วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 9

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 9
ขณะอุษากำลังเตรียมอาหารเช้าให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์อยู่ในครัว เห็นอุไรเดินเข้ามาในสภาพอิดโรยหน้าซีดเซียว ร้องทักว่าไม่สบายหรือเปล่า เธอไม่ได้เป็นอะไรนอกจากเมื่อคืนถูกผีผู้หญิงสวมชุดแบบโบราณหลอก

“เอาอีกคนหนึ่งแล้ว” อุษาส่ายหน้า ระอาใจ

“โธ่ อุไรไม่ได้ตาฝาด ไม่ได้ฝันด้วยนะคะ เห็นเต็มสองตาเลย เธอมาหาท่านผู้หญิง”

อุษายังไม่ทันจะว่าอะไร แสงแขเดินนวยนาดเข้ามาเสียก่อน แดกดันว่าเช้านี้พี่สาวแสนดีของตนเตรียมทำอะไรเลี้ยงแขก เธอไม่ได้ทำอะไรเลี้ยงเพราะแม่ของวิรงรองกลับไปแล้ว อดิศวร์กับวิรงรองไปส่งที่สนามบิน เห็นว่าจะพากันไปกินมื้อเช้าก่อนขึ้นเครื่อง แสงแขไม่พอใจตบโต๊ะเปรี้ยง

“จะพูดให้มันเป็นอะไรขึ้นมาฮึ...พี่อุษา”

อุไรเห็นท่าไม่ดีขอตัวไปดูท่านผู้หญิงสรรักษ์ก่อน แสงแขห้ามไว้ตนจะไปดูให้เอง อยู่ตรงนี้เหม็นขี้หน้าคนแล้วเดินกระแทกเท้าออกไป อุไรอยากรู้เรื่องผีที่เห็นเมื่อคืน ขอร้องอุษาช่วยถามท่านผู้หญิงสรรักษ์ให้ที

“ฉันไปดูคุณย่าตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่เห็นท่านพูดอะไร” อุษาว่าแล้วหันไปเตรียมอาหารต่อไป อุไรถึงกับเซ็ง...

ท่านผู้หญิงสรรักษ์หงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อแสงแขเสนอหน้าเข้ามารายงานว่าแม่ของวิรงรองกลับไปแล้ว

“ก็ช่างแม่มันสิ ยังไงมันก็ต้องกลับอยู่แล้ว ไอ้คนที่ฉันอยากให้กลับน่ะมันนังพลับพลึง นังหน้าโง่” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ด่าอย่างไม่ไว้หน้า แสงแขทั้งโกรธทั้งอายที่ถูกด่าต่อหน้าโอบ ได้แต่นั่งก้มหน้าข่มความแค้นไว้ ท่านถามอีกว่าเสื้อผ้าที่สั่งให้ไปตัดสำหรับใส่ในงานเลี้ยงไปถึงไหนแล้ว

“ยังไม่ได้ไปตัดเลยค่ะ แขยังไม่ทราบว่าจะมีงานวันไหน ก็เลย...”

ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่รอให้พูดจบ สั่งให้ไปตามหลานชายมาพบ แสงแขรายงานว่าอดิศวร์ไม่อยู่ พาสองแม่ลูกไปกินข้าวเช้าแล้วก็เลยไปส่งที่สนามบิน

“เชอะ...ถ่อมาเองแล้วทำไมไม่กลับเอง ตาลบก็ตาลบเถอะ เจ้ากี้เจ้าการดีนัก ไป ออกไปให้หมด ตาลบกลับมาเมื่อไหร่ให้มาหาฉัน” ท่านผู้หญิงสรรักษ์พาลใส่แสงแขกับโอบจนเปิดเปิงออกจากห้องแทบไม่ทัน

ooooooo

ระหว่างทางกลับโดมทอง อดิศวร์สบโอกาสที่ได้อยู่ลำพังกับวิรงรอง สอบถามอีกครั้งว่าคืนนั้นเธอไปทำอะไรที่ชายหาดกันแน่ วิรงรองประชดว่ากราบเรียนเขาไปหมดแล้วทำไมจะยังมาเซ้าซี้ถามอยู่ได้ อดิศวร์ไม่พอใจเบนรถจอดข้างทางทันที วิรงรองจะเปิดประตูรถออกไป เขากดปิดเซ็นทรัลล็อกแล้วคว้าแขนเธอไว้

“ฉันคิดว่ายังไงรู้ไหม ฉันคิดว่าเธอสร้างเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากฉัน”

“อย่าว่าแต่จะเรียกร้องความสนใจเลย คุณเป็นคนสุดท้ายในโลกที่ฉันจะนึกถึงด้วยซ้ำ...นี่พูดอย่างรักษาน้ำใจนะ เพราะความจริงแล้ว ฉันอยากจะบอกว่าคุณไม่เคยเข้ามาอยู่ในหัวฉันด้วยซ้ำ”

อดิศวร์กระชากวิรงรองมาจูบฐานปากดี เธอผลักเขาออกแล้วตบซ้ำ ลงจากรถวิ่งหนีไปทั้งน้ำตา เขาวิ่งตามจนทันคว้าแขนเธอไว้ ขอโทษกับสิ่งที่ทำเมื่อครู่ จะขอรับผิดชอบทุกอย่าง วิรงรองตวาดลั่น ไม่ง่ายไปหรือ

“แล้วทำไมไม่แต่งงานกับฉันเสียล่ะ”

วิรงรองยังไม่สิ้นคิดขนาดนั้น แล้วพยายามสะบัดมือเขาออก อดิศวร์ยื้อไว้ไม่ยอมปล่อย รถผ่านไปผ่านมาเริ่มชะลอดูอย่างสนใจ เขาเตือนเธอว่าถ้าไม่อยากอับอายไปมากกว่านี้ก็ให้รีบกลับขึ้นรถ วิรงรองมองตามสายตาอดิศวร์เห็นรถที่ชะลอดูบางคันมีโห่ฮาเป่าปากล้อเลียน เธอทั้งอายทั้งโกรธจ้ำอ้าวกลับขึ้นรถ...

อดิศวร์รีบมาพบคุณย่าทันทีที่มาถึงโดมทอง ถามว่ามีธุระอะไรกับเขาหรือ ท่านผู้หญิงสรรักษ์อยากรู้ว่าทำไมถึงไม่กำหนดวันจัดงานเสียที เขาอ้างว่าพิณทองกับครอบครัวเพิ่งกลับไปเมื่อไม่นานนี้เอง

“กลับไปแล้วก็มาใหม่ได้ ไปจัดการตามที่ย่าสั่งเดี๋ยวนี้”

“ถ้าเขาไม่ว่างมาล่ะครับ”

“ในเมื่อฉันสั่งให้มา ทุกคนต้องมา” ท่านผู้หญิงสรรักษ์เสียงเข้ม อดิศวร์ลอบถอนใจ หนักใจ...

ขณะที่อดิศวร์ถูกท่านผู้หญิงสรรักษ์เร่งรัดเรื่องจัดงานเลี้ยง แสงแขมาดักตบวิรงรองที่หน้าห้องพัก โทษฐานเตือนแล้วไม่จำว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับอดิศวร์ของตน วิรงรองไม่ยอมเจ็บฟรี ตบกลับ ยัยตัวแสบประจำบ้านถึงกับเซถลาพอตั้งหลักได้ เงื้อมือปรี่เข้าหาอีกครั้ง วิรงรองตั้งท่าเตรียมรับมือ เตือนว่าถ้าขืนทำร้ายกันอีก เธอจะตอบโต้เป็นเท่าทวีคูณ แล้วขยับจะเข้าห้อง แสงแขไม่กล้าแหยมได้แต่ตะโกนไล่หลัง

“ฉันขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่าอย่ามายุ่งกับคุณลบ ไม่อย่างนั้น...”

วิรงรองสวนทันทีไม่รอให้พูดจบว่าแสงแขจะหลอกเธอไปฆ่าเหมือนเมื่อคืนก่อนอีกใช่ไหม ยัยตัวแสบถึงกับอึ้ง พอตั้งสติได้ทำไก๋ไม่รู้เรื่อง คุยโม้ว่าจะทำอย่างนั้นทำไมในเมื่อที่สุดแล้ว อดิศวร์ก็ต้องแต่งงานกับเธอ

“ก็เพราะคุณไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างนั้นน่ะสิ” วิรงรองพูดจบเดินเข้าห้อง แสงแขมองตามแค้นใจ

“รอให้ฉันประกาศหมั้นกับคุณลบเร็วๆ นี้ก่อนเถอะ ฉันจะเฉดหัวแกออกไปทันที”

ooooooo

อดิศวร์บินด่วนไปหาคุณหญิงแก้วในเช้าวันถัดมา เพื่อแจ้งข่าวการจัดงานเลี้ยงฉลองให้พิณทองกับพิชญ์ด้วยตัวเอง คุณหญิงแก้วขอปรึกษาสามีกับลูกสาวและลูกเขยก่อนว่าจะไปได้วันไหน อดิศวร์ไม่เร่งรัดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ขอให้ไปก็แล้วกัน และอย่าลืมเชิญแขกทางกรุงเทพฯ ไปร่วมงานด้วย

“จ้ะ...พี่ฝากขอบคุณคุณย่าด้วย จะโทร.ไปเองท่านก็คงไม่รับ...เอ่อ แล้วนี่คุณลบจะกลับโดมทองเมื่อไหร่”

“คงจะเป็นพรุ่งนี้ค่ำๆ”

“งั้นเย็นนี้มากินข้าวกัน พี่จะชวนพิชญ์กับพิณทองแล้วก็คุณพี่วัชรีมาด้วย”

ชายหนุ่มรับคำเชิญ แล้วขอตัวกลับก่อน มีนัดประชุมตอน 10 โมงที่ออฟฟิศ...

ฝ่ายพิชญ์ปฏิเสธทันทีว่าไม่อยากกลับไปโดมทองอีกเมื่อพิณทองโทร.มาแจ้งเรื่องงานเลี้ยง เธอน้อยใจที่เขาหงุดหงิดใส่ ตอกกลับว่าเธอเองก็ไม่ได้อยากไป เขาต่างหากน่าจะอยากไปมากกว่าเธอด้วยซ้ำ

“งั้นบอกญาติคุณไปเลยว่าผมไม่ไป แค่นี้ใช่ไหม”

“ค่ะ” พิณทองกระแทกเสียงแล้ววางสายอย่างอารมณ์เสียไม่แพ้กัน จากนั้นเธอโทร.หาอดิศวร์มีเรื่องจะขอปรึกษาด้วย เขานัดเธอมาเจอกันที่ร้านอาหารหรูกลางกรุงแห่งหนึ่งจะได้กินมื้อเที่ยงกันไปคุยกันไป...

หลังจากนั่งกันเงียบๆ มาพักหนึ่ง อดิศวร์ถามหลานรักว่ามีเรื่องอะไรจะปรึกษา พิณทองเล่าทั้งน้ำตาว่า พิชญ์ไม่ยอมกลับไปโดมทองเพราะไม่อยากเจอวิรงรองให้สะเทือนใจ รบกวนน้าชายช่วยไปกราบเรียนคุณทวดด้วยว่าขอบพระคุณมาก แต่เธอคงไปไม่ได้ อดิศวร์อยากรู้ว่าถ้าพิชญ์ไปเธอถึงจะไปใช่ไหม หญิงสาวไม่ตอบ หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา เขาสงสารและเห็นใจเธอมาก อาสาจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง

“ไม่ต้องกังวลใจอะไรทั้งนั้น คุณพิณเตรียมตัวให้สวยที่สุดและสนุกที่สุดเท่านั้นก็พอ น้าลบรับรองว่าวิรงรองจะออกไปจากชีวิตของคุณพิณและสามีตลอดกาล” อดิศวร์สีหน้ามั่นใจ...

ตกค่ำ อดิศวร์มากินอาหารบ้านคุณหญิงแก้วตามนัด พอสบโอกาสเหมาะขอคุยกับพิชญ์ตามลำพังสักครู่ เขายังไม่ทันจะพูดอะไร ชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าชิงพูดขึ้นก่อนว่าจะไม่ไปงานที่เขาจะจัดให้ อดิศวร์ทักท้วงว่าเขาไม่ใช่เป็นคนจัดงาน คุณย่าต่างหากที่เป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้ พิชญ์ไม่เชื่อ เพราะมั่นใจว่านี่เป็นแผนของเขา

“ก็ตามใจ...คุณไม่ไปก็ไม่มีใครบังคับ” อดิศวร์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ แล้วตามไปสมทบกับคนอื่นที่ห้องนั่งเล่นโดยมีพิชญ์ตามมาอีกทอดหนึ่ง คุณหญิงวัชรีร้องทักว่าสองหนุ่มไปคุยอะไรกันมา พิชญ์ชิงตอบก่อน

“ผมบอกน้าลบแล้วว่า ผมไม่ไปโดมทอง ผมมีงานค้างมากครับ”

“ไปแค่ 2-3 วันจะเป็นอะไรไป” คุณหญิงวัชรีเสียงเขียว พิชญ์ยืนกรานว่าไปไม่ได้จริงๆ ให้แม่กับพิณทองไปกันเอง คุณหญิงวัชรีฮึดฮัดจะเอาเรื่อง รัฐมนตรีพจน์ต้องขอร้องว่าอย่าไปบังคับเขาเลย

“พิณก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ ใครจะไปก็ไป ใครไม่เต็มใจก็ไม่ต้องไป โตๆ กันแล้ว รู้กันหมดแล้วว่าอะไรควรอะไรไม่ควร” พิณทองว่ากระทบ ขณะที่พิชญ์หันมองเธออย่างไม่ค่อยพอใจ...

ตั้งแต่กลับจากบ้านคุณหญิงแก้ว พิชญ์เอาแต่นั่งทอดถอนใจอยู่ที่โต๊ะสนามหน้าบ้านไม่ยอมขึ้นห้อง พิณทองมองลงมาเห็นท่าทางของสามีตัวเองแล้ว รู้ดีว่าเขายังตัดใจจากวิรงรองไม่ขาด ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทิ้ง สูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง แล้วไปหาคุณหญิงวัชรีที่ห้องของท่าน

“คุณป้าขา คุณป้าอย่าโกรธพิณเลยนะคะ ถ้าพิณจะขอหย่ากับพิชญ์ พิณคิดมาหลายวันแล้วค่ะ พิณไม่อยากทรมานทั้งตัวเองแล้วก็เขา...พิชญ์ไม่ได้รักพิณ 

ไม่ว่าพิณจะพยายามทำดีกับเขาอย่างไร เขาก็ไม่มีวันรักพิณได้ ยิ่งเขาได้พบกับคุณวิรงรอง...”

