วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

เรื่องย่อ ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 2

 เรื่องย่อ ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 2

 

พอออกมาหน้าฟิตเนส จันทรภานุเหลียวมอง ไม่เห็นนันทินีตามมาก็หยุดถอนใจ ประกายดาวมองตา ขวางบอกให้ปล่อยมือตน เขารีบปล่อย แล้วขอตัวแยก ไปดื้อๆ สองสาวงง

“อะไรของเขาวะ หรือเขาจะหลงเสน่ห์แก” จิตสุภางค์คาดคะเน

“บ้าน่ะสิ” ประกายดาวส่ายหัวไปมา

คืน นั้น มิลินทร์ตามมาสมทบกับประกายดาวและจิตสุภางค์ที่บ้านแดนดิน เพื่อช่วยกันวิเคราะห์ว่าจะเลือกใครมาเป็นผู้ให้สเปิร์ม ประกายดาวไม่อยากเชื่อว่าจันทรภานุจะเป็นอันดับหนึ่งของความเพอร์เฟกต์ มิลินทร์ มองรูปในไอแพดแล้วลองเลื่อนดูว่าใครเป็นอันดับสอง

“พงศ์ จันทร พิพิธมงคล คนนี้ฉันรู้จัก เขาเป็นไฮโซ ติดโผหนุ่มน่าลากมาหลายปี เป็นเจ้าของบริษัท ออแกไนเซอร์ซิกไนน์...เจ้าชู้ กะล่อน เป็นเพลย์บอยตัวพ่อ และที่สำคัญ แกไม่ใช่สเปกเขา อย่างคุณพงศ์เนี่ยต้องขาว อึ๋ม ตู้ม แบ๊ว” มิลินทร์ชำเลืองอกเพื่อน

ประกายดาวเคืองกระชับอกว่าตนก็ทำได้ จิตสุภางค์ปรามอย่าพยายามเลย สองเพื่อนให้สรุปว่าจะเลือกใคร ประกายดาวอ่านข้อมูลในไอแพดอีกครั้ง

“จันทร ภานุ จบปริญญาโทสองใบ สาขาเอ็มบีเอจากออกซ์ฟอร์ด และสาขาการเงินจากเคมบริดจ์ เป็นราชนิกุลโดยกำเนิด และเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของหม่อมเจ้าสุริยะวรรตและหม่อมสุรีย์...ตระกูล นี้เป็นเจ้าของมูลนิธิหลายแห่ง ทั้งบ้านพักคนชรา บ้านเด็กกำพร้า บ้านเด็กพิการซ้ำซ้อน มีวัดประจำตระกูลอยู่ที่เชียงใหม่ มีทุนนพรัตน์แจกให้เด็กด้อยโอกาสทุกปี”

ประกายดาวทึ่งกับข้อมูลของ จันทรภานุ ต่างจากพงศ์จันทร “เรียนจบปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยเยลที่นิวยอร์ก ลูกชายเพียงคนเดียวของคุณอนันต์ นักธุรกิจที่รวยติดอันดับ 8 ของเอเชีย...เป็นคาสโนวาตัวพ่อที่หาตัวจับยาก งานอดิเรกชอบเล่นกีฬาแนวแอดเวนเจอร์ ทุกปีครอบครัวจะเดินทางไปร่วมแสวงบุญที่อินเดีย อีกทั้งยังมีโครงการสร้างวัดไทยในต่างประเทศเพื่อเผยแผ่พุทธศาสนาอีกด้วย”

สอง เพื่อนเห็นว่า พงศ์จันทรดูท่าจะชอบกีฬาแนว เดียวกับประกายดาว แถมใจบุญทั้งสองคน ตกลงจะเลือกใคร ประกายดาวกลัดกลุ้ม มิลินทร์นึกได้ว่าพรุ่งนี้จะมีงานฉลองครบรอบห้างมีเดียกรุ๊ปของจันทรภานุ และออแก–ไนซ์งานนี้คือพงศ์จันทร ประกายดาวตาวาวด้วยความดีใจ

ooooooo

จันทร ภานุกำลังอ่านข่าวประกายดาวแย่งสามี อรอุมาในหน้าสังคม คุณหญิงนิ่มมาเห็นแปลกใจที่เขาสนใจข่าวกอซซิป มองภาพประกายดาวก็ชื่นชมที่เป็นช่างภาพดูสวยเท่ ชายหนุ่มเสียงเข้มทันที อย่าเอาเยี่ยงอย่างเด็ดขาด ผู้หญิงที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อความรัก แต่เธอกลับถูกชะตา

ด้านอรอุมาต่อว่ารติรสที่แนะให้สร้างข่าวนี้ขึ้น มาแต่ไม่เห็นประกายดาวจะตอบโต้ รติรสเชื่อว่าเป็นเพราะ มิลินทร์นักข่าวหน้าสังคม อรอุมาแค้นใจอยากทำให้ประกายดาวอับอายมากๆ

ไม่ มีใครรู้ว่า เบื้องหลังรติรส คือชู้รักของศิวะเสียเอง ทั้งสองแอบพบกันเป็นประจำตามโรงแรมหรูๆ มาหลายปี โดยที่อรอุมาไม่ได้ระแคะระคายเลย และในวันนั้นที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน อรอุมาโทร.มาเตือนศิวะ อย่าลืมไปงานห้างมีเดียกรุ๊ปด้วยกัน ศิวะรับทราบ

บรรยากาศ ห้างมีเดียกรุ๊ปตกแต่งสวยงาม ต้อนรับแขกเหรื่อที่ทยอยกันเข้ามา มิลินทร์พาประกายดาวมาทำหน้าที่ช่างภาพ เธอส่องกล้องเก็บภาพไปทั่วงาน มาสะดุดที่พงศ์จันทรกำลังก้อร่อก้อติกสาวๆ เธอพึมพำ...

