต้องทำอะไร แค่มองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ เพราะถ้าดาวไม่มีใจตั้งแต่แรก เธอก็คงไม่ทำ...เอาเวลามาเลี้ยงลูกๆให้เป็นพลเมืองดีของสังคมดีกว่า”
จิตสุภางค์ซึ้งใจที่สามีพูดอะไรดีๆเป็นกับเขาเหมือนกัน เธอหันมาช่วยลูกๆแกล้งพ่ออย่างสนุกสนาน

ooooooo

เมื่ออภิเชษฐ์ได้รับข้อความก็ตรงมาหาจันทรภานุที่โรงพยาบาลทันที สองหนุ่มคุยกันเครียดๆ อภิเชษฐ์ตั้งข้อสันนิษฐานอย่างตำรวจว่า สิ่งที่จันทรภานุทำกับประกายดาว สร้างความเสื่อมเสียให้กับเธอ แต่ทำไมเธอยังยอมช่วย เขาจ้างเธอด้วยเงินจำนวนมากหรือ

“เรายังไม่ได้คุยเรื่องนี้ เขาบอกฉันว่า สำหรับเขาเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ เขาว่าถ้างานสำเร็จ เขาจะบอกฉันเองว่าอยากได้อะไร”

อภิเชษฐ์ยิ่งรู้สึกว่าประหลาด เตือนให้เพื่อนระวังของมีค่า หรือระวังตัวจะกลายเป็นเหยื่อ

วันต่อมา อรอุมากับรติรสมาเยี่ยมพร้อมนันทินี หม่อมสุรีย์รู้สึกตัวพอดี จันทรภานุเกาะอยู่ขอบเตียงด้วยความเป็นห่วง แต่หม่อมสุรีย์ทำหมางเมิน หันไปทักทายอรอุมา และให้นันทินีปรนนิบัติคนเดียว แถมประชดประชัน

“หนูนัน วานบอกชายจันทร์ว่าจะไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาเฝ้า เพราะว่าแม่ไม่ตายง่ายๆ”

นันทินีจึงขอให้จันทรภานุกลับไปก่อน...พอคุณชายไปแล้ว หม่อมสุรีย์ก็ลุกขึ้นปรึกษานันทินี อรอุมาและรติรส ว่าคุณชายจันทร์บอกว่าได้ประกายดาวเป็นเมียแล้ว รติรสโพล่งขึ้น

“อีกแล้วเหรอ...นี่มันคิดจะจับแต่ผู้ชายรวยๆเหรอไง”

หม่อมสุรีย์ถามหมายความว่าอย่างไร อรอุมาจึงบอกว่า ประกายดาวเป็นเมียน้อยสามีของตน หม่อมสุรีย์ตกใจ เพราะศิวะไม่เคยบอกเรื่องนี้แถมเป็นคนสืบประวัติ ประกายดาวให้

อรอุมาแค้นใจกลับมาจะรีดความจริงจากศิวะ ขณะนั้น ศิวะกำลังหลีพนักงานสาวในร้านแอบเอาแหวนเพชรให้เป็นของกำนัล พออรอุมากลับมาทั้งสองก็ผละจากกันไปทำงานของตัว ศิวะหันมาเอาใจเมีย ถามถึงหม่อมสุรีย์เป็นอย่างไรบ้าง

“หม่อมสุรีย์ช็อกที่ลูกชายได้เมีย คือนังประกายดาว”

ศิวะแทบช็อกไปเหมือนกัน อรอุมาแขวะ “ไง อึ้งไปเลยล่ะสิ จะว่าไปนังดาวนี่มันก็ฉลาดรู้จักจับคุณชาย... เสียดายไหมที่มันไม่เอาคุณ”

ศิวะหน้าถอดสี ทำทีไม่เข้าใจทำไมต้องเสียดาย อรอุมาจี้ถาม “ฉันรู้จากหม่อมว่าหม่อมเคยไหว้วานให้คุณช่วยสืบประวัตินังดาว แต่คุณกลับบอกว่ามันเป็นคนดี คุณกับมันมีข้อตกลงอะไรกันใช่ไหม คุณถึงไม่บอกหม่อมว่ามันเป็นกิ๊กเก่าคุณ”

