ขณะอุษากำลังเตรียมอาหารเช้าให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์อยู่ในครัว เห็นอุไรเดินเข้ามาในสภาพอิดโรยหน้าซีดเซียว ร้องทักว่าไม่สบายหรือเปล่า เธอไม่ได้เป็นอะไรนอกจากเมื่อคืนถูกผีผู้หญิงสวมชุดแบบโบราณหลอก
“เอาอีกคนหนึ่งแล้ว” อุษาส่ายหน้า ระอาใจ
“โธ่ อุไรไม่ได้ตาฝาด ไม่ได้ฝันด้วยนะคะ เห็นเต็มสองตาเลย เธอมาหาท่านผู้หญิง”
อุษายังไม่ทันจะว่าอะไร แสงแขเดินนวยนาดเข้ามาเสียก่อน แดกดันว่าเช้านี้พี่สาวแสนดีของตนเตรียมทำอะไรเลี้ยงแขก เธอไม่ได้ทำอะไรเลี้ยงเพราะแม่ของวิรงรองกลับไปแล้ว อดิศวร์กับวิรงรองไปส่งที่สนามบิน เห็นว่าจะพากันไปกินมื้อเช้าก่อนขึ้นเครื่อง แสงแขไม่พอใจตบโต๊ะเปรี้ยง
“จะพูดให้มันเป็นอะไรขึ้นมาฮึ...พี่อุษา”
อุไรเห็นท่าไม่ดีขอตัวไปดูท่านผู้หญิงสรรักษ์ก่อน แสงแขห้ามไว้ตนจะไปดูให้เอง อยู่ตรงนี้เหม็นขี้หน้าคนแล้วเดินกระแทกเท้าออกไป อุไรอยากรู้เรื่องผีที่เห็นเมื่อคืน ขอร้องอุษาช่วยถามท่านผู้หญิงสรรักษ์ให้ที
“ฉันไปดูคุณย่าตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่เห็นท่านพูดอะไร” อุษาว่าแล้วหันไปเตรียมอาหารต่อไป อุไรถึงกับเซ็ง...
ท่านผู้หญิงสรรักษ์หงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อแสงแขเสนอหน้าเข้ามารายงานว่าแม่ของวิรงรองกลับไปแล้ว
“ก็ช่างแม่มันสิ ยังไงมันก็ต้องกลับอยู่แล้ว ไอ้คนที่ฉันอยากให้กลับน่ะมันนังพลับพลึง นังหน้าโง่” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ด่าอย่างไม่ไว้หน้า แสงแขทั้งโกรธทั้งอายที่ถูกด่าต่อหน้าโอบ ได้แต่นั่งก้มหน้าข่มความแค้นไว้ ท่านถามอีกว่าเสื้อผ้าที่สั่งให้ไปตัดสำหรับใส่ในงานเลี้ยงไปถึงไหนแล้ว
“ยังไม่ได้ไปตัดเลยค่ะ แขยังไม่ทราบว่าจะมีงานวันไหน ก็เลย...”
ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่รอให้พูดจบ สั่งให้ไปตามหลานชายมาพบ แสงแขรายงานว่าอดิศวร์ไม่อยู่ พาสองแม่ลูกไปกินข้าวเช้าแล้วก็เลยไปส่งที่สนามบิน
“เชอะ...ถ่อมาเองแล้วทำไมไม่กลับเอง ตาลบก็ตาลบเถอะ เจ้ากี้เจ้าการดีนัก ไป ออกไปให้หมด ตาลบกลับมาเมื่อไหร่ให้มาหาฉัน” ท่านผู้หญิงสรรักษ์พาลใส่แสงแขกับโอบจนเปิดเปิงออกจากห้องแทบไม่ทัน
ooooooo
ระหว่างทางกลับโดมทอง อดิศวร์สบโอกาสที่ได้อยู่ลำพังกับวิรงรอง สอบถามอีกครั้งว่าคืนนั้นเธอไปทำอะไรที่ชายหาดกันแน่ วิรงรองประชดว่ากราบเรียนเขาไปหมดแล้วทำไมจะยังมาเซ้าซี้ถามอยู่ได้ อดิศวร์ไม่พอใจเบนรถจอดข้างทางทันที วิรงรองจะเปิดประตูรถออกไป เขากดปิดเซ็นทรัลล็อกแล้วคว้าแขนเธอไว้
“ฉันคิดว่ายังไงรู้ไหม ฉันคิดว่าเธอสร้างเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากฉัน”
“อย่าว่าแต่จะเรียกร้องความสนใจเลย คุณเป็นคนสุดท้ายในโลกที่ฉันจะนึกถึงด้วยซ้ำ...นี่พูดอย่างรักษาน้ำใจนะ เพราะความจริงแล้ว ฉันอยากจะบอกว่าคุณไม่เคยเข้ามาอยู่ในหัวฉันด้วยซ้ำ”
อดิศวร์กระชากวิรงรองมาจูบฐานปากดี เธอผลักเขาออกแล้วตบซ้ำ ลงจากรถวิ่งหนีไปทั้งน้ำตา เขาวิ่งตามจนทันคว้าแขนเธอไว้ ขอโทษกับสิ่งที่ทำเมื่อครู่ จะขอรับผิดชอบทุกอย่าง วิรงรองตวาดลั่น ไม่ง่ายไปหรือ
“แล้วทำไมไม่แต่งงานกับฉันเสียล่ะ”
วิรงรองยังไม่สิ้นคิดขนาดนั้น แล้วพยายามสะบัดมือเขาออก อดิศวร์ยื้อไว้ไม่ยอมปล่อย รถผ่านไปผ่านมาเริ่มชะลอดูอย่างสนใจ เขาเตือนเธอว่าถ้าไม่อยากอับอายไปมากกว่านี้ก็ให้รีบกลับขึ้นรถ วิรงรองมองตามสายตาอดิศวร์เห็นรถที่ชะลอดูบางคันมีโห่ฮาเป่าปากล้อเลียน เธอทั้งอายทั้งโกรธจ้ำอ้าวกลับขึ้นรถ...
อดิศวร์รีบมาพบคุณย่าทันทีที่มาถึงโดมทอง ถามว่ามีธุระอะไรกับเขาหรือ ท่านผู้หญิงสรรักษ์อยากรู้ว่าทำไมถึงไม่กำหนดวันจัดงานเสียที เขาอ้างว่าพิณทองกับครอบครัวเพิ่งกลับไปเมื่อไม่นานนี้เอง
“กลับไปแล้วก็มาใหม่ได้ ไปจัดการตามที่ย่าสั่งเดี๋ยวนี้”
“ถ้าเขาไม่ว่างมาล่ะครับ”
“ในเมื่อฉันสั่งให้มา ทุกคนต้องมา” ท่านผู้หญิงสรรักษ์เสียงเข้ม อดิศวร์ลอบถอนใจ หนักใจ...
ขณะที่อดิศวร์ถูกท่านผู้หญิงสรรักษ์เร่งรัดเรื่องจัดงานเลี้ยง แสงแขมาดักตบวิรงรองที่หน้าห้องพัก โทษฐานเตือนแล้วไม่จำว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับอดิศวร์ของตน วิรงรองไม่ยอมเจ็บฟรี ตบกลับ ยัยตัวแสบประจำบ้านถึงกับเซถลาพอตั้งหลักได้ เงื้อมือปรี่เข้าหาอีกครั้ง วิรงรองตั้งท่าเตรียมรับมือ เตือนว่าถ้าขืนทำร้ายกันอีก เธอจะตอบโต้เป็นเท่าทวีคูณ แล้วขยับจะเข้าห้อง แสงแขไม่กล้าแหยมได้แต่ตะโกนไล่หลัง
“ฉันขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่าอย่ามายุ่งกับคุณลบ ไม่อย่างนั้น...”
วิรงรองสวนทันทีไม่รอให้พูดจบว่าแสงแขจะหลอกเธอไปฆ่าเหมือนเมื่อคืนก่อนอีกใช่ไหม ยัยตัวแสบถึงกับอึ้ง พอตั้งสติได้ทำไก๋ไม่รู้เรื่อง คุยโม้ว่าจะทำอย่างนั้นทำไมในเมื่อที่สุดแล้ว อดิศวร์ก็ต้องแต่งงานกับเธอ
“ก็เพราะคุณไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างนั้นน่ะสิ” วิรงรองพูดจบเดินเข้าห้อง แสงแขมองตามแค้นใจ
“รอให้ฉันประกาศหมั้นกับคุณลบเร็วๆ นี้ก่อนเถอะ ฉันจะเฉดหัวแกออกไปทันที”
ooooooo
อดิศวร์บินด่วนไปหาคุณหญิงแก้วในเช้าวันถัดมา เพื่อแจ้งข่าวการจัดงานเลี้ยงฉลองให้พิณทองกับพิชญ์ด้วยตัวเอง คุณหญิงแก้วขอปรึกษาสามีกับลูกสาวและลูกเขยก่อนว่าจะไปได้วันไหน อดิศวร์ไม่เร่งรัดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ขอให้ไปก็แล้วกัน และอย่าลืมเชิญแขกทางกรุงเทพฯ ไปร่วมงานด้วย
“จ้ะ...พี่ฝากขอบคุณคุณย่าด้วย จะโทร.ไปเองท่านก็คงไม่รับ...เอ่อ แล้วนี่คุณลบจะกลับโดมทองเมื่อไหร่”
“คงจะเป็นพรุ่งนี้ค่ำๆ”
“งั้นเย็นนี้มากินข้าวกัน พี่จะชวนพิชญ์กับพิณทองแล้วก็คุณพี่วัชรีมาด้วย”
ชายหนุ่มรับคำเชิญ แล้วขอตัวกลับก่อน มีนัดประชุมตอน 10 โมงที่ออฟฟิศ...