เป็นเพลย์บอย อย่างที่มิลินทร์บอกจริงๆ พอเงยหน้ามองอีกครั้งเขาหายไปจากตรงนั้นแล้ว ก็แปลกใจเหลียวมองหา พงศ์จันทรมายืนอยู่ข้างหลังเธอ

“อยากถ่ายรูปผม ขอกันดีๆก็ได้นี่ครับคุณช่างภาพ”

ประกายดาวสะดุ้งหันขวับมาอุทาน “คุณพงศ์จันทร...”

“ไม่แปลกใจที่รู้จัก...แสดงว่าเป็นแฟนคลับผม”

ประกาย ดาวรู้สึกหมั่นไส้เล็กๆโต้ว่าแฟนคลับมีความหมายในแง่บวก แต่เท่าที่รู้เขามีชื่อเสียงในแง่ลบ มันน่าภูมิใจตรงไหน ชายหนุ่มสะอึกไม่ทันจะแก้ตัว

มิลินทร์เข้ามาทักทายและกระเซ้าว่าทำ อะไรเพื่อนตน เขาจึงให้ถามเพื่อนเธอเองว่าทำอะไรตนมากกว่า ประกายดาวหน้าตึง มิลินทร์ขอตัวเพื่อนไปถ่ายภาพมุมอื่นๆ พงศ์จันทรมองตามประกายดาวด้วยความสนใจ

พ้นออกมา มิลินทร์ต่อว่า ไปกวนประสาทว่าที่พ่อของลูกอันดับสองทำไม ประกายดาวบ่นคนอะไรหลงตัวเองจนน่าหมั่นไส้ มิลินทร์เตือนให้สงบปาก อย่าเที่ยวไล่งับใคร เพราะเป้าหมายอันดับหนึ่งมาถึงแล้ว ประกายดาวมองไปเห็นจันทรภานุเดินสง่าเข้ามา...เขามองมาทางเธอ เธอหลงดีใจยิ้มรับ แต่มีเสียงหญิงสาวทักทาย ทางด้านหลัง ประกายดาวหุบยิ้ม มิลินทร์กระซิบ

“นั่นน่ะคุณหญิงนิ่มคนที่ฉันเคยเล่าให้แกฟัง และคนสาวหน่อยคือหม่อมสุรีย์ หม่อมแม่ของคุณชาย ส่วนคนแก่ๆนั้น แม่นมพร เขาว่ากันว่า คุณชายรักแม่นมมาก จนบางครั้งหม่อมแม่ตัวจริงยังอดน้อยใจไม่ได้ ถ้าแกอยากเอาชนะใจคุณชายก็ต้องชนะใจนมพรด้วย”

“แล้วหม่อมสุริยะวรรตไปไหน”

“ท่านพ่อของคุณชายเป็นคนไม่ชอบออกงานสังคม งานไหนๆก็ไม่มีวันได้เห็นท่าน”

พอ ดีจันทรภานุเห็นประกายดาวเข้า ก็หน้าตึงทำ เอาประกายดาวอึดอัดกับความไม่เป็นมิตรของเขา...ในงาน อภิเชษฐ์ ผู้กองหนุ่มเพื่อนรักของจันทรภานุมาร่วมยินดีด้วย อภิเชษฐ์เป็นคู่ปรับกับนันทินี เขามักจะแกล้งกันไม่ให้เธอเข้าถึงตัวจันทรภานุ พอนันทินีเอาดอกไม้มาอวยพร

อภิเชษฐ์ก็ออกหน้ารับ “ขอบคุณมากนะครับคุณนันยาง...โอ๊ะ! ขอโทษครับ ไม่รู้ทำไมนึกว่าคุณชื่อ นันยางทุกที”

นันทิ นีโวยว่าเอามาให้คุณชายไม่ทันจะโวยต่อ พนักงานมาเชิญจันทรภานุขึ้นบนเวที เธอตั้งท่าจะตาม อภิเชษฐ์รีบดึงมือเธอมาคล้องแขน อ้างจะพาไปหาที่นั่งแล้วเดินกึ่งลากออกไป

จันทรภานุขึ้นกล่าวเปิดงาน และแถลงการณ์ต่างๆ ที่ทางห้างฯจะจัดโครงการตอบแทนสังคม ให้ทุกคนได้ ร่วมทำบุญด้วยกันเพื่อเด็กด้อยโอกาสและสังคมที่ดีของ ประเทศ...แขกเหรื่อปรบมือกราว ประกายดาวรู้สึกดีขึ้นในตัวจันทรภานุ

ระหว่าง ที่ประกายดาวเดินเก็บภาพในงาน  เห็น รปภ.กำลังไล่เด็กจรจัดสองคนออกไปจากห้างฯ เธอจะเข้าไปต่อว่า แต่จันทรภานุเดินมาจากไหนไม่รู้ เข้ามาห้ามและเอ็ด รปภ.ว่า ไม่ว่ายากดีมีจน ทุกคนคือลูกค้า ว่าแล้วเขาก็พาเด็กสองคนเข้ามารับขนมในงาน เท่านั้นไม่พอเขายังเอาอาหารกล่องไปแจกคนขายลอตเตอรี่ คนขับสามล้อ วินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่หน้าห้างฯ ทุกคนปลาบปลื้มกับความมีน้ำใจของเขา ทำให้ทุกคนพร้อมใจดูแลความปลอดภัยให้กับห้างฯนี้

ประกายดาวได้ยินทุก คนกล่าวขานถึงจันทรภานุในแง่ดีก็ยิ่งประทับใจ ตัดสินใจแน่วแน่ว่า คนนี้แหละคือพ่อของลูก แต่จะด้วยวิธีไหนล่ะ ที่ตนจะเข้าถึงตัวเขาได้

ใน งาน เจ๊พีชเมกอัพอาร์ทติสชื่อดังกอดทักทายประกายดาวกับมิลินทร์ด้วยความดีใจที่ เจอกัน เจ๊พีชกรีดนิ้วต่อว่าประกายดาวที่มาช่วยงานมิลินทร์ได้ แต่ไม่ยอมมาช่วยเป็นนางแบบให้ตนบ้าง ทั้งที่จีบมาหลายปีแล้ว ประกายดาวยิ้มแหยเพราะชอบอยู่หลังกล้องมากกว่า