“บ้าไปแล้ว จะมีข้อตกลงอะไร...ไม่มี้...” ศิวะหัวเราะกลบเกลื่อน หาเรื่องชิ่งหนี อ้างนึกได้ว่ามีนัดกับลูกค้า ศิวะหอมแก้มอรอุมาแล้วรีบออกไป

อรอุมาหน้าเครียด กดมือถือหารติรสทันที “เป็นอย่างที่เธอพูดเอาไว้ ศิวะดูมีพิรุธสุดๆ และตอนนี้ก็รีบร้อนออกไปแล้วด้วย”

รติรสจอดรถอยู่หน้าร้านเพชร เธอบอกอรอุมาว่าเห็นศิวะออกมาแล้ว ตนจะจัดการต่อเองว่าแล้วก็ขับรถตามศิวะ จนถึงคอนโดฯประกายดาว แต่ถูก รปภ.ไล่ไม่ให้ จอดตรงที่เธอจอด

ศิวะดักรอจนประกายดาวออกมา เขาปรี่เข้ากระชากแขนเธอให้เอามือถือมาให้เขา แถมขู่วันนี้ไม่มีใครมาช่วยได้ ทำให้เธอรู้ว่า โจรที่เข้ามาเอากระเป๋าเธอไป  คืนก่อนคือคนของเขา...เกิดการยื้อยุดแย่งมือถือกัน ประกายดาวสู้สุดตัว ทันใดรติรสเดินเข้ามาโวยวาย

“กลางวันแสกๆ หน้าคอนโดฯ ไม่อายผีอายสางบ้างหรือไงห้ะ!”

“คุณมาก็ดีแล้ว ฉันมีอะไรจะให้ฟัง” ประกายดาวโกรธ เปิดคลิปเสียงศิวะให้ฟังทันที...

“เราดีใจมากเลยนะที่ดาวโทร.หาเรา เราคิดว่าดาวจะไม่ยอมเจอเราซะแล้ว...เรารักดาว รักไม่เปลี่ยน รักมาตลอด รักที่สุดเลยจ้ะ”

“นายแน่ใจนะว่านายไม่ได้รักคุณอร”

“แน่ใจ เราไม่ได้รักอร เราบอกแล้วไงว่าเรา แต่งงานกับอรเพราะคุณแม่บังคับ เราดีใจนะที่ดาวให้โอกาสเราอีกครั้ง คราวนี้เราจะไม่ทำให้ดาวเสียใจอีก เราจะให้ดาวทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ แหวนเพชร เงินทอง หรือถ้าดาวอยากได้อะไรนอกเหนือจากนี้ เราก็หามาให้ได้”
“แล้วเมียนายเขาจะไม่รู้เหรอว่านายมีฉันอยู่อีกคน”

“ไม่มีทางรู้หรอก อรน่ะโง่จะตาย เราพูดป้อยอนิด หยอดคำหวานหน่อยก็เชื่อเราแล้ว”
ประกายดาวกดปิดคลิป ศิวะหน้าซีดเผือด รติรสมองเขาด้วยแววตาโกรธ  ประกายดาวยิ้มเยาะ  ฝากเอาคลิปนี้ไปให้อรอุมาด้วย  ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนเลว  รติรสกำมือแน่นสะบัดหน้ากลับไป...ศิวะตามมาหาที่โรงแรม ออดอ้อนขอร้องรติรสอย่าเอาคลิปนี้ให้อรอุมา เพราะจะทำให้ถูกคุมเข้มออกมาพบเธอยากขึ้น รติรสว่าตนไม่โง่หรอก สู้เอาคลิปนี้มาเป็นประกัน ชายหนุ่มงง

“ฉันแค่ทำให้คุณเกิดแรงกระตุ้นก็เท่านั้น  ฉันอดทนเป็นเบอร์สองมานานแล้ว  ถึงเวลาที่ฉันต้องเป็นเบอร์หนึ่งซักที ถ้าคุณไม่อยากโดนอรแหกอกก็ทำตามที่ฉันสั่ง คุณต้องหย่ากับอร”