“ยังไงป้าก็ไม่มีวันรับผู้หญิงคนนั้นมาเป็นลูกสะใภ้ หากตาพิชญ์ยังขืนจะแต่งให้ได้ เขากับป้าก็ต้องตัดแม่ตัดลูกกัน ป้าพูดจริงทำจริง หนูทำเฉยๆ ป้าจะจัดการทุกอย่างเอง ขอให้ไว้ใจป้า”

“แต่พิณไม่อยากให้คุณป้ากับพิชญ์ต้องขัดใจกันเพราะพิณ”

“ไม่ใช่เพราะหนู แต่เป็นเพราะตัวของพิชญ์เอง”

ooooooo

คืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ แสงจันทร์ส่องสว่างไปทั่วอาณาจักรโดมทอง ทุกคนต่างหลับใหลกันหมดยกเว้นวิรงรองที่รู้แก่ใจดีว่าคืนนี้จะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ค่อยๆ ย่องออกจากบ้านพร้อมกับไฟฉายเดินลัดเลาะไปแอบอยู่หลังพุ่มไม้ ในจุดที่มองเห็นห้องใต้ยอดโดม ท่างกลางเสียงแมลงกลางคืนที่ดังไปทั่วบริเวณ

ทันทีที่มีเสียงรถม้าบดกับถนนแว่วเข้ามา เสียงแมลงต่างๆ เงียบกริบราวกับนัดกันไว้ วิรงรองมองลอดพุ่มไม้ สายตาจับจ้องไปยังทิศทางของเสียงรถม้า สักพัก ท่านเจ้าคุณสรรักษ์ควบรถม้าฝ่าหมอกจางๆ ที่ลอยเรี่ยพื้น

มาหยุดตรงห้องใต้โดมแล้วแหงนหน้าขึ้นไปมอง ความเงียบสงัดทำให้วิรงรองแทบจะหยุดหายใจด้วยเกรงจะทำให้เกิดเสียงดัง หน้าต่างห้องใต้โดมค่อยๆเปิดออกพร้อมกับเสียงเพลงนางครวญที่ชวนขนลุกดังขึ้น

คุณพลับพลึงปรากฏตัวขึ้นที่หน้าต่างห้องนั้น มองลงมาที่ท่านเจ้าคุณ วิรงรองต้องรีบเอามือปิดปากตัวเองด้วยความตกตะลึง วิญญาณสองร่างมองกันนิ่งงันราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน พลันมีเมฆดำทะมึนลอยมาบดบังดวงจันทร์ ทุกอย่างตกอยู่ในความมืดชั่วขณะ

เมื่อเมฆดำกลุ่มนั้นก็เคลื่อนผ่านดวงจันทร์ไปแล้ว รอบๆบริเวณก็สว่างขึ้นอีกครั้ง ทั้งท่านเจ้าคุณ รถม้า และคุณพลับพลึงหายไปราวกับเคยไม่มีอะไรเกิดขึ้น วิรงรองมองอย่างประหลาดใจ

“เป็นไปไม่ได้” เธอพึมพำจบออกจากที่ซ่อนตัวเดินสำรวจรอบๆแล้วแหงนดูห้องใต้โดม หน้าต่างปิดสนิทตามเดิม พร้อมกับเสียงแมลงกลางคืนดังขึ้นตามปกติ รออยู่สักพักจนแน่ใจว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก วิรงรองตัดสินใจกลับห้อง ค่อยๆ เปิดประตูเข้าตัวตึกอย่างเงียบกริบ แต่ต้องตกใจร้องกรี๊ดลั่นเมื่อเห็นผีพิศในสภาพใบหน้าบวมปูดเขียวช้ำน่ากลัวยืนแสยะยิ้มอยู่ วิรงรองหมดสติทรุดฮวบลงไปตรงนั้น

ooooooo

เหมือนเช้าของทุกวัน อุษายกอาหารมาให้ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ที่ห้อง แต่ต้องประหลาดใจถึงกับออกปากทัก ทำไมเช้านี้คุณย่าถึงดูสดชื่นผิดจากทุกวัน ท่านอดแดกดันไม่ได้ว่าผิดหวังใช่ไหม ท่านรู้ดีว่าอุษากับพวกแช่งท่านให้ตายวันละหลายเวลา อุษาไม่ตอบโต้ ได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองยกอาหารมาวางตรงหน้าให้

“นังพลับพลึงมันคงตกนรกหมกไหม้ไปแล้ว เมื่อคืนมันเงียบไปเลยทั้งๆที่เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง เป็นคืนแรกตั้งแต่...มันตาย ที่ฉันนอนหลับสนิททั้งคืน...ตาลบ กลับมาหรือยัง”

“เห็นว่าจะมาถึงประมาณ 9 โมงค่ะ”

“ฉันกำลังจะเป็นผู้ชนะ ในที่สุดฉันก็คือผู้ชนะ ได้ยินไหมนังอุษาว่าฉันชนะแล้ว” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ประกาศกร้าว ขณะที่อุษามองงงๆไม่เข้าใจที่ท่านพูดแม้แต่น้อย...

ทางด้านอุไรยกถาดใส่ข้าวต้มร้อนๆหอมกรุ่นขึ้นไปให้วิรงรองที่ห้องพัก ยังไม่ทันจะเคาะประตูเรียกเจ้าของห้องเปิดประตูออกมาเสียก่อน อุไรร้องทักว่าหายดีแล้วหรือ เมื่อคืนนี้อยู่ดีๆเธอก็ร้องกรี๊ดๆลั่นบ้าน

“แต่ป้าอุไรก็ยังแปลกใจว่าคุณวิลงไปข้างล่างทำไมกลางดึกกลางดื่น” อุไรว่าพลางยกถาดใส่ข้าวต้มเข้ามาวางให้ในห้อง คิดว่าวิรงรองจะตามเข้ามา พอหันไปมองอีกทีเธอหายไปแล้ว...

แสงแขไม่รอช้า ทันทีที่นายสมขับรถพาอดิศวร์มาจอดหน้าคฤหาสน์โดมทอง รีบแจ้นเข้าไปฟ้องว่าวิรงรองแอบลงมาข้างล่างดึกๆดื่นๆ แล้วร้องเอะอะโวยวายจนเป็นลม เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ไม่ยอมเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มนิ่วหน้าแล้วก้าวฉับๆขึ้นไปที่ห้องพักของวิรงรอง พบแต่ความว่างเปล่า มีเพียงถาดใส่ข้าวต้มที่ถูกทิ้งไว้โดยไม่ มีใครแตะต้อง อดิศวร์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผลุนผลัน ออกไป...

ฝ่ายวิรงรองต้องการจะสืบรู้ให้ได้ว่าเมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รีบตรงไปยังโรงเก็บรถม้า เนื่องจากประตูใหญ่ถูกล็อกกุญแจไว้ เธอจึงเดินดูรอบๆเพื่อหาทางเข้าทางอื่น ลองเขย่าหน้าต่างบานหนึ่งดูปรากฏว่ามันหลุดออกมาทั้งบานเพราะความเก่า วิรงรองรีบเอาวางแอบไว้แล้วปีนเข้าไป

สภาพภายในโรงเก็บรถม้าทั้งเก่าทั้งผุเหมือนรถม้าที่อยู่ตรงหน้า วิรงรองถอนใจเซ็งๆมองอย่างไรก็ไม่น่าจะใช้การได้ แล้วเดินสำรวจไปรอบๆ พลันมีเสียงเหมือนคนถอนใจดังแผ่วเบามาจากด้านหลัง เธอหันขวับไปมองต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นรถม้าผุๆคันเมื่อครู่ กลับกลายเป็นรถม้าคันใหม่เอี่ยมเหมือนที่เธอเห็นเมื่อคืน

วิรงรองเข้าไปดูใกล้ๆยกมือลูบไล้มันเบาๆถึงกับเพ้อว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า มีเสียงอดิศวร์ดังขึ้นด้านหลังว่ายังสำรวจความประหลาดในบ้านของเขาไม่พออีกหรือ หญิงสาวหันขวับ

“ค่ะ...แล้วในที่สุดดิฉันก็พบรถม้าคันนี้”

แต่พอเธอหันกลับมามองอีกทีต้องตกใจที่รถม้ากลายสภาพเป็นผุพังเหมือนเดิม ถึงกับบ่นอุบว่าเมื่อครู่นี้มันยังดีๆอยู่เลย อดิศวร์เห็นสภาพรถม้าแล้ว แดกดันว่าใครที่เห็นรถคันนี้ยังสภาพดีอยู่คนนั้นคงจะใกล้บ้า

“ดิฉันไม่ได้บ้า เมื่อคืนดิฉันเห็นคนที่เหมือนคุณขับรถม้าคันนี้ไปที่ใต้หน้าต่างโดม แล้วหน้าต่างนั้นก็เปิดออก มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ หน้าตาเหมือน...”

วิรงรองพูดยังไม่ทันจบ อดิศวร์สวนขึ้นอย่างขันๆ

“อย่าบอกนะว่าเหมือนเธอ”

“ไม่ต้องมาหัวเราะดิฉัน...ดิฉันขอยืนยันว่าดิฉันไม่ใช่คนโกหก บ้านของคุณมันประหลาดๆอย่างที่คุณพูดแดกดันฉันจริงๆ มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ที่นั่นและรอวันที่จะเปิดเผย”

อดิศวร์หาว่าวิรงรองดูหนังสยองขวัญมากไป ที่นี่ไม่มีความลับอะไรทั้งสิ้น เรื่องบ้าๆเหล่านี้เธอฝันเอาเองทั้งนั้น วิรงรองท้าให้รอดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างที่ตนว่าหรือเปล่า แล้วก้าวฉับๆออกไป อดิศวร์ตะโกนไล่หลังอย่างเย้ยหยันว่าเถียงสู้ไม่ได้ใช่ไหมถึงต้องใช้วิธีเดินหนีเหมือนที่เคยทำ หญิงสาวหันขวับ

“คุณเข้าใจผิด ดิฉันไม่อยากให้คนอื่นมาว่าได้ต่างหากว่าดิฉันพยายามหาโอกาสอยู่กับคุณตามลำพัง” วิรงรองพูดจบเดินต่อไป อดิศวร์ตะโกนถามว่าพูดถึงใคร เธอไม่ตอบ เร่งฝีเท้าขึ้นอีก

ooooooo

ครู่​ต่อ​มา วิ​รงรอง​เข้า​มา​ใน​ห้อง​โถง​ใหญ่​ที่​เต็ม​ไป​ด้วย​ภาพ​บรรพบุรุษ​ของ​โดม​ทอง มอง​ไป​ยัง​รูปภาพ​แต่ละ​รูป​ช้าๆพูด​กับ​รูป​เหล่า​นั้น​เป็น​ทำนอง​ตัดพ้อ​ว่า​ตัว​เอง​ไม่ได้​เข้าใจ​ผิด บ้าน​โบราณ​อย่าง​ที่​แห่ง​นี้​มัก​จะ​มี​ความ​ลึกลับ​บาง​อย่าง​ซ่อน​เอา​ไว้​ใช่​ไหม รูป​เหล่า​นั้น​ราวกับ​เมิน​ไป​ทาง​อื่น ไม่​อยาก​จะ​ตอบ​คำ​ถาม พลัน​มีเสียง​กระซิบ​เบาๆ

“ไม่​มี​ใคร​เขา​ตอบ​คำ​ถาม​เธอ​หรอก...เธอ​ต้องอดทน”

วิ​รงรอง​สะดุ้ง หัน​มอง​ตาม​เสียง​แต่​ไม่​พบ​สิ่ง​ผิด​ปกติ “ค่ะ...ดิฉัน​จะ​อดทน​จนกว่า​จะ​พิสูจน์​ได้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​ใน​โดม​ทอง” เธอ​มอง​เรื่อยๆ มา​หยุด​ที่​รูป​ท่านผู้หญิง​สร​รักษ์​ตอน​สาวๆ รูป​นั้น​มอง​ตอบ​ด้วย​สีหน้า​อำมหิต

“ฉัน​เกลียด​แก” พลัง​ความ​เกลียด​ชัง​ที่​ส่ง​ออก​มา​จาก​รูป​ทำให้​วิ​รงรอง​ถึง​กับ​ผงะ​ถอย​หลัง ต้อง​สะดุ้ง​สุด​ตัว เมื่อ​ชน​เข้า​กับ​ใคร​บาง​คน​ที่​ยืน​อยู่​ด้าน​หลัง เธอ​ตกใจ​ร้อง​ว้าย​ลั่น อดิศวร์​มอง​เธอ​อย่าง​เยาะๆ

“ไม่​น่า​ขวัญอ่อน​เลย​นี่ เห็น​ตาม​หา​ผี​วุ่นวาย​ไป​หมด”

วิ​รงรอง​ถอยออก​ห่าง ตวาด​แว้​ด​ว่า​ตาม​มา​ทำไม อดิศวร์​ไม่​ชอบ​ให้​ใคร​เดิน​หนี​ทั้งๆที่​เขา​ยัง​พูด​ไม่ทัน​จบ ​เธอ​ขยับ​จะ​เดิน​หนี​อีก​ครั้ง เขา​คว้า​แขน​ไว้ แสง​แข​เข้า​มา​เห็น​พอดี​ถึง​กับ​ชะงัก ส่งเสียง​เอะอะ​ทำให้​อดิศวร์​หยุด​กึก​วิ​รงรองฉวย​โอกาส​หลบ​ออก​ไป เขา​มอง​แสง​แ​ขอ​ย่าง​ไม่ค่อย​พอใจ​ครู่​หนึ่ง แล้ว​ผละ​จาก​ไป...

แสง​แข​เจ็บใจ​มาก​ที่​เห็น​อดิศวร์​จับ​มือ​ถือ​แขน

วิ​รงรอง​อยู่​ใน​ห้อง​โถง เอา​ไป​นินทา​ว่า​ร้าย​ให้​อุษา​ฟัง​ว่า แม่​นั่น​ตั้งใจ​ยั่วยวน​อดิศวร์ เปิด​ประตู​​เข้าไปรออยู่​ในห้อง​หวัง​จะ​จับ​เขา​ให้​ได้ อุษา​ไม่​เชื่อ​ว่า​วิ​รงรองเป็นคนแบบนั้น​และ​ที่​สำคัญ​ห้อง​โถง​ใหญ่​ดู​น่า​กลัว​เกิน​กว่า​จะ​เข้าไปทำ​อะไร​กัน จังหวะ​นั้น​ อดิศวร์​อุ้มวิ​รงรอง​ที่​หมดสติเข้ามา ​ร้อง​เรียก​อุษา​ให้​มา​ช่วย แล้ว​รีบ​อุ้ม​เธอ​ขึ้น​ข้างบน​โดย​มี​อุษา​ตาม​ไป​ติดๆ

“มารยา อยู่ดีๆก็​วิ่ง​ให้​คุณ​ลบ​ตาม​อยู่ดีๆ ก็แกล้ง​เป็น​ลม​ให้​คุณ​ลบ​อุ้ม นังวิ​รงรอง​นัง​มาร” แสง​แข​เข่นเขี้ยว...