ฝ่ายพิชญ์ปฏิเสธทันทีว่าไม่อยากกลับไปโดมทองอีกเมื่อพิณทองโทร.มาแจ้งเรื่องงานเลี้ยง เธอน้อยใจที่เขาหงุดหงิดใส่ ตอกกลับว่าเธอเองก็ไม่ได้อยากไป เขาต่างหากน่าจะอยากไปมากกว่าเธอด้วยซ้ำ
“งั้นบอกญาติคุณไปเลยว่าผมไม่ไป แค่นี้ใช่ไหม”
“ค่ะ” พิณทองกระแทกเสียงแล้ววางสายอย่างอารมณ์เสียไม่แพ้กัน จากนั้นเธอโทร.หาอดิศวร์มีเรื่องจะขอปรึกษาด้วย เขานัดเธอมาเจอกันที่ร้านอาหารหรูกลางกรุงแห่งหนึ่งจะได้กินมื้อเที่ยงกันไปคุยกันไป...
หลังจากนั่งกันเงียบๆ มาพักหนึ่ง อดิศวร์ถามหลานรักว่ามีเรื่องอะไรจะปรึกษา พิณทองเล่าทั้งน้ำตาว่า พิชญ์ไม่ยอมกลับไปโดมทองเพราะไม่อยากเจอวิรงรองให้สะเทือนใจ รบกวนน้าชายช่วยไปกราบเรียนคุณทวดด้วยว่าขอบพระคุณมาก แต่เธอคงไปไม่ได้ อดิศวร์อยากรู้ว่าถ้าพิชญ์ไปเธอถึงจะไปใช่ไหม หญิงสาวไม่ตอบ หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา เขาสงสารและเห็นใจเธอมาก อาสาจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง
“ไม่ต้องกังวลใจอะไรทั้งนั้น คุณพิณเตรียมตัวให้สวยที่สุดและสนุกที่สุดเท่านั้นก็พอ น้าลบรับรองว่าวิรงรองจะออกไปจากชีวิตของคุณพิณและสามีตลอดกาล” อดิศวร์สีหน้ามั่นใจ...
ตกค่ำ อดิศวร์มากินอาหารบ้านคุณหญิงแก้วตามนัด พอสบโอกาสเหมาะขอคุยกับพิชญ์ตามลำพังสักครู่ เขายังไม่ทันจะพูดอะไร ชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าชิงพูดขึ้นก่อนว่าจะไม่ไปงานที่เขาจะจัดให้ อดิศวร์ทักท้วงว่าเขาไม่ใช่เป็นคนจัดงาน คุณย่าต่างหากที่เป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้ พิชญ์ไม่เชื่อ เพราะมั่นใจว่านี่เป็นแผนของเขา
“ก็ตามใจ...คุณไม่ไปก็ไม่มีใครบังคับ” อดิศวร์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ แล้วตามไปสมทบกับคนอื่นที่ห้องนั่งเล่นโดยมีพิชญ์ตามมาอีกทอดหนึ่ง คุณหญิงวัชรีร้องทักว่าสองหนุ่มไปคุยอะไรกันมา พิชญ์ชิงตอบก่อน
“ผมบอกน้าลบแล้วว่า ผมไม่ไปโดมทอง ผมมีงานค้างมากครับ”
“ไปแค่ 2-3 วันจะเป็นอะไรไป” คุณหญิงวัชรีเสียงเขียว พิชญ์ยืนกรานว่าไปไม่ได้จริงๆ ให้แม่กับพิณทองไปกันเอง คุณหญิงวัชรีฮึดฮัดจะเอาเรื่อง รัฐมนตรีพจน์ต้องขอร้องว่าอย่าไปบังคับเขาเลย
“พิณก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ ใครจะไปก็ไป ใครไม่เต็มใจก็ไม่ต้องไป โตๆ กันแล้ว รู้กันหมดแล้วว่าอะไรควรอะไรไม่ควร” พิณทองว่ากระทบ ขณะที่พิชญ์หันมองเธออย่างไม่ค่อยพอใจ...
ตั้งแต่กลับจากบ้านคุณหญิงแก้ว พิชญ์เอาแต่นั่งทอดถอนใจอยู่ที่โต๊ะสนามหน้าบ้านไม่ยอมขึ้นห้อง พิณทองมองลงมาเห็นท่าทางของสามีตัวเองแล้ว รู้ดีว่าเขายังตัดใจจากวิรงรองไม่ขาด ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทิ้ง สูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง แล้วไปหาคุณหญิงวัชรีที่ห้องของท่าน
“คุณป้าขา คุณป้าอย่าโกรธพิณเลยนะคะ ถ้าพิณจะขอหย่ากับพิชญ์ พิณคิดมาหลายวันแล้วค่ะ พิณไม่อยากทรมานทั้งตัวเองแล้วก็เขา...พิชญ์ไม่ได้รักพิณ
ไม่ว่าพิณจะพยายามทำดีกับเขาอย่างไร เขาก็ไม่มีวันรักพิณได้ ยิ่งเขาได้พบกับคุณวิรงรอง...”
“ยังไงป้าก็ไม่มีวันรับผู้หญิงคนนั้นมาเป็นลูกสะใภ้ หากตาพิชญ์ยังขืนจะแต่งให้ได้ เขากับป้าก็ต้องตัดแม่ตัดลูกกัน ป้าพูดจริงทำจริง หนูทำเฉยๆ ป้าจะจัดการทุกอย่างเอง ขอให้ไว้ใจป้า”
“แต่พิณไม่อยากให้คุณป้ากับพิชญ์ต้องขัดใจกันเพราะพิณ”
“ไม่ใช่เพราะหนู แต่เป็นเพราะตัวของพิชญ์เอง”
ooooooo
คืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ แสงจันทร์ส่องสว่างไปทั่วอาณาจักรโดมทอง ทุกคนต่างหลับใหลกันหมดยกเว้นวิรงรองที่รู้แก่ใจดีว่าคืนนี้จะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ค่อยๆ ย่องออกจากบ้านพร้อมกับไฟฉายเดินลัดเลาะไปแอบอยู่หลังพุ่มไม้ ในจุดที่มองเห็นห้องใต้ยอดโดม ท่างกลางเสียงแมลงกลางคืนที่ดังไปทั่วบริเวณ
ทันทีที่มีเสียงรถม้าบดกับถนนแว่วเข้ามา เสียงแมลงต่างๆ เงียบกริบราวกับนัดกันไว้ วิรงรองมองลอดพุ่มไม้ สายตาจับจ้องไปยังทิศทางของเสียงรถม้า สักพัก ท่านเจ้าคุณสรรักษ์ควบรถม้าฝ่าหมอกจางๆ ที่ลอยเรี่ยพื้น
มาหยุดตรงห้องใต้โดมแล้วแหงนหน้าขึ้นไปมอง ความเงียบสงัดทำให้วิรงรองแทบจะหยุดหายใจด้วยเกรงจะทำให้เกิดเสียงดัง หน้าต่างห้องใต้โดมค่อยๆเปิดออกพร้อมกับเสียงเพลงนางครวญที่ชวนขนลุกดังขึ้น
คุณพลับพลึงปรากฏตัวขึ้นที่หน้าต่างห้องนั้น มองลงมาที่ท่านเจ้าคุณ วิรงรองต้องรีบเอามือปิดปากตัวเองด้วยความตกตะลึง วิญญาณสองร่างมองกันนิ่งงันราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน พลันมีเมฆดำทะมึนลอยมาบดบังดวงจันทร์ ทุกอย่างตกอยู่ในความมืดชั่วขณะ
เมื่อเมฆดำกลุ่มนั้นก็เคลื่อนผ่านดวงจันทร์ไปแล้ว รอบๆบริเวณก็สว่างขึ้นอีกครั้ง ทั้งท่านเจ้าคุณ รถม้า และคุณพลับพลึงหายไปราวกับเคยไม่มีอะไรเกิดขึ้น วิรงรองมองอย่างประหลาดใจ
“เป็นไปไม่ได้” เธอพึมพำจบออกจากที่ซ่อนตัวเดินสำรวจรอบๆแล้วแหงนดูห้องใต้โดม หน้าต่างปิดสนิทตามเดิม พร้อมกับเสียงแมลงกลางคืนดังขึ้นตามปกติ รออยู่สักพักจนแน่ใจว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก วิรงรองตัดสินใจกลับห้อง ค่อยๆ เปิดประตูเข้าตัวตึกอย่างเงียบกริบ แต่ต้องตกใจร้องกรี๊ดลั่นเมื่อเห็นผีพิศในสภาพใบหน้าบวมปูดเขียวช้ำน่ากลัวยืนแสยะยิ้มอยู่ วิรงรองหมดสติทรุดฮวบลงไปตรงนั้น
ooooooo
เหมือนเช้าของทุกวัน อุษายกอาหารมาให้ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ที่ห้อง แต่ต้องประหลาดใจถึงกับออกปากทัก ทำไมเช้านี้คุณย่าถึงดูสดชื่นผิดจากทุกวัน ท่านอดแดกดันไม่ได้ว่าผิดหวังใช่ไหม ท่านรู้ดีว่าอุษากับพวกแช่งท่านให้ตายวันละหลายเวลา อุษาไม่ตอบโต้ ได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองยกอาหารมาวางตรงหน้าให้
“นังพลับพลึงมันคงตกนรกหมกไหม้ไปแล้ว เมื่อคืนมันเงียบไปเลยทั้งๆที่เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง เป็นคืนแรกตั้งแต่...มันตาย ที่ฉันนอนหลับสนิททั้งคืน...ตาลบ กลับมาหรือยัง”
“เอาอีกคนหนึ่งแล้ว” อุษาส่ายหน้า ระอาใจ
“โธ่ อุไรไม่ได้ตาฝาด ไม่ได้ฝันด้วยนะคะ เห็นเต็มสองตาเลย เธอมาหาท่านผู้หญิง”
อุษายังไม่ทันจะว่าอะไร แสงแขเดินนวยนาดเข้ามาเสียก่อน แดกดันว่าเช้านี้พี่สาวแสนดีของตนเตรียมทำอะไรเลี้ยงแขก เธอไม่ได้ทำอะไรเลี้ยงเพราะแม่ของวิรงรองกลับไปแล้ว อดิศวร์กับวิรงรองไปส่งที่สนามบิน เห็นว่าจะพากันไปกินมื้อเช้าก่อนขึ้นเครื่อง แสงแขไม่พอใจตบโต๊ะเปรี้ยง
“จะพูดให้มันเป็นอะไรขึ้นมาฮึ...พี่อุษา”
อุไรเห็นท่าไม่ดีขอตัวไปดูท่านผู้หญิงสรรักษ์ก่อน แสงแขห้ามไว้ตนจะไปดูให้เอง อยู่ตรงนี้เหม็นขี้หน้าคนแล้วเดินกระแทกเท้าออกไป อุไรอยากรู้เรื่องผีที่เห็นเมื่อคืน ขอร้องอุษาช่วยถามท่านผู้หญิงสรรักษ์ให้ที
“ฉันไปดูคุณย่าตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่เห็นท่านพูดอะไร” อุษาว่าแล้วหันไปเตรียมอาหารต่อไป อุไรถึงกับเซ็ง...