“หย่า! มันจะเป็นไปได้ยังไง คุณก็รู้”

“มันเป็นไปได้ถ้าคุณพยายาม แต่ก่อนหน้านั้น เราต้องโกยจากอรให้คุ้มที่สุด ถ้าคุณทำได้เราจะรวยกันเละ ส่วนเรื่องคลิปเสียงนี้ ไว้ทุกอย่างสำเร็จฉันค่อยคิดบัญชีกับคุณ”

ศิวะเครียดเหมือนหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ...จากนั้น รติรสรายงานอรอุมาว่า  ศิวะไปหาประกายดาวจริงและใส่ไฟว่าทั้งสองกอดกันกลม ทำให้อรอุมาเดือดดาลจะไปเล่นงานประกายดาว พอมาถึงคอนโดเห็นเธอกำลังขับรถออก  จึงสะกดรอยตาม มาจนถึงห้างมีเดีย ประกายดาว

ยืนรอจันทรภานุ อรอุมากับรติรสเข้ามาขวาง  ประกายดาว คิดว่าอรอุมาคงได้ฟังคลิปแล้วจึงถามว่า  ตาสว่างแล้ว ใช่ไหม อรอุมากลับตบหน้าเธอพร้อมตอบว่าใช่  รติรสทำทีห้ามเพื่อน อายเขา

อรอุมากราดเกรี้ยว “คนที่ต้องอายคือมัน ไม่ใช่ฉัน ทุกคนดูหน้าผู้หญิงคนนี้เอาไว้ให้ดีแล้วจำให้แม่น ผู้หญิงคนนี้เป็นคนโรคจิต ชอบแย่งผัวชาวบ้าน”

คนในห้างมุงดู ประกายดาวโกรธมาก ชกหน้าอรอุมาหงายเงิบเลือดกำเดาไหล รติรสตกใจเงื้อมือจะเข้าช่วยตบประกายดาว แต่จันทรภานุเข้ามาจับแขนไว้ อรอุมารีบฟ้อง

“คุณชายต้องทวงความเป็นธรรมให้อรนะคะ นังนี่มันมาแย่ง...”

“หยุดนะคุณอรอุมา! อย่ามาก่อเรื่องในห้างของผม และอย่ามาพูดจาพล่อยๆที่นี่”

“แต่นังนี่มันต่อยฉัน...”

“ก็ถ้าคุณไม่หาเรื่องคุณดาวก่อน คุณดาวคงไม่ทำร้ายคุณ...เชิญ” จันทรภานุผายมือ

อรอุมาเสียหน้า มองประกายดาวอย่างเคียดแค้นก่อนจะพากันกลับไปกับรติรส  จันทรภานุหันมาดูประกายดาวว่าเจ็บไหม เธอกุมแก้มสะบัดเสียงว่าถามได้...คุณชายพาประกายดาวขึ้นมาบนห้องทำงาน  ทายาที่แก้มให้อย่างเบามือ  หญิงสาวรู้สึกดีกับสัมผัสของเขา พอรู้ตัวก็ผละออกจันทรภานุเปรยว่าอรอุมาอาจจะดั้งหัก  ประกายดาวโต้ตนเป็นฝ่ายถูกรุม เขาเปลี่ยนถามถึงธุระ

ประกายดาวส่งถุงที่ถือมาด้วย “ฝากของไปเยี่ยมหม่อมแม่คุณด้วยค่ะ ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่เป็นส่วนหนึ่ง ทำให้หม่อมแม่คุณต้องนอนโรงพยาบาล”

จันทรภานุขอบคุณแล้วอดนึกถึงคำเตือนของอภิเชษฐ์ไม่ได้ว่า ให้ระวังไว้บ้างว่าตัวเองจะกลายเป็นเหยื่อ จึงตัดสินใจถามเธอตรงๆว่า เธอแย่งสามีอรอุมาจริงๆหรือ หญิงสาวตาโพลง

“อย่าเพิ่งโมโห ถ้าเราทำงานด้วยกัน คุณต้องเปิดใจให้ผมรู้ว่าผมเลือกคนมาช่วยผมถูกคนรึเปล่า”