เจ๊พีชขอตัวไปดูแล เด็กๆที่จะเดินแบบ ประกายดาวรีบบอกมิลินทร์ว่าตนตัดสินใจเลือกจันทรภานุเป็น พ่อของลูก ระหว่างนั้น ศิวะเดินเข้ามาในงานกับอรอุมา และรติรส สองสาวสะกิดกันเมื่อเห็นประกายดาวในงานวางแผนจะดราม่าให้ประกายดาวอับอายแขก เหรื่อ

พอดีนมพรรู้สึกเหนื่อย คุณหญิงนิ่มจึงบอกว่าจะพานมพรกับหม่อมสุรีย์ไปพักบนห้องทำงาน มิลินทร์เห็นจันทรภานุอยู่ตามลำพังจึงให้ประกายดาวเข้าไป ตีสนิท แต่ไม่ทันไร นันทินีโผล่มาฉุดแขนขาให้พาเดินชมห้างฯโชคดีที่อภิเชษฐ์ตามมาดึงกลับไป บอกว่าตนจะพาเดินชมเอง นันทินีร้องลั่นไม่อยากไปกับเขา... ประกายดาวได้แต่เดินตามห่างๆยังไม่กล้าเข้าไป ชวนคุย  เหมือนจันทรภานุจะรู้ตัวแกล้งเดินพ้นจากผู้คนออกมา ประกายดาวพลัดหลงเหลียวมองหา แล้วชนกับเขาเพราะเขามายืนอยู่ข้างหลัง เธอแทบช็อก เขาถามเสียงดัง ตามมาทำไม

“ทำไมคุณชายต้องเสียงดังด้วยคะ อยู่ใกล้กันแค่เนี้ยพูดเบาๆก็ได้ค่ะ หูจะแตก”

“เลิกพูดอ้อมไปอ้อมมาซักที ตกลงตามผมมาทำไม”

“ฉัน...เออ...ฉันอยากสมานฉันท์กับคุณชายน่ะค่ะ คือที่ผ่านมา ดูเราจะเจอกันในแบบไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่”

จันทร ภานุย้อนถามเพื่ออะไร ประกายดาวตอบยิ้มๆว่าเราเป็นคนไทยด้วยกัน ควรสามัคคีกัน ไม่ควรขุ่นข้องหมองใจกัน อยากให้เขาลืมเรื่องทั้งหมดแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ ชายหนุ่มโพล่งขึ้นว่าต้องการอะไร ในใจประกายดาวตอบทันทีว่าต้องการสเปิร์มของเขา แต่ความเป็นจริงพูดไม่ออก เผอิญผู้จัดการห้างฯมาตามเขาไปส่งแขกผู้ใหญ่ที่กำลังจะกลับ ความตั้งใจจึงล้มเหลวลง

ประกายดาวเดินกลับเข้ามาในงาน เจออรอุมาทำดราม่าเข้าขอร้องให้เลิกยุ่งกับสามี โดยมีรติรสช่วยประกาศให้แขกในงานระวังสามีตัวเองไว้ให้ดี จะโดนผู้หญิงคนนี้แย่ง ประกายดาวแทบทนไม่ไหวกำหมัดแน่นจะโต้ตอบ พงศ์จันทรเข้ามาโอบไหล่เธอ ประกาศว่าประกายดาวเป็นแฟนตน จะไปมีอะไรกับสามีอรอุมาได้อย่างไร ทุกคนถึงกับเหวอ รวมทั้งจันทรภานุที่มองเธอแย่ลงไปอีก...พงศ์จันทรโอบประกายดาวพาเดินออกมา พ้นกลุ่มนักข่าว เธอให้เขาปล่อยได้

“ไม่ต้องขอบคุณผมนะครับ เพราะว่าผมเต็มใจช่วย และผมก็รู้ว่าคุณโดนใส่ร้าย ผู้หญิงอย่างคุณไม่มีทางไปเป็นเมียน้อยใครแน่นอน”

“ไม่ขอบคุณอยู่แล้วล่ะค่ะ เพราะว่าไม่ได้ขอให้ช่วย”

มิ ลินทร์ตามออกมา ประกายดาวบอกพงศ์จันทรว่า ตนไม่สนุกด้วยเลยที่จะหันมาเป็นข่าวกับเขาแทน พงศ์จันทร หัวเราะออกตัวว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่เธอหน้าตึงไม่ธรรมดาด้วย

ประกาย ดาวกลุ้มใจรู้ว่าคงเข้าหน้าจันทรภานุไม่ติดอีกแล้ว มิลินทร์เสนอให้หันมาทางพงศ์จันทรเพราะดูเขาปลื้มเธอมาก แต่ประกายดาวเกรงว่าจะไม่ได้แค่สเปิร์ม จะได้สามีมาด้วย

ooooooo

คืน นี้ เจ๊พีชชวนประกายดาวออกมาเที่ยวผับ เธอยอมมาเพราะกำลังเซ็ง ไม่วายเจอกับพงศ์จันทรเข้าอีก เขาพยายามจีบเธอออกนอกหน้า จนเจ๊พีชแซวว่า เรดาร์จับคนสวยของเขาทำงานมีประสิทธิภาพจริงๆ ประกายดาวพยายามเลี่ยงหนี พงศ์จันทรตามมาถามว่ากลัวตนหรือ

“กลัว...กลัวทำไมคะ คุณนอกจากจะดูเจ้าชู้ มือไม้เป็นปลาหมึก ท่าทางเหมือนเสือผู้หญิงก็ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัวเลยนี่” ว่าแล้วประกายดาวก็ขอตัว แต่เขาตามตื๊อขอเบอร์โทรศัพท์

ประกายดาวจึง แกล้งให้เขาทำอะไรบางอย่างเพื่อแสดงความจริงใจก่อน เริ่มด้วยผสมเครื่องดื่มเข้มข้นให้เขาดื่มหมดแก้ว แล้วแก้ผ้าวิ่งขึ้นบันไดในผับสามรอบ พงศ์จันทรขอเหลือบ็อกเซอร์กับเสื้อกล้ามไม่ให้อุจาดตา เขายอมทำทุกอย่างจนเจ๊พีชและทุกคนทึ่ง ประกายดาวจำต้องให้นามบัตรแก่เขา พอได้นามบัตรมาพงศ์จันทรก็น็อกล้มพับลงในอ้อมกอดเจ๊พีช

เช้าวันใหม่ ประกายดาวมาบอกแดนดินพี่ชายว่า ตนเลือกเจ้าของสเปิร์มได้แล้ว พอแดนดินรู้ว่าใครก็หัวเราะเยาะว่า คนระดับนั้นคงจะยอมเล่นด้วยหรอก แต่ประกายดาวมุ่งมั่น...