ท่านผู้หญิงสรรักษ์หงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อแสงแขเสนอหน้าเข้ามารายงานว่าแม่ของวิรงรองกลับไปแล้ว
“ก็ช่างแม่มันสิ ยังไงมันก็ต้องกลับอยู่แล้ว ไอ้คนที่ฉันอยากให้กลับน่ะมันนังพลับพลึง นังหน้าโง่” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ด่าอย่างไม่ไว้หน้า แสงแขทั้งโกรธทั้งอายที่ถูกด่าต่อหน้าโอบ ได้แต่นั่งก้มหน้าข่มความแค้นไว้ ท่านถามอีกว่าเสื้อผ้าที่สั่งให้ไปตัดสำหรับใส่ในงานเลี้ยงไปถึงไหนแล้ว
“ยังไม่ได้ไปตัดเลยค่ะ แขยังไม่ทราบว่าจะมีงานวันไหน ก็เลย...”
ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่รอให้พูดจบ สั่งให้ไปตามหลานชายมาพบ แสงแขรายงานว่าอดิศวร์ไม่อยู่ พาสองแม่ลูกไปกินข้าวเช้าแล้วก็เลยไปส่งที่สนามบิน
“เชอะ...ถ่อมาเองแล้วทำไมไม่กลับเอง ตาลบก็ตาลบเถอะ เจ้ากี้เจ้าการดีนัก ไป ออกไปให้หมด ตาลบกลับมาเมื่อไหร่ให้มาหาฉัน” ท่านผู้หญิงสรรักษ์พาลใส่แสงแขกับโอบจนเปิดเปิงออกจากห้องแทบไม่ทัน
ooooooo
ระหว่างทางกลับโดมทอง อดิศวร์สบโอกาสที่ได้อยู่ลำพังกับวิรงรอง สอบถามอีกครั้งว่าคืนนั้นเธอไปทำอะไรที่ชายหาดกันแน่ วิรงรองประชดว่ากราบเรียนเขาไปหมดแล้วทำไมจะยังมาเซ้าซี้ถามอยู่ได้ อดิศวร์ไม่พอใจเบนรถจอดข้างทางทันที วิรงรองจะเปิดประตูรถออกไป เขากดปิดเซ็นทรัลล็อกแล้วคว้าแขนเธอไว้
“ฉันคิดว่ายังไงรู้ไหม ฉันคิดว่าเธอสร้างเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากฉัน”
“อย่าว่าแต่จะเรียกร้องความสนใจเลย คุณเป็นคนสุดท้ายในโลกที่ฉันจะนึกถึงด้วยซ้ำ...นี่พูดอย่างรักษาน้ำใจนะ เพราะความจริงแล้ว ฉันอยากจะบอกว่าคุณไม่เคยเข้ามาอยู่ในหัวฉันด้วยซ้ำ”
อดิศวร์กระชากวิรงรองมาจูบฐานปากดี เธอผลักเขาออกแล้วตบซ้ำ ลงจากรถวิ่งหนีไปทั้งน้ำตา เขาวิ่งตามจนทันคว้าแขนเธอไว้ ขอโทษกับสิ่งที่ทำเมื่อครู่ จะขอรับผิดชอบทุกอย่าง วิรงรองตวาดลั่น ไม่ง่ายไปหรือ
“แล้วทำไมไม่แต่งงานกับฉันเสียล่ะ”
วิรงรองยังไม่สิ้นคิดขนาดนั้น แล้วพยายามสะบัดมือเขาออก อดิศวร์ยื้อไว้ไม่ยอมปล่อย รถผ่านไปผ่านมาเริ่มชะลอดูอย่างสนใจ เขาเตือนเธอว่าถ้าไม่อยากอับอายไปมากกว่านี้ก็ให้รีบกลับขึ้นรถ วิรงรองมองตามสายตาอดิศวร์เห็นรถที่ชะลอดูบางคันมีโห่ฮาเป่าปากล้อเลียน เธอทั้งอายทั้งโกรธจ้ำอ้าวกลับขึ้นรถ...
อดิศวร์รีบมาพบคุณย่าทันทีที่มาถึงโดมทอง ถามว่ามีธุระอะไรกับเขาหรือ ท่านผู้หญิงสรรักษ์อยากรู้ว่าทำไมถึงไม่กำหนดวันจัดงานเสียที เขาอ้างว่าพิณทองกับครอบครัวเพิ่งกลับไปเมื่อไม่นานนี้เอง
“กลับไปแล้วก็มาใหม่ได้ ไปจัดการตามที่ย่าสั่งเดี๋ยวนี้”
“ถ้าเขาไม่ว่างมาล่ะครับ”
“ในเมื่อฉันสั่งให้มา ทุกคนต้องมา” ท่านผู้หญิงสรรักษ์เสียงเข้ม อดิศวร์ลอบถอนใจ หนักใจ...
ขณะที่อดิศวร์ถูกท่านผู้หญิงสรรักษ์เร่งรัดเรื่องจัดงานเลี้ยง แสงแขมาดักตบวิรงรองที่หน้าห้องพัก โทษฐานเตือนแล้วไม่จำว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับอดิศวร์ของตน วิรงรองไม่ยอมเจ็บฟรี ตบกลับ ยัยตัวแสบประจำบ้านถึงกับเซถลาพอตั้งหลักได้ เงื้อมือปรี่เข้าหาอีกครั้ง วิรงรองตั้งท่าเตรียมรับมือ เตือนว่าถ้าขืนทำร้ายกันอีก เธอจะตอบโต้เป็นเท่าทวีคูณ แล้วขยับจะเข้าห้อง แสงแขไม่กล้าแหยมได้แต่ตะโกนไล่หลัง
“ฉันขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่าอย่ามายุ่งกับคุณลบ ไม่อย่างนั้น...”
วิรงรองสวนทันทีไม่รอให้พูดจบว่าแสงแขจะหลอกเธอไปฆ่าเหมือนเมื่อคืนก่อนอีกใช่ไหม ยัยตัวแสบถึงกับอึ้ง พอตั้งสติได้ทำไก๋ไม่รู้เรื่อง คุยโม้ว่าจะทำอย่างนั้นทำไมในเมื่อที่สุดแล้ว อดิศวร์ก็ต้องแต่งงานกับเธอ
“ก็เพราะคุณไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างนั้นน่ะสิ” วิรงรองพูดจบเดินเข้าห้อง แสงแขมองตามแค้นใจ
“รอให้ฉันประกาศหมั้นกับคุณลบเร็วๆ นี้ก่อนเถอะ ฉันจะเฉดหัวแกออกไปทันที”
ooooooo
อดิศวร์บินด่วนไปหาคุณหญิงแก้วในเช้าวันถัดมา เพื่อแจ้งข่าวการจัดงานเลี้ยงฉลองให้พิณทองกับพิชญ์ด้วยตัวเอง คุณหญิงแก้วขอปรึกษาสามีกับลูกสาวและลูกเขยก่อนว่าจะไปได้วันไหน อดิศวร์ไม่เร่งรัดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ขอให้ไปก็แล้วกัน และอย่าลืมเชิญแขกทางกรุงเทพฯ ไปร่วมงานด้วย
“จ้ะ...พี่ฝากขอบคุณคุณย่าด้วย จะโทร.ไปเองท่านก็คงไม่รับ...เอ่อ แล้วนี่คุณลบจะกลับโดมทองเมื่อไหร่”
“คงจะเป็นพรุ่งนี้ค่ำๆ”
“งั้นเย็นนี้มากินข้าวกัน พี่จะชวนพิชญ์กับพิณทองแล้วก็คุณพี่วัชรีมาด้วย”
ชายหนุ่มรับคำเชิญ แล้วขอตัวกลับก่อน มีนัดประชุมตอน 10 โมงที่ออฟฟิศ...