ประกายดาวครุ่นคิดสักพัก ยอมเล่าความจริงให้เขาฟังว่า ตนเคยเป็นแฟนกับศิวะ และมีแฟนมาอีกสองคน แต่ละคนล้วนเอาเปรียบตนทั้งนั้น จึงไม่คิดอยากมีแฟนอีกตลอดชีวิต จันทรภานุเพิ่งเข้าใจว่า เพราะเหตุนี้เธอจึงไม่เชื่อในความรักอีก

ooooooo

จันทรภานุชวนประกายดาวมาเยี่ยมหม่อมสุรีย์ที่โรงพยาบาล ให้ของฝากกันเอง เพื่อท่านจะได้เห็นความจริงใจ...หม่อมสุรีย์กำลังบ่นกับคุณหญิงนิ่มและนมพรว่าจันทรภานุทิ้งตนไม่มาดูดำดูดี นมพรแย้งว่า หม่อมเป็นคนไล่คุณชายไปทำงานเอง ทั้งที่เธอมาดูแลแต่เช้า

“ที่ฉันทำลงไปเพราะฉันกำลังโกรธ ต่อให้ฉันไล่ชายจันทร์หรือดุด่ายังไง ถ้าชายจันทร์ห่วงฉันจริงก็คงไม่ทิ้งฉันไปแบบนี้”

พลันจันทรภานุกับประกายดาวเดินเข้ามา คุณหญิงนิ่มเห็นรีบบอกหม่อมสุรีย์ว่าคุณชายมาแล้ว พอหม่อมเห็นประกายดาวก็หุบยิ้มเชิดหน้า บอกนมพรว่าตนอยากพักผ่อน อย่าให้ใครรบกวน ประกายดาวหน้าเสีย คุณหญิงนิ่มรีบปลอบอย่าถือสา หม่อมป้ากำลังอารมณ์ไม่ดี

“พี่เข้าใจค่ะ พี่ไม่โกรธ...ฉันกลับนะคะคุณชาย”

คุณหญิงนิ่มรีบยุให้จันทรภานุไปส่ง เขาจึงเดินออกมาส่งที่ลานจอดรถ เธอให้เขากลับเข้าไป แต่เขาจะรอส่งเธอจนขับรถออกไปก่อน อ้างหญิงนิ่มจะได้ไม่มาต่อว่า

“คุณหญิงนิ่มนี่น่ารักนะคะ ทำไมคุณชายถึงไม่ชอบคุณหญิงนิ่มล่ะคะ”

“แก่นกะโหลกกะลาอย่างนั้น ไม่ไหวล่ะ”

ประกายดาวยิ้มๆแล้วเงยหน้ามองดวงจันทร์ เห็นว่าสวยจึงหยิบกล้องในรถมาเก็บภาพไว้ ชายหนุ่มงง สวยตรงไหน หญิงสาวยื่นหน้ามาอธิบาย

“คุณนี่ไม่มีอารมณ์สุนทรีซักนิด พระจันทร์วันนี้กลมมาก คุณดูรอบวงมันสิไม่มีรอยแหว่ง สมบูรณ์แบบที่สุด แถมท้องฟ้าก็ยังเป็นใจ ไม่มีเมฆมาบดบังเลย”

จันทรภานุกลับมองใบหน้าประกายดาวที่มีแสงจันทร์สาดส่อง ทำเอาเคลิ้มเผลอยิ้มออกมา...จวบจนประกายดาวถ่ายภาพเสร็จเก็บกล้องกลับไป จันทรภานุยังมายืนอยู่ที่ระเบียงห้องพักของหม่อมสุรีย์ มองดวงจันทร์แล้วคิดถึงใบหน้าของประกายดาว จนแปลกใจตัวเอง