คุณหญิงนิ่มเห็นจันทรภานุเครียดที่หม่อม สุรีย์พยายามจับคู่ให้ จึงพาเขามาดูดวงว่าพบเนื้อคู่หรือยัง... ไพ่ยิปซีที่เขาเลือกออกมาสิบใบ หมอดูทำนายว่า เขาเจอเนื้อคู่แล้ว อยู่ใกล้แค่ปลายจมูก แต่เขาอาจมองผ่าน มองข้ามหรือมองอย่างไม่มีค่า หลังจากนี้ให้พิจารณาคนรอบข้างดีๆแล้วจะรู้ว่าคนไหนคือเนื้อคู่ จันทรภานุไม่เชื่อเดินหนีออกมาดื้อๆ

คุณหญิงนิ่มตามออกมาติงว่าไม่ เชื่ออย่าลบหลู่ แต่เขาย้อนว่าอย่าเชื่อเรื่องพวกนี้มากนัก ชีวิตเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับหมอดู มันอยู่ที่เราใช้ชีวิตอย่างไร เธอยังย้ำอีกว่าหมอดูคนนี้แม่นมาก เขาจับหัวเธออย่างเอ็นดู แขวะว่าเนื้อคู่ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อที่ไปไหนก็เจอทุกที่ ทำเอาคุณหญิงนิ่มเซ็ง

เมื่อประกายดาวมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ก็มาชวนจิตสุภางค์กลับไปพบคุณหมอที่ทำเด็กหลอดแก้ว คุณหมออธิบายว่า ในกรณีของประกายดาว ไม่เคยมีสามีมาเลย จำต้องไปคุยกับจิตแพทย์เพื่อเตรียมความพร้อมก่อน ถึงจะทำได้ เธอรับคำอย่างมุ่งมั่น...ประกายดาวมาพบหมอกิจจา สามีของมิลินทร์ ซึ่งเป็นจิตแพทย์เพื่อทำการปรึกษา กิจจาเอาเอกสารออกมาให้เธอได้อ่านและเตือนว่า การผสมเด็กหลอดแก้วใช่ว่าจะประสบความสำเร็จในครั้งเดียว

“ฉันสู้สุดตัวอยู่แล้ว อ่ะ นี่ผลตรวจของฉันอยากให้ช่วยตรวจดูอีกครั้งเพื่อความสบายใจ”

“ทุกอย่าง ของคุณไม่มีปัญหา น้ำหนักกำลังดีไม่อ้วนไม่ผอมจนเกินไป โรคทางพันธุกรรมก็ไม่มี สามารถตั้งครรภ์ได้” กิจจาแนะนำให้ฉีดวัคซีน จากนั้นค่อยมาดูเรื่องวันไข่สุกซึ่งอีกนาน

ประกายดาวยอมทำทุกอย่าง ดีใจกลับคอนโดฯ แต่แล้วต้องเจอกองทัพนักข่าวรออยู่หน้าคอนโดฯ เพราะมีภาพข่าวเธอเป็นแฟนกับพงศ์จันทรออกมาหราบนหน้าหนังสือพิมพ์ จิตสุภางค์ต้องพาประกายดาวหลบมาหามิลินทร์ที่สำนักพิมพ์นิวไลน์ ไม่ทันไร พงศ์จันทรโทร.

เข้ามาจะขอรับผิดชอบทุกอย่าง ด้วยการพาเธอหลบข่าวไปเที่ยวฮ่องกงด้วยกัน

“ไม่ ใช่อย่างที่คุณคิดนะครับ คุณแม่ผมก็ไปด้วย ผมแค่อยากชวนคุณไปให้พ้นเรื่องร้อนหูในเมื่อไหนๆเราก็คุยกันถูกคอและผมก็คิด ว่าคุณเป็นเพื่อนผมแล้วคนหนึ่ง ถึงแม้ยังสนิทไม่มาก”

“ถ้าฉันไปกับคุณ งานนี้ก็เท่ากับว่าฉันยอมรับเป็นกิ๊กคุณน่ะสิ”

พงศ์ จันทรหัวเราะเบาๆว่า จริงๆตนก็อยากให้เป็นแบบนั้น เราจะได้ทำความสนิทสนมกันมากขึ้น ประกายดาวตัดบท เขากลับมาเมื่อไหร่ค่อยนัดคุยกัน ตอนนี้ตนมีเรื่องปวดหัวมากพอแล้ว พงศ์จันทรเสียดายโอกาสแต่ก็ย้ำว่าจะโทร.หาเธอทุกวัน

มิลินทร์กับจิต สุภางค์เห็นว่าพงศ์จันทรก็ดูจริงใจดี ประกายดาวน่าจะพิจารณา อาจจะขอสเปิร์มง่าย ประกาย–ดาวถอนใจ ตอนนี้อยากให้มิลินทร์ช่วงล้างมลทินให้ตนมากกว่า

ooooooo

วัน ต่อมา เจ๊พีชโทร.หาประกายดาว ขอร้องให้มาช่วยเป็นช่างภาพแทนช่างภาพของตัวที่ประสบอุบัติเหตุเมาแล้วขับ พรุ่งนี้ตนมีงานใหญ่ ประกายดาวยังไม่อยาก ออกสื่อเท่าไหร่ แต่พอรู้ว่างานนี้คืองานถ่ายภาพครอบครัวราชนิกุลนพรัตน์ ที่วัง เธอถึงกับตาโพลงตกลงทันที