ฝ่า​ยอ​ดิศวร์​อุ้ม​วิ​รงรอง​มา​วาง​บน​เตียง​ใน​ห้อง​พัก​ของ​เธอ สั่ง​ให้​อุษา​ไป​หา​ผ้า​ชุบ​น้ำ​มา​ให้ แสง​แข​แสร้ง​เป็น​ห่วง​เป็น​ใย​เข้า​มา​ถาม​ว่า​เป็น​อย่างไร​บ้าง อดิศวร์ยัง​ไม่ทัน​จะ​ว่า​อะไร​อุษา​ถือ​ผ้า​ชุบ​น้ำ​หมาดๆมา​ให้​เสีย​ก่อน ยัย​ตัว​แสบ​ประจำ​บ้าน​ชิง​คว้า​ผ้า​ตัดหน้า อาสา​จะ​เช็ดตัวให้​วิ​รงรองเอง อดิศวร์​ดึง​กลับ แล้ว​ไล่​เธอ​ไป​หา​ยา​ดม​มาให้

แสง​แข​จำ​ต้อง​ออก​จาก​ห้อง​ด้วย​ความ​แค้น​ใจ อดิศวร์​เช็ดหน้า​เช็ด​ตา​ให้​วิ​รงรอง​อย่าง​เบามือ สัก​พัก เธอ​เริ่ม​รู้สึก​ตัว เขา​รีบ​ส่ง​ผ้า​ขนหนู​ให้​อุษา สั่ง​ให้​ดูแล​เธอ​ด้วย แล้ว​รีบ​ออก​จาก​ห้อง​เป็น​จังหวะ​เดียว​กับ​วิ​รงรอง​ลืมตาขึ้น​มอง​อย่าง​งงๆถาม​อุษา​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น

“คุณ​วิ​เป็น​ลม​น่ะ​ค่ะ เมื่อ​คืน​ก็​เป็น ยัง​ไม่ทันหาย ดี​เลย​ก็​ออก​ไป​ข้าง​นอก​แล้ว” อุษาตำหนิกลายๆ 

วิรงรองขยับจะลุก แต่แล้วเวียนหัวต้องล้มลงนอน อย่างเดิม อุษา​ชะเง้อ​มอง​ไม่​เห็นแสงแข​เอา​ยา​ดมมา​ให้​สัก​ที บอก​เธอให้​​อยู่​คน​เดียวไปก่อน ตน​จะ​ไป​เอายาดม ​กับข้าว​ต้ม​ร้อนๆมา​ให้ เพราะ​ตั้งแต่เช้า​เธอ​ยัง​ไม่ได้​กิน​อะไร ​วิ​รงรอง​รับคำ พยายาม​ทบทวนเรื่องราว​ที่​เกิด​ขึ้นจำได้​เพียงว่า​มี​ปาก​เสียง​กับ​อดิศวร์​อีก​ครั้ง คราวนี้ ​เขา​หาว่าเธอ​หงุดหงิดที่​รู้​ว่า​เขา​ไป​เชิญ​ครอบครัวพิชญ์กับ​พิณ​ทอง​กลับ​มา​ที่​นี่​เพราะ​คุณ​ย่า​จะ​จัด​งาน​ฉลอง​ให้​ทั้ง​คู่

“ต่อ​ให้​คุณ​เชิญ​คน​ทั้ง​โลก​มา​ฉลอง​ฉัน​ก็​ไม่​สน

ว่า​แต่​คุณ​ต้อง​ไป​ถาม​พิชญ์​ดู​ว่า​เขา​ลืม​ฉัน​ได้​หรือ​ยัง”

อดิศวร์​ไม่​พอใจ​มาก​เห็น​เธอ​จะ​เดิน​หนี​กระชาก​กลับ​มา “จะ​บอก​ให้​ว่า ฉัน​คิด​อย่างไร หลาน​ของ​ฉันเหมือน ดอก​กล้วยไม้​มี​ราคา​หา​ยาก ส่วน​เธอ​มัน​ก็​แค่​ดอก​พลับพลึง​ธรรมดา​ดาษดื่น ราคา​ก็​ไม่​น่า​จะ​แพง​นัก... ความ​จริงเธอควร​จะ​ดีใจ​นะ ที่​ฉัน​เวทนา​ชวน​แต่งงาน​ด้วย แม่​ดอก​พลับพลึง”

วิ​รงรอง​เจ็บ​ช้ำใจ​น้ำตา​คลอ​เบ้า ก่อน​หมด​สติไป​เนื่องจาก​พักผ่อน​น้อย​เพราะ​มัว​แต่​คอย​เฝ้า​ผี​อยู่​ทั้ง​คืน

ooooooo

ยัย​ตัว​แสบ​ประจำ​บ้าน​เห็น​วิ​รงรอง​อยู่​ใน​ห้อง​

คน​เดียว​เข้า​มา​ด่า​ว่า​สารพัด​และ​ยัง​แช่ง​ให้​ตาย​เร็วๆโชคดี​ที่​อุษา​เข้า​มา​เสีย​ก่อน แสง​แข​ถึง​ได้​ล่า​ถอย​กลับ​ไป อุษา​ขอร้อง​วิ​รงรอง​ว่า​อย่า​ไป​ถือสา​คน​ปาก​ไม่​ดี​พรรค์​นั้น

“คุณ​แสง​แข​พูด​ถูก​นะ​คะ ทำไม​วิ​ถึง​ไม่​ตายสักที​ก็​ไม่​รู้” วิ​รงรอง​น้ำตา​คลอ​เบ้า อุษา​ขอร้อง​อย่า​พูด​แบบ​นั้น​อีก แล้ว​ยกชาม​ข้าวต้ม​มา​วาง​ให้ คะยั้นคะยอ​ให้กิน ​อะไร​บ้าง​จะ​ได้​กิน​ยา...

แสง​แข​รู้​แก่​ใจดี​ว่า​ขืน​ปล่อย​ให้​อดิศวร์​ได้​ใกล้​ชิด​วิ​รงรอง​อยู่​แบบ​นี้​ย่อม​ไม่​เป็น​การ​ดี​กับ​ตัว​เอง ต้อง​เร่ง​ให้​ถึง​วัน​งาน​เร็วๆจึง​เข้าไป​บอก​ท่านผู้หญิง​สร​รักษ์​ว่า​จะ​ไป​ตัด​เสื้อ​ผ้า​สำหรับ​ใส่​วัน​งาน​เลี้ยง ท่าน​เห็นดี​ด้วย สั่ง​ให้​ไป​เบิก​เงิน​กับ​อุษา แล้ว​ย้ำ​ว่า​วัน​งาน​เลี้ยง​แสง​แข​จะต้อง​แต่งตัว​ให้​สวย​เต็มที่​ให้​สม​กับ​เป็น​ว่าที่คู่หมั้น​ขอ​งอ​ดิศวร์...

อุษา​ไม่​เห็น​ด้วย​เท่าใด​นัก​เมื่อ​แสง​แ​ขมา​ขอ​เบิก​เงิน​ไป​ตัด​ชุด​ตาม​คำสั่ง​คุณ​ย่า ยัง​ไม่ทัน​รู้​เลย​ว่า​จะมีงาน​เมื่อ​ไหร่​ทำไม​ถึง​ต้อง​เร่งรีบ​ด้วย แสง​แข​มั่นใจ​อย่างไร​เสีย​งาน​เลี้ยง​จะ​ต้อง​มี​ขึ้น​แน่นอน

“ว่า​แต่​พี่​อุษา​เถอะ ห้าม​ทรยศ​ไป​บอก​คุณ​ลบ​เด็ดขาด​ว่า​คุณ​ย่า​จะ​ทำ​อะไร ไม่​อย่าง​นั้น ท่าน​จะ​คิด​ว่า​พี่​อุษา​เนรคุณ” แสง​แข​ยิ้ม​สะใจ...

ขณะ​ที่​แสง​แข​สั่ง​ห้าม​อุษา​และ​วิ​รงรอง​บอก​เรื่อง​ที่​คุณ​ย่า​จะ​ประกาศ​กลาง​งาน​เลี้ยง​ว่า​อดิศวร์​กับ​เธอ​จะ​หมั้น​กัน ตัว​เอง​กลับ​เอา​ไป​คุย​อวด​ที่​ร้าน​ตัด​เสื้อ​ว่า​เธอ​กำลัง​จะ​เป็น​ว่าที่เจ้าสาว​ขอ​งอ​ดิศวร์ บังเอิญ​ลาน​นา​อยู่​ใน​ร้าน​ด้วย ได้ยิน​เต็ม​สอง​หู รีบ​โทร.​ไป​บอก​เพื่อน​รัก​ทันที แต่​ต้อง​ผิดหวัง​ที่​วิ​รงรอง​ไม่​ตื่นเต้น​ด้วย​เพราะ​รู้อยู่​ก่อน​แล้ว ลาน​นา​ต่อว่า​ว่า​รู้​แล้ว​ทำไม​ไม่​บอกกล่าว​กัน​บ้าง น่า​เสียดาย​คุณ​อดิศวร์​ควร​จะ​ได้​ผู้หญิง​ที่​เหมาะสม​กว่า​นี้

“เขา​ก็​เหมาะสม​กัน​ออก...แค่​นี้​ก่อน​นะ​จ๊ะ​ลาน​นา วิ​ไม่ค่อย​สบาย ปวด​หัว​น่ะ” วิ​รงรอง​รีบ​ตัดบท วาง​สาย​แล้ว​เอนตัว​ลง​นอน​นํ้า​ตา​คลอ​เบ้า​ด้วย​ความ​สะเทือนใจ...

ลาน​นา​เอาเรื่อง​ที่​แสง​แข​คุย​อวด​มา​ขยาย​ต่อ​ให้​พัน​ธ์​สู​รย์​กับ​ภู​ไท​ฟัง สอง​หนุ่ม​มี​ความรู้สึก​แตก​ต่าง​กัน​ไป ภู​ไท​ออก​แนว​ดีใจ​เพราะ​หมด​คู่แข่ง ขณะ​ที่​พัน​ธ์​สู​รย์​ท่าทาง​ไม่ค่อย​สบายใจ​นัก เพราะ​ถ้า​แสง​แข​ได้​แต่งงาน​กับ​อดิศวร์​จริงๆที่​โดม​ทอง​ก็​จะ​เหลือ​อุษา​เป็น​สาว​ทึนทึก​ก้มหน้าก้มตา​รับ​ใช้​ทุก​คนใน​บ้าน​ไป​จน​ตาย

“นั่น​เป็น​วิถีชีวิต​ที่​คุณ​อุษา​เลือก​แล้ว นาย​ทำ​อะไร​ไม่ได้​หรอก” ภู​ไท​ปลอบ

พัน​ธ์​สู​รย์​ตั้งใจ​จะ​หา​ทาง​ช่วย​อุษา​ให้​ได้ และ​รับรอง​กับ​ภู​ไท​ว่า​จะ​ไม่​ให้​เดือดร้อน​มา​ถึง​เขา​เด็ดขาด...

ด้าน​อดิศวร์​อด​เป็น​ห่วง​วิ​รงรอง​ไม่ได้ เข้าไป​ดู​ที่​ห้อง​เห็น​เธอ​นอน​หลับ​สนิท​ด้วย​ความ​อ่อนเพลีย เขา​ลูบ​ผม​เธอ​เบาๆอย่าง​ทะนุถนอม วิ​รงรอง​ขยับ​ตัว​เล็กน้อย แล้ว​กลับ​นอน​นิ่ง​ด้วย​ความรู้สึก​ผ่อนคลาย...


แต่​แล้ว​ความ​ผ่อนคลาย​กลับ​อยู่​ไม่​นาน วิ​รงรอง​ฝัน​เห็น​ตัว​เอง​กำลัง​เดิน​ตาม​เสียง​เพลง​นาง​ครวญ​ขึ้น​บันได ไป​ยัง​ยอด​โดม ประตู​เหล็ก​ที่​ปิด​ล็อก​แน่นหนา ซึ่ง​กั้น​ทาง​ขึ้น​ไป​บน​นั้น​กลับ​เปิด​ออก​อย่าง​ง่ายดาย เธอ​ก้าว​ขึ้น​บันได​ราวกับ​ถูกต้อง​มนต์​สะกด ยิ่ง​ใกล้​ห้อง​ใต้​โดม​เสียง​เพลง​เยือกเย็น​ยิ่ง​ดัง​กระหึ่ม ใน​ที่สุดวิ​รงรอง​มา​หยุด​ยืน​อยู่​หน้า​ห้อง​นั้น ก่อน​จะ​ค่อยๆก้าว​ไป​ยัง​ประตู​ซึ่ง​ถูก​ไม้หน้า​สาม​ตี​ปิดตาย​ไว้ แต่​ยัง​มี​รอย​แตก​เล็กๆให้​เห็น

หญิง​สาว​ส่อง​ดู​ที่​รอย​แตก เห็น​คุณ​พลับพลึง​นั่งเล่น​ซอ​สาม​สาย ท่ามกลาง​วง​มโหรี เธอ​ถึง​กับ​ตะลึง​ด้วย​ความ​ตื่นเต้น เสียง​เพลง​หยุด​กึก ทุก​คนใน​นั้น​เหมือน​จะ​รู้ตัว​ว่า​มี​คน​แอบ​มอง ต่าง​จ้อง​มา​ที่​รอย​แตก​เป็น​ตาเดียว​กัน ใบหน้า​ที่​สวย​งาม​ของ​คุณ​พลับพลึง​ค่อยๆยิ้ม​แสยะ แล้ว​เปลี่ยน​เป็น​เขียว​คลํ้า​กลาย​เป็น​ศพ

วิ​รงรอง​ถึง​กับ​ผงะ​กรีด​ร้อง​ลั่น สะดุ้ง​ตื่น​เหงื่อ​ท่วม​ตัว ลุก​ขึ้น​จะ​ไป​เข้า​ห้อง​นํ้า แต่​ต้อง​ชะงัก​เมื่อ​เห็น​ดอก​พลับพลึง​วาง​อยู่ ทั้ง​พิศวง​ทั้ง​หวาดหวั่น​ปน​กัน ตัดสินใจ​หยิบ​มือ​ถือ​ขึ้น​มา​โทร.​หา​รัฐมนตรี​พจน์​ซึ่ง​กำลัง​เซ็น​เอกสาร​อยู่​ที่​กระทรวง เล่า​เหตุการณ์​ที่​เกิด​ขึ้น​ให้​ฟัง...