ด้านอรอุมาแค้นใจจะเอาคืนกับประกายดาวให้ได้ รติรสแนะว่าต้องยืมมือคนอื่นจัดการ อรอุมาถามว่าใคร รติรสยิ้มกริ่มก่อนจะเอ่ยชื่อ...หม่อมสุรีย์

ooooooo


วันต่อมา ประกายดาวมานั่งคุยกับคุณหญิงนิ่ม ที่ร้านของเธอ คุณหญิงนิ่มสันนิษฐานว่าหม่อมสุรีย์ ไม่ได้ป่วยจริง แค่เรียกร้องความสนใจจากลูกชาย ถึงยังไงประกายดาวก็รู้สึกผิดที่ทำให้ท่านต้องคิดมาก คุณหญิงนิ่มจึงขอให้เธอเป็นแฟนกับจันทรภานุจริงๆ

“ไม่ล่ะค่ะ ผู้ชายอย่างคุณชาย ใครอยู่ด้วยเครียดตายเลย...อุ่ย พี่ขอโทษค่ะ ที่พี่พูดตรงๆ”

“มันก็จริงอย่างที่พี่ดาวพูด แล้วพี่ดาวชอบผู้ชายแบบไหนคะ”

“แบบไหนเหรอคะ อืม...ไม่รู้สิ ความจริงพี่เข็ดกับการมีแฟนแล้วล่ะคะ เพราะที่ผ่านมาพี่ไม่เคยเจอคนดีสักคน แต่ถ้าจะให้เลือกจริงๆ ผู้ชายอารมณ์ดีก็น่าสนใจ”

“ผู้ชายอารมณ์ดี พี่ดาวหมายถึงนายปลาไหล

พงศ์จันทรรึเปล่า...พี่ดาวคะ หญิงมีอะไรจะให้พี่ดาวดูค่ะ” คุณหญิงนิ่มเอาคลิปที่ถ่ายพงศ์จันทรหลีสาวแชมเปญตอนช่วยเข็นรถให้ดู...

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ประกายดาวกำลังทำงานถ่ายรูปนายแบบนางแบบ พอถึงช่วงเปลี่ยนเซ็ตใหม่ พงศ์จันทรถือถุงอาหารเข้ามาฝาก เขาถามเธอว่าแปลกใจไหมที่เขารู้ว่าเธออยู่ที่นี่ ประกายดาวชำเลืองมองเจ๊พีช พงศ์จันทรพูดคำหวานกับเธอ ประกายดาวแขวะให้ไปหวานกับสาวๆ เขาชะงักบอกเธอว่า ตอนนี้เขาตัดทุกคนออกไปหมด กำลังปรับปรุงตัวเพื่อเธอคนเดียว

ประกายดาวบุ้ยใบ้ไปที่นางแบบคนหนึ่ง “ฉันว่าคงเป็นคนนู้นมากกว่ามั้งคะ”

พงศ์จันทรมองตามแล้วอึ้งไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยถามว่าเด็กของเจ๊พีชหรือ ประกายดาวพยักหน้า...หลังงาน เลิก พงศ์จันทรมาซักไซ้เจ๊พีชจนรู้ว่า แชมเปญซึ่งเป็นเด็กในสังกัด คุณหญิงนิ่มเคยยืมตัวไปเป็นนางแบบให้ เขามั่นใจทันทีว่าเหตุการณ์วันนั้นเป็นแผนของคุณหญิงนิ่ม

ประกายดาวกำลังเก็บของใส่กระเป๋า จันทรภานุโทร.มาขอให้เธออัดภาพดวงจันทร์คืนนั้นมาให้ ประกายดาวแปลกใจที่เขาเกิดมีอารมณ์โรแมนติกเหมือนกัน จึงแวะเอามาให้ที่ห้าง เขาเอาภาพนั้นใส่กรอบตั้งบนโต๊ะทำงาน

ส่วนพงศ์จันทร บุกมาต่อว่าคุณหญิงนิ่ม โต้เถียงกันจนคุณหญิงนิ่มเอาเครื่องช็อตไฟฟ้ามาขู่ไล่เขากลับไป แต่มันเกิดใช้ไม่ได้ ชายหนุ่มเข้าแย่งจนล้มไปทับกันบนโซฟา ใบหน้าสองคนประชิดกันมาก พงศ์จันทรแกล้งยิ้มเจ้าชู้ยั่วว่าหลงเสน่ห์ตนแล้วใช่ไหม คุณหญิงไม่ตอบลองกดเครื่องอีกครั้ง มันติดและช็อตเข้ากล่องดวงใจของเขาพอดีจนร้องลั่นหมดสติไป