และในวันนั้น ข่าวบทสัมภาษณ์เคลียร์ทุกข้อกล่าวหาของประกายดาวตีพิมพ์ออกมาพอดีเธอตั้งใจ ถือไปให้จันทรภานุได้อ่าน เพื่อให้เขาเข้าใจและยอมเป็นเพื่อนกับตน

“แก ไม่ใช่ผู้ดีมาจากไหน เรื่องที่คุณชายจันทร์จะลดตัวมาคบหาเพื่อนอย่างแกอย่างพวกฉัน มีเปอร์เซ็นต์สำเร็จน้อยจริงๆ” มิลินทร์อดเป็นห่วงไม่ได้

“ฉันเข้ามาครึ่งตัวขนาดนี้แล้ว ไม่มีวันถอยกลับเด็ดขาด งานนี้ตายเป็นตาย” ประกายดาวสีหน้ามุ่งมั่น

วัน รุ่งขึ้น ประกายดาวกับทีเดินดูความโอ่อ่าของวังนพรัตน์...ประกายดาวเดินแยกมาหาห้อง น้ำ เผอิญเจอกับศิวะซึ่งเอาเครื่องเพชรที่ร้านมาส่งให้หม่อมสุรีย์ใช้ในวันนี้ เขาตื่นเต้นดีใจมากที่พบเธอ แต่สำหรับเธอสุดเซ็ง แยกไปเข้าห้องน้ำ แต่พอออกมาศิวะยังยืนรออยู่ เพื่อบอกว่า

“เราอ่านบทสัมภาษณ์ของดาวแล้ว เราดีใจนะที่ดาวไม่ได้เป็นแฟนกับคาสโนวาอย่างคุณพงศ์จันทร”

“ฉันจะเป็นแฟนกับใคร หรือไม่เป็นแฟนกับใคร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย”

“เกี่ยว ตรงเลยล่ะ เพราะว่าดาวเป็นรักครั้งแรกของเรา เป็นผู้หญิงคนเดียวที่เรารัก ที่เราต้องแต่งงานกับอรเพราะถูกคุณแม่บังคับ เราไม่เคยรักเขาเลย เรากลับมาคบกันใหม่นะดาว”

ประกายดาวโวยว่าในฐานะเมียน้อยหรือ คนอย่างตนไม่สิ้นคิดขนาดนั้น ศิวะดึงเธอมากอดสัญญาว่าจะดูแลเธออย่างดีไม่ให้รู้ถึงหูอรอุมาเด็ดขาด ประกายดาวผลักเขาออกอย่างรังเกียจ พลันเสียงจันทรภานุดังขึ้นว่าทำอะไรกัน ทั้งสองผละออกจากกัน ศิวะรีบออกตัวว่ามาพบหม่อมสุรีย์แล้วแยกไป จันทรภานุมองประกายดาวเหยียดๆ ถามเข้ามาในบ้านตนได้อย่างไร

“ฉันเป็นช่างภาพที่มาถ่ายรูปครอบครัวคุณชายค่ะ ...เมื่อกี้คุณชายเห็น มันไม่มี...”

“ผมไม่รู้ว่าคุณไปอดอยากปากแห้งมาจากไหน แต่ที่นี่เป็นวัง เป็นสถานที่อันทรงเกียรติคุณไม่สมควรทำกิริยาที่ดูไม่งามแบบนั้น”ประกาย ดาวอ้าปากหวอเถียงไม่ออก ชายหนุ่มส่ายหัวเอือมๆก่อนจะเดินจากไป...ประกายดาวเซ็งนั่งบ่นทำไมซวยแบบนี้ คุณหญิงนิ่มเห็น ชื่นชอบเธออยู่แล้วจึงเข้ามาคุยด้วย ว่าตนไม่เชื่อข่าวที่ลง และพอได้อ่านบทสัมภาษณ์ของเธอก็รู้ว่าตนคิดไม่ผิดจริงๆ ประกายดาวค่อยปลื้มใจ หวังว่าคุณหญิงนิ่มจะพูดให้จันทรภานุเข้าใจตนบ้าง

เจ๊ พีชแต่งหน้าให้กับหม่อมสุรีย์ พอได้เห็นเพชรจากร้านของศิวะก็ชมว่าสวยมาก คุณหญิงนิ่มเดินมากับจันทรภานุ เห็นศิวะก็สงสัยคงจะรู้ว่าประกายดาวมา จึงมาส่งเครื่องเพชรด้วยตัวเอง จันทรภานุแย้งว่าทั้งสองนัดกันมากกว่า

“ไม่จริงหรอกค่ะพี่ชาย หญิงว่าคุณประกายดาวไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น พี่ชายน่าจะได้อ่านบทสัมภาษณ์ของเธอดู”...จันทรภานุเมินไม่คิดจะอ่าน

ระหว่าง ที่ประกายดาวตั้งกล้องจัดแสงไฟ เจ๊พีชก็ช่วยจัดท่าทางให้ทุกๆคน จันทรภานุประคองนมพรมาร่วมถ่ายด้วย คุณหญิงนิ่มอุ้มลูกสุนัขไว้บนตัก ห่างออกมาศิวะยืนมองเหมือนรอ ทำให้จันทรภานุมองประกายดาวอย่างดูถูกเหยียดหยามมากขึ้น ประกายดาวจึงเข้าไปบอกศิวะว่า จะกลับไปหรือจะให้ตนโทร.ตามอรอุมามารับ ศิวะอึ้งรีบลากลับทันที

พอประกายดาวจะเริ่มถ่าย เธอก็เห็นสายตาอำมหิตของจันทรภานุในกล้อง จึงบอกให้ช่วยยิ้มหน่อย เขากลับโต้ว่า ไม่อยากยิ้ม สร้างภาพไม่เก่ง ประกายดาวรู้ว่าแขวะตนจึงสวน

“นี่ไม่ใช่การสร้างภาพนะคะ หรือว่าคุณชายไม่มีความสุขที่ได้ถ่ายภาพกับครอบครัว”