เรื่องราว​ที่​ได้ยิน​จาก​วิ​รงรอง​ทำให้​รัฐมนตรี​พจน์​ตัดสินใจ​บอก​ให้​คุณหญิง​แก้ว​ตอบ​รับคำ​เชิญ​ไป​งาน​เลี้ยง​ที่​ท่านผู้หญิง​สร​รักษ์​จะ​ให้​ขึ้น​ใน​คืน​นั้น​เลย แล้ว​เขา​โทร.​แจ้ง​วิ​รงรอง​ว่า​เขา​กับ​ครอบครัว​จะ​ไป​ถึงที่​นั่น​วัน​ศุกร์​ตอน​คํ่า

“งั้น​งาน​ก็​อาจจะ​เป็น​คํ่าๆวัน​เสาร์ คุณ​ลุง​อย่า​ลืม​พูด​กับ​คุณ​อดิศวร์​นะ​คะ”

รัฐมนตรี​พจน์​รับรอง​ว่า​ไม่​ลืม​แน่นอน​และ​จะ​ไม่​ลืม​ด้วย​ว่า​ห้าม​เอ่ย​ชื่อ​วิ​รงรอง​เด็ดขาด แล้ว​แนะนำ​ว่า​ระหว่าง​นี้​เธอ​ควร​หา​เวลา​ไป​ทำบุญ​อุทิศ​ส่วน​กุศล​ให้​ดวง​วิญญาณ​เหล่า​นั้น​ด้วย วิ​รงรอง​ขอบพระคุณ​สำหรับ​คำ​แนะนำ​เพราะ​ตัว​เอง​ไม่ได้​นึกถึง​มา​ก่อน พรุ่งนี้​เธอ​จะ​ไป​จัดการ​ให้​เรียบร้อย แล้ว​วาง​สาย

ไม่​กี่​อึดใจ​ถัด​มา พัน​ธ์​สู​รย์​โทร.​มา​หา อยาก​จะ​ขอ​ให้​วิ​รงรอง​ช่วย​พา​อุษา​มา​พบ​เขา​อีก​สัก​ครั้ง เขา​เป็น​ห่วง​เธอ​มาก วิ​รงรอง​ไม่​รับปา​กว่าจะ​สำเร็จ ​แต่​จะ​พยายาม​สุด​ความ​สามารถ

ooooooo

เป็นอย่างที่วิรงรองคาดไว้ พอท่านผู้หญิงสรรักษ์ ทราบว่าครอบครัวของคุณหญิงแก้วจะมาถึงโดมทองคํ่าวันศุกร์สั่งให้จัดงานในคืนวันเสาร์ทันที อดิศวร์เห็นอุษากับวิรงรองยังไม่มีชุดใส่วันงาน วานอุษาช่วยพาเธอเข้าเมืองไปตัดชุดแล้วนึกขึ้นได้ถ้าสั่งตัดอาจจะไม่ทันกาล เปลี่ยนใจให้ไปซื้อชุดสำเร็จรูปแทนและให้พาแสงแขไปด้วย

“แสงแขไปสั่งตัดเรียบร้อยแล้วค่ะ”

อดิศวร์ติงว่าทำไมแสงแขไม่ชวนอุษากับวิรงรองไปด้วย แล้วสั่งให้ขึ้นไปตามวิรงรองทันที...

ทางฝ่ายวิรงรองไม่ยอมไปซื้อชุด ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครโดยเฉพาะอดิศวร์ และอีกอย่างหนึ่งเธอนัดลานนาไว้แล้วว่าจะไปทำบุญกัน อดิศวร์เข้ามาทันได้ยินพอดี ไม่สนใจว่าวิรงรองจะนัดกับใคร จะเอาเธอไปซื้อ เสื้อผ้าให้ได้ แล้วคว้ามือเธอกึ่งดึงกึ่งลากออกจากห้อง เธอขืนตัวสุดฤทธิ์ อ้างจะต้องไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณทุกดวงที่ยังวนเวียนอยู่ที่โดมทอง แล้วสะบัดมือเขาออก เดินเชิดหน้าออกไป อดิศวร์ได้แต่ยืนอึ้ง...

อดิศวร์หมดหนทางจะบังคับวิรงรอง จึงโทร.ไปขอร้องพิณทองให้ช่วยเลือกซื้อชุดสวยจากกรุงเทพฯมาให้เธอแทน พิณทองน่าจะกะขนาดตัวเธอได้ถูกต้อง เพราะเป็นผู้หญิงด้วยกัน หลานสาวกระเซ้าว่าถ้าให้ซื้อชุดสวยๆ

ไปให้วิรงรอง พิชญ์อาจจะไม่แลเธอเลยก็ได้ อดิศวร์รับรองว่าหลังจากงานนี้สามีของพิณทองจะไม่มองวิรงรองอีกเลย และขอให้เธอเก็บเรื่องนี้เป็นความลับห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้เด็ดขาด...

หลังจากทำบุญกันแล้ว วิรงรอง ลานนา ภูไทและพันธ์สูรย์ต่างไปทำทานปล่อยนกปล่อยปลา วิรงรองนึกขึ้นได้ว่าน่าจะพาอุษามาพบพันธ์สูรย์ในวันที่โดมทองจัดงานเลี้ยงเป็นเกียรติแก่พิณทองและพิชญ์ พันธ์สูรย์แปลกใจ ทั้งคู่เพิ่งกลับไปไม่ใช่หรือ แล้วทำไมไม่จัดงานให้ตั้งแต่ตอนนั้นเลย เขามั่นใจว่าท่านผู้หญิงสรรักษ์ต้องมีอะไรลับลมคมในแน่ๆ เตือนวิรงรองให้ระวังตัว...

ไม่ใช่ท่านผู้หญิงสรรักษ์เท่านั้นที่มีแผนการอยู่ในใจ อดิศวร์เองก็วางแผนบางอย่างไว้เช่นกัน โดยแสร้งทำดีกับแสงแขจนฝ่ายนั้นปลื้มแล้วปลื้มอีก เพราะคิดว่าเขามีใจให้ เอาไปคุยอวดกับโอบว่าในที่สุดเธอก็ชนะใจอดิศวร์จนได้ โอบพลอยปลื้มใจไปกับเจ้านายสาวด้วย

ooooooo

อนิรุทธิ์โทร.มาหาวิรงรองแต่เช้า บอกว่าตอนนี้เขากำลังเช็กอินอยู่ที่โรงแรมในเมือง อีกสักครู่จะไปรับ วิรงรองไม่รอขออนุญาตอดิศวร์ให้เมื่อยปาก รีบแต่งตัวออกมารออนิรุทธิ์ที่หน้าประตูรั้ว ฝากนายสมช่วยบอกอดิศวร์ให้ด้วยว่าเธอออกไปกับเพื่อน ก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถอนิรุทธิ์ที่แล่นเข้ามาจอดแล้วพากันออกไป...

เมื่ออดิศวร์รู้จากอุษาว่าวิรงรองแอบออกไปกับเพื่อนโดยไม่ได้ขออนุญาตใคร แค่ฝากบอกนายสมไว้เท่านั้น แม้ปากจะบอกว่าไม่โกรธ แต่หน้าตาอดิศวร์กลับตรงกันข้ามจนอุษาอดหวั่นใจแทนวิรงรองไม่ได้...

ตั้งแต่อดิศวร์กำหนดวันจัดงานเลี้ยงที่แน่นอนแล้ว ท่านผู้หญิงสรรักษ์ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เรียกอุษาให้เข้ามาช่วยเลือกเครื่องประดับสำหรับใส่ไปงาน  เธอแนะให้ท่านสวมชุดเครื่องเพชร ท่านผู้หญิงสรรักษ์หยิบสร้อยเพชรมาดูด้วยความพอใจ อุไรสาระแนทันที แล้วท่านจะสวมชุดอะไรให้เข้ากับเครื่องเพชรท่านผู้หญิงตาเป็นประกายวาว “เสื้อผ้าสวยๆ

ของฉันอยู่ในห้องเก็บของ ฉันพับเก็บทุกชุดกับมือ”

ครู่ต่อมา อุษากับอุไรเข็นรถเข็นพาท่านผู้หญิงสรรักษ์มาที่ห้องเก็บของ ท่านหยิบกุญแจที่ซ่อนอยู่ในชายพกส่งให้หลานสาวไขประตู เธอเห็นในห้องเต็มไปด้วยฝุ่น อาสาจะไปหยิบชุดที่ท่านต้องการมาให้ แต่ท่านจะเข้าไปเลือกเอง แล้วชี้ไปยังหีบใบใหญ่ตรงมุมห้อง อุษาเข็นรถพาท่านผู้หญิงสรรักษ์ไปที่นั่นแล้วไขกุญแจเปิดหีบออกภายในมีชุดลูกไม้ห่อผ้าวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ พลันมีลมจากไหนไม่รู้พัดวูบเข้ามา

มีเพียงอุษาคนเดียวเท่านั้นที่หนาวสะท้านจับขั้วหัวใจ หันไปมองที่ผ้าสีดำซึ่งคลุมกรอบรูปถูกลมพัดปลิวขึ้นเผยให้เห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่ง เธอถึงกับตะลึง เสียงเรียกของท่านผู้หญิงสรรักษ์ทำให้อุษาตื่นจากภวังค์

“นังอุษา มัวแต่เป็นบื้อเป็นใบ้ ฉันถามว่าเสื้อของฉันสวยไหม”

“สวยค่ะ สวยมาก แต่ออกจะ เอ่อ...เก่าไปสักนิด”

ท่านผู้หญิงสรรักษ์หาว่าอุษาตาต่ำ ผ้าลูกไม้ชุดนี้ท่านเจ้าคุณซื้อมาฝากจากฝรั่งเศส ถ้าไม่มีนังพลับพลึงเข้ามาแทรก ป่านนี้เราสองคนคงจะอยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ ท่านผู้หญิงสรรักษ์หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาแล้วสั่งให้พากลับห้อง โดยไม่ลืมให้อุษาล็อกกุญแจไว้อย่างเดิม...

ด้านอุษาเห็นชุดของคุณย่าเก่าเกินกว่าจะใส่ไปงานฉลอง รีบแจ้งอดิศวร์ให้มาช่วยจัดการ...

เมื่อได้อยู่คนเดียวในห้อง ท่านผู้หญิงสรรักษ์หยิบผ้าลูกไม้ชุดนั้นขึ้นมาทาบกับตัว แล้วหลับตาลง หวนรำลึกถึงเรื่องราวในอดีต ตอนนั้น ท่านผู้หญิงสรรักษ์ในวัยกลางคนสวมผ้าลูกไม้สวยชุดนี้เตรียมจะไปงาน แต่ท่านเจ้าคุณสรรักษ์กลับเอาแต่นอนซมอยู่บนเตียง ไม่ยอมลุกขึ้นแต่งตัว อ้างว่าไม่สบาย เธอรู้ดีว่าเขาป่วยใจไม่ได้ป่วยกาย

เพราะโศกเศร้าที่นังพลับพลึงหายตัวไป ต่อว่าต่อขานเขาให้เลิกอาลัยอาวรณ์นังนั่นได้แล้ว มันหนีตามผู้ชายไปเป็นสิบๆปีแล้ว ป่านนี้คงมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง

“พลับพลึงยังอยู่...ตอนดึกๆฉันยังได้ยินเสียงเธอร้องเพลง...เพลงนางครวญ บางทีเธอก็เข้ามาหาฉันในห้องนี้...อีกไม่นานพลับพลึงจะมารับฉัน” ท่านเจ้าคุณคร่ำครวญ ท่านผู้หญิงสรรักษ์มองสามีด้วยแววตาอำมหิต

“ไม่มีวัน คุณพี่จะไม่มีวันได้พบกับนังพลับพลึงอีก ไม่ว่าภพนี้หรือภพไหนๆ ฉันจะตามขัดขวางตลอดไป”

เสียงเรียกของอดิศวร์ปลุกท่านผู้หญิงสรรักษ์ให้ตื่นจากภวังค์ เขาชมชุดในมือท่านว่าสวย แต่ไม่พอสำหรับใส่ไปงาน และยังเกลี้ยกล่อมจนท่านยอมให้เอาเสื้อตัวนี้ไปเป็นแบบสำหรับตัดชุดใหม่ อดิศวร์รีบนำชุดออกมาให้แสงแขช่วยเอาไปที่ร้านตัดเสื้อ สั่งให้ทางนั้นช่วยหาลูกไม้ที่ลายคล้ายกับชุดนี้และตัดตามแบบเดิมทุกอย่าง

“คุณลบคะ ถ้าเผื่อเขาตัดไม่ทันวันศุกร์หน้า...”

“ไม่เป็นไร พี่ลืมบอกไปว่าคุณพิณขอเลื่อนเป็นวันศุกร์ต้นเดือน เธอช่วยขอร้องเขาตัดให้ทันก็แล้วกัน”

แสงแขรับคำ สีหน้าผิดหวังที่งานเลี้ยงต้องเลื่อนออกไป เท่ากับความหวังที่เธอจะได้แต่งงานกับอดิศวร์ก็ต้องเลื่อนออกไปเช่นกัน...

ทางด้านอุษาเฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงใบหน้าใต้ผ้าคลุมสีดำที่ถูกลมพัดตอนที่เข้าไปในห้องเก็บของ แต่แล้วเธอสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นทิ้ง ตำหนิตัวเองที่ฟังวิรงรองพูดถึงเรื่องประหลาดมากเกินไปจนตาฝาดไปเอง

ooooooo

ในเวลาไล่เลี่ยกันที่ออฟฟิศของภูไท ขณะที่พันธ์สูรย์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมพูดถึงสาเหตุว่าทำไมอดิศวร์ถึงได้เกลียดขี้หน้าตนเองหนักหนา อดิศวร์โทร.มาหาภูไทจะสั่งดอกกล้วยไม้มาประดับภายในงานฉลองหมั้นที่จะจัดขึ้นภายในโดมทอง เขาจะมาดูสถานที่ก่อนก็ได้

“งานจะมีขึ้นในวันศุกร์ต้นเดือน ผมขอเชิญทั้งเจ้าและก็เจ้าลานนามาเป็นเกียรติด้วย”

“ขอบคุณมากครับ” ภูไทวางสายแล้วหันไปบอกพันธ์สูรย์ที่รอฟังอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจว่าอดิศวร์สั่งดอกไม้ของคุ้มเราไปตกแต่งในงานหมั้น พันธ์สูรย์สรุปทันที ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่าเรื่องที่ลานนาได้ยินแสงแขคุยอวดในร้านตัดเสื้อก็เป็นความจริง...