ฝ่ายพิชญ์ปฏิเสธทันทีว่าไม่อยากกลับไปโดมทองอีกเมื่อพิณทองโทร.มาแจ้งเรื่องงานเลี้ยง เธอน้อยใจที่เขาหงุดหงิดใส่ ตอกกลับว่าเธอเองก็ไม่ได้อยากไป เขาต่างหากน่าจะอยากไปมากกว่าเธอด้วยซ้ำ
“งั้นบอกญาติคุณไปเลยว่าผมไม่ไป แค่นี้ใช่ไหม”
“ค่ะ” พิณทองกระแทกเสียงแล้ววางสายอย่างอารมณ์เสียไม่แพ้กัน จากนั้นเธอโทร.หาอดิศวร์มีเรื่องจะขอปรึกษาด้วย เขานัดเธอมาเจอกันที่ร้านอาหารหรูกลางกรุงแห่งหนึ่งจะได้กินมื้อเที่ยงกันไปคุยกันไป...
หลังจากนั่งกันเงียบๆ มาพักหนึ่ง อดิศวร์ถามหลานรักว่ามีเรื่องอะไรจะปรึกษา พิณทองเล่าทั้งน้ำตาว่า พิชญ์ไม่ยอมกลับไปโดมทองเพราะไม่อยากเจอวิรงรองให้สะเทือนใจ รบกวนน้าชายช่วยไปกราบเรียนคุณทวดด้วยว่าขอบพระคุณมาก แต่เธอคงไปไม่ได้ อดิศวร์อยากรู้ว่าถ้าพิชญ์ไปเธอถึงจะไปใช่ไหม หญิงสาวไม่ตอบ หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา เขาสงสารและเห็นใจเธอมาก อาสาจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง
“ไม่ต้องกังวลใจอะไรทั้งนั้น คุณพิณเตรียมตัวให้สวยที่สุดและสนุกที่สุดเท่านั้นก็พอ น้าลบรับรองว่าวิรงรองจะออกไปจากชีวิตของคุณพิณและสามีตลอดกาล” อดิศวร์สีหน้ามั่นใจ...
ตกค่ำ อดิศวร์มากินอาหารบ้านคุณหญิงแก้วตามนัด พอสบโอกาสเหมาะขอคุยกับพิชญ์ตามลำพังสักครู่ เขายังไม่ทันจะพูดอะไร ชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าชิงพูดขึ้นก่อนว่าจะไม่ไปงานที่เขาจะจัดให้ อดิศวร์ทักท้วงว่าเขาไม่ใช่เป็นคนจัดงาน คุณย่าต่างหากที่เป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้ พิชญ์ไม่เชื่อ เพราะมั่นใจว่านี่เป็นแผนของเขา
“ก็ตามใจ...คุณไม่ไปก็ไม่มีใครบังคับ” อดิศวร์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ แล้วตามไปสมทบกับคนอื่นที่ห้องนั่งเล่นโดยมีพิชญ์ตามมาอีกทอดหนึ่ง คุณหญิงวัชรีร้องทักว่าสองหนุ่มไปคุยอะไรกันมา พิชญ์ชิงตอบก่อน
“ผมบอกน้าลบแล้วว่า ผมไม่ไปโดมทอง ผมมีงานค้างมากครับ”
“ไปแค่ 2-3 วันจะเป็นอะไรไป” คุณหญิงวัชรีเสียงเขียว พิชญ์ยืนกรานว่าไปไม่ได้จริงๆ ให้แม่กับพิณทองไปกันเอง คุณหญิงวัชรีฮึดฮัดจะเอาเรื่อง รัฐมนตรีพจน์ต้องขอร้องว่าอย่าไปบังคับเขาเลย
“พิณก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ ใครจะไปก็ไป ใครไม่เต็มใจก็ไม่ต้องไป โตๆ กันแล้ว รู้กันหมดแล้วว่าอะไรควรอะไรไม่ควร” พิณทองว่ากระทบ ขณะที่พิชญ์หันมองเธออย่างไม่ค่อยพอใจ...
ตั้งแต่กลับจากบ้านคุณหญิงแก้ว พิชญ์เอาแต่นั่งทอดถอนใจอยู่ที่โต๊ะสนามหน้าบ้านไม่ยอมขึ้นห้อง พิณทองมองลงมาเห็นท่าทางของสามีตัวเองแล้ว รู้ดีว่าเขายังตัดใจจากวิรงรองไม่ขาด ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทิ้ง สูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง แล้วไปหาคุณหญิงวัชรีที่ห้องของท่าน
“คุณป้าขา คุณป้าอย่าโกรธพิณเลยนะคะ ถ้าพิณจะขอหย่ากับพิชญ์ พิณคิดมาหลายวันแล้วค่ะ พิณไม่อยากทรมานทั้งตัวเองแล้วก็เขา...พิชญ์ไม่ได้รักพิณ
ไม่ว่าพิณจะพยายามทำดีกับเขาอย่างไร เขาก็ไม่มีวันรักพิณได้ ยิ่งเขาได้พบกับคุณวิรงรอง...”
“ยังไงป้าก็ไม่มีวันรับผู้หญิงคนนั้นมาเป็นลูกสะใภ้ หากตาพิชญ์ยังขืนจะแต่งให้ได้ เขากับป้าก็ต้องตัดแม่ตัดลูกกัน ป้าพูดจริงทำจริง หนูทำเฉยๆ ป้าจะจัดการทุกอย่างเอง ขอให้ไว้ใจป้า”
“แต่พิณไม่อยากให้คุณป้ากับพิชญ์ต้องขัดใจกันเพราะพิณ”
“ไม่ใช่เพราะหนู แต่เป็นเพราะตัวของพิชญ์เอง”
ooooooo
คืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ แสงจันทร์ส่องสว่างไปทั่วอาณาจักรโดมทอง ทุกคนต่างหลับใหลกันหมดยกเว้นวิรงรองที่รู้แก่ใจดีว่าคืนนี้จะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ค่อยๆ ย่องออกจากบ้านพร้อมกับไฟฉายเดินลัดเลาะไปแอบอยู่หลังพุ่มไม้ ในจุดที่มองเห็นห้องใต้ยอดโดม ท่างกลางเสียงแมลงกลางคืนที่ดังไปทั่วบริเวณ
ทันทีที่มีเสียงรถม้าบดกับถนนแว่วเข้ามา เสียงแมลงต่างๆ เงียบกริบราวกับนัดกันไว้ วิรงรองมองลอดพุ่มไม้ สายตาจับจ้องไปยังทิศทางของเสียงรถม้า สักพัก ท่านเจ้าคุณสรรักษ์ควบรถม้าฝ่าหมอกจางๆ ที่ลอยเรี่ยพื้น
มาหยุดตรงห้องใต้โดมแล้วแหงนหน้าขึ้นไปมอง ความเงียบสงัดทำให้วิรงรองแทบจะหยุดหายใจด้วยเกรงจะทำให้เกิดเสียงดัง หน้าต่างห้องใต้โดมค่อยๆเปิดออกพร้อมกับเสียงเพลงนางครวญที่ชวนขนลุกดังขึ้น
คุณพลับพลึงปรากฏตัวขึ้นที่หน้าต่างห้องนั้น มองลงมาที่ท่านเจ้าคุณ วิรงรองต้องรีบเอามือปิดปากตัวเองด้วยความตกตะลึง วิญญาณสองร่างมองกันนิ่งงันราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน พลันมีเมฆดำทะมึนลอยมาบดบังดวงจันทร์ ทุกอย่างตกอยู่ในความมืดชั่วขณะ
เมื่อเมฆดำกลุ่มนั้นก็เคลื่อนผ่านดวงจันทร์ไปแล้ว รอบๆบริเวณก็สว่างขึ้นอีกครั้ง ทั้งท่านเจ้าคุณ รถม้า และคุณพลับพลึงหายไปราวกับเคยไม่มีอะไรเกิดขึ้น วิรงรองมองอย่างประหลาดใจ
“เป็นไปไม่ได้” เธอพึมพำจบออกจากที่ซ่อนตัวเดินสำรวจรอบๆแล้วแหงนดูห้องใต้โดม หน้าต่างปิดสนิทตามเดิม พร้อมกับเสียงแมลงกลางคืนดังขึ้นตามปกติ รออยู่สักพักจนแน่ใจว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก วิรงรองตัดสินใจกลับห้อง ค่อยๆ เปิดประตูเข้าตัวตึกอย่างเงียบกริบ แต่ต้องตกใจร้องกรี๊ดลั่นเมื่อเห็นผีพิศในสภาพใบหน้าบวมปูดเขียวช้ำน่ากลัวยืนแสยะยิ้มอยู่ วิรงรองหมดสติทรุดฮวบลงไปตรงนั้น
ooooooo
เหมือนเช้าของทุกวัน อุษายกอาหารมาให้ท่าน ผู้หญิงสรรักษ์ที่ห้อง แต่ต้องประหลาดใจถึงกับออกปากทัก ทำไมเช้านี้คุณย่าถึงดูสดชื่นผิดจากทุกวัน ท่านอดแดกดันไม่ได้ว่าผิดหวังใช่ไหม ท่านรู้ดีว่าอุษากับพวกแช่งท่านให้ตายวันละหลายเวลา อุษาไม่ตอบโต้ ได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองยกอาหารมาวางตรงหน้าให้
“นังพลับพลึงมันคงตกนรกหมกไหม้ไปแล้ว เมื่อคืนมันเงียบไปเลยทั้งๆที่เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง เป็นคืนแรกตั้งแต่...มันตาย ที่ฉันนอนหลับสนิททั้งคืน...ตาลบ กลับมาหรือยัง”
“ฉันกำลังจะเป็นผู้ชนะ ในที่สุดฉันก็คือผู้ชนะ ได้ยินไหมนังอุษาว่าฉันชนะแล้ว” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ประกาศกร้าว ขณะที่อุษามองงงๆไม่เข้าใจที่ท่านพูดแม้แต่น้อย...