คุณหญิงนิ่มตกใจพาพงศ์จันทรส่งโรงพยาบาล พอฟื้นก็ปากดีต่อว่าเธอยกใหญ่ เธอโกรธยื่นคำขาดให้เลิกยุ่งกับประกายดาว แต่เขาไม่ยอม จึงแกล้งทิ้งกล่องเครื่องมือแพทย์ ลงกลางเป้าเขาอีกครั้งแล้วเดินจากไป พงศ์จันทรหน้าเขียวร้องไม่ออก มองตามหลังหญิงสาวไปอย่างเจ็บปวด
พงศ์จันทรลากสังขารออกจากโรงพยาบาลมาหาเจ๊พีช เพื่อให้เล่านิสัยตัวตนที่แท้จริงของคุณหญิงนิ่มให้ฟัง เจ๊พีชก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมาย จึงแนะให้เขาไปเปิดบล็อกของคุณหญิงนิ่มอ่านเอาเอง...ชายหนุ่มกลับบ้านมาเปิดเน็ต เข้าไปอ่านเรื่องราวในบล็อกของเธอพบว่าเธอชอบเขียนเรื่องเกี่ยวกับความรัก จึงคิดว่าจะเป็นคนสอนให้เธอรู้จักความรักที่แท้จริงเอง...ว่าแล้วเขาก็ทำทีปรึกษาปัญหาหัวใจกับเธอโดยใช้นามแฝง โต้ตอบกันไปมา

ด้านนันทินี เอาแผนการจากอรอุมาและรติรสมาบอกหม่อมสุรีย์ โดยท่านต้องแกล้งป่วยอีกครั้งหลังออกจากโรงพยาบาล...รติรสพาอรอุมามาสถานอาบอบนวด อรอุมาแปลกใจว่าเพื่อนรู้จักสถานที่แบบนี้ได้อย่างไร แจคเจ้าของสถานที่นำหญิงสาวคนหนึ่งมาให้ ทั้งสองตะลึง เพราะเธอหน้าละม้ายประกายดาวเสียจริง

รุ่งเช้า มิลินทร์ตะลึงเมื่อเห็นภาพคลิปร้อน ชายหญิงนัวเนียกันในลิฟต์ เห็นหน้าด้านข้างของหญิงสาวเหมือนประกายดาวมาก จึงรีบโทรศัพท์บอกจิตสุภางค์ทันที ชวนกันไปหาประกายดาวเพื่อจัดการเรื่องนี้ ทั้งสองเชื่อว่าไม่ใช่เพื่อนรักของพวกตนแน่ แต่ใครกลั่นแกล้งแบบนี้

“ฉันพอจะรู้แล้วว่าเป็นใคร แต่ตอนนี้ต้องรีบโทร.บอกคุณชายก่อน” ประกายดาวร้อนใจ...

ระหว่างนั้น จันทรภานุกับคุณหญิงนิ่ม และนมพรกำลังช่วยกันดูแลหม่อมสุรีย์ที่กลับมาวังแล้ว พลันนันทินีเอาไอแพดวิ่งหน้าตื่นเข้ามาให้หม่อมดูคลิป อ้อยสาวใช้ที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยอุทานว่านั่นแฟนคุณชายจันทร์ ทุกคนตกตะลึง หม่อมสุรีย์เป็นลมล้มพับต้องตามหมอมาดูอาการ หมอก็เป็นคนที่นันทินีจ้างมา กำชับกับจันทรภานุ ว่าอย่าทำให้หม่อมเครียดอีกโรคหัวใจจะกำเริบ
พอหม่อมสุรีย์รู้สึกตัว ก็ขอคุยกับคุณชายจันทร์ หม่อมขอร้องให้คุณชายแต่งงานกับนันทินี ก่อนที่ตนจะตาย คุณชายไม่กล้าขัดใจรับคำกรายๆ พอคุณหญิงนิ่มรู้เรื่องก็ร้อนใจ

ooooooo
ที่:ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น