แม้อนิรุทธิ์จะขอร้องวิรงรองว่าจะให้พาไปที่ไหนก็ได้ยกเว้นคุ้มภูไทเพราะไม่อยากเจอลานนา แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง ลานนา โทร.มาตามวิรงรองไปพบ

มีเรื่องจะคุยด้วย ลานนากับอนิรุทธิ์เจอกันไม่กี่นาทีก็มีปากเสียงเถียงกันอุตลุด วิรงรองทนฟังไม่ไหวต้องลุกขึ้นมาห้ามศึก ลานนาไม่พอใจเดินหนี วิรงรองไล่อนิรุทธิ์ให้ตามไปขอโทษ  แทนที่เธอจะให้อภัยกลับเปิดศึกน้ำลายกับเขาอีกรอบ อนิรุทธิ์ได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ...

ระหว่างทางกลับโดมทอง อนิรุทธิ์เห็นวิรงรองนั่งเงียบไม่พูดไม่จา ถามหยั่งเชิงว่าอยากจะกลับกรุงเทพฯไหม  เขาจะไปส่งให้ทันที เธอยังกลับตอนนี้ไม่ได้  มีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องทำให้สำเร็จก่อน

“ฟังดูลึกลับจังแฮะ”

“ถ้าหากรุทธิ์ว่าง  วันงานที่โดมทอง วิอยากให้มาด้วย มาอยู่เป็นเพื่อนวิ”

“เอาเป็นว่าถ้าว่าง ผมจะมาก็แล้วกัน”

ไม่นานนัก  อนิรุทธิ์ขับรถมาจอดหน้าประตูรั้วของคฤหาสน์โดมทอง วิรงรองไม่วายเชียร์ให้เขาจีบลานนาอีกครั้ง อนิรุทธิ์ทนไม่ไหวโพล่งขึ้นทันทีว่าเธอไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งทำไม่รู้ว่าเขาหลงรักเธอมาตั้งแต่แรกแล้ว วิรงรองถึงกับอึ้ง รอยยิ้มเมื่อครู่มลายไปสิ้น

“ตอนนั้นคุณมีนายพิชญ์อยู่แล้ว ผมเลยต้องพยายามหักใจคิดว่าคุณเป็นแค่เพื่อน แต่เวลานี้คุณเป็นอิสระ นายพิชญ์แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว...ผม...”

“อย่า...วิเสียดายความเป็นเพื่อนของเรา วิไม่อยากเสียมันไป” วิรงรองพูดจบ ลงจากรถ

“ผมจะรอจนกว่าคุณจะลืมนายพิชญ์” อนิรุทธิ์มองตามอย่างมีความหวัง แม้จะน้อยนิดก็ตาม...

ทางด้านวิรงรองมัวแต่เดินใจลอยมาตามทางจะเข้าคฤหาสน์ ไม่ทันสังเกตเห็นอดิศวร์จับจ้องลงมาจากหน้าต่างห้องทำงาน ทันทีที่วิรงรองเข้าไปข้างในตึกใหญ่ อุษาปรี่เข้ามาตำหนิกลายๆว่าหายป่วยแล้วหรือถึงได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก วิรงรองตอบเสียงอ่อยว่าค่อยยังชั่วแล้ว เหลือแค่ปวดหัวนิดหน่อยเท่านั้น

“นั่นไง...เดี๋ยวพี่จะเอายาให้”

“ไม่ต้องค่ะ วิมีแล้ว เอ่อ...วิขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ” วิรงรองว่าแล้ว จ้ำพรวดๆเข้าห้องตัวเอง เดินมาทรุดตัวลงนั่งบนเตียง นึกถึงคำสารภาพรักของอนิรุทธิ์เมื่อครู่แล้วถึงกับถอนใจ หนักใจ

“รุทธิ์เอ๊ยรุทธิ์...ไม่น่าคิดอะไรบ้าๆเลย” วิรงรองหยิบยาแก้ปวดหัวมากิน แล้วล้มตัวลงนอน

ooooooo

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 8

อ่านเรื่องย่อละคร เรื่องโดมทอง ตอนที่ 8
เรื่องท่าทีที่เปลี่ยนไปของแสงแขถูกลานนานำไปขยายให้ภูไทกับพันธ์สูรย์ฟังอีกทอดหนึ่งแล้วถามความเห็นจากทั้งคู่ว่าดูแปลกๆ ไหม ภูไทไม่เห็นจะแปลกตรงไหน แต่พันธ์สูรย์กลับเห็นตรงกันข้าม ถ้าได้รู้จักตระกูล “ศิโรดม” ดี จะรู้ว่าเป็นตระกูลอำมหิตเป็นจอมวางแผน ที่ตนรู้เรื่องดีเพราะปู่กับพ่อของเขาเคยอยู่ที่นั่นมาก่อน

“เล่ามาเลยค่ะ เล่าเลย เผื่อจะช่วยวิได้ทันเวลา พี่พันธ์สูรย์รู้อะไรเล่ามาให้หมดเลยค่ะ” ลานนาซัก

“ผมก็ฟังเขามาอีกทีเลยไม่อยากยืนยัน ต้องขอตัวก่อนนะครับ” พันธ์สูรย์ว่าแล้วลุกหนีไปหน้าตาเฉย ลานนามองตามด้วยความผิดหวัง...

ฝ่ายวิรงรองว่างจัดไม่รู้จะทำอะไรดี นึกถึงห้องเก็บของขึ้นมาได้ แอบไปสำรวจที่นั่นอีกครั้ง ยืนมองประตูห้องที่ล็อกกุญแจแน่นหนา คิดไม่ตก ทำอย่างไรถึงจะเข้าไปในนั้นได้ ตัดสินใจเดินไปดูที่รอยแตกจุดเดิมที่เคยแอบมอง ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อมีดวงตาคู่หนึ่งจ้องตอบราวกับรอคอยเธออยู่ หญิงสาวกรีดร้องลั่น ผงะถอยหลังออกมาชนกับใครบางคน เธอร้องกรี๊ดๆ อีกครั้ง แล้วหันขวับไปมอง เห็นอดิศวร์ยืนจ้องอยู่

“ผีหลอกอีกล่ะสิ อยู่เฉยๆ ไม่เป็นบ้างหรืออย่างไร”

“ผะๆๆ...ผีค่ะ ผีจริงๆ เมื่อครู่มันจ้องฉัน ถ้าไม่เชื่อก็ดูสิคะ” วิรงรองละล่ำละลัก

อดิศวร์เข้าไปดูตรงรอยแยกตามที่เธอบอก ไม่เห็นอะไรนอกจากห้องเก่าฝุ่นเขรอะ ข้าวของเครื่องใช้ภายในนั้นมีผ้าดำคลุมไว้ ไม่มีผีสักตน ตั้งข้อสังเกตว่าถ้าวิรงรองไม่ได้โกหกก็ต้องมีปัญหาทางจิต เธอขี้เกียจเถียงด้วยหันหลังจะกลับ เขาคว้าตัวไว้ ในเมื่อเธอเองก็เป็นโรคจิต ส่วนเขาก็ถูกเธอกล่าวหาว่าเป็นโรคจิตเช่นกัน ดังนั้นเราสองคนจึงเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง ราวกับผีเน่ากับโลงผุ วิรงรองไม่พอใจสั่งให้เขาปล่อย

“เธอนั่นแหละปล่อย...ปล่อยคุณพิชญ์ให้เป็นอิสระเสียที เขาจะได้ไปมีความสุขกับเมียของเขา...เรื่องที่ฉันพูดกับเธอเมื่อคืน เป็นอันว่าตกลงนะ เขาแต่งงานกันได้เราก็แต่งได้เหมือนกัน”

“ให้ฉันอยู่เป็นโสดไปจนตายดีกว่าจะต้องแต่งงานกับคุณ” วิรงรองผลักเขาเต็มแรง แล้ววิ่งหนี

อดิศวร์ขยับจะตาม แต่รู้สึกเหมือนมีใครแอบมองมาจากในห้องเก็บของ หันขวับไปมอง รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวในนั้นได้ จึงเดินไปส่องดูตรงรอยแตกอีกครั้งหนึ่งภายในห้องกลับเงียบสนิทไม่มีสิ่งผิดปกติ ทันทีที่เขาหันหลังกลับไป สายตาคู่นั้นมาแอบมองอดิศวร์ตรงรอยแยกจนกระทั่งเขาเดินลับตา...

ด้านวิรงรองก้าวฉับๆขึ้นบันไดพยายามจะหนีให้พ้นหน้าอดิศวร์ อุไรมาเห็นเข้าตกใจคิดว่าเธอวิ่งหนีผี รีบวิ่งตาม อารามทั้งกลัวทั้งรีบร้อนขาเข้าไปติดกับราวบันได หลับหูหลับตาร้องลั่น วิรงรองย้อนกลับมาถามว่าเป็นอะไร เธอโวยวายลั่นว่าผีจับขาไว้ ขอร้องให้ช่วยเธอด้วย วิรงรองบอกให้อุไรลืมตาขึ้นมาก่อน แต่เธอกลัวเกินกว่าจะดูไหว ยิ่งหลับตาปี๋

อดิศวร์ซึ่งตามเข้ามา เอ็ดตะโรลั่นให้อุไรลืมตาดูว่าเป็นอะไร เธอถึงได้ยอมลืมตา แม้จะเห็นว่าเท้าไปติดราวบันได อุไรก็ยังโทษว่าบันไดถูกผีสิงถึงได้จับขาตนเองไว้ อดิศวร์ได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ

ooooooo

คุณหญิงวัชรีและคุณหญิงแก้วรวมหัวกันเล่นงานวิรงรองตอนอยู่โดมทองไม่พอ ถึงกรุงเทพฯยังตามไปหาเรื่องปรางแม่ของเธอถึงบ้าน กล่าวหาว่าวิรงรองคิดจะแย่งพิชญ์ไปจากพิณทอง พอพลาดหวังก็หันไปจับอดิศวร์แทนที่ โชคดีที่เขาไม่เล่นด้วยเพราะมีแฟนอยู่แล้ว คราวนี้เลยจะหันมาจับสามีของคุณหญิงแก้วเป็นรายต่อไป

“ลูกสาวเธอคงจะหน้ามืดจริงๆ แปลกนะ...หน้าตาก็ดีอายุยังน้อยแต่ทำไมถึงได้ชอบเป็นมือที่สาม”

ปรางหมดความอดทนไล่ตะเพิดสองคุณหญิงออกจากบ้าน คุณหญิงวัชรีปากร้ายไม่เลิก ฝากเตือนไปถึงวิรงรองด้วยว่าให้หาผัวเป็นของตัวเองเสียที ตายไปจะได้ไม่ต้องไปปีนต้นงิ้ว แล้วพากันหัวเราะขบขัน ก่อนจะกลับไป ปรางโกรธแทบจะระงับอารมณ์ไม่อยู่ คว้าโทรศัพท์โทร.ไปเล่าเรื่องนี้ให้วิรงรองซึ่งกำลังเดินเล่นอยู่ที่ทุ่งพลับพลึงฟัง แล้วชวนให้กลับมาอยู่บ้านของเราดีกว่าจะได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาทำงานให้เป็นเรื่องเป็นราว

“ถ้าหนูกลับไปก็เหมือนยอมแพ้ พวกนั้นจะยิ่งเยาะเย้ย...คุณคะ ขอเวลาหนูคิดสักวันสองวันก่อนนะคะ”

“ตามใจ แต่จำไว้ว่าคุณอยากให้หนูกลับบ้าน ขอร้องเถอะนะหนูนะ” ปรางอ้อนวอนจบ กดวางสาย

ครู่ต่อมา วิรงรองกลับถึงห้องพัก แปลกใจที่พบกระดาษโน้ตติดไว้ที่กระจกโต๊ะเครื่องแป้ง มีข้อความว่า

“ถ้าอยากรู้เรื่องทั้งหมด ให้ไปพบกันที่ชายหาดตรงซากเรือ สองยามคืนนี้ ห้ามพาใครไปด้วย แต่ถ้ากลัวก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย” วิรงรองสีหน้าครุ่นคิด ไม่รู้จะทำอย่างไรดี...

ทางฝ่ายพิชญ์ไม่พอใจมากเมื่อรู้ว่าแม่ของเขากับคุณหญิงแก้วตามไปอาละวาดถึงบ้านแม่วิรงรอง ต่อว่าท่านว่าทำเหมือนในละครน้ำเน่าไม่มีผิดเพี้ยน คุณหญิงวัชรีเถียงว่าหลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในละคร เจ้าของบทประพันธ์มักจะเอาเค้าโครงมาจากเรื่องจริงแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องมือที่สาม

“พลับพลึงไม่ใช่มือที่สาม”

“ขอให้มันจริงเถอะ...อ้าว นั่นจะไปไหน” คุณหญิงวัชรีเห็นลูกชายเดินหนีขึ้นห้องรีบเดินตาม...

พิณทองเองก็ไม่ชอบใจนักกับการกระทำของแม่ตัวเอง เพราะเห็นว่าเกินเลยมากไป คุณหญิงแก้วไม่เห็นจะมากไปตรงไหนในเมื่อแม่นั่นไล่ตามจับผู้ชายทีเดียวพร้อมกันสามคน พิณทองจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างแต่คุณหญิงแก้วชิงห้ามพูดตัดหน้าเสียก่อน ปล่อยให้ท่านกับคุณหญิงป้าจัดการเรื่องนี้เอง

“หน้าที่ของลูกคือดูแลปรนนิบัติสามีให้ดีๆ อย่าให้ผู้หญิงคนไหนเข้ามาแทรกได้...ไปเตรียมตัวได้แล้วประเดี๋ยวตาพิชญ์จะมารับกลับ”

พิณทองยังไม่อยากกลับจะขออยู่ที่นี่สักพักหนึ่งก่อน คุณหญิงแก้วไม่ยอม สั่งให้ขึ้นไปเก็บข้าวของเตรียมไว้ ให้พิชญ์เห็นว่าลูกกระตือรือร้นอยากกลับบ้านกับเขา พิณทองได้แต่ถอนใจ หนักใจ...

พิชญ์เองก็ถูกคุณหญิงวัชรีบังคับ ซ้ำยังข่มขู่ถ้ายังคิดว่าเธอเป็นแม่ของเขาอยู่ ให้ไปรับพิณทองกลับมาอยู่บ้านของเรา ไม่นานนัก พิชญ์มารับพิณทองที่บ้านคุณหญิงแก้ว ทีแรกเธอทำท่าจะไม่ยอมกลับ เขาต้องขอร้องอยู่พักใหญ่ เธอจึงยอมทำตามที่เขาต้องการ...