ทางด้านอุไรยกถาดใส่ข้าวต้มร้อนๆหอมกรุ่นขึ้นไปให้วิรงรองที่ห้องพัก ยังไม่ทันจะเคาะประตูเรียกเจ้าของห้องเปิดประตูออกมาเสียก่อน อุไรร้องทักว่าหายดีแล้วหรือ เมื่อคืนนี้อยู่ดีๆเธอก็ร้องกรี๊ดๆลั่นบ้าน
“แต่ป้าอุไรก็ยังแปลกใจว่าคุณวิลงไปข้างล่างทำไมกลางดึกกลางดื่น” อุไรว่าพลางยกถาดใส่ข้าวต้มเข้ามาวางให้ในห้อง คิดว่าวิรงรองจะตามเข้ามา พอหันไปมองอีกทีเธอหายไปแล้ว...
แสงแขไม่รอช้า ทันทีที่นายสมขับรถพาอดิศวร์มาจอดหน้าคฤหาสน์โดมทอง รีบแจ้นเข้าไปฟ้องว่าวิรงรองแอบลงมาข้างล่างดึกๆดื่นๆ แล้วร้องเอะอะโวยวายจนเป็นลม เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ไม่ยอมเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มนิ่วหน้าแล้วก้าวฉับๆขึ้นไปที่ห้องพักของวิรงรอง พบแต่ความว่างเปล่า มีเพียงถาดใส่ข้าวต้มที่ถูกทิ้งไว้โดยไม่ มีใครแตะต้อง อดิศวร์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผลุนผลัน ออกไป...
ฝ่ายวิรงรองต้องการจะสืบรู้ให้ได้ว่าเมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รีบตรงไปยังโรงเก็บรถม้า เนื่องจากประตูใหญ่ถูกล็อกกุญแจไว้ เธอจึงเดินดูรอบๆเพื่อหาทางเข้าทางอื่น ลองเขย่าหน้าต่างบานหนึ่งดูปรากฏว่ามันหลุดออกมาทั้งบานเพราะความเก่า วิรงรองรีบเอาวางแอบไว้แล้วปีนเข้าไป
สภาพภายในโรงเก็บรถม้าทั้งเก่าทั้งผุเหมือนรถม้าที่อยู่ตรงหน้า วิรงรองถอนใจเซ็งๆมองอย่างไรก็ไม่น่าจะใช้การได้ แล้วเดินสำรวจไปรอบๆ พลันมีเสียงเหมือนคนถอนใจดังแผ่วเบามาจากด้านหลัง เธอหันขวับไปมองต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นรถม้าผุๆคันเมื่อครู่ กลับกลายเป็นรถม้าคันใหม่เอี่ยมเหมือนที่เธอเห็นเมื่อคืน
วิรงรองเข้าไปดูใกล้ๆยกมือลูบไล้มันเบาๆถึงกับเพ้อว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า มีเสียงอดิศวร์ดังขึ้นด้านหลังว่ายังสำรวจความประหลาดในบ้านของเขาไม่พออีกหรือ หญิงสาวหันขวับ
“ค่ะ...แล้วในที่สุดดิฉันก็พบรถม้าคันนี้”
แต่พอเธอหันกลับมามองอีกทีต้องตกใจที่รถม้ากลายสภาพเป็นผุพังเหมือนเดิม ถึงกับบ่นอุบว่าเมื่อครู่นี้มันยังดีๆอยู่เลย อดิศวร์เห็นสภาพรถม้าแล้ว แดกดันว่าใครที่เห็นรถคันนี้ยังสภาพดีอยู่คนนั้นคงจะใกล้บ้า
“ดิฉันไม่ได้บ้า เมื่อคืนดิฉันเห็นคนที่เหมือนคุณขับรถม้าคันนี้ไปที่ใต้หน้าต่างโดม แล้วหน้าต่างนั้นก็เปิดออก มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ หน้าตาเหมือน...”
วิรงรองพูดยังไม่ทันจบ อดิศวร์สวนขึ้นอย่างขันๆ
“อย่าบอกนะว่าเหมือนเธอ”
“ไม่ต้องมาหัวเราะดิฉัน...ดิฉันขอยืนยันว่าดิฉันไม่ใช่คนโกหก บ้านของคุณมันประหลาดๆอย่างที่คุณพูดแดกดันฉันจริงๆ มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ที่นั่นและรอวันที่จะเปิดเผย”
อดิศวร์หาว่าวิรงรองดูหนังสยองขวัญมากไป ที่นี่ไม่มีความลับอะไรทั้งสิ้น เรื่องบ้าๆเหล่านี้เธอฝันเอาเองทั้งนั้น วิรงรองท้าให้รอดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างที่ตนว่าหรือเปล่า แล้วก้าวฉับๆออกไป อดิศวร์ตะโกนไล่หลังอย่างเย้ยหยันว่าเถียงสู้ไม่ได้ใช่ไหมถึงต้องใช้วิธีเดินหนีเหมือนที่เคยทำ หญิงสาวหันขวับ
“คุณเข้าใจผิด ดิฉันไม่อยากให้คนอื่นมาว่าได้ต่างหากว่าดิฉันพยายามหาโอกาสอยู่กับคุณตามลำพัง” วิรงรองพูดจบเดินต่อไป อดิศวร์ตะโกนถามว่าพูดถึงใคร เธอไม่ตอบ เร่งฝีเท้าขึ้นอีก
ooooooo
ครู่ต่อมา วิรงรองเข้ามาในห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยภาพบรรพบุรุษของโดมทอง มองไปยังรูปภาพแต่ละรูปช้าๆพูดกับรูปเหล่านั้นเป็นทำนองตัดพ้อว่าตัวเองไม่ได้เข้าใจผิด บ้านโบราณอย่างที่แห่งนี้มักจะมีความลึกลับบางอย่างซ่อนเอาไว้ใช่ไหม รูปเหล่านั้นราวกับเมินไปทางอื่น ไม่อยากจะตอบคำถาม พลันมีเสียงกระซิบเบาๆ
“ไม่มีใครเขาตอบคำถามเธอหรอก...เธอต้องอดทน”
วิรงรองสะดุ้ง หันมองตามเสียงแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ “ค่ะ...ดิฉันจะอดทนจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในโดมทอง” เธอมองเรื่อยๆ มาหยุดที่รูปท่านผู้หญิงสรรักษ์ตอนสาวๆ รูปนั้นมองตอบด้วยสีหน้าอำมหิต
“ฉันเกลียดแก” พลังความเกลียดชังที่ส่งออกมาจากรูปทำให้วิรงรองถึงกับผงะถอยหลัง ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อชนเข้ากับใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เธอตกใจร้องว้ายลั่น อดิศวร์มองเธออย่างเยาะๆ
“ไม่น่าขวัญอ่อนเลยนี่ เห็นตามหาผีวุ่นวายไปหมด”
วิรงรองถอยออกห่าง ตวาดแว้ดว่าตามมาทำไม อดิศวร์ไม่ชอบให้ใครเดินหนีทั้งๆที่เขายังพูดไม่ทันจบ เธอขยับจะเดินหนีอีกครั้ง เขาคว้าแขนไว้ แสงแขเข้ามาเห็นพอดีถึงกับชะงัก ส่งเสียงเอะอะทำให้อดิศวร์หยุดกึกวิรงรองฉวยโอกาสหลบออกไป เขามองแสงแขอย่างไม่ค่อยพอใจครู่หนึ่ง แล้วผละจากไป...