มจ.สุ ริยะวรรตเอ็ดลูกชาย นมพรขอให้คุณชายยิ้มให้ตนชื่นใจ เขาจึงต้องฝืนยิ้มจนดูตลก  ประกายดาวเผลอหัวเราะออกมา สุดท้ายบอกว่าเขาไม่ต้องยิ้มจะดีกว่า จันทรภานุรู้สึกอาย พอจะกดชัตเตอร์ ไฟที่จัดแสงดับขึ้นมา ทีเข้าไปขยับปลั๊ก เกิดช็อตเสียงดัง ทุกคนตกใจรวมทั้งเจ้าจีจี้สุนัขของคุณหญิงนิ่ม เกิดความโกลาหล ทุกคนต้องช่วยกันไล่จับจีจี้ที่ตื่นตกใจวิ่งพล่าน ไม่ว่าท่านชายหรือหม่อมสุรีย์...ประกายดาวกับจันทรภานุต่างไล่ตะครุบจีจี้ มากันคนละทางเกิดชนกันจันทรภานุพลัดตกสระตูม...

ภาพเหตุการณ์วัยเด็กของเขาผุดขึ้น ครั้งที่เขาจมน้ำเกือบตาย ทำให้เขากลายเป็นคนกลัวน้ำ ประกายดาวแปลกใจที่จันทรภานุไม่ขึ้นมาเหนือน้ำเสียที เสียงนมพรร้องว่าคุณชายว่ายน้ำไม่เป็น ประกายดาวตกใจกระโดดลงไปช่วยเขาทันที...เอาตัวขึ้นมาได้ เขาหมดสติไม่ฟื้น ประกายดาวตัดสินใจผายปอด เม้าท์ทูเม้าท์ จนเขาสำลักน้ำออกมา ทุกคนโล่งอก

พอจันทรภานุฟื้นขึ้นมา เขาก็โทษว่าตนโชคร้ายทุกทีที่เจอประกายดาว คุณหญิงนิ่มรีบบอกว่าประกายดาวเป็นคนช่วยชีวิตเขา

ooooooo

จิต สุภางค์ ัฟงเรื่องที่ประกายดาวเล่าแล้วบ่นว่า เพอร์เฟกต์ขนาดนั้นไม่น่าว่ายน้ำไม่เป็น ประกายดาวเห็นใจเพราะคุณหญิงนิ่มเล่าว่า เขาเคยจมน้ำตอนเด็กเกือบเอาชีวิตไม่รอด จิตสุภางค์แนะนำประกายดาวเข้าทางจันทรภานุไม่ได้ ก็ให้เข้าทางคุณหญิงนิ่มแทน

วันรุ่งขึ้น ประกายดาวจึงแวะมาที่ร้านคุณหญิงนิ่ม เธอดีใจมากให้เลือกของในร้านได้ฟรีถือเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตจันทร ภานุ แต่ประกายดาวไม่รับ กลับชวนคุยถึงการโปรโมตร้านลงหนังสือหรือถ่ายปกแฟชั่นสินค้าลงในนิตยสาร คุณหญิงนิ่มเปรยคงใช้เงินไม่น้อย

“เอาอย่างนี้ เพื่อเป็นการเซฟคอร์ส ดาวจะจัดการเรื่องถ่ายแฟชั่นให้ฟรี ส่วนหนังสือที่จะลงโฆษณา ดาวจะให้คนทำมีเดียที่รู้จัก มาช่วยแนะนำให้ ลองคิดดูนะคะ”

คุณหญิง นิ่มสนใจ เอาความคิดนี้มาปรึกษาจันทรภานุ พอเขารู้ว่ามาจากไอเดียของประกายดาวก็ตั้งแง่ไม่ไว้ใจ คุณหญิงนิ่มรู้ว่าเขาไม่ชอบประกายดาว จึงเอาบทสัมภาษณ์ให้อ่าน พอเขาอ่านจบก็หาว่าเธอโกหกอีก บอกคุณหญิงนิ่มอย่าเพิ่งทำอะไร ตนจะสืบให้รู้ก่อนว่าประกายดาวเป็นพวกสิบแปดมงกุฎหรือไม่

ด้านศิวะ หวังจะคืนดีกับประกายดาวถึงขนาดแอบขโมยสร้อยเพชรในร้านจะเอาไปให้เธอ อรอุมาแอบเห็น โทร.บอกรติรสให้สะกดรอยตามดู...ศิวะมาหาประกายดาวที่คอนโดฯ เคาะห้องเท่าไหร่เธอก็ไม่เปิดประตูรับ เขาบอกว่าเอาสร้อยเพชรมาฝาก ประกายดาวมองผ่านตาแมวแล้วบอกว่า ตนมีปัญญาซื้อเองได้ ศิวะอ่อนใจกลับออกมา ไม่เห็นรถของรติรสที่จอดมองอยู่

คืนนั้น ศิวะนัดพบกับรติรสที่โรงแรมตามเคย  รติรสโกรธต่อว่าที่เขาเอาสร้อยเพชรไปให้ประกายดาว ศิวะตกใจที่เธอรู้ เธออ้างว่าอรอุมาเป็นคนบอก เขาจึงสวมรอยว่าเอาสร้อยเพชรมาฝากเธอต่างหาก รติรสหลงดีใจ สวมกอดเขาอย่างตื้นตัน

ooooooo

รุ่งเช้า มีคนมาเคาะห้องประกายดาว เธองัวเงียนึกว่าเป็นศิวะอีก แต่พอมองผ่านตาแมวแทบช็อก เพราะเป็นจันทรภานุ เธอตาสว่างทันทีบอกให้เขารอก่อน แล้วรีบไปล้างหน้ารวบผมออกมาต้อนรับเขา เห็นสีหน้าอำมหิตของเขาก็ทำใจดีสู้เสือ

“คุณชายทราบว่าฉันพักที่นี่ ได้ไงคะ หรือว่า...” ประกายดาวคิดในใจ หรือเขาติดใจเม้าท์ทูเม้าท์ของตน จนสืบหาที่อยู่ เธอนึกไปถึงมารยาที่จิตสุภางค์สอนให้หัดใช้ จึงร้องขึ้นว่าระวังลื่น