ทันทีที่เห็นพิณทองก้าวเข้าบ้าน คุณหญิงวัชรีโผกอดด้วยความโล่งใจ แล้วหันไปค้อนลูกชายหนึ่งวง ก่อนจะบอกพิณทองว่า ถ้าพิชญ์ทำอะไรให้เธอเสียใจอีกก็ขอให้บอก ตนจะจัดการให้เอง

“ขึ้นไปพักผ่อนเถอะลูก...พิชญ์ พาน้องไปสิ” คุณหญิงวัชรีสั่งเสียงเฉียบ พิชญ์ยื่นมือให้พิณทองซึ่งจำใจจับ แล้วพากันขึ้นข้างบน คุณหญิงวัชรีถอนหายใจยาวโล่งอก รีบโทร.รายงานเพื่อนรักเพื่อนซี้ทันที

ooooooo

เมื่อได้อยู่กันตามลำพังในห้อง พิณทองดึงมือพิชญ์ออก แล้วถามว่าเราสองคนจะต้องอยู่ในสภาพนี้อีกนานแค่ไหน ต้องเล่นละครตบตาผู้ใหญ่ไปถึงเมื่อไหร่ พิชญ์เองก็ตอบไม่ได้ ตกกระไดพลอยโจนไปแล้วก็คงต้อง ปล่อยเลยตามเลย พิณทองแนะว่ายังไม่สายเกินไปถ้าเราสองคนคิดจะหย่ากัน  เธอจะพูดกับพ่อแม่ของเธอเอง

“เป็นผู้ใหญ่หน่อยสิพิณ”

“พิณไม่เคยเป็นผู้ใหญ่เท่านี้มาก่อนเลย พิณใคร่ครวญทุกอย่างรอบคอบแล้ว คิดว่าการหย่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเรา คุณเองก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตของคุณ ไปหาคนที่คุณรัก”

“ถามจริง คุณพร้อมที่จะใช้คำว่าแม่ม่ายหย่าผัวทั้งๆที่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่กี่เดือนแล้วหรือ”

พิณทองพร้อมรับผลพวงที่จะตามมา แต่พิชญ์กลับคิดว่าผู้ใหญ่ของเราสองคนคงยังไม่พร้อม เธออ้าปากจะเถียงแต่เขาขัดขึ้นเสียก่อนว่า เขาเพิ่งรับปากกับแม่ของเขาว่าจะพยายามประคับประคองชีวิตแต่งงานของเราให้ดีที่สุด เธอเองก็คงเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เราสองคนคงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งเพื่อพิสูจน์ให้พวกท่านเห็นว่าเราไปกันไม่ได้จริงๆ แล้วค่อยคุยกันเรื่องหย่า พิณทองนิ่งอึ้งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ...

ดึกคืนเดียวกัน วิรงรองในชุดรัดกุมเหลือบดูนาฬิกาข้อมือเห็นใกล้ถึงสองยามตามนัด หยิบจดหมายใส่กระเป๋ากางเกง คว้าไฟฉายออกจากห้อง ค่อยๆย่องลงบันไดตรงไปยังประตูหน้า ก่อนจะไขกุญแจออกไป แสงแขซึ่งยืนดูอยู่ในมุมมืด มองตามเธอด้วยสายตาเหี้ยมโหด...

ระหว่างทางวิรงรองโชคดี เจอรถจักรยานของคนงานจอดพิงต้นไม้อยู่ รีบขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว...

กว่าวิรงรองจะรู้ตัวว่านี่เป็นแผนลวงก็เป็นตอนที่เจออ๊อดกับสมุนดักรออยู่ตรงจุดนัดพบ สองชายโฉดพยายามจะฉุดเธอไปทำมิดีมิร้าย วิรงรองสู้สุดฤทธิ์กำทรายสาดใส่หน้าพวกนั้นแล้ววิ่งหนี อารามรีบร้อนสะดุดขาตัวเองล้มขาแพลง พวกคนร้ายจึงไล่ตามทัน ล้อมเธอไว้ไม่ยอมให้หนี

“ไม่มีทางไปแล้วนอกจากลงทะเลไปเลย” อ๊อดหัวเราะชอบใจ

วิรงรองยอมตายดีกว่าจะถูกข่มขืน ตัดสินใจหนีลงทะเลซึ่งคลื่นลมจัด อ๊อดตกใจร้องเรียกให้ขึ้นมาเสียงลั่น หญิงสาวไม่สนใจยังคงถอยลงไปในทะเลท่ามกลางคลื่นสูงที่ถาโถมเข้าใส่ แล้วหลับตาตั้งจิตอธิษฐานถึงแม่

“คุณขา...หนูขอโทษนะคะที่ต้องทำอย่างนี้”

คลื่นใหญ่ซัดเข้ามาจนวิรงรองเสียหลักจมน้ำ พอตั้งสติได้พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาหายใจ อ๊อดกับสมุนยืนมองอยู่บนฝั่งไม่กล้าตามไปเอาตัวเพราะคลื่นแรงมาก ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าม้าดังก้องเข้ามา สองชายโฉดเหลียวหาที่มาของเสียง กลับพบแต่ความว่างเปล่า สมุนใจคอไม่ดีละล่ำละลักถามลูกพี่

“ม้าผีหรือเปล่าพี่”

ขาดคำ ชายในชุดเสื้อคลุมสีดำบนหลังม้าปรากฏตัวขึ้น ม้ายกขาตะกุยราวกับจะทำร้ายอ๊อดกับสมุนให้แหลกคาเท้า ท่านเจ้าคุณบังคับม้าให้หยุดพยศแล้วก้มหน้าลงมาใกล้  แม้จะไม่ใช่คืนพระจันทร์เต็มดวงแต่ก็มีแสงมากพอจะทำให้เห็นใบหน้าที่เหลือแต่กระดูก ชายโฉดทั้งสองคนร้องลั่นด้วยความหวาดกลัวสุดขีด วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ท่านเจ้าคุณรีบลงไปในทะเลฉุดร่างสิ้นเรี่ยวแรงของวิรงรองขึ้นมาบนฝั่งได้ทันก่อนจะจมน้ำตาย หญิงสาวที่สติรางเลือนเต็มทีปรือตามองเห็นเค้าหน้าว่าเป็นอดิศวร์ ก่อนสติจะหลุดลอย...

ooooooo

ขณะที่วิรงรองรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดอดิศวร์สะดุ้งตื่นจากฝัน นึกเป็นห่วงวิรงรองขึ้นมา ผลุนผลันออกมาเคาะประตูเรียก เงียบกริบไม่มีเสียงขานตอบ

เขาร้อนใจมากลองจับลูกบิดประตูหมุนดู แปลกใจที่ไม่ได้ล็อก เปิดเข้าไปในห้องกลับพบแต่ความว่างเปล่า รีบออกตามหาวิรงรองทันที...

ผ่านไปไม่นานนัก วิรงรองรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมอง คิดว่าอดิศวร์มาช่วยชีวิตไว้ มองไปรอบๆกลับไม่พบ ใคร เธอพยายามยันตัวลุกขึ้น ลมแรงทำให้หนาวสะท้านจนตัวสั่น เธอกัดฟันรวบรวมกำลังกลับไปขึ้นรถจักรยานที่จอดทิ้งไว้ เหลียวมองหาอดิศวร์อีกครั้ง ก่อนจะปั่นจักรยานออกไป

ระหว่างทางกลับคฤหาสน์ ปรากฏแสงไฟจากรถ คันหนึ่งส่องมาทางด้านหลัง วิรงรองออกแรงปั่นจักรยาน ให้เร็วขึ้นอีก เพราะคิดว่าเป็นคนร้าย ด้วยความรีบร้อนทำรถล้ม อดิศวร์รีบจอดรถลงมาดู พอเห็นเธอไม่เป็นอะไรตำหนิเสียงลั่นว่าดึกป่านนี้นึกอย่างไรถึงมาขี่จักรยานเล่น เธอเจ็บใจมากต่อว่ากลับว่านี่เป็นแผนของเขาใช่ไหม

“แผนบ้าแผนบออะไรอีกล่ะ” อดิศวร์บ่นอุบ วิรงรองพยายามจะยันตัวลุกขึ้น แต่กลับทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างเดิมเพราะข้อเท้าเริ่มระบม

“ไหวหรือเปล่า” อดิศวร์ถามอย่างอ่อนโยน

วิรงรองเชิดหน้าตอบชัดถ้อยชัดคำว่าไหวแต่พอทิ้งน้ำหนักลงที่เท้าต้องทรุดลงไปนั่งอีกครั้ง อดิศวร์มองคนดื้อรั้น อย่างเคืองๆก่อนจะอุ้มเธอไปที่รถ แล้วขับออกไป ระหว่างนั้น เขาอดถามไม่ได้ว่านึกอย่างไรถึงได้ออกไปว่ายน้ำเกือบจะตีสองแบบนี้ เธอควักกระดาษโน้ตจะส่งให้ แต่มันเปียกน้ำหลุดลุ่ยเหลือเพียงซาก

“จดหมายนี่มีคนเขียนนัดดิฉันให้ไปพบที่ซากเรือ”

อดิศวร์ตำหนิอีกครั้งหนึ่งว่าจะไปที่นั่นทำไม ทั้งมืดทั้งเปลี่ยว วิรงรองจ้องหน้าเขาอย่างจับพิรุธถามเสียงเครียดว่าทั้งหมดนี่เป็นแผนการของเขาใช่ไหม รวมทั้งเรื่องโน้ตแผ่นนี้ด้วย

“อ้าว...เลยโทษฉันดื้อๆฉันจะทำอย่างนั้นทำไม”

วิรงรองมั่นใจว่าเขาต้องการทำให้เธอกลัว แล้วด่าเขาว่าเป็นพวกโรคจิต อดิศวร์ชำเลืองมองเธอ แวบหนึ่งขับรถต่อไปไม่พูดอะไรอีก ไม่นานนัก ทั้งคู่กลับถึงโดมทอง อดิศวร์ก้าวขึ้นบันไดอย่างไม่เร่งรีบ โดยไม่พูดไม่จาสักคำ วิรงรองทนไม่ไหวต้องการจะรู้ให้ได้ว่าเขาทำแบบนี้เพื่ออะไร เขากลับนิ่งไม่ตอบ เดินเรื่อยๆไปยังห้องตัวเองวิรงรองโวยวายว่าที่เขาไม่ตอบเพราะไม่กล้าพอจะยอมรับความจริงใช่ไหม

“คนอย่างฉันถ้ากล้าทำก็ต้องกล้ารับ แต่ฉันไม่ รู้เรื่องอะไรด้วย”

“แล้วทำไมดิฉันถึงเห็นคุณดึงดิฉันขึ้นจากน้ำ รับรองว่าดิฉันตาไม่ฝาดแน่”

“นั่นเธอต้องถามตัวเองว่าทำไมถึงเห็นใครต่อใครเป็นฉันไปหมด” อดิศวร์ยิ้มยั่ว “เธอต่างหากที่ต้องตอบคำถามฉัน เธอสร้างเรื่องพวกนี้ขึ้นมาทำไม”

วิรงรองปฏิเสธทันควันว่าไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นเอง แล้วด่าเขาว่าไม่ใช่ลูกผู้ชายไหนว่ากล้าทำก็กล้ารับ แล้วนี่ทำไมไม่ยอมรับ แถมยังหน้าด้านมาโกหกอีก อดิศวร์ไม่พอใจบีบแขนวิรงรองไว้เต็มแรง ยืนยันว่าไม่ได้ โกหกเธอต้องการจะรู้ให้ได้ คาดคั้นให้เขาตอบ อดิศวร์กลับ บอกให้เธอไปถามพวกเพื่อนผีของเธอเอาเอง แล้วเดินเข้าห้องปิดประตูลงกลอน วิรงรองมองตามอย่างเจ็บแค้นใจ

ooooooo

อดิศวร์นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนตอนที่ฝันเห็นวิรงรองกำลังวิ่งหนีอะไรสักอย่างด้วยท่าทางตื่นกลัวอยู่ริมชายหาด แต่เขาสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกเหมือนมีมือเย็นเฉียบของใครบางคนมาจับที่แขน ความรู้สึกเย็นยะเยือกนั้นยังคงอยู่ราวกับเพิ่งเกิดขึ้น จากนั้นภาพ

วิรงรองที่ต่อว่าเขาเมื่อคืนผุดตามขึ้นมาในห้วงความคิด

“แล้วทำไมดิฉันถึงเห็นคุณดึงดิฉันขึ้นจากน้ำ รับรองว่าดิฉันตาไม่ฝาดแน่”

ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่...

ณ สวนเงียบสงบ แสงแขถึงกับหงุดหงิดเมื่อรู้จากโอบว่าแผนฉุดวิรงรองไปข่มขืนพังไม่เป็นท่า อ๊อดอ้างว่ามีผีผู้ชายไม่มีหน้ามีแต่กะโหลกขี่ม้ามาช่วยเสียก่อน แสงแขไม่เชื่อเรื่องผี หาว่าอ๊อดกุขึ้นมาเองเพราะคิดจะเบี้ยวเธอ โอบแก้ตัวแทนพี่ชายว่าเป็นโจรมีสัจจะไม่มีวันทำเช่นนั้น แสงแขเคยได้ยินแต่คำว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร

“ถ้าอย่างนั้น คุณแขไปถามเขาดูเองดีไหมคะ โอบก็อยากรู้รายละเอียดเหมือนกัน”

แสงแขไม่พูดอะไรอีก เดินเข้าตึกใหญ่ เจออุษาอยู่แถวนั้นพอดี จึงถามว่าวิรงรองยังไม่ลงมาอีกหรือ เห็นทุกครั้งลงมาแต่เช้า เธออ้างว่าอดิศวร์สั่งไม่ให้ปลุกเมื่อคืนวิรงรองนอนดึก แสงแขแปลกใจเขารู้ได้อย่างไร อุษารำคาญไล่ให้ไปถามอดิศวร์เอาเอง แล้วเดินหนีเข้าครัว ทิ้งให้แสงแขยืนหงุดหงิดอยู่ตรงนั้น...