แสงแขเจ็บใจมากที่เห็นอดิศวร์จับมือถือแขน
วิรงรองอยู่ในห้องโถง เอาไปนินทาว่าร้ายให้อุษาฟังว่า แม่นั่นตั้งใจยั่วยวนอดิศวร์ เปิดประตูเข้าไปรออยู่ในห้องหวังจะจับเขาให้ได้ อุษาไม่เชื่อว่าวิรงรองเป็นคนแบบนั้นและที่สำคัญห้องโถงใหญ่ดูน่ากลัวเกินกว่าจะเข้าไปทำอะไรกัน จังหวะนั้น อดิศวร์อุ้มวิรงรองที่หมดสติเข้ามา ร้องเรียกอุษาให้มาช่วย แล้วรีบอุ้มเธอขึ้นข้างบนโดยมีอุษาตามไปติดๆ
“มารยา อยู่ดีๆก็วิ่งให้คุณลบตามอยู่ดีๆ ก็แกล้งเป็นลมให้คุณลบอุ้ม นังวิรงรองนังมาร” แสงแขเข่นเขี้ยว...
ฝ่ายอดิศวร์อุ้มวิรงรองมาวางบนเตียงในห้องพักของเธอ สั่งให้อุษาไปหาผ้าชุบน้ำมาให้ แสงแขแสร้งเป็นห่วงเป็นใยเข้ามาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง อดิศวร์ยังไม่ทันจะว่าอะไรอุษาถือผ้าชุบน้ำหมาดๆมาให้เสียก่อน ยัยตัวแสบประจำบ้านชิงคว้าผ้าตัดหน้า อาสาจะเช็ดตัวให้วิรงรองเอง อดิศวร์ดึงกลับ แล้วไล่เธอไปหายาดมมาให้
แสงแขจำต้องออกจากห้องด้วยความแค้นใจ อดิศวร์เช็ดหน้าเช็ดตาให้วิรงรองอย่างเบามือ สักพัก เธอเริ่มรู้สึกตัว เขารีบส่งผ้าขนหนูให้อุษา สั่งให้ดูแลเธอด้วย แล้วรีบออกจากห้องเป็นจังหวะเดียวกับวิรงรองลืมตาขึ้นมองอย่างงงๆถามอุษาว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณวิเป็นลมน่ะค่ะ เมื่อคืนก็เป็น ยังไม่ทันหาย ดีเลยก็ออกไปข้างนอกแล้ว” อุษาตำหนิกลายๆ
วิรงรองขยับจะลุก แต่แล้วเวียนหัวต้องล้มลงนอน อย่างเดิม อุษาชะเง้อมองไม่เห็นแสงแขเอายาดมมาให้สักที บอกเธอให้อยู่คนเดียวไปก่อน ตนจะไปเอายาดม กับข้าวต้มร้อนๆมาให้ เพราะตั้งแต่เช้าเธอยังไม่ได้กินอะไร วิรงรองรับคำ พยายามทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นจำได้เพียงว่ามีปากเสียงกับอดิศวร์อีกครั้ง คราวนี้ เขาหาว่าเธอหงุดหงิดที่รู้ว่าเขาไปเชิญครอบครัวพิชญ์กับพิณทองกลับมาที่นี่เพราะคุณย่าจะจัดงานฉลองให้ทั้งคู่
“ต่อให้คุณเชิญคนทั้งโลกมาฉลองฉันก็ไม่สน
ว่าแต่คุณต้องไปถามพิชญ์ดูว่าเขาลืมฉันได้หรือยัง”
อดิศวร์ไม่พอใจมากเห็นเธอจะเดินหนีกระชากกลับมา “จะบอกให้ว่า ฉันคิดอย่างไร หลานของฉันเหมือน ดอกกล้วยไม้มีราคาหายาก ส่วนเธอมันก็แค่ดอกพลับพลึงธรรมดาดาษดื่น ราคาก็ไม่น่าจะแพงนัก... ความจริงเธอควรจะดีใจนะ ที่ฉันเวทนาชวนแต่งงานด้วย แม่ดอกพลับพลึง”
วิรงรองเจ็บช้ำใจน้ำตาคลอเบ้า ก่อนหมดสติไปเนื่องจากพักผ่อนน้อยเพราะมัวแต่คอยเฝ้าผีอยู่ทั้งคืน
ooooooo
ยัยตัวแสบประจำบ้านเห็นวิรงรองอยู่ในห้อง
คนเดียวเข้ามาด่าว่าสารพัดและยังแช่งให้ตายเร็วๆโชคดีที่อุษาเข้ามาเสียก่อน แสงแขถึงได้ล่าถอยกลับไป อุษาขอร้องวิรงรองว่าอย่าไปถือสาคนปากไม่ดีพรรค์นั้น
“คุณแสงแขพูดถูกนะคะ ทำไมวิถึงไม่ตายสักทีก็ไม่รู้” วิรงรองน้ำตาคลอเบ้า อุษาขอร้องอย่าพูดแบบนั้นอีก แล้วยกชามข้าวต้มมาวางให้ คะยั้นคะยอให้กิน อะไรบ้างจะได้กินยา...
แสงแขรู้แก่ใจดีว่าขืนปล่อยให้อดิศวร์ได้ใกล้ชิดวิรงรองอยู่แบบนี้ย่อมไม่เป็นการดีกับตัวเอง ต้องเร่งให้ถึงวันงานเร็วๆจึงเข้าไปบอกท่านผู้หญิงสรรักษ์ว่าจะไปตัดเสื้อผ้าสำหรับใส่วันงานเลี้ยง ท่านเห็นดีด้วย สั่งให้ไปเบิกเงินกับอุษา แล้วย้ำว่าวันงานเลี้ยงแสงแขจะต้องแต่งตัวให้สวยเต็มที่ให้สมกับเป็นว่าที่คู่หมั้นของอดิศวร์...
อุษาไม่เห็นด้วยเท่าใดนักเมื่อแสงแขมาขอเบิกเงินไปตัดชุดตามคำสั่งคุณย่า ยังไม่ทันรู้เลยว่าจะมีงานเมื่อไหร่ทำไมถึงต้องเร่งรีบด้วย แสงแขมั่นใจอย่างไรเสียงานเลี้ยงจะต้องมีขึ้นแน่นอน
“ว่าแต่พี่อุษาเถอะ ห้ามทรยศไปบอกคุณลบเด็ดขาดว่าคุณย่าจะทำอะไร ไม่อย่างนั้น ท่านจะคิดว่าพี่อุษาเนรคุณ” แสงแขยิ้มสะใจ...
ขณะที่แสงแขสั่งห้ามอุษาและวิรงรองบอกเรื่องที่คุณย่าจะประกาศกลางงานเลี้ยงว่าอดิศวร์กับเธอจะหมั้นกัน ตัวเองกลับเอาไปคุยอวดที่ร้านตัดเสื้อว่าเธอกำลังจะเป็นว่าที่เจ้าสาวของอดิศวร์ บังเอิญลานนาอยู่ในร้านด้วย ได้ยินเต็มสองหู รีบโทร.ไปบอกเพื่อนรักทันที แต่ต้องผิดหวังที่วิรงรองไม่ตื่นเต้นด้วยเพราะรู้อยู่ก่อนแล้ว ลานนาต่อว่าว่ารู้แล้วทำไมไม่บอกกล่าวกันบ้าง น่าเสียดายคุณอดิศวร์ควรจะได้ผู้หญิงที่เหมาะสมกว่านี้
“เขาก็เหมาะสมกันออก...แค่นี้ก่อนนะจ๊ะลานนา วิไม่ค่อยสบาย ปวดหัวน่ะ” วิรงรองรีบตัดบท วางสายแล้วเอนตัวลงนอนนํ้าตาคลอเบ้าด้วยความสะเทือนใจ...
ลานนาเอาเรื่องที่แสงแขคุยอวดมาขยายต่อให้พันธ์สูรย์กับภูไทฟัง สองหนุ่มมีความรู้สึกแตกต่างกันไป ภูไทออกแนวดีใจเพราะหมดคู่แข่ง ขณะที่พันธ์สูรย์ท่าทางไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะถ้าแสงแขได้แต่งงานกับอดิศวร์จริงๆที่โดมทองก็จะเหลืออุษาเป็นสาวทึนทึกก้มหน้าก้มตารับใช้ทุกคนในบ้านไปจนตาย
“นั่นเป็นวิถีชีวิตที่คุณอุษาเลือกแล้ว นายทำอะไรไม่ได้หรอก” ภูไทปลอบ
พันธ์สูรย์ตั้งใจจะหาทางช่วยอุษาให้ได้ และรับรองกับภูไทว่าจะไม่ให้เดือดร้อนมาถึงเขาเด็ดขาด...
ด้านอดิศวร์อดเป็นห่วงวิรงรองไม่ได้ เข้าไปดูที่ห้องเห็นเธอนอนหลับสนิทด้วยความอ่อนเพลีย เขาลูบผมเธอเบาๆอย่างทะนุถนอม วิรงรองขยับตัวเล็กน้อย แล้วกลับนอนนิ่งด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย...