จันทรภานุเดินหน้าเครียดเข้ามาในห้อง ประกายดาวแกล้งลื่นล้ม ชายหนุ่มปรายตามองแล้วถาม ลงไปนั่งที่พื้นทำไม เธอทำหน้าเจื่อนๆอ้างว่าลื่นแล้วลุกขึ้นเอง จันทรภานุขอเข้าเรื่องเลย เขาเอาภาพในมือถือให้ดู เป็นภาพศิวะเดินเข้ามาในคอนโดฯเธอเมื่อคืน

“ศิวะ! เมื่อคืนนี้นี่นา...คุณชายอย่าหึงฉันนะคะ ฉันกับนายศิวะไม่ได้มีอะไรกัน”

“ผมไม่ได้หึงคุณ แล้วผมก็ไม่สนด้วยว่า คุณจะมีหรือไม่มีอะไรกับผู้ชายคนนี้”

“อ้าว...คุณไม่ได้สนใจฉันหรอกเหรอคะ”

“ผมไม่ไว้ใจคุณต่างหาก”

ประกาย ดาวงงว่าเรื่องอะไร จันทรภานุถามว่าเธอไปตีสนิทกับคุณหญิงนิ่มหวังอะไร ประกายดาวแก้ตัวว่าตนหวังดี แต่เขาสวนทันควันว่าไม่จริง เธอหวังเกาะคนรวยดัง เขามองรอบห้องพักเธออย่างเหยียดๆ ก่อนจะปรักปรำ

“ผมเข้าใจผิดตรงไหน ลูกคนขายข้าวขาหมูอย่างคุณ จะมีปัญญาหาเงินมาซื้อคอนโดฯห้องละหลายสิบล้านแบบนี้ได้ยังไง ถ้าไม่ได้หลอกคนอื่น”
ประกายดาวโกรธกำหมัดแน่น “คุณชายดูถูก

ฉัน มากไปแล้วนะคะ ถึงป๊ากับม้าฉันจะเป็นคนขายข้าวขาหมู แต่ท่านทิ้งมรดกหลายร้อยล้านให้ฉันกับพี่ชาย เพราะร้านขายข้าวขาหมูของป๊าฉันได้กำไรวันละเป็นหมื่น ขายมาตลอด 50 ปี แต่ป๊ากับม้าฉันใช้เงินวันละไม่ถึง 100 บาท แถมยังมีมรดกเก่าจากอากงอาม่า เป็นที่ดินและเพชรนิลจินดา แล้วป๊าฉันยังถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 อีก”

จันทร ภานุถึงกับอึ้ง ประกายดาวยังแจงอีกว่าห้องนี้และของที่เห็นเป็นเงินป๊ากับม้า พูดจบเธอก็เชิญเขากลับไปได้ ชายหนุ่มหน้าชารู้สึกผิดแต่ยังวางฟอร์มกลับออกไป...ประกายดาวทั้งโกรธทั้ง หงุดหงิดหัวใจ มาบ่นกับจิตสุภางค์และมิลินทร์ ทั้งสองไม่พอใจไปด้วย ต่างยุให้เลิกสนใจคนไม่เป็นสุภาพบุรุษอย่างนั้น หันมามองพงศ์จันทรแทน

จู่ๆ คุณหญิงนิ่มโทร.เข้ามาเรียกไปคุยเรื่องโฆษณาแฟชั่นที่จะถ่ายให้ ทำเอาประกายดาวงง นึกว่าจันทรภานุเอาตนไปด่าจนเละให้เธอฟังแล้ว มิลินทร์สันนิษฐานว่าคุณชายอาจสำนึกผิด จิตสุภางค์ไม่อยากเชื่อ เป็นหน้าที่ประกายดาวที่จะตัดสินใจเอง ระหว่างที่ถกกันอยู่ เฮียเชาจับลูกสาวสามคนแต่งตัวน่ารักมาเดินโพสท่ากันใหญ่ จิตสุภางค์งงว่าสามีทำอะไร

“เฮียให้ลูกๆมาโพสท่า เผื่อจะเข้าตาดาว ได้ไปถ่ายแฟชั่นด้วยไง”

“เอา สมองส่วนไหนคิดเนี่ย งานแฟชั่นของไอ้ดาวมันต้องใช้นางแบบที่เป็นมืออาชีพ จะมายัดเยียดพวกกันเองได้ยังไง ใช่ไหมดาว...แต่ว่า แกไม่ลองให้ลูกๆฉันไปแสดงหน่อยล่ะ คิดค่าตัวราคาเพื่อนฝูง เผื่อมันจะดัง พ่อกับแม่จะได้เกาะลูกกิน ได้ไหมจ๊ะเพื่อน”

ประกายดาวยิ้ม...แล้วเธอก็เอาเด็กๆมาถ่ายโปรโมตสินค้าร้านคุณหญิงนิ่มในวันถัดมา

ooooooo

จิต สุภางค์มาช่วยแต่งตัวให้ลูกๆ ประกายดาวกับทีจัดเตรียมกล้อง จันทรภานุมายืนเมียงมองแต่ประกายดาวทำไม่สนใจเหมือนไม่มีตัวตนจนเขารู้สึก อึดอัด คุณหญิงนิ่มตำหนิจันทรภานุว่าเป็นคนผิดที่ไปดูถูกประกายดาว ฉะนั้นจึงควรขอโทษเธอ  เขาจึงต้องมาเพื่อหาโอกาสขอโทษ

คุณหญิงนิ่มชม เด็กๆน่ารักมาก ประกายดาวให้ไปชมกับแม่เด็กเอง จันทรภานุสะอึกเมื่อรู้ว่าประกายดาวไม่ใช่แม่เด็กๆ เขายิ่งทนอึดอัดใจไม่ไหวจะกลับ คุณหญิงนิ่มต่อว่าเขาไม่เป็นสุภาพบุรุษเพราะเห็นอยู่แล้วว่าตัวเองผิดเต็มๆ ยังจะหนีอีก เขาจึงจำต้องอยู่ต่อ...เสร็จงานคุณหญิงนิ่มขอเลี้ยงอาหารทุกคนที่ร้านอาหาร แห่งหนึ่ง จันทรภานุจะขอตัว เธอกระซิบ

“หญิงไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะ ว่าพี่ชายจะท้อเพราะผู้หญิง อย่างว่าแหละนะ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำกับพี่ชายแบบนี้มาก่อน พี่ดาวนี่สุดยอดจริงๆ”

“พี่ไม่ปลื้มด้วยหรอกนะคะ” จันทรภานุเคือง

“หญิง ไม่แซวแล้วก็ได้ เดี๋ยวหญิงจะหาโอกาสให้พี่ชายเอง” ว่าแล้วเธอก็จัดที่นั่งให้สองคนนั่งใกล้กัน เพราะจิตสุภางค์ต้องนั่งกับลูกๆฝั่งหนึ่ง ตัวเธอนั่งหัวโต๊ะ

ประกาย ดาวแอบยิ้มเมื่อเห็นท่าทีอึดอัดของจันทรภานุ เธอตั้งใจที่จะทำให้เขาเห็นว่ามีผู้หญิงที่ไม่สนใจเขา จึงทำทีขอตัวออกมาคุยโทรศัพท์ จันทรภานุตามออกไป จิตสุภางค์รีบส่งเมสเสจบอก ประกายดาวแกล้งคุยมือถือหันหลังให้

“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ยังไงดาวก็ไปถ่ายให้ไม่ได้ ไม่ใช่ดาวไม่ว่างนะคะ แต่ไม่อยากไปถ่ายให้จริงๆ เพราะนายแบบขี้เก๊กมากๆ หน้าตาก็งั้นๆ นึกว่าตัวเองรวยแล้วงี่เง่า พูดจาน่าถีบตามด้วยเข่าตรงเป้าสักที ฝากบอกนายแบบปากปีจอคนนั้นด้วยนะ ว่าว่างๆให้เอาหมาออกจากปากบ้าง จะได้ไม่เห่าคนอื่นไปทั่ว...อะไรนะ จะให้กราบเท้าขอโทษเหรอ บอกคำเดียวว่าโนเวย์”

จันทรภานุรู้สึกว่าโดน ด่ากระทบ จึงเข้าไปเอียงหูฟังข้างๆ แล้วพูดแทรกขึ้น “รู้สึกว่าฝั่งโน้นเขาจะวางหูแล้วนะครับ ผมไม่ได้ยินเสียงใครคุยด้วยเลย”

ประกาย ดาวสะดุ้ง ทำทีบอกว่าแค่นี้ก่อนนะ มีคนไม่มีมารยาทแอบฟังแล้วกดวางสายจะเดินไป จันทรภานุเข้ามาขวางหน้า “คุณประกายดาว ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

“มีอะไรจะต่อว่าฉันอีกเหรอคะคุณชาย”

“ผมยอมรับว่าผมผิดที่พูดไม่ดีกับคุณ ผม...ผม... ขอโทษ”

ประกาย ดาวจ้องหน้า จนคุณชายต้องถามว่ามองหาอะไร เธอตอบกวนๆว่า “กำลังมองหาว่าส่วนไหนบนใบหน้าที่ให้ความรู้สึกแบบขอโทษจริงๆจากใจ ซึ่งยังหาไม่เจอเลย”

“จะต้องทำหน้าขนาดไหน ผมอุตส่าห์ขอโทษแล้วนะ”

“นั่นไง ชัดเลย ขนาดต้องใช้คำว่าอุตส่าห์ แสดงว่าคำขอโทษของคุณชายไม่ได้ออกมาจากใจ” ประกายดาวเดินเฉียดชายหนุ่มไปแบบไม่สนใจ
พอ ดีนันทินีเดินสวนมา ทั้งสองชะงัก นันทินีโวยทันทีว่า เพราะผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม เขาถึงไม่รับโทรศัพท์ตน จันทรภานุไม่รอช้า สวมรอยอยากให้นันทินีออกไปจากชีวิตเสียที

“ใช่ครับ เพราะกลัวดาวเขาจะหึง หาว่าผมมาคบกับนัน ทั้งๆที่ผมกับคุณดาวรักกันมากจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้...ดาวได้ยินแล้วนะ ว่าผมกับนันไม่มีอะไรกัน” เขาโอบประกายดาว

ประกายดาวอ้าปากค้าง นันทินีกางมือยกขึ้นเกร็งๆ ประกายดาวรีบดักคอ “คุณนันคะ อย่าร้องกรี๊ดๆแล้วตบดาวนะ มันเป็นนิสัยของนางอิจฉาในละครไทย ดาวมองดูลักษณะแล้ว คุณนันไม่ใช่นางอิจฉาแน่นอน แต่ถ้าเกร็งมือขนาดนี้แล้วแปลว่าต้องตบ...ดาวอนุญาตให้ตบแฟนดาว”
จันทร ภานุถามว่าอะไรนะ ประกายดาวดันเขาออกหน้า จังหวะนั้นนันทินีฟาดมือลงมาพอดี โดนหน้าจันทรภานุเต็มๆ นันทินีหน้าซีดเผือดรีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพย

ประกาย ดาวเดินกลับมาที่โต๊ะสีหน้าไม่ค่อยดี กระซิบคุณหญิงนิ่มว่าคุณชายจันทร์ให้ออกไปพบ จิตสุภางค์งงว่าเกิดอะไรขึ้น ประกายดาวบอกว่ากลับบ้านแล้วจะเล่าให้ฟัง...คุณหญิงนิ่มขำไปประคบรอยแดงที่ หน้าให้จันทรภานุไป สมน้ำหน้าที่สร้างเรื่องออกไป

“หญิงว่าป่านนี้คุณนันต้องเอาเรื่องพี่ชายกับพี่ดาวไปฟ้องหม่อมป้าแล้วแน่ๆ เตรียมตัวเอาไว้เถอะค่ะ” ...จันทรภานุกังวลใจขึ้นมาทันที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น