ครู่ต่อมา ยัยตัวแสบประจำบ้านเข้าไปรายงานแผนการที่ล้มเหลวให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์ทราบ

ท่านถึงกับปรี๊ดแตก “นังหน้าโง่ เรื่องแค่นี้ทำไม่สำเร็จก็ไปตายเสียเถอะ...แกไม่อยากได้ตาลบแล้วใช่ไหม”

“อยากค่ะแขรักคุณลบ...นายอ๊อดบอกว่ามีผู้ชายขี่ม้าหน้าตาเป็นกะโหลกผีมาช่วยมันค่ะ”

“ทำไมไม่ไปผุดไปเกิดเสียที หรือว่าจะรอนังพลับพลึง...ต่อให้ฉันตายไป ฉันก็จะตามขัดขวางแกสองคน

ในต้องทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตกนรกหมกไหม้” นัยน์ตาท่านผู้หญิงสรรักษ์เป็นประกายกร้าวขึ้นมาทันที แสงแข มองงงๆ ไม่เข้าใจว่าคุณย่าหมายถึงใคร ท่านผู้หญิงหมายถึงท่านเจ้าคุณสรรักษ์กับนังพลับพลึงเมียน้อยของท่านเจ้าคุณ ใครที่บังอาจทรยศเธอ จะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม แล้วหัวเราะราวกับคนคลุ้มคลั่ง

สักพัก ท่านก็หยุดหัวเราะ ค่อยๆ เลื่อนตัวลงนอนหันหลังให้ ร้องไห้สะอึกสะอื้นตัดพ้อต่อว่าท่านเจ้าคุณว่าไม่เคยดูดำดูดีตน เอาแต่ตามหานังพลับพลึงจนแทบพลิกแผ่นดิน แล้วอยู่ๆท่านก็พลิกตัวหันกลับมา ถามแสงแขเสียงกร้าวรู้ไหมว่านังพลับพลึงอยู่ที่ไหน หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวถึงกับสะดุ้งโหยง
จังหวะนั้น อดิศวร์เปิดประตูเข้ามาเห็นคุณย่าน้ำตานองหน้าถามว่าร้องไห้เรื่องอะไร ท่านปฏิเสธหน้าตาเฉย ว่าเปล่า แล้ววานเขาช่วยเข็นรถเข็นพาท่านออกไปข้างนอก อดิศวร์นิ่วหน้าแปลกใจ

“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ ธรรมดาคุณย่าไม่ค่อยอยากจะออกไปจากห้องนี้”

“ย่าอยากไปดูโรงเก็บรถม้า” ท่านผู้หญิงสรรักษ์สีหน้ามุ่งมั่นขณะที่อดิศวร์ยังแปลกใจไม่หาย

ooooooo

เมื่อได้ฟังเรื่องราวแปลกประหลาดจากวิรงรอง อุษานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“พี่รู้ว่าคุณวิไม่ได้โกหก แต่มันก็ยากที่จะเป็นไปได้ แล้วพี่ก็มั่นใจว่าคุณลบจะไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด”

วิรงรองยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด ทั้งสองครั้งที่เห็น อดิศวร์จะแต่งชุดแบบโบราณชุดเดียวกัน และในเมื่อเขาไม่มีพี่น้องฝาแฝดที่ไหน แสดงว่าคนที่เธอเห็นต้องเป็นผีแน่ๆ อุษาสงสัยว่าผีใคร วิรงรองโพล่งทันทีว่า

“ผีท่านเจ้าคุณ”

อุษาไม่คิดว่าใช่คุณปู่ ป่านนี้ท่านน่าจะไปเกิดแล้ว วิรงรองอยากเห็นรูปท่านเจ้าคุณมาก อุษาพอจะหารูปให้เธอได้ไหม เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ
“พี่อุษาไม่นึกแปลกใจบ้างหรือที่ในโดมทองมีรูปของบรรพบุรุษของตระกูลทุกคน ยกเว้นท่านเจ้าคุณกับคุณพลับพลึง” วิรงรองมองอย่างรอคำตอบ อุษากลับนิ่งเงียบไม่ยอมออกความเห็น...

ทันทีที่นายสมเปิดประตูโรงเก็บรถม้าซึ่งถูกปิดตายออก เผยให้เห็นสภาพภายในที่เก่าทรุดโทรมไปตามกาลเวลา อดิศวร์เข็นรถเข็นที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์นั่งมาหยุดแค่ประตูทางเข้า ไม่อยากให้เข้าไปใกล้มากกว่านี้ ฝุ่นหนาเตอะเหล่านี้อาจทำให้ท่านไม่สบายได้ ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตาวาวอย่างมีเลศนัยขึ้นมาอึดใจหนึ่ง

“ขนาดมีชีวิตอยู่ยังทำอะไรย่าไม่ได้ นับประสาอะไรกับเถ้าธุลีของมัน”

อดิศวร์อดถามไม่ได้ว่าท่านหมายถึงใคร ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่ตอบ ก้มหน้ามองไปที่พื้น พึมพำว่า

“ใครที่มันทำกับย่า ทำให้ย่าต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมาน แม้แต่ดวงวิญญาณของมันก็จะไม่มีวันสงบสุข”

ขณะที่ท่านพูดอยู่นั้น คานไม้ที่อยู่เหนือศีรษะค่อยๆ ขยับ อดิศวร์เงยหน้าขึ้นมาเห็นพอดี กระชากรถเข็นหลบจนเสียหลักล้มทั้งรถทั้งคน ท่อนไม้ตกเฉียดท่านผู้หญิงสรรักษ์ไปเส้นยาแดงผ่าแปด...

ในเวลาต่อมา อดิศวร์อุ้มคุณย่าที่มีเพียงรอยฟกซ้ำเล็กน้อยกลับมาที่ห้องของท่าน ท่านผู้หญิงสรรักษ์หาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นฝีมือของท่านเจ้าคุณสรรักษ์ที่พยายามจะฆ่าท่านเพราะความเกลียดชัง อดิศรว์กลับเห็นว่าเป็นแค่อุบัติเหตุธรรมดา เพราะไม้ทั้งเก่าทั้งผุ ท่านผู้หญิงเอ็ดลั่นว่าไม่ต้องมาแก้ตัวแทนท่านเจ้าคุณ ท่านรู้จักนิสัยเขาดี อดิศวร์ไม่อยากเห็นคุณย่าเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรีบเปลี่ยนเรื่องพูด

“คุณย่าเช็ดตัวหน่อยนะครับ ผมจะไปตามอุษาเข้ามา” อดิศวร์ว่าแล้วลุกออกไป

ooooooo

วิรงรองรำคาญที่แสงแขตามมาระรานถึงห้องพัก และยังเตือนไม่ให้เธอไปยุ่งกับอดิศวร์ว่าที่เจ้าบ่าวของตน ทั้งๆที่วันก่อนยังมาพูดจาดีด้วย ทันทีที่แสงแข กลับไป วิรงรอง โทร.เรียกลานนาให้มารับและนัดเจอกันหน้าประตูรั้วที่เดิม แล้วลงไปบอกอดิศวร์ว่าจะไปบ้านลานนา อีกสักครู่เธอจะมารับ

“แล้วจะต้องมาขออนุญาตฉันทำไม เมื่อเธอจัดการทุกอย่างเองเรียบร้อยแล้ว”

“ไม่ได้มาขออนุญาตค่ะ แต่มาแจ้งให้ทราบในฐานะที่คุณเป็นนายจ้าง”

อดิศวร์แกล้งพูดยั่วประสาทต่างๆนานาจนวิรงรองโกรธเดินสะบัดออกไป เขาขยับจะตามมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน ปราง โทร.มาหามีเรื่องสำคัญจะต้องทำความเข้าใจกับเขา อดิศวร์หน้าเครียดขึ้นมาทันที...

ทางฝ่ายลานนาเห็นเพื่อนรักมีสีหน้าท่าทางไม่ค่อย สบายใจนัก แนะให้ขนข้าวของออกจากโดมทองแล้วมาอยู่กับเธอที่คุ้มภูไทแทน จะทรมานตัวเองอยู่ที่นั่นต่อไปทำไม วิรงรองจำเป็นต้องอยู่ที่โดมทองต่อไปจนกว่าจะรู้ ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ภูไทเตือนว่าได้ไม่คุ้มเสีย

“สำหรับวิแล้วคุ้มค่ะ วิไม่อยากสงสัยคลางแคลงใจไปจนตลอดชีวิต”

“มันไม่เกี่ยวอะไรกับวินี่” ลานนาทักท้วง

“ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าโชคชะตาพาฉันมาที่โดมทอง มีบางสิ่งบางอย่างรอฉันอยู่” วิรงรองอดหวั่นใจ ไม่ได้เพราะยังไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่รอเธออยู่...

ภูไทอดเป็นห่วงวิรงรองไม่ได้ บ่นให้พันธ์สูรย์ฟังว่าไม่เข้าใจจริงๆ เธอต้องทนอยู่โดมทองทำไมหรือเป็นเพราะอดิศวร์ที่ทำให้เธอไม่อาจไปไหนได้ พันธ์สูรย์แนะถ้าภูไทอยากจะรู้เหตุผลก็ไปถามวิรงรองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า ภูไทก็อยากทำเหมือนกัน แต่ไม่กล้า...

ด้านลานนาถึงกับขนลุกซู่เมื่อได้ฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับวิรงรองเมื่อคืน ถามย้ำว่าแน่ใจหรือว่าเป็นอดิศวร์ วิรงรองมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ นอกจากเขาจะมีพี่น้องฝาแฝดซึ่งเขาไม่มี ลานนาแปลกใจไม่หายทำไมผีตนนั้นถึงได้มีหน้าตาละม้ายคล้ายอดิศวร์นัก วิรงรองโพล่งขึ้นทันทีโดยไม่รู้ตัว

“เพราะเป็นคุณปู่ของคุณอดิศวร์...ลานนา...ไม่รู้ฉันพูดออกไปได้อย่างไร แปลกจัง...แต่เป็นไปได้นะ ฉันได้ยินมาว่าส่วนหนึ่งที่ท่านผู้หญิงรักและหวงหลานชายมากเพราะเขาหน้าตาเหมือนสามีท่าน”

ลานนาตั้งข้อสังเกต ถึงให้เหมือนมากแค่ไหนก็ไม่น่าจะเหมือนราวกับเป็นคนคนเดียวกัน วิรงรองยังไม่ตัดประเด็นที่ว่าอดิศวร์อาจเป็นพวกโรคจิต ที่
ดึกๆดื่นๆ ลุกขึ้นแต่งตัวเหมือนคุณปู่ตัวเองเที่ยวหลอกคนอื่นให้เข้าใจผิด และเพื่อให้เรื่องนี้กระจ่าง เธอจะต้องหารูปท่านเจ้าคุณให้ได้ ลานนาขอร้องอย่าไปยุ่งเกี่ยวจะดีกว่า

“บอกแล้วไงว่าโชคชะตาพาฉันไปที่นั่น ฉันจะต้องรู้ความลับของโดมทองให้ได้” วิรงรองสีหน้ามุ่งมั่น...

แสงแขพยายามเอาอกเอาใจอดิศวร์สารพัด แต่ดูเหมือนไร้ประโยชน์ เขายังคงไม่มีทีท่าจะสนใจเธอไปในทางชู้สาว แถมยังคอยสอบถามตลอดว่าวิรงรอง กลับจากคุ้มภูไทหรือยัง ยิ่งทำให้แสงแขเจ็บแค้นใจ

ooooooo
ในที่สุดพันธ์สูรย์ก็มีโอกาสได้อยู่ตามลำพังกับวิรงรอง จึงเตือนให้รีบออกจากโดมทอง ที่นั่นมีแต่อันตรายรอบด้าน เธอขอบใจเขามากสำหรับความห่วงใย แต่เธอต้องอยู่ที่นั่นเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง

“พูดไปคุณพันธ์สูรย์อาจจะไม่เชื่อ วิเคยฝันถึงโดมทองก่อนที่จะมาถึงเสียอีก แล้วก็เหมือนกันทุกอย่างทั้งๆที่วิไม่เคยแม้แต่ได้ยินชื่อมาก่อน นอกจากบ้านแล้วยังมีใครอีกคนหนึ่งที่วิเคยคิดว่าเป็นคุณอดิศวร์”

“ท่านเจ้าคุณ” พันธ์สูรย์พึมพำ วิรงรองแปลกใจ เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอหมายถึงท่านเจ้าคุณสรรักษ์ พันธ์สูรย์อ้างว่าพ่อของเขาซึ่งตายไปแล้วเคยเล่าให้ฟังว่าท่านถึงกับตกใจตอนที่เห็นอดิศวร์ครั้งแรกซึ่งขณะนั้นยังเป็นวัยรุ่น แล้วเตือนวิรงรองอีกครั้งหนึ่งให้รีบออกจากที่นั่นโดยเร็วที่สุด

“ไม่ค่ะ ยิ่งรู้อย่างนี้ วิยิ่งต้องอยู่ต่อ แล้ว...เอ่อ...

คุณพ่อคุณพันธ์สูรย์เล่าอะไรอีกหรือเปล่าคะ”

ชายหนุ่มขยับปากเหมือนจะพูดอะไรอีก แต่แล้วเปลี่ยนใจ อ้างว่ามีเท่าที่เล่าให้ฟัง...

กว่าวิรงรองจะกลับโดมทองก็เย็นมากแล้ว นายสมซึ่งรอเปิดประตูรั้วให้รีบเดินนำเธอไปพบอดิศวร์ซึ่งรออยู่ที่สวนหลังคฤหาสน์ หลังจากกระแนะกระแหนที่เธอหนีไปเที่ยวคุ้มภูไทพอหอมปากหอมคอ เขาพูดเข้าประเด็นสำคัญว่าเธอจะให้คำตอบได้หรือยัง เรื่องแต่งงานกับเขา หรือว่ายังคิดว่าเขาพูดเล่นอยู่อีก วิรงรองไม่ตอบขยับจะเดินเข้าตัวตึก อดิศวร์ขวางไว้ ประชดประชันว่าที่ไม่ตอบตกลงเพราะยังรักพิชญ์มากจนตัดใจไม่ได้ใช่ไหม

“ดิฉันควรจะเข้าบ้านเสียที มาถึงตั้งนานแล้วไม่อยากให้คุณแสงแขเข้าใจผิด”

“เหลวไหล ไม่ต้องเอาคนอื่นมาอ้าง ตอบมาคำเดียวได้หรือไม่ได้เท่านั้น”

“คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆหรือคะ ถ้าคุณคิดจะรับผิดชอบกับ...เอ่อ...เรื่องนั้น ก็ขอบอกว่าไม่จำเป็น” วิรงรองนึกถึงภาพตอนที่อดิศวร์ทั้งกอดทั้งจูบเธอขึ้นมา ในห้วงความคิด รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า รีบขอตัวเข้าบ้านแล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินจากไปทันที...