หญิงสาวส่องดูที่รอยแตก เห็นคุณพลับพลึงนั่งเล่นซอสามสาย ท่ามกลางวงมโหรี เธอถึงกับตะลึงด้วยความตื่นเต้น เสียงเพลงหยุดกึก ทุกคนในนั้นเหมือนจะรู้ตัวว่ามีคนแอบมอง ต่างจ้องมาที่รอยแตกเป็นตาเดียวกัน ใบหน้าที่สวยงามของคุณพลับพลึงค่อยๆยิ้มแสยะ แล้วเปลี่ยนเป็นเขียวคลํ้ากลายเป็นศพ
วิรงรองถึงกับผงะกรีดร้องลั่น สะดุ้งตื่นเหงื่อท่วมตัว ลุกขึ้นจะไปเข้าห้องนํ้า แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นดอกพลับพลึงวางอยู่ ทั้งพิศวงทั้งหวาดหวั่นปนกัน ตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หารัฐมนตรีพจน์ซึ่งกำลังเซ็นเอกสารอยู่ที่กระทรวง เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง...
เรื่องราวที่ได้ยินจากวิรงรองทำให้รัฐมนตรีพจน์ตัดสินใจบอกให้คุณหญิงแก้วตอบรับคำเชิญไปงานเลี้ยงที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์จะให้ขึ้นในคืนนั้นเลย แล้วเขาโทร.แจ้งวิรงรองว่าเขากับครอบครัวจะไปถึงที่นั่นวันศุกร์ตอนคํ่า
“งั้นงานก็อาจจะเป็นคํ่าๆวันเสาร์ คุณลุงอย่าลืมพูดกับคุณอดิศวร์นะคะ”
รัฐมนตรีพจน์รับรองว่าไม่ลืมแน่นอนและจะไม่ลืมด้วยว่าห้ามเอ่ยชื่อวิรงรองเด็ดขาด แล้วแนะนำว่าระหว่างนี้เธอควรหาเวลาไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณเหล่านั้นด้วย วิรงรองขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำเพราะตัวเองไม่ได้นึกถึงมาก่อน พรุ่งนี้เธอจะไปจัดการให้เรียบร้อย แล้ววางสาย
ไม่กี่อึดใจถัดมา พันธ์สูรย์โทร.มาหา อยากจะขอให้วิรงรองช่วยพาอุษามาพบเขาอีกสักครั้ง เขาเป็นห่วงเธอมาก วิรงรองไม่รับปากว่าจะสำเร็จ แต่จะพยายามสุดความสามารถ
ooooooo
เป็นอย่างที่วิรงรองคาดไว้ พอท่านผู้หญิงสรรักษ์ ทราบว่าครอบครัวของคุณหญิงแก้วจะมาถึงโดมทองคํ่าวันศุกร์สั่งให้จัดงานในคืนวันเสาร์ทันที อดิศวร์เห็นอุษากับวิรงรองยังไม่มีชุดใส่วันงาน วานอุษาช่วยพาเธอเข้าเมืองไปตัดชุดแล้วนึกขึ้นได้ถ้าสั่งตัดอาจจะไม่ทันกาล เปลี่ยนใจให้ไปซื้อชุดสำเร็จรูปแทนและให้พาแสงแขไปด้วย
“แสงแขไปสั่งตัดเรียบร้อยแล้วค่ะ”
อดิศวร์ติงว่าทำไมแสงแขไม่ชวนอุษากับวิรงรองไปด้วย แล้วสั่งให้ขึ้นไปตามวิรงรองทันที...
ทางฝ่ายวิรงรองไม่ยอมไปซื้อชุด ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครโดยเฉพาะอดิศวร์ และอีกอย่างหนึ่งเธอนัดลานนาไว้แล้วว่าจะไปทำบุญกัน อดิศวร์เข้ามาทันได้ยินพอดี ไม่สนใจว่าวิรงรองจะนัดกับใคร จะเอาเธอไปซื้อ เสื้อผ้าให้ได้ แล้วคว้ามือเธอกึ่งดึงกึ่งลากออกจากห้อง เธอขืนตัวสุดฤทธิ์ อ้างจะต้องไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณทุกดวงที่ยังวนเวียนอยู่ที่โดมทอง แล้วสะบัดมือเขาออก เดินเชิดหน้าออกไป อดิศวร์ได้แต่ยืนอึ้ง...
อดิศวร์หมดหนทางจะบังคับวิรงรอง จึงโทร.ไปขอร้องพิณทองให้ช่วยเลือกซื้อชุดสวยจากกรุงเทพฯมาให้เธอแทน พิณทองน่าจะกะขนาดตัวเธอได้ถูกต้อง เพราะเป็นผู้หญิงด้วยกัน หลานสาวกระเซ้าว่าถ้าให้ซื้อชุดสวยๆ
ไปให้วิรงรอง พิชญ์อาจจะไม่แลเธอเลยก็ได้ อดิศวร์รับรองว่าหลังจากงานนี้สามีของพิณทองจะไม่มองวิรงรองอีกเลย และขอให้เธอเก็บเรื่องนี้เป็นความลับห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้เด็ดขาด...
หลังจากทำบุญกันแล้ว วิรงรอง ลานนา ภูไทและพันธ์สูรย์ต่างไปทำทานปล่อยนกปล่อยปลา วิรงรองนึกขึ้นได้ว่าน่าจะพาอุษามาพบพันธ์สูรย์ในวันที่โดมทองจัดงานเลี้ยงเป็นเกียรติแก่พิณทองและพิชญ์ พันธ์สูรย์แปลกใจ ทั้งคู่เพิ่งกลับไปไม่ใช่หรือ แล้วทำไมไม่จัดงานให้ตั้งแต่ตอนนั้นเลย เขามั่นใจว่าท่านผู้หญิงสรรักษ์ต้องมีอะไรลับลมคมในแน่ๆ เตือนวิรงรองให้ระวังตัว...
ไม่ใช่ท่านผู้หญิงสรรักษ์เท่านั้นที่มีแผนการอยู่ในใจ อดิศวร์เองก็วางแผนบางอย่างไว้เช่นกัน โดยแสร้งทำดีกับแสงแขจนฝ่ายนั้นปลื้มแล้วปลื้มอีก เพราะคิดว่าเขามีใจให้ เอาไปคุยอวดกับโอบว่าในที่สุดเธอก็ชนะใจอดิศวร์จนได้ โอบพลอยปลื้มใจไปกับเจ้านายสาวด้วย
ooooooo
อนิรุทธิ์โทร.มาหาวิรงรองแต่เช้า บอกว่าตอนนี้เขากำลังเช็กอินอยู่ที่โรงแรมในเมือง อีกสักครู่จะไปรับ วิรงรองไม่รอขออนุญาตอดิศวร์ให้เมื่อยปาก รีบแต่งตัวออกมารออนิรุทธิ์ที่หน้าประตูรั้ว ฝากนายสมช่วยบอกอดิศวร์ให้ด้วยว่าเธอออกไปกับเพื่อน ก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถอนิรุทธิ์ที่แล่นเข้ามาจอดแล้วพากันออกไป...
เมื่ออดิศวร์รู้จากอุษาว่าวิรงรองแอบออกไปกับเพื่อนโดยไม่ได้ขออนุญาตใคร แค่ฝากบอกนายสมไว้เท่านั้น แม้ปากจะบอกว่าไม่โกรธ แต่หน้าตาอดิศวร์กลับตรงกันข้ามจนอุษาอดหวั่นใจแทนวิรงรองไม่ได้...
ตั้งแต่อดิศวร์กำหนดวันจัดงานเลี้ยงที่แน่นอนแล้ว ท่านผู้หญิงสรรักษ์ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เรียกอุษาให้เข้ามาช่วยเลือกเครื่องประดับสำหรับใส่ไปงาน เธอแนะให้ท่านสวมชุดเครื่องเพชร ท่านผู้หญิงสรรักษ์หยิบสร้อยเพชรมาดูด้วยความพอใจ อุไรสาระแนทันที แล้วท่านจะสวมชุดอะไรให้เข้ากับเครื่องเพชรท่านผู้หญิงตาเป็นประกายวาว “เสื้อผ้าสวยๆ
ของฉันอยู่ในห้องเก็บของ ฉันพับเก็บทุกชุดกับมือ”
ครู่ต่อมา อุษากับอุไรเข็นรถเข็นพาท่านผู้หญิงสรรักษ์มาที่ห้องเก็บของ ท่านหยิบกุญแจที่ซ่อนอยู่ในชายพกส่งให้หลานสาวไขประตู เธอเห็นในห้องเต็มไปด้วยฝุ่น อาสาจะไปหยิบชุดที่ท่านต้องการมาให้ แต่ท่านจะเข้าไปเลือกเอง แล้วชี้ไปยังหีบใบใหญ่ตรงมุมห้อง อุษาเข็นรถพาท่านผู้หญิงสรรักษ์ไปที่นั่นแล้วไขกุญแจเปิดหีบออกภายในมีชุดลูกไม้ห่อผ้าวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ พลันมีลมจากไหนไม่รู้พัดวูบเข้ามา
มีเพียงอุษาคนเดียวเท่านั้นที่หนาวสะท้านจับขั้วหัวใจ หันไปมองที่ผ้าสีดำซึ่งคลุมกรอบรูปถูกลมพัดปลิวขึ้นเผยให้เห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่ง เธอถึงกับตะลึง เสียงเรียกของท่านผู้หญิงสรรักษ์ทำให้อุษาตื่นจากภวังค์
“นังอุษา มัวแต่เป็นบื้อเป็นใบ้ ฉันถามว่าเสื้อของฉันสวยไหม”
“สวยค่ะ สวยมาก แต่ออกจะ เอ่อ...เก่าไปสักนิด”
ท่านผู้หญิงสรรักษ์หาว่าอุษาตาต่ำ ผ้าลูกไม้ชุดนี้ท่านเจ้าคุณซื้อมาฝากจากฝรั่งเศส ถ้าไม่มีนังพลับพลึงเข้ามาแทรก ป่านนี้เราสองคนคงจะอยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ ท่านผู้หญิงสรรักษ์หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาแล้วสั่งให้พากลับห้อง โดยไม่ลืมให้อุษาล็อกกุญแจไว้อย่างเดิม...
ด้านอุษาเห็นชุดของคุณย่าเก่าเกินกว่าจะใส่ไปงานฉลอง รีบแจ้งอดิศวร์ให้มาช่วยจัดการ...
เมื่อได้อยู่คนเดียวในห้อง ท่านผู้หญิงสรรักษ์หยิบผ้าลูกไม้ชุดนั้นขึ้นมาทาบกับตัว แล้วหลับตาลง หวนรำลึกถึงเรื่องราวในอดีต ตอนนั้น ท่านผู้หญิงสรรักษ์ในวัยกลางคนสวมผ้าลูกไม้สวยชุดนี้เตรียมจะไปงาน แต่ท่านเจ้าคุณสรรักษ์กลับเอาแต่นอนซมอยู่บนเตียง ไม่ยอมลุกขึ้นแต่งตัว อ้างว่าไม่สบาย เธอรู้ดีว่าเขาป่วยใจไม่ได้ป่วยกาย
เพราะโศกเศร้าที่นังพลับพลึงหายตัวไป ต่อว่าต่อขานเขาให้เลิกอาลัยอาวรณ์นังนั่นได้แล้ว มันหนีตามผู้ชายไปเป็นสิบๆปีแล้ว ป่านนี้คงมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง
“พลับพลึงยังอยู่...ตอนดึกๆฉันยังได้ยินเสียงเธอร้องเพลง...เพลงนางครวญ บางทีเธอก็เข้ามาหาฉันในห้องนี้...อีกไม่นานพลับพลึงจะมารับฉัน” ท่านเจ้าคุณคร่ำครวญ ท่านผู้หญิงสรรักษ์มองสามีด้วยแววตาอำมหิต
“ไม่มีวัน คุณพี่จะไม่มีวันได้พบกับนังพลับพลึงอีก ไม่ว่าภพนี้หรือภพไหนๆ ฉันจะตามขัดขวางตลอดไป”
เสียงเรียกของอดิศวร์ปลุกท่านผู้หญิงสรรักษ์ให้ตื่นจากภวังค์ เขาชมชุดในมือท่านว่าสวย แต่ไม่พอสำหรับใส่ไปงาน และยังเกลี้ยกล่อมจนท่านยอมให้เอาเสื้อตัวนี้ไปเป็นแบบสำหรับตัดชุดใหม่ อดิศวร์รีบนำชุดออกมาให้แสงแขช่วยเอาไปที่ร้านตัดเสื้อ สั่งให้ทางนั้นช่วยหาลูกไม้ที่ลายคล้ายกับชุดนี้และตัดตามแบบเดิมทุกอย่าง
“คุณลบคะ ถ้าเผื่อเขาตัดไม่ทันวันศุกร์หน้า...”
“ไม่เป็นไร พี่ลืมบอกไปว่าคุณพิณขอเลื่อนเป็นวันศุกร์ต้นเดือน เธอช่วยขอร้องเขาตัดให้ทันก็แล้วกัน”
แสงแขรับคำ สีหน้าผิดหวังที่งานเลี้ยงต้องเลื่อนออกไป เท่ากับความหวังที่เธอจะได้แต่งงานกับอดิศวร์ก็ต้องเลื่อนออกไปเช่นกัน...
ทางด้านอุษาเฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงใบหน้าใต้ผ้าคลุมสีดำที่ถูกลมพัดตอนที่เข้าไปในห้องเก็บของ แต่แล้วเธอสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นทิ้ง ตำหนิตัวเองที่ฟังวิรงรองพูดถึงเรื่องประหลาดมากเกินไปจนตาฝาดไปเอง
ooooooo
ในเวลาไล่เลี่ยกันที่ออฟฟิศของภูไท ขณะที่พันธ์สูรย์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมพูดถึงสาเหตุว่าทำไมอดิศวร์ถึงได้เกลียดขี้หน้าตนเองหนักหนา อดิศวร์โทร.มาหาภูไทจะสั่งดอกกล้วยไม้มาประดับภายในงานฉลองหมั้นที่จะจัดขึ้นภายในโดมทอง เขาจะมาดูสถานที่ก่อนก็ได้
“งานจะมีขึ้นในวันศุกร์ต้นเดือน ผมขอเชิญทั้งเจ้าและก็เจ้าลานนามาเป็นเกียรติด้วย”
“ขอบคุณมากครับ” ภูไทวางสายแล้วหันไปบอกพันธ์สูรย์ที่รอฟังอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจว่าอดิศวร์สั่งดอกไม้ของคุ้มเราไปตกแต่งในงานหมั้น พันธ์สูรย์สรุปทันที ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่าเรื่องที่ลานนาได้ยินแสงแขคุยอวดในร้านตัดเสื้อก็เป็นความจริง...
แม้อนิรุทธิ์จะขอร้องวิรงรองว่าจะให้พาไปที่ไหนก็ได้ยกเว้นคุ้มภูไทเพราะไม่อยากเจอลานนา แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง ลานนา โทร.มาตามวิรงรองไปพบ
มีเรื่องจะคุยด้วย ลานนากับอนิรุทธิ์เจอกันไม่กี่นาทีก็มีปากเสียงเถียงกันอุตลุด วิรงรองทนฟังไม่ไหวต้องลุกขึ้นมาห้ามศึก ลานนาไม่พอใจเดินหนี วิรงรองไล่อนิรุทธิ์ให้ตามไปขอโทษ แทนที่เธอจะให้อภัยกลับเปิดศึกน้ำลายกับเขาอีกรอบ อนิรุทธิ์ได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ...
ระหว่างทางกลับโดมทอง อนิรุทธิ์เห็นวิรงรองนั่งเงียบไม่พูดไม่จา ถามหยั่งเชิงว่าอยากจะกลับกรุงเทพฯไหม เขาจะไปส่งให้ทันที เธอยังกลับตอนนี้ไม่ได้ มีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องทำให้สำเร็จก่อน
“ฟังดูลึกลับจังแฮะ”
“ถ้าหากรุทธิ์ว่าง วันงานที่โดมทอง วิอยากให้มาด้วย มาอยู่เป็นเพื่อนวิ”
“เอาเป็นว่าถ้าว่าง ผมจะมาก็แล้วกัน”
ไม่นานนัก อนิรุทธิ์ขับรถมาจอดหน้าประตูรั้วของคฤหาสน์โดมทอง วิรงรองไม่วายเชียร์ให้เขาจีบลานนาอีกครั้ง อนิรุทธิ์ทนไม่ไหวโพล่งขึ้นทันทีว่าเธอไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งทำไม่รู้ว่าเขาหลงรักเธอมาตั้งแต่แรกแล้ว วิรงรองถึงกับอึ้ง รอยยิ้มเมื่อครู่มลายไปสิ้น
“ตอนนั้นคุณมีนายพิชญ์อยู่แล้ว ผมเลยต้องพยายามหักใจคิดว่าคุณเป็นแค่เพื่อน แต่เวลานี้คุณเป็นอิสระ นายพิชญ์แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว...ผม...”
“อย่า...วิเสียดายความเป็นเพื่อนของเรา วิไม่อยากเสียมันไป” วิรงรองพูดจบ ลงจากรถ
“ผมจะรอจนกว่าคุณจะลืมนายพิชญ์” อนิรุทธิ์มองตามอย่างมีความหวัง แม้จะน้อยนิดก็ตาม...
ทางด้านวิรงรองมัวแต่เดินใจลอยมาตามทางจะเข้าคฤหาสน์ ไม่ทันสังเกตเห็นอดิศวร์จับจ้องลงมาจากหน้าต่างห้องทำงาน ทันทีที่วิรงรองเข้าไปข้างในตึกใหญ่ อุษาปรี่เข้ามาตำหนิกลายๆว่าหายป่วยแล้วหรือถึงได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก วิรงรองตอบเสียงอ่อยว่าค่อยยังชั่วแล้ว เหลือแค่ปวดหัวนิดหน่อยเท่านั้น
“นั่นไง...เดี๋ยวพี่จะเอายาให้”
“ไม่ต้องค่ะ วิมีแล้ว เอ่อ...วิขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ” วิรงรองว่าแล้ว จ้ำพรวดๆเข้าห้องตัวเอง เดินมาทรุดตัวลงนั่งบนเตียง นึกถึงคำสารภาพรักของอนิรุทธิ์เมื่อครู่แล้วถึงกับถอนใจ หนักใจ
“รุทธิ์เอ๊ยรุทธิ์...ไม่น่าคิดอะไรบ้าๆเลย” วิรงรองหยิบยาแก้ปวดหัวมากิน แล้วล้มตัวลงนอน
ooooooo