ฝ่ายท่านผู้หญิงสรรักษ์วางแผนจะจับอดิศวร์แต่งงานกับแสงแขให้ได้ จึงเรียกทั้งคู่กับอุษามาพบที่ห้อง

“ย่าจะจัดงานเลี้ยงแสดงความยินดีกับลูกสาวแม่แก้ว ที่ผ่านมา ดูเหมือนย่าจะเป็นเจ้าของบ้านที่ใช้ไม่ได้ ไม่สนใจไยดีลูกหลานที่อุตส่าห์มาเยี่ยมเยียนเลยสักนิด ย่าเสียใจจริงๆนะลบ”

“ไม่มีใครว่าคุณย่าเลยครับ ทุกคนทราบว่าคุณย่าไม่ชอบความวุ่นวาย อีกอย่างหนึ่งสุขภาพของคุณย่าก็ไม่ค่อยดี” อดิศวร์จับมือท่านมากุมไว้ด้วยความรัก ท่านผู้หญิงสรรักษ์คุยว่าตัวเองยังแข็งแรง แล้วบอกหลานชายให้ไปจัดการเชิญทุกคนกลับมา และให้ชวนเพื่อนๆของเขามาด้วยเชิญมากันให้มากๆ โดมทองว่างเว้นจากการมีงานเลี้ยงใหญ่มานานแล้ว อดิศวร์เห็นว่าไม่จำเป็นต้องจัดงานให้ยุ่งยาก

“จำเป็นสิ จำเป็นมาก ลบไปจัดการให้ย่าหน่อยนะ” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ท่าทางกระตือรือร้นมาก จนอดิศวร์อดประหลาดใจไม่ได้ หลังจากหลานชายสุดรักสุดห่วงออกจากห้องไปแล้ว ท่านผู้หญิงสรรักษ์กำชับกับอุษาและแสงแขให้ช่วยกันจัดงานครั้งนี้ให้ยิ่งใหญ่และประทับใจที่สุดต้องมีเต้นรำ ทุกคนที่มาต้องแต่งตัวสวยงามโดยเฉพาะแสงแข แล้วยกหน้าที่เรื่องการแต่งตัวของแสงแขให้อุษาไปดูแล

“แต่ว่า...อุษาไม่ถนัดเรื่องพวกนี้”

“นังโง่ ไม่ถนัดก็ไปจ้างเขาสิ ฉันจะออกค่าใช้จ่าย ให้ เอาให้สวยที่สุด สวยกว่าใครๆโดยเฉพาะนังพลับพลึง ตาลบจะได้ไม่มีสายตาสำหรับมองมันหรือใครเลยนอกจากนังแสงแข ฉันจะประกาศหมั้นตาลบกับแกในวันนั้น ส่วนแกนังอุษา...ไปบอกนังพลับพลึงว่าฉันห้ามออกมาร่วมงานเด็ดขาด”

“พี่อุษาใจอ่อน ให้แขไปบอกเองดีกว่าค่ะ” แสงแขว่าแล้วก้มกราบแทบเท้าคุณย่าประมาณจะฝากเนื้อฝากตัว ท่านชักเท้าหลบ ไม่ได้รู้สึกชื่นชมว่าที่สะใภ้แม้แต่น้อย แล้วไล่ตะเพิดสองพี่น้องออกจากห้อง

“ถ้านังพลับพลึงไม่แทรกเข้ามา อย่าหวังเลยว่าฉันจะยกตาลบให้แก นังแสงแข”

ooooooo

หลังจากตามหาอยู่พักใหญ่ถึงได้รู้ว่าวิรงรองอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ แสงแขเดินนวยนาดเข้ามาวางท่าราวกับเป็นเจ้าของบ้าน วิรงรองไม่อยากยุ่งด้วยขยับจะไป แต่เธอรั้งไว้

“เดี๋ยวก่อน...คุณย่าจะจัดให้มีงานเลี้ยงใหญ่ในโดมทอง ซึ่งจะพูดให้ชัดๆว่าเป็นงานประกาศหมั้นของฉันกับคุณลบ” แสงแขฉีกยิ้มอย่างผู้ชนะ เมื่อเห็นแววตาของวิรงรองฉายแววผิดปกติขึ้นมาแวบหนึ่ง “ผิดหวังล่ะสิ”

“ทำไมฉันถึงจะต้องผิดหวังล่ะคะ”

“เพราะแกแอบหวังลึกๆว่าแกจะได้เป็นคุณผู้หญิงของโดมทอง”

วิรงรองไม่เคยมีความคิดเช่นนั้นอยู่ในสมอง แสงแขขอให้จริงอย่างปากว่า แล้วนึกขึ้นได้ว่าคุณย่าสั่งห้ามวิรงรองมาเสนอหน้าในงานเด็ดขาด เธอขอให้แสงแขสบายใจได้รับรองจะไม่มาให้เห็นแน่นอน

จากนั้นวิรงรองกลับห้องพัก ปิดประตูล็อกกลอน ทรุดตัวลงนั่งพิงผนังห้องด้วยน้ำตาคลอเบ้า

“คนหลอกลวง จะหมั้นกับคุณแสงแขอยู่แล้วยังจะมาขอฉันแต่งงานอีก” เธอปาดน้ำตาทิ้งแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางจะเก็บข้าวของกลับกรุงเทพฯ แต่แล้วเกิดเปลี่ยนใจ ถ้ากลับตอนนี้ ทุกคนต้องหัวเราะเยาะเธอแน่นอนโดยเฉพาะผู้ชายใจร้ายคนนั้น เธอต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเธอไม่แคร์ แล้วเก็บกระเป๋ากลับที่เดิม...

ขณะที่อดิศวร์ยังแปลกใจไม่หายที่อยู่ๆคุณย่า

เกิดอยากจะจัดงานเลี้ยงขึ้นที่โดมทอง ปรางโทร.แจ้งว่ามา ถึงแล้ว ตอนนี้กำลังเช็กอินเข้าพักโรงแรมในเมือง ขอให้เขามาพบด้วย ผ่านไปไม่นาน อดิศวร์มาถึงล็อบบี้โรงแรมตามนัดเห็นปรางนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอไม่พูดพล่ามบอกเขาว่าจะมารับวิรงรองกลับ ชายหนุ่มชะงัก

“ก็วันนั้น ผมเรียนคุณน้าไปแล้ว”

“น้าเองก็คุยกับยัยหนูแล้วเหมือนกัน แกยืนยัน

ว่าแกมีเหตุผลที่จะอยู่โดมทองต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง 

แต่น้านอนไม่หลับเป็นห่วงแล้วก็สงสารลูก ที่มานี่ก็เพราะจะให้คุณพาไปโดมทอง ถ้าน้าไปรับถึงที่นั่นแกก็คงยอมกลับ”

อดิศวร์เกลี้ยกล่อมปรางอยู่นานสองนานกว่าจะยอมให้วิรงรองอยู่ต่อไป โดยเขาสัญญาว่าจะไม่ให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธออีก ส่วนเรื่องที่ญาติผู้พี่ของเขาตามไปอาละวาดถึงบ้านก็จะไม่ให้เกิดซ้ำสองเช่นกัน แล้วเชิญเธอไปเที่ยวโดมทองจะได้เจอวิรงรอง...

ทันทีที่พบแม่ วิรงรองดีใจน้ำตาไหลพราก สองแม่ลูกโผกอดกันกลมด้วยความรักและคิดถึง วิรงรองแปลกใจ

แม่มาที่นี่ได้อย่างไร ได้ความว่าอดิศวร์รู้ว่าปรางคิดถึงลูก มากเลยจัดการให้ทุกอย่าง วิรงรองขอบคุณเขาที่ช่วยเป็นธุระเรื่องแม่ให้ อดิศวร์พยักหน้ารับรู้ แล้วปล่อยให้สองแม่ลูกได้พูดคุยตามลำพัง

วิรงรองบ่นไม่หยุดว่าคิดถึงแม่มาก ปรางได้ทีตัดพ้อ ถ้าคิดถึงแล้วทำไมไม่กลับบ้านเรา เธอไม่อยากให้ใครมากล่าวหาว่าเป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เพิ่งมาทำงานได้ไม่นานก็จะลาออก จังหวะนั้น อุษามาขอพบ เพื่อรายงานเรื่องที่อดิศวร์สั่งให้จัดห้องไว้ให้ปรางอีกห้องหนึ่งติดกัน เธอไม่อยากให้ยุ่งยากขอนอนห้องเดียวกับลูก อุษายินดีทำตามที่ปรางต้องการ สักครู่จะไปหาผ้าห่มกับหมอนมาเพิ่มให้

“คุณลบให้ขึ้นมาบอกว่าเย็นนี้ให้คุณแม่กับคุณ

วิกินข้าวกันข้างบนนี้แหละค่ะ ไม่ต้องลงไปข้างล่างจะ ได้คุยกันให้หายคิดถึง พี่จะให้อุไรยกอาหารขึ้นมาให้นะคะ” อุษารายงานเสร็จ ออกจากห้อง วิรงรองไม่อยากให้ใครต้องมาวุ่นวาย นัดแนะกับแม่ให้ลงไปห้องกินข้าวก่อนเวลาเล็กน้อย อุไรจะได้ไม่ต้องยกอาหารขึ้นมาให้

ooooooo

แสงแขไม่ยอมปล่อยโอกาสเล่นงานวิรงรองให้หลุดลอยรีบเสนอหน้าเข้าไปฟ้องท่านผู้หญิง

สรรักษ์ว่าวิรงรองพาแม่มาพักที่นี่ ท่านเอ็ดตะโรลั่นว่านังนั่นเห็นบ้านของตนเป็นอะไร นึกอยากจะพาใครมาก็พามาได้ตามอำเภอใจ แล้วสั่งให้แสงแขไปบอกอดิศวร์ว่าท่านต้องการให้พวกมันออกไป

“แขไม่กล้าหรอกค่ะ กลัวคุณลบจะเกลียดขี้หน้าแข”

“ดัดจริต ยังกับเขาชอบขี้หน้าแกนักนี่...ไปไป ตามตาลบมา”

ยัยตัวแสบประจำบ้านจำต้องข่มความไม่พอใจไว้ แสร้งรับคำอย่างนอบน้อมแล้วรีบไปตามคำสั่ง...

ไม่นานนัก อดิศวร์มาพบท่านผู้หญิงสรรักษ์ ถามอย่างอารมณ์ดีว่ามีอะไรจะใช้เขาหรือ ท่านต่อว่าว่าแม่ของนังพลับพลึงมาพักที่นี่ทำไมไม่บอกกล่าวกันบ้าง แล้วเตือนหลานชายอย่ายอมให้นังนั่นจับเด็ดขาด

“ไม่มีใครเขาจับผมหรอกครับ”อดิศวร์หน้าเครียดขึ้นมาทันที ท่านผู้หญิงบีบน้ำตาถามว่าโกรธท่านหรือ เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ

“ไม่ว่าย่าจะเคยทำอะไรมาหรือ”

“คุณย่าเคยทำอะไรมาล่ะครับ” อดิศว์ถามไป อย่างนั้นเองไม่ได้จริงจังอะไร ท่านผู้หญิงสรรักษ์รู้ตัวว่าพูดมากไป รีบตัดบทว่าเหนื่อยมากขอพักผ่อนก่อน 

แล้วเลื่อนตัวลงนอนโดยมีอดิศวร์ดึงผ้ามาห่มให้ ท่านย้ำกับหลานรัก อีกครั้งหนึ่งให้ไล่พวกนั้นออกไปจากที่นี่ อดิศวร์ไม่ตอบได้แต่หอมแก้มท่านแล้วลุกออกไป...

ด้านแสงแขยืนมองวิรงรองพาปรางเดินชมความงามของสถานที่อยู่ตรงหน้าต่างห้องนั่งเล่นด้วยสายตาเกลียดชัง อดแขวะไม่ได้ว่าทำราวกับเป็นเจ้าของบ้าน ขณะที่เธอ

หันกลับมาเจออดิศวร์กำลังมองสองแม่ลูกอยู่เช่นกัน แสงแขเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มแย้ม ซ้ำยังออกปากชื่นชม สองแม่ลูกแทบไม่ทัน...

ถึงเวลาอาหารค่ำ แสงแขแสร้งทำดีกับปรางและวิรงรองเมื่ออยู่ต่อหน้าอดิศวร์ คอยบริการตักอาหารให้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ชวนปรางคุยอย่างสนิทสนมถึงขนาด

ที่ว่าถ้าแสงแขไปเที่ยวกรุงเทพฯจะขอไปพักที่บ้าน...

หลังจากอาหารมื้อค่ำแสนอร่อยผ่านไป วิรงรอง ชวนแม่ไปคุยต่อกันที่ห้องพัก เธอไม่วายเหน็บแนมว่า อาหารมื้อนี้กลายเป็นแสงแขโชว์ไปโดยปริยาย ปรางตำหนิว่าไม่ควรไปค่อนขอดเธอแบบนั้น หรือว่าเธอไม่ดีกับลูก วิรงรองไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ ปฎิเสธว่าเปล่า ปรางดูออกว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้น คาดคั้นให้บอกความจริง

“เอ่อ...เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่หรอกค่ะ 

ไม่เหมือนหนูกับพี่อุษา คุณจะค้างสักกี่วันคะ”

“พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว อยู่นานๆเกรงใจเจ้าของบ้าน อีกอย่างหนึ่งคุณเป็นห่วงบ้านทิ้งจิ๋วไว้คนเดียว”

วิรงรองจะให้ลานนามารับไปส่งสนามบินพรุ่งนี้ ปรางรีบบอกว่าไม่ต้อง เพราะคุณอดิศวร์อาสาจะไปส่งด้วยตัวเอง วิรงรองชักสีหน้าไม่พอใจที่เขาวุ่นวายไม่เข้าเรื่อง

“วิรงรอง...คุณแสงแขจริงใจหรือไม่คุณไม่รู้ แต่สำหรับคุณอดิศวร์ คุณเชื่อว่าเขาจริงใจและในเมื่อเขาดีกับเราๆก็ควรจะดีกับเขาเป็นการตอบแทน” ปรางปราม...

ดึกสงัดคืนเดียวกัน ท่านผู้หญิงสรรักษ์ฝันร้ายว่าไปที่โรงเก็บรถม้าแล้วเจอผีท่านเจ้าคุณในสภาพใบหน้าเหลือเพียงหัวกะโหลกเดินเข้ามาหาอย่างปองร้าย ท่านผู้หญิงกรีดร้องลั่นด้วยความหวาดกลัว อุไรซึ่งนอนเฝ้าอยู่ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นเปิดโคมไฟบนโต๊ะหัวเตียง ถามว่าเป็นอะไรไป ท่านละล่ำละลักว่าท่านเจ้าคุณมา อุไรถึงกับตาเหลือกเหลียวมองเลิ่กลั่ก แต่แล้วสีหน้าหวาดกลัวของท่านผู้หญิงเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม

“นังพิศมาแล้ว...นังอุไรแกออกไปได้แล้ว นังพิศมัน มาอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว”

อุไรขวัญกระเจิงโดดผลุงเดียวถึงประตูห้อง แล้วรีบร้อนเปิดออกไป ต้องตกใจจนหมดสติลงไปกองกับพื้น เมื่อเจอผีพิศยืนอยู่ตรงหน้า พิศค่อยๆลอยผ่านอุไรมาหาท่านผู้หญิงซึ่งมองมาอย่างไม่สบอารมณ์

“พิศ...ทำไมแกไม่ช่วยฉัน แกปล่อยให้ไอ้คนทรยศสองคนนั่นมันตามมาหลอกหลอนฉัน”

พิศเองก็จนปัญญาจะช่วยเหลืออะไรได้ ท่านผู้หญิงโกรธจัดลุกขึ้นชี้หน้าในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ไปให้พ้น

ooooooo